แนะ “ผู้ส่งออก” ปรับแพคเกจจิ้งตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สานต่อนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ควบคู่ “เศรษฐกิจ BCG” เดินหน้า Circular Packaging towards BCG กระตุ้นผู้ประกอบการตระหนักถึงการรับมือกับเทรนด์การค้าโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจหมุนเวียน ปรับตัวสู่การเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ที่จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ไทยได้อย่างยั่งยืน

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ควบคู่ไปกับนโยบาย “เศรษฐกิจ BCG”* ในการส่งเสริมและยกระดับสินค้าและบริการไทยให้มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพ สามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก โดยที่ผ่านมาได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับหน่วยงานนวัตกรรมภายใต้กระทรวงกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และร่วมงานกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการให้สูงขึ้น เปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากการ “ผลิตมากแต่สร้างรายได้น้อย” (More for Less) ไปสู่การผลิตสินค้าพรีเมี่ยม “ผลิตน้อยแต่สร้างรายได้มาก” (Less for More )

กิจกรรมส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการจัดการระบบหีบห่อ และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Circular Packaging towards BCG ภายใต้แนวคิด The Future is Circular เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมสินค้านวัตกรรมและแนวคิดสร้างสรรค์ภายใต้กรอบ BCG สู่สากล** โดยร่วมกับสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย ที่จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทย ยกระดับและพัฒนาระบบหีบห่อให้มีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการส่งออกไทยได้ปรับตัวสู่การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแนวคิด Circular Economy ที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการคำนึงถึงวงจรตั้งแต่ต้นถึงปลายทางกระบวนการบรรจุหีบห่อ ตลอดจนระบบการจัดการ การใช้งานบรรจุภัณฑ์   จนสินค้าไปถึงในมือผู้บริโภค ไม่สร้างภาระให้แก่ผู้บริโภคและประเทศปลายทางด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือนำไปเข้าสู่การผลิตใหม่ (Re-material) ซึ่งจะสร้างภูมิคุ้มกันให้สามารถก้าวข้ามข้อกีดกันทางการค้าต่าง ๆ ทั้งกำแพงภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี อาทิ มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ (Climate Change) ในเวทีการค้าโลก เนื่องจากขณะนี้ตลาดโลกให้ความสนใจกับประเด็นการค้าสีเขียวโดยเฉพาะตลาดที่มีกำลังซื้อสูง อาทิ สหภาพยุโรป ซึ่งได้กำหนดแผนนโยบาย The European Green Deal ที่เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมกับการลดการเกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ครอบคลุมประเด็นผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน

สำหรับผู้ประกอบการที่สมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด ได้ถูกคัดเลือกให้เหลือเพียง 20 บริษัท เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมการให้คำปรึกษาเชิงลึกรายบริษัททางออนไลน์ ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 24 สิงหาคม 2564 ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ นางสาวภัทรา คุณวัฒน์ รองเลขาธิการสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย, นายโชตินรินทร์  วิภาดา ผู้เชี่ยวชาญของสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท 345 โพรไวเดอร์ จำกัด และ ผศ.ธนารักษ์ จันทรประสิทธิ์ หัวหน้าภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, นายศุภเดช  หิมะมาน หัวหน้าสาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร และนายธีรชัย  ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และดีไซน์ไดเร็คเตอร์ แบรนด์ Qualy  บริษัท นิว อาไรวา จำกัด

ในพิธีเปิดกิจกรรม Circular Packaging towards BCG นอกจาก นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายมานิต  กมลสุวรรณ นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย แล้ว ยังมีการสัมมนาให้ความรู้ทางออนไลน์ โดยได้รับเกียรติจาก นายสินชัย  เทียนสิริ ผู้อำนวยการสถาบันรหัสสากล (GS 1) อดีตผู้อำนวยการสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE), นายทินกร  เหล่าเราวิโรจน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์ไทย และ นายจิรพัฒน์  ฐานสันโดษ Market Packaging Manager, Indochina บริษัท เนสท์เล่ ประเทศไทย จำกัด ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและแนะแนวทางการปรับตัวของผู้ส่งออกไทย

