มอบ ก.ค.ศ. ดูแลเสียงสะท้อนจากเด็ก ครู และผู้ปกครองทั่วประเทศ ในช่วงโควิด-19

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงศึกษาได้มอบนโยบายและวางแผนกับทุกส่วนราชการในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยการสอนแบบ 5 On (Online/On Air/On Demand/On Hand/On Site) นั้น ตนเห็นว่าเด็กนักเรียน และครูได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนรูปแบบดังกล่าวมาสักระยะแล้ว ยังไม่ได้รับข้อมูลจากบริบทของแต่ละพื้นที่ว่าเกิดปัญหาและอุปสรรคที่ชัดเจน ตนเองมีความกังวลและมีความห่วงใยในการดำเนินการดังกล่าวเป็นอย่างมาก เพราะมีสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่มีบริบทที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก จึงต้องการรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ครู และผู้ปกครองในแต่ละพื้นที่เพื่อสะท้อนปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนมายังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อที่กระทรวงศึกษาธิการจะได้รับทราบ แก้ไขปัญหา และปรับนโยบายได้เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น จึงได้มีการประชุมหารือกันถึงแนวทางในการได้มาถึงข้อมูลที่จะนำมาสู่การแก้ไขปัญหา และได้มอบหมายให้ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้หาแนวทางและวิธีการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและการประเมินแบบเร่งด่วนภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลว่าได้วางแผนและวางระบบวิธีการเก็บข้อมูลจากนักเรียน ครู และผู้ปกครองจากพื้นที่ต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคของประเทศ ผ่านกลไกใหม่ที่เรียกว่าการประเมินแบบเร่งด่วน ซึ่งเป็นวิธีการที่นานาชาติใช้กัน และเป็นวิธีการที่จะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างรวดเร็วจากสภาพความเป็นจริงและเชื่อถือได้ โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 4 แห่ง คือ คณะวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา, ภาควิชาวิจัยและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ และข้าราชการครูที่มีความรู้ความสามารถด้านวิชาการ ซึ่งจะกระจายพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ “อาสาสมัครครูนักประเมิน”(Rapid Appraisal Volunteer : RAV) ซึ่งผู้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมเป็น RAV Team ในครั้งนี้คือ ครู ผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือศึกษานิเทศก์ ที่มีพื้นฐานการวิจัยและประเมิน (จบ ป.โท – ป.เอก) จะเป็นผู้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากโรงเรียน หรือพื้นที่ต่าง ๆ และประเมินผลแบบเร่งด่วน ส่งผลกลับมายังส่วนกลาง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้อย่างรวดเร็ว โดยโครงการนี้ได้เปิดรับผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการประมาณ 250 คน ซึ่งทราบว่าขณะได้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการเต็มจำนวนดังกล่าวแล้ว ภายในระยะเวลา 1 วัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและก็รู้สึกดีใจที่มีผู้ที่เห็นความสำคัญและได้อาสามาช่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งหลังจากนี้สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้กำหนดให้มีการจัดการประชุมชี้แจงแนวทางและวิธีการดำเนินงานให้กับอาสาสมัครดังกล่าว ในวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งตนเองก็จะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

นางสาวตรีนุช ได้กล่าวในตอนท้ายว่า กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงาน ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นแม่งานหลักในการกำหนดนโยบายดูแลครู จะนำข้อมูลที่ได้รับฟังนี้ไปวางมาตรการที่จำเป็น เพื่อให้ตรงกับความต้องการของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษามากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ตลอดจนผลกระทบจากสภาวะทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วน และทุกฝ่ายกำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ ณ ขณะนี้ และในฐานะที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ ดูแล และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้ดีที่สุด.

