บทสรุป “จีนกวาดบ้านกระทบตลาดหุ้น” โอกาส หรือ เสี่ยง?

จากภาวะที่บรรดาบริษัทต่างๆ ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลจีน สร้างแรงกระเพื่อมส่งผลต่อตลาดทุนอย่างชัดเจน จะเห็นชัดว่าตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงหนักต่อเนื่องเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นการศึกษา รวมไปถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน จึงเกิดความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุนว่าหน่วยงานกำกับอาจจะเพิ่มกฎเกณฑ์การควบคุม หรืออาจจะขยายขอบเขตการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่นหรือไม่ และนักลงทุนควรวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร เลยเป็นที่มาของประเด็นพูดคุย เมื่อจีนกวาดบ้านกระทบตลาดหุ้น นี่คือโอกาส หรือ ความเสี่ยง ในหุ้นจีน” ในห้องสนทนาสุดฮิต Clubhouse โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากกรุงศรี และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีนร่วมวิเคราะห์แง่มุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความกระจ่างพร้อมชี้แนวทางให้กับนักลงทุน

หากวิเคราะห์สถานการณ์ของจีนจากภาวะที่ถูกแทรกแซงจากรัฐบาลจีน ผู้ลงทุนต้องรู้อะไรบ้างนั้น รองศาสตราจารย์ ดร. อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีน เปิดเผยว่า ด้วยเหตุผลด้านการปกครองเพื่อรักษาเสถียรภาพและการจัดระเบียบสังคมของจีนที่เป็นประเทศใหญ่และมีความหลากหลายมาก ทำให้ระบบแบบจีน (Socialism Chinese Characteristics) จะเป็นรัฐกำกับทุน หรือทุนนิยมโดยรัฐ เป็นกลไกหลักที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการที่จีนเข้ามาแทรกแซงธุรกิจต่างๆ เสมือนเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม

ยกตัวอย่างกรณีเข้มงวดกับโรงเรียนกวดวิชา เพราะมองว่าไม่มีความจำเป็นและซ้ำซ้อนกับการเรียนภาคปกติ แต่กลับเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง รวมทั้งยังต้องการลดอิทธิพลของหลักสูตรการเรียนการสอนของต่างชาติ หรือกรณี Tencent ทำธุรกิจเกมที่จีนเข้ามาแทรกแซงเพื่อปกป้องอนาคตของชาติ แม้กระทั่งเรื่อง Ant Group ของ Alibaba ที่ใช้ DATA มาสร้างประโยชน์มหาศาลก็จริง แต่ก็ทำให้ประชาชนอาจมีหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินที่ง่ายจนเกินไป ซึ่งจะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม เกิดหนี้ครัวเรือน ความเหลื่อมล้ำ และกระทบกับความมีเสถียรภาพ

ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าจีนยังเน้นกวาดบ้านต่อ หรือรัฐบาลน่าจะเข้ามาดูแลจัดการผ่านสำนักงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซของจีน (Cyberspace Administration of China: CAC) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพทางสังคม ธุรกิจที่มีโอกาสเอาเปรียบหรือผูกขาด และในมุมของนักธุรกิจจีนก็พร้อมยินยอมปฏิบัติตาม คนจีนเองก็ยอมรับในการจัดระเบียบสังคมที่จะทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าข้อดีของระบบเศรษฐกิจจีนนั้น คือความมีเอกภาพระบบของจีนที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนไปมา ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน อีกทั้งเศรษฐกิจจีนกำลังขับเคลื่อนด้วย DATA ซึ่งคุณวิน พรหมแพทย์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจจีนมีการเติบโตเป็นบวก เศรษฐกิจจีนไตรมาส 1/2564 โต 18.3% ขณะที่โลกยังไม่ฟื้นจากโรคระบาด แต่ในไตรมาส 3-4/2564 อาจจะชะลอตัวลงบ้าง มีการเติบโตของภาคค้าปลีกถึง 33% ยอดการส่งออกพุ่ง 38.7% มีการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยบวกในตลาดหุ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกันก็มีการบริโภคในประเทศมากขึ้น เม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีนโยบายเกี่ยวกับการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ประชากรมีการขยับมาเป็น Middle Class ซึ่งจะเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต อีกทั้งพรรคการเมืองแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพอย่างมาก นั่นทำให้มองเห็นโอกาสของการลงทุนในจีนอยู่ แต่ในส่วนการลงทุนภาคตลาดทุนนั้น คุณวินมองว่าการที่ตัวเลขดิ่งลงในช่วงเวลาที่รัฐประกาศมาตรการใดๆ ออกมาและนักลงทุนไม่มั่นใจนั้น อาจสะท้อนว่ายังมีโอกาสที่จะกลับมาทะยานขึ้นได้หากสถานการณ์คลี่คลาย

