กรมการพัฒนาชุมชน เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP

กรมการพัฒนาชุมชน จัดการอบรมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) ให้มีคุณภาพมาตรฐาน ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ประกอบการสินค้าโอทอป กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ได้เสริมทักษะทางด้านการตลาด สามารถนำความรู้ไปพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมสนับสนุนสินค้าโอทอปให้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ โดยมีผู้ชำนาญการเฉพาะด้านเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรการอบรม และให้เกียรติมาเป็นวิทยากรแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 244 ราย

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าโอทอป ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) ลงทะเบียนผ่านระบบทั้งสิ้น 19,248 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าสินค้าโอทอปของกลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ประสบปัญหาด้านคุณภาพ และมาตรฐาน รวมถึงรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้สินค้าขาดศักยภาพในการเข้าไปแข่งขันในตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ

นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศ มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ทำให้กรมฯ มีความกังวลใจในเรื่องความปลอดภัยของผู้ประกอบการ หากแต่การอบรมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน จึงมีการตัดสินใจปรับรูปแบบการอบรมมาเป็นระบบออนไลน์แทน เพื่อให้ผู้ประกอบการยังสามารถเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการสินค้าโอทอป กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร เนื่องจากประชาชนกำลังมีความตื่นตัวหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ด้วยการเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายจากสมุนไพร จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นออกสู่ตลาด ซึ่งมีข้อได้เปรียบในเรื่องเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจอยู่แล้ว แค่เสริมทักษะด้านการตลาดเข้าไป ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเข้าสู่ระบบตลาดได้หลากหลายช่องทาง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตจากฐานรากได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยหลักสูตรของการอบรมครั้งนี้ มีเนื้อหาที่ครอบคลุมและครบทุกมิติ ผู้ประกอบการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้าได้ตลอดทั้งกระบวนการ แบ่งออกเป็น ด้านการตลาด เน้นการสร้างแบรนด์ วิเคราะห์ วางกลยุทธ์ทางการตลาดต่าง ๆ ด้านดิจิทัล มีเป้าหมายในการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ ด้านการออกแบบ เพื่อสร้างภาพจำให้กับสินค้า และ ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาศักยภาพสินค้าโอทอป ให้ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการนี้ นับเป็นการจัดอบรมในรูปแบบออนไลน์ครั้งแรก แต่ก็ถือว่าได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

“กรมการพัฒนาชุมชนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอบรมครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มศักยภาพในเชิงพาณิชย์ให้กับผลิตภัณฑ์โอทอปกลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ให้สามารถขยายช่องทางการขายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้เติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งหลังจากนี้ ทางโครงการฯ จะมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยการลงพื้นที่เพื่อช่วยตรวจสอบการผลิตสินค้าให้ถูกต้องตามขั้นตอน และกระบวนการที่ได้มาตรฐาน” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ยกระดับ OTOP ช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์ม Lazada

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างกับพี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ทำให้ขาดรายได้ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้กรมการพัฒนาชุมชน มองเห็นช่องทางการช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในการส่งเสริมการตลาด ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน จึงได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มลาซาด้า (Lazada)  โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมจำหน่ายสินค้า ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จำนวน 384 ราย มีผลิตภัณฑ์ OTOP จำนวน 486 ผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ 1) ประเภทอาหาร จำนวน 186 ผลิตภัณฑ์  2) ประเภทเครื่องดื่ม จำนวน 42 ผลิตภัณฑ์  3) ประเภทผ้า เครื่องแต่งกาย จำนวน 105 ผลิตภัณฑ์  4) ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก จำนวน 61 ผลิตภัณฑ์  5) ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร จำนวน 92 ผลิตภัณฑ์  ซึ่งมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนช่องทางการตลาดนี้เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง

นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้ร่วมมือกับกรมการพัฒนาชุมชน จำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์ม โดยลาซาด้ามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP อย่างเต็มที่ ด้วยเครื่องมือและทรัพยากรบนแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ผู้ขายอย่างมีประสิทธิภาพ ลาซาด้า เชื่อว่าด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและโลจิสติกส์ ระดับโลกของเรา จะสามารถผลักดันผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มยอดขายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซได้ทั่วประเทศ

