ส่งออก มิ.ย. ทำนิวไฮในรอบ 11 ปี +43.82%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ แถลงข่าวตัวเลขการส่งออกเดือนล่าสุด ณ ห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน 2564 มูลค่าการส่งออกในเดือนมิถุนายน มีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือคิดเป็นเงินไทย 738,135.34 ล้านบาท ขยายตัวมากถึง 43.82% ซึ่งถือว่าเป็นนิวไฮใหม่ ที่สูงสุดในรอบ 11 ปี สินค้าสำคัญที่มีอัตราการขยายตัวสูง 1.ผลไม้ขยายตัว 185.10% 2.อัญมณีและเครื่อง ด้วยมูลค่า ประดับ ขยายตัว 90.48% 3.รถยนต์และอุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ขยายตัว 78.5% 4.เครื่องจักรกล ขยายตัว 73.13% และ5.เคมีภัณฑ์ขยายตัว 59.82% เป็นต้น สำหรับผลไม้ที่ขยายตัวสูงสุดถึง 185.10% เป็นทุเรียนขยายตัวถึง 172% มังคุดขยายตัว 488.26% เป็นต้น

ในหมวดสินค้าต่างๆนั้นสินค้าด้านการเกษตรยังมีอัตราการขยายตัวที่สูงมากถึง 59.8% และมีอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปีสามารถทำรายได้เข้าประเทศถึง 71,473.5 ล้านบาท ถือเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางพาราขยายตัวถึง 111.9% ผักผลไม้ทั้งสด แช่เย็นแช่แข็งแปรรูป ขยายตัว 110.2% โดยเฉพาะมันสำปะหลังขยายตัวถึง 81.5 % เดือนมิถุนายนนั้นตลาดสำคัญทั้งตลาดหลักตลาดรองมีอัตราการขยายตัวทุกตลาดโดยตลาดหลักขยายตัวถึง 41.2% ประกอบด้วยจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป  CLMV อาเซียน เป็นต้น ตลาดรองขยายตัวถึง 49.5% ทั้งเอเชียใต้ อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา  ลาติน ออสเตรเลีย เป็นต้น

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า แผนงานในครึ่งปีหลังกระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าทำตัวเลขให้ได้ดีที่สุดนำตัวเลขเข้าประเทศให้ได้มากที่สุด โดย ประการที่1 กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนเดินหน้าทำงานร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคในรูป กรอ.พาณิชย์ และใช้ทั้งทีมเซลล์แมนจังหวัดและทีมเซลล์แมนประเทศ เป็นแม่ทัพร่วมกับภาคเอกชนในการเดินหน้าการส่งออกต่อไป โดย 1.ขณะนี้ได้มีการเตรียมกิจกรรมต่างๆเพื่อส่งเสริมการส่งออกมากกว่า 130 กิจกรรมในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีการทำยอดขายสั่งจองล่วงหน้าแล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท 2.จะเร่งเปิดตลาดใหม่ที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ปรากฏตัวเลขชัดเจนเพิ่มขึ้นต่อไป เช่น ตลาดซาอุดิอาระเบีย ซึ่งโอกาสที่ประเทศไทยจะสามารถส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งไปยังตลาดซาอุดิอาระเบียมีความเป็นไปได้มาก และตนได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่รับผิดชอบได้ติดตามรายงานทุกสัปดาห์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมปศุสัตว์ ดำเนินการเจรจารวมทั้งการเตรียมการเอกสารต่างๆกก็มีการเป็นไปได้จริงโดยเร็วที่สุด และสำหรับตลาดลาตินอเมริกา แม้เส้นทางจะไกลและเราเสียเปรียบคู่แข่งหลายประเทศค่าขนส่งจะแพง แต่เป็นเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนในการบุกตลาดลาตินอเมริกา สินค้าที่คิดว่ามีโอกาสเกิดได้ เช่น สินค้า New Normal ทั้งอาหารเกี่ยวกับสุขภาพ อาหารรูปแบบใหม่ อาหารกระป๋อง เป็นต้น สินค้าที่จะมีอนาคตในตลาดลาตินอเมริกาคือชิ้นส่วนยานยนต์เพราะที่นั่นมีรถต้องซ่อมแซมหรือใช้แล้วจำนวนมาก เป็นต้น