ดังนั้น ช่วงเวลาที่หลายคนกำลังตระหนกตกใจและมีความลังเล อาจเป็นสัญญาณที่ดีที่จะมองข้ามเรื่องที่ตกใจเพื่อคว้าโอกาสการลงทุนนี้ให้ได้และยังชี้ช่องโอกาสเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนรวม ซึ่งได้ประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยง อีกทั้งจากสถิติยังพบว่าหลายครั้งที่หุ้นตกแรงก็สามารถดีดตัวขึ้นแรงเช่นกัน จึงควรแบ่งน้ำหนักการลงทุนให้เหมาะสม และเช็คความเสี่ยงให้พอดี ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานสะอาด หรือที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก และอยากให้นักลงทุนเล็งเห็นโอกาสที่จีนเร่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีของตัวเอง ทั้งพัฒนาระบบนำทาง ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้จีนไปได้อีกไกล นักลงทุนควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้และรู้จักแปลงจีนเป็นโอกาส

ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นทุกวินาที รองศาสตราจารย์ ดร. อักษรศรี กล่าวว่า จีนก็ยังมีเรื่องน่ากังวล เช่น หนี้จีน หนี้ภาคครัวเรือนสูง และรัฐวิสาหกิจจีนที่ขาดทุน ภาระเชิงนโยบายต่างๆ ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องระวังด้วยเช่นกัน จึงแนะนำวิธีติดตามข่าวจีน รับรู้กฎระเบียบจากสื่อจีน ทิศทางการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด ซึ่งสื่อจีนตอนนี้มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ในขณะที่ตัวแปรที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือสถานการณ์จีน-สหรัฐฯ ที่มีการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ อีกทั้งยังกล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า ต้องระวัง บริษัทซอมบี้จีน” หรือบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรต่ำและหนี้สินที่สูงในระยะยาวพร้อมแนะนำหรือมีคำเตือนสำหรับนักลงทุนว่าควรระแวดระวังการลงทุนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยละเอียดอ่อนที่จีนจะไม่ยอมอ่อนข้ออย่างเด็ดขาด นั่นคือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับซินเจียง ฮ่องกง ไต้หวัน ทิเบต และทะเลจีนใต้

นอกจากการเน้นให้ความรู้อย่างรอบด้านแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ผู้ฟังเกือบ 700 คน ร่วมสอบถามปัญหาในเรื่องที่ยังมีความสงสัย เช่น ตลาดจีนยังเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยหรือไม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนให้ความเห็นว่า แม้เศรษฐกิจจีนจะใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่ง่ายที่เอสเอ็มอีไทยจะเจาะตลาดได้ จึงต้องดูที่รสนิยมต้องออกแบบและเลือกใช้ช่องทางที่เหมาะสม ส่วนสินค้าที่น่าจับตา ได้แก่ กลุ่มของขวัญของชำร่วยและอัญมณี อีกทั้งยังมีข้อเสนอแนะจากผู้ฟังว่าอุตสาหกรรมที่ต้องระวัง นอกจากสถาบันกวดวิชา มาตรการแก้ความเหลื่อมล้ำแล้ว ยังมีด้านสาธารณูปโภค ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต ระบบรางของเอกชน และมองว่าการที่หุ้นจีนดิ่งลงอาจจะเป็นการลดพอร์ตเพื่อไปตั้งหลักมากกว่า

นับเป็นการพูดคุยที่สร้างกำลังใจให้กับนักลงทุนด้วยข้อมูลแน่นปึกและมีเหตุผลรองรับที่น่าเชื่อถือ จึงน่าจะเป็นปัจจัยและพื้นฐานให้นักลงทุนนำไปวิเคราะห์ปรับใช้กับการพิจารณาลงทุนหุ้นจีนและปรับพอร์ตของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ติดตามฟังข้อมูล ความรู้ และน่าสาระบันเทิงที่น่าสนใจ ได้ที่ Clubhouse: Krungsri Simple หรือ Krungsri Plearn เพลิน Podcast เรื่องเงิน เรื่องง่าย ฟังได้เพลินเพลิน