สสวท. จัดเสวนาออนไลน์ ดันสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล

สสวท.จัดเสวนาออนไลน์ เพื่อผลักดันสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล Project 14 ขับเคลื่อนการศึกษาไทยในภาวะวิกฤติ โดยมี ดร. คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการเสวนาหัวข้อ “เรียนวิทย์-คณิต บนฐานสมรรถนะด้วยสื่อดิจิทัล Project 14” พร้อมด้วย ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สสวท. ร่วมเสวนาออนไลน์

โดยมีศึกษานิเทศก์ ครู และบุคลากรการศึกษา กว่า 1,000 คน เข้ารับฟังเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล “Project 14” นำสู่ความปกติใหม่ทางการศึกษา (New Normal Education) สร้างสมรรถนะที่จำเป็นผ่านการเรียนรู้จากปรากฏการณ์จริงในชีวิตประจำวันด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ บรรเทาความเดือดร้อนแก่นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาในภาวะวิกฤติ

รับชมเสวนาย้อนหลัง ได้ที่ : https://bit.ly/3ft9IIW

อ่านบทความเพิ่มเติม ได้ที่ : https://www.ipst.ac.th/news/14050/20210803-proj14.html

ครม. อนุมัติช่วยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา 32,000 ล้าน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  อนุมัติโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภาคการเรียน ที่ 1 ปีการศึกษา 2564 รวมวงเงิน 32,000 ล้านบาท ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 22,000 ล้านบาท และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม วงเงิน 10,000 ล้านบาท

โดยในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้นักเรียน/นักศึกษา ทุกคนทุกกลุ่มในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนทั้งในและนอกสังกัด ศธ. รวมทั้งสิ้น 10,952,960 คน  โดยให้ความช่วยเหลือ 2,000 บาทต่อคนในภาคการศึกษาที่ 1/2564  กรอบวงเงิน 22,000 ล้านบาท และมาตรการที่ 2 สนับสนุนสถานศึกษาในการจัดการเรียนการสอนและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรควิด-19 ไม่เกิน 10,000 บาท/โรงเรียน รวมจำนวน 34,887 แห่ง แบ่งเป็น สถานศึกษาของรัฐ 30,879 แห่ง และสถานศึกษาเอกชน ที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐ อีก 4,008 แห่ง วงเงินรวมทั้งสิ้น 94.08 ล้านบาท

สำหรับมาตรการที่ 1 วงเงิน 22,000 ล้านบาท ยังคงใช้จ่ายจาก พ.ร.ก. เงินกู้ฯ ขณะที่วงเงิน  94.08 ล้านบาท มาตรการที่ 2 เดิมที่อยู่ในเงินกู้ช่วยเหลือบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษานั้น ให้ใช้เงินจากงบประมาณแทน เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขการใช้เงินกู้

ครงการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ของนิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชน ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงิน 10,000  ล้านบาท โดยนิสิต นักศึกษา กลุ่มเป้าหมายจำนวน 1,788,522 คน แบ่งเป็น นิสิต นักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จำนวน 1,458,978 คน  นิสิต นักศึกษา ของสถาบันอุดมศึกษาภาคเอกชนในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ  จำนวน 285,000 คน และนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐนอกสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ จำนวน 44,544 คน ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐจำนวน 100 แห่ง ตั้งแต่ระดับต่ำกว่าปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษาทั้งภาคปกติ ภาคพิเศษและภาคสมทบ โดยลดค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา ที่ต้องจ่ายในส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 50 ส่วนตั้งแต่ 50,001–100,000 บาท ช่วยเหลืออัตราร้อยละ 30 และตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไปช่วยเหลือในอัตราร้อยละ 10 โดยรัฐบาลและสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐจะร่วมกันช่วยเหลือเยียวยาในสัดส่วน 6:4  ช่วยค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาภาคเอกชน จำนวน 72 แห่ง โดยเยียวยาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา คนละ 5,000 บาท ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาอื่นๆ เช่น การให้ทุนศึกษา ขยายเวลาการชําระ ค่าธรรมเนียมการศึกษา ผ่อนจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา ขยายเวลาสําเร็จการศึกษา ลดและคืนค่าหอพัก รวมทั้งการจ้างงาน/ส่งเสริมรายได้ให้กับนักศึกษา เป็นต้น

สำหรับสถานศึกษาที่อยู่ภายใต้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาใช้แหล่งเงินอุดหนุนขององค์กรกปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นลำดับแรกก่อน