โดยหลังจากที่แต่ละบริษัทผ่านการอบรมเชิงลึกแล้วจะเข้าสู่การจัดทำต้นแบบหีบห่อและบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบเฉพาะ (Prototype Model) โดยเป็นต้นแบบที่คำนึงถึงทุกมิติ ทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ต้นกระบวนการทางความคิด การออกแบบ การผลิต การขนส่ง การจัดวางจัดเรียงสินค้า การเลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายตามธรรมชาติและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยในขั้นตอนนี้จะแสดงให้เห็นถึงการเปรียบเทียบก่อนและหลังการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ส่งผลต่อการปรับลดต้นทุน อันจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจได้ต่อไป

“กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้ นอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของไทยแล้ว ยังช่วยเชื่อมโยงธุรกิจการค้าระหว่างผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไทย ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ไทย และนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ ให้เกิดอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ของอุตสาหกรรมหีบห่อและบรรจุภัณฑ์ที่เข้มแข็ง ทั้งยังสร้างความตระหนักในภาคอุตสาหกรรมและภาคการค้าของไทยให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวสู่การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อธุรกิจส่งออกสินค้าไทยในสายตาผู้ซื้อผู้นำเข้าในเวทีสากล ช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยในภาพรวมให้แข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืน” นายสมเด็จ กล่าวทิ้งท้าย

Idea Lab 4 พา 15 แบรนด์หัวกะทิเข้าสู่รอบสุดท้าย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) พา 15 แบรนด์หัวกะทิเข้าสู่รอบสุดท้ายเพื่อบ่มเพาะอย่างเข้มข้น โดยสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้าได้ดำเนินกิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทย รุ่นที่ 4  หรือ IDEA LAB 4 ภายใต้แนวคิด From The New Normal to A New Future” ให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพให้แก่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก เพื่อผลักดันให้เป็นหนึ่งในปัจจัยในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการส่งออก และสร้าง แบรนด์ภูมิภาคให้เป็นแบรนด์ต้นแบบประจำท้องถิ่น (Local Brand Hero) ซึ่งปีนี้ปรับรูปแบบการอบรมเป็นออนไลน์เพื่อขยายการเข้าถึงของผู้ประกอบการทั่วประเทศ

สำหรับปีนี้มีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 127 ราย มาจากกรุงเทพฯ 34 ราย ต่างจังหวัดรวมปริมณฑล 93 ราย โดยขณะนี้ได้ดำเนินโครงการมาถึงรอบสุดท้าย ที่คัดเลือก 15 แบรนด์ SMEs ไทย จากสามกลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร ได้แก่ Chaolay Seagrape, Dairy Home, Hana Planet, Madam Nurse, Mantra, One more Thai craft chocolates, Plantyful, PP/Manida/M&K, Siam Tech, Sunfood, YoRice,    กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม ได้แก่ Doganic, Sookkho และ กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และหัตถกรรม ได้แก่ DeCycle, Maron

โดยในรอบสุดท้ายนี้ทั้ง 15 แบรนด์จะได้เข้าร่วมเวิร์คช้อปเชิงลึกในหัวข้อสำคัญ อาทิ Brand Investigation & Invention, Brand Value Connectivity, Brand Aesthetic Empowerment, Brand Experience Enrichment และ Brand Strategic Plan จากผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น สมชนะ  กังวารจิตต์ ผู้ก่อตั้ง Prompt Design, ณฑัต ณ สงขลา นักวางแผนกลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์และนักการตลาด และทรงพล  เนรกัณฐี นักวางแผนยุทธศาสตร์ด้านการสร้างแบรนด์และนักการตลาด เพื่อนำเสนอแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์พร้อมรับประกาศนียบัตรในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ต่อไป

DITP ติวเข้มแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ไทย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดตัวโครงการพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่สำหรับงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok ปีที่ 2 ติวเข้มผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ภายใต้แนวคิดเพื่อชีวิตและธุรกิจที่ยั่งยืนกว่าตามหลัก BCG Model หวังพัฒนาผู้ประกอบการสู่ตลาดสากล กระตุ้นการส่งออกต่อไป

ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเน้นพัฒนาศักยภาพทางการตลาดให้กับภาคการผลิต และภาคบริการ ทั้งเอสเอ็มอี และไมโคร เอสเอ็มอี โดยใช้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่จะนำความต้องการยุค New Normal มาเป็นแนวทางการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยในการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ และขยายช่องทางการตลาดสินค้าและบริการของไทยสู่ตลาดโลก