มียัง? กรุงศรี แจกโค้ดลดสุดคุ้ม ช้อปออนไลน์

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) แจกโค้ดลดสุดคุ้ม เอาใจนักช้อปออนไลน์โดยเฉพาะ จับมือ Lazada และ Shopee จัดแคมเปญ รับโค้ดคุ้ม ลดรายเดือน 500 บาท กับบัตรกรุงศรี เดบิต และ Krungsri Boarding Card” มอบส่วนลดรวมสูงสุด 500 บาท แก่ลูกค้าเมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อใบเสร็จ ผ่าน บัตรกรุงศรีเดบิต และ Krungsri Boarding Card บน Lazada หรือ Shopee โดยลูกค้าสามารถใช้โค้ดเพื่อรับส่วนลด 250 บาท JADHAID621 สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ Lazada และใช้โค้ด JADHAID0621 สำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนการช้อปบน Shopee สามารถใช้โค้ด  JADHAIDS621 ได้ทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ สงวนสิทธิ์การใช้โค้ด 1 สิทธิ์/บัญชีผู้ใช้ ตั้งแต่วันนี้  30 มิ.ย. 64 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด

กูรูร่วม Clubhouse วิเคราะห์ตลาดเงินดิจิทัล

กรุงศรี สะท้อนบทบาทความเป็นผู้นำด้านการเงินและการลงทุนที่รู้เท่าทันเทรนด์และล้ำกระแสอยู่เสมอ ชวนผู้ฟังกลุ่มใหญ่กว่าพันคนในห้องสนทนา Clubhouse แพลตฟอร์มสนทนาเรียลไทม์ของคนรุ่นใหม่ ร่วมพูดคุย ถกเถียง วิเคราะห์เจาะลึกถึงแนวทางจัดการสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency คลายข้อสงสัยมากมายที่หลายคนต้องการคำตอบ ในหัวข้อ Cryptocurrency กระแสหรือไปต่อ Powered by Krungsri Simple โดยมีกูรูการเงินดิจิทัลระดับโลก หนึ่ง-ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Firo เหรียญคริปโตด้าน Privacy และ Satang Pro กระดานเทรดคริปโตแห่งแรกของคนไทย ร่วมเปิดเผยถึงโอกาสอันสดใส ควบคู่กับปัญหาและความเสี่ยงของการลงทุนใน Cryptocurrency พร้อมด้วย นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากกรุงศรี และเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก Invest Like A Pro ให้คำแนะนำทุกมิติการลงทุนในตลาดเงินดิจิทัลอย่างตรงไปตรงมา และ อิก-บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน เป็นผู้นำการพูดคุยสอบถามพร้อมไขก๊อกทุกประเด็นร้อน ให้นักลงทุนทั้งมือใหม่และเก๋าเกมเข้าใจระบบเงินดิจิทัลลึกกว่าและรอบด้าน

หนึ่ง-ปรมินทร์ อินโสม
อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข

เปิดประเด็นคลับเฮ้าส์ Cryptocurrency กระแสหรือไปต่อ Powered by Krungsri Simple กับเรื่องด่วนสดๆร้อนๆ ในความผันผวนของราคาคริปโตที่ดิ่งลงแดงทั้งกระดาน ซึ่ง นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Firo เหรียญคริปโตด้าน Privacy และ Satang Pro กระดานเทรดคริปโตแห่งแรกของคนไทย ให้ความเห็นว่าเป็นภาวะปกติที่ตัวเลขขึ้นมานานแล้วจะร่วงลงมาบ้าง และยังมองในมุมบวกว่าระยะยาวสามารถไปต่อได้ ในขณะเดียวกันเมื่อตลาดมีความผันผวนมาก ก็ยังมองว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้เล่นระยะสั้น อาจทำกำไรรายวันค่อนข้างดีถ้ามีความเชี่ยวชาญมากพอ ส่วนตลาดคริปโตในไทย คนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมที่จะซื้อแล้วถือยาวไว้เพื่อรอขายในราคาสูงมากกว่าการเล่นระยะสั้น

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถาบันและบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกเริ่มสนใจที่จะลงทุนในตลาดคริปโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยว่า จุดนี้ทำให้ต้องกลับมามองว่าเหรียญดิจิทัลจะมีอิทธิพลและฟังก์ชั่นอะไรกับพอร์ทของเราบ้าง จึงเป็นการกระตุ้นให้ทั้งนักลงทุนและผู้ดูแลพอร์ทต้องหันมาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และมั่นใจว่าสกุลเงินดิจิทัลจะกลายเป็นทางเลือกการลงทุนในพอร์ทของอนาคต กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกนอกเหนือจากตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และทองคำอย่างแน่นอน