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จึงได้ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งกระบวนการผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการตลาดทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์  โดยนำสินค้า OTOP ที่คัดสรรจากผู้ประกอบการทั่วประเทศมากกว่า 400 ผลิตภัณฑ์ ให้ได้เลือกกันอย่างจุใจ ผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า (Lazada) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างทั่วถึง เพื่อช่วยให้ร้านค้าและผู้ขายสามารถเพิ่มยอดขาย ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ  จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันและสร้างศักยภาพให้ชุมชนท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง สามารถปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตในรูปแบบ new normal สร้างธุรกิจ การตลาดให้แข็งแรงและเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นช่องทางที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน นอกจากจะช่วยพลิกวิกฤตทางเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศแล้วนั้น ยังจะสามารถแสดงศักยภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ OTOP ไทย ให้เป็นที่นิยมของทั่วโลก จากการรวมพลังกันซื้อและใช้สินค้าฝีมือของคนไทย ซึ่งจะช่วยการันตีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ OTOP ให้โลกได้รับรู้ เมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลงแล้ว ก็จะนำไปสู่การเปิดตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP ให้กว้างขึ้น รวมถึงยังเป็นการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกอบการ OTOP ในยามวิกฤตเช่นนี้ จะเห็นได้ว่า หากเราซื้อสินค้าโอทอปเพียง 1 ชิ้น ก็สามารถช่วยเหลือพี่น้องในชุมชนไม่น้อยกว่า 20 คน ถือเป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดการหมุนเวียน การใช้จ่ายภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นกลไกทำให้กระบวนการทางเศรษฐกิจเชิงมหภาคในภาคอุปโภคและบริโภค ขับเคลื่อนเดินหน้า เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ขอเชิญชวนคนไทยร่วมกันอุดหนุนผลิตภัณฑ์โอทอป ที่มีคุณภาพฝีมือของคนไทย เพื่อเป็นการพลิกวิกฤต สร้างโอกาส สร้างรายได้ แก่พี่น้องผู้ประกอบการ OTOP โดยสามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้โดยตรงกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ผ่านบนแพลตฟอร์ม OTOP Today (www.otoptoday.com) , ลาซาด้า Lazada (https://www.lazada.co.th/) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

ประกาศผล 50 ผืนสุดท้าย สู่การประกวดผ้าระดับประเทศ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้มีการตัดสินการประกวดลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาและพัฒนาศักยภาพผ้าไทย ในรอบ Semi Final จำนวน 150 ผืน ณ ห้อง Meeting Room 3 ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา บัดนี้กรมฯ ได้ดำเนินการคัดเลือกการประกวดผ้าลายพระราชทานระดับประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยมีผ้าลายพระราชทานที่ผ่านการคัดเลือกทั้งสิ้น 50 ผืน แบ่งเป็น 1.ผ้ามัดหมี่ 2 ตะกอ จำนวน 5 ผืน 2.ผ้ามัดหมี่ 3 ตะกอขึ้นไป จำนวน 5 ผืน 3.ผ้าขิด จำนวน 6 ผืน 4.ผ้ายกดอก จำนวน 1 ผืน 5.ผ้ายกใหญ่ จำนวน 4 ผืน 6.ผ้ายกเล็ก จำนวน 4 ผืน 7.ผ้าจกทั้งผืน จำนวน 6 ผืน 8.ผ้าแพรวา จำนวน 3 ผืน 9.ผ้าเทคนิคผสม จำนวน 4 ผืน 10.ผ้าบาติก-ผ้ามัดย้อม จำนวน 7 ผืน และ 11.ผ้าเทคนิคสร้างสรรค์ จำนวน 5 ผืน ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องเตรียมความพร้อมเข้าประกวดในระดับประเทศต่อไป

โดยนับว่าเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่งที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาได้ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา ออกแบบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย ด้วยพระดำริที่ชัดเจนในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาหัตถกรรมไทย ให้ดำรงอยู่ยั่งยืนตลอดไป โดยเฉพาะผ้าไทยอันเป็นสิ่งบอกเล่าเรื่องราวคุณค่าของท้องถิ่น ให้เป็นเครื่องมือนำพาคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น

สืบเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ในโอกาสที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดงาน OTOP City 2020 และทรงพระกรุณาพระราชทานแบบลายผ้าฯ ปลุกกระแสวงการผ้าไทยทุกภูมิภาคกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก่อให้เกิดการสร้างแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์ลวดลายผ้าตามแบบวิถีดั่งเดิม ให้เกิดความทันสมัย สร้างอัตลักษณ์ใหม่อันเป็นที่ถูกใจของตลาด ขยายฐานลูกค้าที่มีทุกเพศ ทุกวัย ทุกโอกาส สมดังพระดำริ ผ้าไทย ใส่ให้สนุก นำมาซึ่งกำลังใจ และความภาคภูมิใจของช่างทอผ้าเป็นอย่างมาก

แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แต่ยังคงฝ่าฟันสร้างรายได้หมุนเวียนเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว ต่อไปได้ พระองค์ทรงยึดแนวพระราชดำริ ในวิถีของการวิจัยและพัฒนา R&D ผ้าไทยให้ได้รับการยกระดับ และคุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องช่างทอผ้าทั้งหลาย ได้พัฒนาฝีมือ ค้นหาเทคนิควิธีการในการผลิตผ้าไทยให้ดีขึ้นด้วยเทคนิคต่าง ๆ ตามแต่ละภูมิภาค