นายสมเด็จ  สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP กระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า ตลาดโลกในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ประกอบกับวาระแห่งชาติ ในปี 2564 ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ BCG Model ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และทั้ง 2 เศรษฐกิจนี้ อยู่ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จึงจัดให้มี โครงการพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่สำหรับงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok” หรือ STYLE BANGKOK COLLABORATION 2021 อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้แนวคิดเพื่อชีวิตและธุรกิจที่ยั่งยืนกว่า (Sustainable Life) ให้กับผู้ประกอบการสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทย โดยมีคณะวิทยากรชั้นนำที่จะร่วมกันพัฒนาศักยภาพผู้เข้าร่วมโครงการ ด้วยการให้คำปรึกษาเชิงลึกเพื่อนำไปต่อยอดให้กับแบรนด์สินค้า และยกระดับสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยสู่ยุค BCG ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดสากล สร้างสรรสินค้าใหม่ๆดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อ ผู้นำเข้าให้สั่งซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทยให้มากขึ้น หรือเดินทางมาเข้าชมงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok เมื่อสถานการณ์ปกติหลังการแพร่ระบาดของ Covid-19

สำหรับปีนี้ คณะกรรมการจะคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อจับคู่พัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่อย่างน้อย 25 ผลงาน โดยจะได้ร่วมอบรมพร้อมรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ได้แก่ อาทิ  เซบาสเตียน มาลวิลล์ (Sebastien Maleville) สตูดิโอ ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ Jacom Jensen Design | KMUTT Bangkok, ปารีสา  จาตนิลพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด, วิชชุกร  โชคดีทวีอนันต์ นักออกแบบสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ Co-founder และ Project Manager โครงการเดอะบาวด์เฮาส์, มนัสพงษ์  สงวนวุฒิโรจนา Design Director, Hypothesis และกรรมการสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย, ธีรพจน์ ธีโรภาส นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และ Design Director แบรนด์สินค้าเฟอร์นิเจอร์ Kitt-Ta-Khon และ ภฤศธร สกุลไทย Design Director บริษัทให้บริการด้านมัณฑนศิลป์ PIA interior

ทั้งนี้ โครงการในปีที่ผ่านมาเกิดการพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่กว่า 20 ผลงาน โดยผลงานจำนวนหนึ่งประสบความสำเร็จจากการคว้ารางวัลจากเวทีประกวดต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ และพร้อมส่งออกแล้ว ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของการเริ่มต้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ และยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้เห็นความสำคัญและคุณค่าของการพัฒนาศักยภาพได้ต่อไป

รับสมัคร 15 สตาร์ทอัพนักนวัตกรรมไทยบินโชว์ผลงานใน CES 2022

บริษัท โซเชียลแล็บ จำกัด ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สมาคมไทยไอโอที พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผนึกกำลังร่วมกันเฟ้นหา 15 สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการเทครุ่นใหม่ ที่พร้อมนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้าน Hardware ที่สร้างสรรค์ออกสู่เวทีโลก และประกาศความพร้อมติดสปีดอุตสาหกรรมดิจิทัลเดินหน้า ผลักดันนวัตกรรมไทยให้ตอบโจทย์ธุรกิจสู่เวทีโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Thailand Pavilion” ในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก   งาน Consumer Electronics Show (CES) 2022 เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม 2564 ซึ่งสตาร์ทอัพทั้ง 15 คนที่ได้รับการคัดเลือก จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดจากความร่วมมือของ Gadget Accelerator หรือ GAX ผู้สนับสนุนจากทั้ง ภาครัฐ และเอกชน เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจากวงการนักประดิษฐ์ รวมถึงนักออกแบบ ที่จะช่วยเตรียมความพร้อมและบ่มเพาะสตาร์ทอัพทุกคนให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปแสดงผลงาน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสตาร์ทอัพไทยที่จะได้เรียนรู้ เข้าใจเทรนด์โลกเทคโนโลยีแห่ง อนาคต พัฒนาช่องทางขยายตลาด สร้างเครือข่ายกับพันธมิตรต่างประเทศ และโอกาสในการต่อยอดธุรกิจกับนักลงทุนรายใหญ่

ผู้สนใจที่อยากจะร่วมเป็น 1 ใน 15 สตาร์ทอัพนักนวัตกรรมไทย ที่บินไปโชว์ผลงานไกลถึงงาน CES 2022 ณ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถสมัครส่งผลงานได้ที่ shorturl.asia/RG6Hk ตั้งแต่วันนี้ – 22 มิถุนายน 2564

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล [email protected], Facebook: Gax Community และ Facebook: Ceemeagain