ความยากของตลาดนี้คือความเป็น Currency ที่ไม่สามารถประเมินราคาได้เหมือนหุ้น ทำให้นักลงทุนยังคงลังเลในการซื้อขายและไม่รู้ว่าจะใช้หลักการใด เนื่องจากมูลค่าขึ้นลงนั้นขึ้นอยู่กับการนำไปใช้หรือความคล่องตัวในการจับจ่ายใช้สอย เช่นสามารถซื้อรถ Tesla ด้วยเงินดิจิทัลได้ ก็ทำให้น่าสนใจมากขึ้น แต่ก็ยังประเมินเป็นมูลค่าจริงได้ยาก หากจะดึงเงินดิจิทัลเข้ามาเป็นหนึ่งในพอร์ท นักลงทุนสถาบันต้องหาวิธีการในการจัดพอร์ทลงทุนนี้และต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

นอกจากนั้นสิ่งที่หลายคนยังรู้สึกสับสนกับเงินดิจิทัล คือความผันผวนที่คาดเดาได้ยากและเป็นตลาดที่อ่อนไหวต่อความเห็น และการให้ข่าวในมุมใดก็ตามของคนดังผู้ทรงอิทธิพลด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะมีผลต่อราคาและตลาดในทันที ซึ่งผู้บริหารกรุงศรีให้ความเห็นว่า ถือเป็นภาระหนักอึ้งของผู้จัดพอร์ทที่ต้องบริหารเงินก้อนใหญ่ของประชาชนนำมาแบ่งลงทุนในคริปโต เนื่องจากราคาที่ผันผวนต่อคำประกาศต่างๆ และยังถือเป็นจุดอ่อนและคำตอบว่าทำไมสถาบันการเงินยังไม่กล้าในลงทุนในคริปโตเต็มตัวในระยะนี้นั่นเอง เนื่องจากต้องมีความชัดเจนทั้งด้านวิธีการบริหารจัดการ กรอบข้อกำหนด และกฎหมายกับสถาบันที่ดูแลด้านการเงินต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งยังต้องมองถึงวิธีการบริหารพอร์ทให้มีประสิทธิภาพเพื่อตอบคำถามนักลงทุนให้ได้ด้วย ซึ่งในอนาคตมองว่าสถาบันการเงินจะเปิดรับสินทรัพย์เงินดิจิทัลมาลงทุนมากขึ้น เหมือนการยอมรับสินทรัพย์อย่างทองคำในอดีต

ทั้งนี้ ยังมีประเด็นความย้อนแย้งของหน่วยงานการเงินประเทศต่างๆ ที่ออกมาต่อต้านคัดค้านสกุลเงินดิจิทัลในขณะเดียวกันก็กำลังศึกษาแนวทางสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตนเองด้วย ซึ่ง นายปรมินทร์ อธิบายว่า ถึงแม้ทุกที่จะยอมรับในศักยภาพของเทคโนโลยีเงินดิจิทัลก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจส่งผลกระทบกับอำนาจทางการเงิน ระบบโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ หลายประเทศจึงมองว่าเงินดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสและจุดอ่อน ส่วนที่รัฐออกมาทำสกุลเงิน Government Coins เองก็ถือเป็นการศึกษาผลลัพธ์เปรียบเทียบกับเงินตรารูปแบบเดิมและความเป็นไปได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่างๆ ก่อนที่จะประกาศความชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อกับ Cryptocurrency ในทิศทางใด ส่วนความเป็นไปได้ของรัฐที่จะคัดค้านกระแสคริปโตนั้น ปรมินทร์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดว่า เหมือนการแบนอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นไปได้ยากมาก เพราะถึงอย่างไรก็จะมีวิธีการที่จะทำให้เข้าถึงเงินดิจิทัลได้อยู่ดี

มาถึงกระบวนการคิดตัดสินใจก่อนการลงทุนใน Cryptocurrency นายวิน กล่าวว่า ในอนาคตเงินดิจิทัลจะเป็นทางเลือกหนึ่ง จึงต้องทำความเข้าใจถึงรูปแบบก่อนว่าเงินดิจิทัลมีความเป็นสกุลเงินและการแลกเปลี่ยนมากกว่ารูปแบบการลงทุนในกิจการที่ผลิตเพื่อมีกำไร และไม่เหมือนสินทรัพย์อื่นที่มีการจ่ายดอกเบี้ย เงินปันผล อีกทั้งธรรมชาติของเงินดิจิทัลในตอนนี้มีความผันผวนและหวือหวามาก เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ทุ่มมากจนเกินไป ไม่ควรไปเสี่ยงหมดหน้าตัก “ไม่ควรจะลงทุนเกินกว่าที่พร้อมจะเสีย” แต่ควรทำให้เงินเติบโตอย่างมั่งคั่งมั่นคงด้วยการผสมผสานกันทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก

ในการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานหรือทองคำนั้น จะเห็นได้ว่าคำแนะนำในการลงทุนก็คือควรเป็นสัดส่วนประมาณ 15-20% ของเงินลงทุนทั้งหมด ดังนั้นหากจะนำมาลงทุนในคริปโตควรอยู่ที่ 5% ในเบื้องต้นเพื่อเรียนรู้ก่อนใส่เพิ่มเข้าไป ซึ่งรูปแบบการลงทุนในเงินดิจิทัลนั้น ควรลงทุนในการซื้อขายโดยตรงมากกว่าลงทุนในบริษัทที่ลงทุนในคริปโต เพราะอาจมีข้อมูลเบื้องลึกที่นักลงทุนยังไม่รู้อีกมาก ซึ่งในอนาคตหากมีกองทุนรวมดัชนีหรือ Exchange Traded Fund (ETF) เข้ามาลงทุนในคริปโตก็จะช่วยคลายกังวลสำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับแพลตฟอร์ม ทำให้มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นได้

นายปรมินทร์ กล่าวเสริมถึงสไตล์ในการลงทุนซื้อขายคริปโตนั้น สามารถวิเคราะห์ด้วยการสังเกตและใช้ประสบการณ์ของแต่ละคน อย่างกรณีไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเสริมให้ราคาขึ้นไปอีกแล้ว นั่นก็อาจทำให้ราคาดิ่งลงได้ แต่สิ่งสำคัญที่อยากให้นักลงทุนใส่ใจคือรูปแบบการเก็บรักษาเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย จึงต้องเรียนรู้และเข้าใจในเทคโนโลยีนี้ด้วย ซึ่งการเข้ามาศึกษาให้ลึกขึ้นจะช่วยส่งเสริมให้คนมั่นใจในการลงทุนเงินดิจิทัลมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับหัวข้อ Cryptocurrency กระแสหรือไปต่อ Powered by Krungsri Simple มีผู้ร่วมฟังมากกว่า 1,100 คน ทั้งยังร่วมยกมือสอบถามปัญหาต่างๆ เช่น ความเป็นอิสระของเหรียญดิจิทัลแต่ละสกุล แนวทางการประเมินมูลค่าให้เหมาะสม หรือแม้กระทั่งเรื่องที่คาดไม่ถึง เช่น การส่งต่อเป็นมรดกแก่ทายาทที่สามารถทำได้ เป็นต้น ซึ่งผู้ร่วมพูดคุยตอบคำถามได้อย่างตรงประเด็น นับเป็นห้องสนทนา Clubhouse ที่สามารถไขทุกคำตอบเชิงลึกเหมือนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัวเลยทีเดียว

กรุงศรี x SC ASSET มอบสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยสุดพิเศษ

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ในฐานะองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยการยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่อยากมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองร่วมกับคู่เพื่อนที่เราต้องการใช้ชีวิตร่วมกันในระยะยาว อันจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและเชื่อมความสัมพันธ์อันดีให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน จับมือผู้นำธุรกิจอสังหาฯ SC ASSET จัดแคมเปญ Rainbow Over Your House ในโอกาส Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) เปิดโอกาสให้คู่เพื่อน หรือคู่รัก LGBTQ+ ที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกัน และสนใจที่อยู่อาศัยในโครงการของ SC ASSETสามารถเข้ารับคำปรึกษาเรื่องการกู้บ้านง่ายๆ กับกรุงศรีในงาน “Rainbow Over Your House” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5-6 มิถุนายนนี้ ที่โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อีสท์ พระราม9, บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม9, และ เวนิว พระราม 9 โดยกรุงศรีเตรียมข้อเสนอพิเศษ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3 ปีแรก เฉลี่ยที่ 2.40% ต่อปี สำหรับผู้สนใจที่อยู่อาศัยในโครงการของ SC Asset และจดจำนองสินเชื่อบ้านภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนจองคิวเพื่อเข้าชมโครงการและรับคำปรึกษาล่วงหน้า ได้ที่ Call 1749 หรือติดต่อทาง Line: @scasset

สำหรับคู่เพื่อนที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกันและกำลังมองหาสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านร่วมกัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ https://www.krungsri.com/th/personal/loans/home-loans/friend-relationship