ศธ.ใช้ Letter Park ปทุมธานี เป็นที่พักคอยผู้ติดเชื้อโควิด-19

“ตรีนุช” ประสานโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ใช้ Letter Park แบ่งโควตาจัดที่พักคอยให้ครู-บุคลากร-ครอบครัว ติดเชื้อโควิด 19 ได้เข้าพักทันที หลังรับแจ้งจากปลัด ศธ. หอพัก สกสค.ยังไม่สามารถใช้เป็นศูนย์พักคอยผู้ติดเชื้อ แต่ใช้เป็นสถานที่กักตัวสังเกตอาการได้

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ., นางเกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ตรวจราชการฯ และ โฆษก ศธ., นพ.กำพล พลัสสินทร์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ นางวรินภร จันทรโรจน์วานิช กรรมการบริหารกลุ่มเลตเตอร์พาร์ค จำกัด และนายโกวิท ธัญญรัตตกุล ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านเมืองเอก โครงการ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคาร สถานที่ ห้องพัก และการบริหารจัดการของบริษัท เดอะ เลตเตอร์ พาร์ค วัน จำกัด เมืองเอก อำเภอเมืองฯ จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ครู บุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และครอบครัว ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและติดเชื้อโควิด 19 เข้าพักคอย

รมว.ศธ. กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนทั่วประเทศรับทราบถึงแนวโน้มผู้ติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ได้ช่วยกันดูแลอย่างเต็มที่

ในส่วนของ ศธ. มีบุคลากรที่ติดเชื้อ จำนวน 1,748 คน รักษาหายแล้ว จำนวน 795 คน กำลังอยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาลและศูนย์พักคอยต่าง ๆ จำนวน 953 คน และมีบางส่วนเสียชีวิต ดังนั้นเพื่อเป็นการดูแลสวัสดิภาพและสร้างขวัญกำลังใจ ให้แก่ครู บุคลากรในสังกัด รวมถึงครอบครัว

ศธ.จึงมีนโยบาย “ตรวจฟรี-มีที่พัก-จัดส่งถึงมือแพทย์” ดูแลครู บุคลากร และครอบครัว ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและติดเชื้อโควิด 19 โดยในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม หน่วยงานต้นสังกัดจะจัดเตรียมสถานที่ หรือศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation Center : CIC) ให้ เช่น หอพักสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่พักของสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) และที่พักของสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา (สสอ.) เป็นต้น

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ปลัด ศธ.พร้อมด้วยผู้แทนจากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ได้ร่วมกันตรวจสอบอาคาร สถานที่หอพัก สกสค. ภายในกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อดูความพร้อมในการเป็นสถานที่ดูแล ช่วยเหลือ กักตัว เพื่อดูอาการของครู บุคลากร และครอบครัวที่ติดเชื้อโรคโควิด 19 และได้รายงานผลการตรวจสอบและประเมินมาให้ตนทราบว่า หอพัก สกสค. ยังไม่สามารถใช้เป็นศูนย์พักคอย เพื่อดูอาการของบุคลากรที่ติดเชื้อโควิด 19 ได้ แต่สามารถใช้เป็นสถานที่กักตัวของบุคลากรกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่ต้องการพักอยู่กับครอบครัว หรือบุคคลใกล้ชิดได้

เมื่อตรวจสอบพบว่า หอพัก สกสค. ยังไม่สามารถใช้เป็นศูนย์พักคอยได้ และเพื่อให้ครู บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงครอบครัว ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและติดเชื้อโควิด 19 ได้มีที่พักคอยโดยเร็วทันที ดิฉันจึงได้ประสานกับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ในการหาสถานที่พักคอยฯ

ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์ห้องพักของ Letter Park ที่ได้เข้าร่วมโครงการฮอสพิเทล (Hospital) หรือ ‘หอผู้ป่วยติดโรคโควิด 19 เฉพาะกิจ’ โดย Letter Park จะจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้รองรับครู บุคลากรของ ศธ.และครอบครัว