โดยได้รับความร่วมมือจากดีไซเนอร์จิตอาสาที่ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ในการเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในเรื่องของ แนวความคิดการพัฒนาผ้าไทย และคำนึงถึงความต้องการ ความนิยมของตลาดผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ สี ตลอดจนความประณีตในการทอผ้าให้มีคุณภาพ และนับได้ว่าการประกวดลายผ้าพระราชทาน ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ครั้งนี้ ในทุกเทคนิคการทอผ้า ทั้งผ้าบาติก ผ้ามัดหมี่ ผ้าขิด ผ้าจก ผ้ายกดอก รวมถึงผ้าปัก เป็นการส่งเสริมให้พี่น้อง OTOP ที่รวมกลุ่มกันในเรื่อง ผ้า ได้พัฒนาฝีมือ นำเทคนิคใหม่ๆ มาพัฒนาผ้าอย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมาได้มีการจัดประกวดผ้าทั้งหมด 4 ภูมิภาค ซึ่งถือว่า เป็นที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องกลุ่มทอผ้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีผู้เข้าร่วมการประกวดมากกว่า 1,677 ผืน และทั้ง 4 ภูมิภาคมีผู้สมัครเข้าร่วมการประกวดทั้งสิ้น 3,215 ผืน

พช. ประกาศผู้ชนะประกวดคติครบรอบ 60 ปี

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า ตามที่กรมการพัฒนาชุมชน กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน เพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งได้มอบหมายให้คณะทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมการประกวดฯ ดำเนินการจัดกิจกรรมการประกวดคติประจำใจในการทำงานพัฒนาชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน โดยได้จัดทำระบบรับสมัครในระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2564 โดยหลังจากปิดรับสมัครแล้วได้กำหนดให้มีการพิจารณาคติประจำใจจากผู้ที่ส่งทั้งหมดให้เหลือ 5 คติประจำใจแล้วเปิดให้ลงคะแนนโหวตในระหว่างวันที่ 4-14 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมานั้น

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศผลการประกวดคติประจำใจในการทำงานพัฒนาชุมชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน  พร้อมทั้งได้แสดงความยินดีกับผลการประกวดคติประจำใจในการทำงานพัฒนาชุมชน ที่ได้รับการคัดเลือกคะแนนสูงสุด ได้แก่ “60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน สร้างสรรค์ชุมชน สร้างคน สร้างชาติ”  โดยเป็นผลงานการประกวดของ นายทรัพย์ศิลป์ สังสีแก้ว ตำแหน่งนักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ รักษาราชการแทนพัฒนาการอำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี

พร้อมกล่าวขอบคุณคณะทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมการประกวดฯ และกลุ่มองค์กร ภาคีเครือข่าย ประชาชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการประกวดจำนวนมาก พร้อมให้กำลังใจบุคลากรกรมการพัฒนาชุมชนทุกท่าน ขอให้ยึดมั่นคติประจำใจในการทำงานพัฒนาชุมชน ให้ปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนภารกิจงานของกรมโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานบรรลุวิสัยทัศน์ เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2565 มุ่งเดินหน้า Change for Good ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนสู่ชีวิตมั่นคง ครัวเรือนมั่งคั่งและชุมชนยั่งยืนต่อไป

ด้าน นายนพรัตน์ ธำรงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ ในฐานะกรรมการเลขานุการฯ กล่าวเสริมว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมการประกวดฯ โดยมี นายกิติพล เวชกุล ผู้ตรวจราชการกรม ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกคติประจำใจ โดยมีผู้ที่สนใจส่งคติประจำใจ จำนวน 157 คติประจำใจ ซึ่งที่ประชุมพิจารณาโดยใช้มติพิจารณาคัดเลือก เหลือจำนวน 5 คติประจำใจ จากนั้น กองการเจ้าหน้าที่ได้จัดทำระบบ google form เพื่อเปิดให้บุคลากรในสังกัด กลุ่มองค์กร ภาคีเครือข่าย ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้โหวตคติประจำใจให้เหลือเพียง 1 คติประจำใจเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน  นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมโหวตจำนวนทั้งสิ้น 9,330 คน โดยถือว่าได้รับความสนใจในการร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นจำนวนมากซึ่งบรรลุหลักการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง พร้อมกล่าวขอบคุณคณะทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมการประกวดฯทุกท่าน ที่ได้ดำเนินการคัดเลือกในการประกวดด้วยความถูกต้อง โปร่งใส บริสุทธิ์และยุติธรรม  พร้อมทั้งขอบคุณผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการประกวดทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมกิจกรรมประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในโอกาสครบรอบ 60 ปี กรมการพัฒนาชุมชน พร้อมขอให้บุคลากรกรมการพัฒนาชุมชนทุกท่านยึดมั่นคติประจำใจในการทำงานพัฒนาชุมชน ในการขับเคลื่อนภารกิจงานกรม สร้างสรรค์ชุมชน สร้างคน สร้างชาติ เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ทุกท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดประกาศผลการประกวดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ กองการเจ้าหน้าที่ กรมการพัฒนาชุมชน https://personnel.cdd.go.th/  หรือคลิกลิ้งค์ : https://bit.ly/3hdsrct หรือทางเพจ Facebook : Personnel CDD Channel