“ซึ่งจำเป็นต้องจับมือกับภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม เดือนสิงหาคม ประเด็นที่หนึ่งจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วยในภาคการผลิตเพื่อให้คงตัวเลขส่งออก หรือให้มีสินค้าในการสนองความต้องการตลาดโลกได้ต่อไป ปัญหาภาคการผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคมเช่น บางจังหวัดสั่งปิดโรงงานแบบเหมารวม จะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบส่วนไหนที่มีปัญหาก็ปิดโซนนั้น โซนไหนที่ไม่มีปัญหาควรให้เปิดดำเนินการต่อไปได้ หรือถ้ามีการปิดทั้งโรงงานส่วนไหนที่แก้ไขปัญหาจบแล้วก็ควรจะเปิดให้ดำเนินการผลิตต่อไป เพื่อไม่ให้ภาคการผลิตหยุดชะงักและกระทบกับการส่งออก ซึ่งตนจะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าต่อไป ” นายจุรินทร์ กล่าว

ประเด็นที่2 เรื่องแรงงานภาคเอกชนเรียกร้องให้มีแรงงานเข้าสู่ระบบมากขึ้นในช่วงที่เรากำลังทำตัวเลขส่งออกซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากกระทรวงแรงงานในการเร่งรัดขึ้นทะเบียนแรงงานที่หมดอายุโดยตนขอให้กระทรวงแรงงานจัดศูนย์ One Stop Service เพื่อรับขึ้นทะเบียนแรงงานหมดอายุในจุดต่างๆเพื่อความรวดเร็วจะได้นำมาใช้ในภาคการผลิตต่อไป ประเด็นที่3 เร่งกระจายวัคซีนเข้าสู่ภาคการผลิตโดยเฉพาะโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออกตนได้เรียนในคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาท่านนายกตอบรับและสั่งการให้พิจารณาเรื่องนี้ต่อไปเพื่อไม่ให้กระทบภาคการผลิตที่จะส่งผลต่อตัวเลขการส่งออกในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม

ทางด้าน นายภูษิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกรายสินค้านอกจากสินค้าเกษตรที่ขยายตัวถึง 59.8% สูงสุดในรอบ 10 ปี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรก็ขยายตัว 13.5% และสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 44. 7% ในส่วนของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง 22 เดือน คือ หมวดอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 27.7% น้ำตาลทรายกลับมาขยายตัวในรอบ 15 เดือนที่ 18.8% แสดงให้เห็นว่าสินค้าในทุกกลุ่มทั้งสินค้าเกษตรสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวทุกตลาดทั้งตลาดหลัก ตลาดรอง ตลาดส่งออก 50 อันดับแรกซึ่งมีสัดส่วน 97% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยขยายตัวทุกตลาด อย่างไรก็ตามอัตราการขยายตัวนี้เป็นผลจากการดำเนินงานส่งเสริมการส่งออกที่ทำอย่างต่อเนื่องรวมทั้งได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคการผลิตสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลกอยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 โดยผลผลิตคำสั่งซื้อสินค้าใหม่และการจ้างงานในหลายประเทศล้วนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป และปัจจัยเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องก็ช่วยส่งเสริมภาคการส่งออกของไทยด้วย ทั้งนี้ด้านสินค้าส่งออกที่ขยายตัวที่น่าสนใจคือ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผักและผลไม้ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป เครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรส เป็นต้น

GrabMart ส่งตรงผลผลิตจากเกษตรกรถึงมือผู้บริโภค

แกร็บ ประเทศไทย จับมือ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท และ โลตัส สานต่อ โครงการตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market) บริการที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรที่สดใหม่ส่งตรงจากท้องถิ่นผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) พร้อมทั้งสนับสนุนช่องทางในการกระจายสินค้าและเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้กับเกษตรกรไทยและผู้ประกอบการรายย่อย (MSME)

โครงการตลาดสดคนไทย เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2563 โดยได้มีการนำร่องกับกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยและจากกลุ่มผู้บริโภค จึงได้มีการสานต่อโครงการและขยายความร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ อาหารทะเล และเนื้อสัตว์จากชุมชนต่าง ๆ รวมกว่า 800 แห่งได้โดยตรงผ่านบริการ GrabMart บนแอปพลิเคชัน Grab ด้วยบริการส่งไวภายใน 25 นาที

ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยความมุ่งในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีและก้าวทันเศรษฐกิจดิจิทัล ตามพันธกิจ ‘GrabForGood’ หรือ แกร็บเพื่อชีวิตที่ดีกว่า รวมไปถึงการสนับสนุนเกษตรกรไทยและร้านค้าท้องถิ่น ในการใช้แพลตฟอร์มของแกร็บเป็นตัวกลางในการเพิ่มช่องทางในการขายและเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการและเกษตรกร เรามีความยินดีที่ได้รับความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดหาเกษตรกรและร้านค้าในกลุ่มผักและผลไม้ อาหารทะแลและเนื้อสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market)’ โครงการ 2 บนแกร็บมาร์ท (GrabMart)