จากการตรวจสถานที่ ก็พบว่า Letter Park มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 7 ไร่ ติดถนน 3 ด้าน เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 5 อาคาร ห้องพักอาศัยขนาด 36 ตารางเมตร มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบครัน ซึ่งจะทำให้การพักคอยไม่อึดอัด และมีการดูแลตลอดจนส่งถึงมือแพทย์

ศธ.เตรียมออกมาตรการ ตรวจฟรี-มีที่พัก-จัดส่งถึงมือแพทย์

“ตรีนุช” ดูแลครูและบุคลากรในสังกัด ศธ. เสี่ยงติดโควิด 19 เตรียมออกมาตรการ “ตรวจฟรี – มีที่พัก – จัดส่งถึงมือแพทย์” พร้อมประกาศให้ WFH ระดับสูงสุด นั่งรถประจำทางเสี่ยงติดเชื้อ ไม่ต้องมาทำงานในที่ตั้ง

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีมาตรการในการดูแลช่วยเหลือครูและบุคลากรในสังกัด ศธ. ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและติดเชื้อโควิด โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) เป็นแกนหลักในการดูแลครูและบุคลากรในสังกัด ศธ. หากต้องการความช่วยเหลือให้แจ้งมาที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงศึกษาธิการ (ศบค.ศธ.)

“การดูแลครูและบุคลากรในสังกัด ศธ. จะครอบคลุมไปถึงครอบครัวด้วย โดยจะจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด 19 แบบเร่งด่วน (Rapid Antigen Test) ให้กับบุคลากรกลุ่มเสี่ยงเพื่อตรวจหาเชื้อฟรี และในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หน่วยงานต้นสังกัดจะจัดเตรียมสถานที่พักคอยสำหรับดูแลช่วยเหลือบุคลากรที่ติดเชื้อโควิด 19 เช่น หอพักสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่พักของสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.) จ.นครปฐม และที่พักสำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา (สสอ.) ถ.รามอินทรา โดยจะประสานความร่วมมือกับกรมอนามัยและกรมควบคุมโรค เพื่อการดูแลทั้งเรื่องอาหาร ที่พัก และการติดตามอาการจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง ก่อนเตรียมส่งต่อให้สถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยหนักต่อไป และในกรณีติดเชื้อทั้งครอบครัวก็จะได้รับการดูแลทั้งหมด” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ออกประกาศให้ครูและบุคลากรในสังกัด ศธ. ทำงานที่บ้าน หรือ WORK FROM HOME (WFH) สูงสุดเต็มจำนวน โดยอนุญาตให้เข้ามาปฏิบัติงานได้ตามที่จำเป็น ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. เป็นต้นไป พร้อมประเมินสถานการณ์ทุก 14 วัน ทั้งนี้ หากเป็นบุคลากรที่เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ ขอให้งดเดินทางมาสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิดระหว่างการเดินทาง

เตรียมจัดโครงการตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์

นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า  ที่ประชุมผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) เห็นชอบให้มีการจัดกิจกรรมโครงการตลาดนัดการเรียนรู้ออนไลน์วังจันทรเกษมขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ครูทุกคนในทุกพื้นที่ได้มีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองผ่านระบบออนไลน์ 

โดยวิทยากรชั้นนำของประเทศ เพื่อส่งต่อความรู้และประสบการณ์จากวังจันทรเกษมให้ไปถึงครูโดยตรงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ  ทั้งนี้บทบาทของศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) จะต้องเป็นผู้นำทางวิชาการที่จะร่วมขับเคลื่อนในระดับพื้นที่พร้อมกับการสร้างเครือข่าย 77 ตลาดนัดการเรียนรู้ โดยสอบถามความต้องการจำเป็นของหลักสูตรที่ต้องการจะจัดขึ้น เพื่อให้ตรงกับความต้องการของครูอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ประสานวิทยากรชั้นนำของประเทศมาถ่ายความรู้ในหลักสูตรต่างๆไว้บ้างแล้ว เช่น วิวัฒนาการการเมืองกับการศึกษาไทย จะเชิญประธานรัฐสภามาเป็นวิทยากร และเรื่องศึกษาสื่อสารผ่านบทเพลง เชิญ อ.สลา คุณวุฒิ นักแต่งเพลงชื่อดังมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในส่วนของการฉีดวัคซีนให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ โดยข้อมูลล่าสุดได้ฉีดไปแล้วเข็มที่ 1 จำนวน 306,675 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 98,995 รายยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน 459,547 ราย

Cr.สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

จี้โรงเรียนปรับแผนการสอนผ่อนคลายนักเรียนเครียด

“ตรีนุช” จี้โรงเรียนปรับแผนการสอนผ่อนคลายภาระด้านการเรียนเด็ก “ลดเวลาเรียนทุกรูปแบบ – ให้เรียนเรื่องที่ต้องรู้ – หั่นการบ้าน – งดกิจกรรมรวมกลุ่ม – ลดการทดสอบทั้งระดับโรงเรียนและระดับชาติ”

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ติดตามการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) อย่างใกล้ชิด และเปิดรับฟังทุกความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษามาโดยตลอด

โดยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมร่วมกับผู้บริหาร ศธ. และออกแนวทางผ่อนคลายภาระด้านการเรียนที่เกินความจำเป็นของนักเรียนลง ตลอดจนให้สถานศึกษาสำรวจอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคล ดำเนินการช่วยเหลือนักเรียนในรูปแบบที่เหมาะสม ยืดหยุ่น เข้าใจนักเรียน เพื่อลดความเครียดของนักเรียนที่ต้องเรียนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ยังพบว่าจนถึงขณะนี้สถานศึกษาหลายแห่งยังไม่มีการปรับปรุงแผนการสอน มีการกำหนดตารางเรียนออนไลน์อัดแน่นถึงวันละ 9 วิชา ดังนั้น จึงได้สั่งการให้องค์กรหลักที่มีสถานศึกษา กำชับไปยังผู้บริหารสถานศึกษาปรับปรุงแผนการจัดการศึกษาโดยด่วน

สำหรับแนวทางการลดภาระด้านการเรียนนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการปรับการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยกำหนดเป็นมาตรฐานกลาง “เรื่องที่ต้องรู้ และเรื่องควรรู้” ในแต่ละสาขาวิชาให้เหลือเท่าที่จำเป็น จากนั้นจะแจ้งให้สถานศึกษาดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามบริบทของสถานศึกษาในแต่ละพื้นที่ โดยเน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ให้ปฏิบัติมากขึ้น ลดวิชาการลง ลดเวลาเรียนในแต่ละช่วงชั้น ทั้งการเรียนที่โรงเรียน การเรียนออนไลน์ หรือการเรียนที่บ้าน ในรูปแบบต่าง ๆ ให้มีความยืดหยุ่น แต่ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานการจัดเวลาเรียน ปรับลดปริมาณการบ้านลง ซึ่งครูจะต้องมาคุยกันเพื่อบูรณาการการบ้านทั้งในรายวิชาเดียวกันและต่างรายวิชา ให้เป็นชิ้นงานหรือการบ้านเดียวกัน โครงการหรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ชะลอ หรือ ลด หรืองดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด 19

พร้อมกันนี้ ศธ.จะปรับลดการทดสอบ เพื่อการวัดประเมินผลให้น้อยลง เน้นการวัดประเมินจากสภาพจริง ปฏิบัติจริง และแฟ้มสะสมผลงาน เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การประเมินผลระดับชาติ และการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ไม่นำผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มาใช้ในการรับนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในชั้น ม.1 และ ม.4 และจะพัฒนาระบบการทดสอบเพื่อการวัดและประเมินผลรูปแบบใหม่ โดยไม่เน้นการทดสอบ

นอกจากนี้ ศธ.ได้หารือกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) แล้วว่า จะเพิ่มสัดส่วนการคัดเลือกเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษารอบแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) และรอบโควตาให้มากขึ้น ไม่นำคะแนน O-NET มาใช้ในการคัดเลือก และการออกข้อสอบที่ใช้ในการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) ทดสอบความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ (PAT) และวิชาสามัญ ต้องล้อกับหลักสูตรที่ได้มีการปรับลดลงในช่วงโควิดนี้ด้วย.