ทางด้าน นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า นับจากการเปิดตัวโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ (Thai Fresh Market) ไปเมื่อกลางปี 2563 ได้รับการตอบรับที่ดีจากเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในแง่ของการเพิ่มรายได้และฐานลูกค้า อีกทั้งยังได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคทั้งในด้านของคุณภาพและความหลากหลายของประเภทสินค้าผ่านบริการ GrabMart ซึ่งการต่อยอดโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ โครงการ 2 บนแกร็บมาร์ท (GrabMart) มุ่งเน้นในการส่งมอบความหลากหลายและสดใหม่ของสินค้าทางการเกษตรให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง รวมไปถึงการร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชนเกษตรกรรมให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ปรึกษาและคณะทำงานรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นหน่วงงานภาครัฐที่มีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมีพันธกิจในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าให้เข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับรายได้ของประเทศ จึงได้มีส่งเสริมให้เกษตรกรและร้านค้ารายย่อยมีช่องทางในการกระจายสินค้าออกสู่ตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีการร่วมมือกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเพิ่มพูนรายได้ ลดความเสี่ยงเรื่องผลผลิตล้นตลาด และยังช่วยให้ธุรกิจของคนไทยสามารถอยู่รอดต่อไปได้ และเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ แกร็บ ได้สานต่อโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ เป็นครั้งที่ 2 ทำให้เกษตรกรและร้านค้ารายย่อยมีโอกาสใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการขายสินค้าที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค

นายจูเลี่ยน เทสสันนิว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายธุรกิจดิจิตอล บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท ในเครือเซ็นทรัล รีเทล มีความมุ่งมั่นในการเป็นกำลังสำคัญร่วมขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจไทย รวมไปถึงการส่งเสริมการกระจายรายได้คืนสู่คนไทยทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ เป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญ เพื่อให้ครัวเรือนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง มีรายได้และเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน และรับซื้อตรงสินค้าทางการเกษตร รวมทั้งมีการเปิดตลาดจริงใจ FARMERS MARKET ตลาดรูปแบบใหม่ที่เรามีความตั้งใจสร้างให้เป็นแหล่งรวม ผัก ผลไม้ปลอดภัย ปลอดสารพิษ และของดีประจำจังหวัด เพื่อให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างสูงทั้งการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรกว่า 6,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ และเพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย สามารถมีตลาดรองรับ ผู้บริโภคมีช่องทางในการซื้อสินค้าที่สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น จึงมีบริการสั่งซื้อสินค้าผ่านแกร็บมาร์ทบนแอปพลิเคชันแกร็บจากร้านท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์เดลี่, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท และ จริงใจ FARMERS’ MARKET แฟล็กชิพสโตร์สาขาบางนา ครอบคลุม 952 สาขาในพื้นที่ 37 จังหวัดที่ร้านค้าของเราเปิดให้บริการ

นางสาวปาริตา ปัทมรังสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนก O2O สายงานการพาณิชย์ โลตัส กล่าวว่า โลตัส ให้การสนับสนุนเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งนอกจากจะขยายช่องทางการจำหน่ายผักและผลไม้สดผ่านสาขาของเรากว่า 2,100 แห่งทั่วประเทศแล้ว โลตัสยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเกษตรกรในทุกด้านเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเกษตรสมัยใหม่ มาตรฐานความปลอดภัย การสร้างแบรนด์ การตลาด และการเงิน ความร่วมมือกับ แกร็บ ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่โลตัส จะสามารถสานต่อยอดพันธกิจในการช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โครงการ ตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market) โครงการ 2 มีเกษตรกรและร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมมากกว่า 800 ราย จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ นครปฐม นครสวรรค์ ภูเก็ต โดยจำแนกสินค้าทั้งหมดออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยสามารถสั่งซื้อผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) บนแอปพลิเคชันแกร็บ (Grab) ด้วยบริการส่งไวภายใน 25 นาที และเพื่อเป็นกระตุ้นการสร้างยอดขายเพื่อสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการ มอบส่วนลดให้ผู้ใช้บริการใหม่สูงสุด 40% เมื่อสั่งขั้นต่ำ 200 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด “FARM” และส่วนลดสูงสุด 180 บาท สำหรับผู้ใช้บริการปัจจุบัน เมื่อสั่งขั้นต่ำ 650 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด FRESH180 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 22 สิงหาคม 2564