นายกฯ ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สถานีกลางบางซื่อ

วันแรกของการเปิดบริการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กสทช. และผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงกลุ่มทรู โดย นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น

ทั้งนี้ กลุ่มทรู ได้ให้การสนับสนุนภารกิจการกระจายฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงคนไทยมากที่สุด อันเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญในขณะนี้ ตั้งแต่การบริหารจัดการระบบการลงทะเบียนตามช่องทางต่างๆ ของกลุ่มทรู จัดเตรียมพนักงานจิตอาสากว่า 100 คน ที่ผ่านการฉีดวัคซีนแล้วและได้รับการอบรมด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี สวมถุงมือและเฟซชิลด์ตลอดเวลาขณะให้การดูแลผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน ตลอดจนมีบริการเครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีที่ได้มาตรฐาน ไว้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์พกพาต่างๆ พร้อมมอบฟรีน้ำดื่มทรู ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้เข้ารับการฉัดวัคซีน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทรูทุกคน ทรูยู ยังร่วมกับ FWD มอบประกันผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนฟรี จำนวน 400,000 สิทธิ์ โดยลูกค้าต้องลงทะเบียนก่อนรับการฉีดวัคซีนที่แอปพลิเคชันทรูไอดี เพื่อรับความคุ้มครอง ทุนประกัน 150,000 บาท นาน 60 วัน นอกจากนี้ ทรู ยังเตรียมพร้อมเครือข่ายสื่อสารอัจฉริยะ ทรู 5G /4G และ WiFi อย่างเต็มกำลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการใช้งานของบุคลากรการแพทย์และประชาชนที่มารับบริการอีกด้วย ทั้งนี้ การสนับสนุนดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของกลุ่มทรู ที่ต้องการร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่คนไทยและประเทศไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

SCAP ดันสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ช่วยคนไทยให้ไปต่อ

บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด หรือ SCAP (เอสแคป) ผู้ดำเนินการธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำของไทย ร่วมสนับสนุนให้ทุกคนเต็มที่กับชีวิตได้ทุกวัน เผยพร้อมเคียงข้างคนไทยให้ได้ไปต่อ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ระลอกใหม่ “โควิด ชีวิตไม่ติด” ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์รองรับบริการด้านเดลิเวอรี่ที่ขยายตัวในตลาดอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดช่องทางการให้บริการทั่วประเทศ

นายวิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บจก. ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล หรือ SCAP (เอสแคป) เผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 พบการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยบริการด้าน Delivery มีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบการจัดส่งอาหารไปยังที่พักด้วยรถจักรยานยนต์หรือ Food delivery เติบโตถึง 78-84% ในปี 2563 และยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2564 สะท้อนถึงการเติบโตอย่างชัดเจนในกลุ่ม Delivery เอสแคปจึงพร้อมสนับสนุนให้ทุกธุรกิจ ทุกอาชีพได้ปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ผ่านพ้นวิกฤตโควิดครั้งนี้ผ่านสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซด์ ในอัตราดอกเบี้ย เริ่มต้นเพียง 1.19% ต่อเดือน

“ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลายธุรกิจต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงท่ามกลางข้อจำกัดของการแพร่ระบาดของโควิด – 19 พ่อค้าแม่ค้าที่เคยค้าขายกับลูกค้าโดยตรงต้องปรับกลยุทธ์ เป็นการรับออเดอร์ผ่านออนไลน์ และใช้บริการเดลิเวอรี่เข้ามาช่วยเกือบ 100% รวมถึงมีผู้เข้ามาประกอบอาชีพไรเดอร์ หรือผู้ให้บริการส่งอาหาร-พัสดุ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งทำเป็นรายได้เสริมและรายได้หลัก เพื่อพยุงรายได้และความเป็นอยู่ของครอบครัว ทำให้ตลาดเติบโตสวนกระแส ทางเอสแคปจึงผุดไอเดียพร้อมสนับสนุนคนไทยให้มีรายได้มีอาชีพ และก้าวต่อไปได้ด้วยบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ที่ปัจจุบันมีช่องทางการให้บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศ” นายวิชิต กล่าว

สำหรับรายละเอียดสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ เอสแคปเปิดเกณฑ์ให้ผู้กู้ที่มีอายุ 18 ถึง 65 ปี มีที่พักอาศัย ในเขตพื้นที่ให้บริการและรายได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ โดยใช้เอกสารประกอบการสมัครไม่ยุ่งยากเพียง (1) เอกสารสำเนาบัตรประชาชน และ (2) เอกสารแสดงรายได้ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0 2481 7865 หรือ https://www.sleasing.co.th

บี จิสติกส์ รุกขยายธุรกิจผู้ผลิตน้ำดิบ

บี จิสติกส์ รุกถือหุ้นใหญ่ บริษัทเทพฤทธา 51% หวังขยายฐานธุรกิจไปสู่ผู้ผลิตน้ำดิบ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ มั่นใจผลประกอบการมีกำไรได้ทันที เหตุกลุ่มลูกค้าหลักมีสัญญาซื้อขายน้ำประปาในระยะยาว ถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี

นางสาวสุทธิรัตน์ ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B ผู้ให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้บริษัท เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท เทพฤทธา จำกัด จำนวน 204,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 294.11 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) คิดเป็นสัดส่วน 51% ของทุนจดทะเบียน รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 60 ล้านบาท

นอกจากนั้นให้ บริษัท บียอนด์ แคปปิตอล จำกัด (บริษัทย่อย) ปล่อยเงินกู้ให้ บริษัท เทพฤทธา จำนวน 30 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ธัญธาราชัย จำกัด (TTRC) จำนวน 35,000 หุ้น หรือ คิดเป็นสัดส่วน 70% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทธัญธาราชัย ในราคาหุ้นละ 857.14 บาท (มูลค่าพาร์ 100 บาท) รวมเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 90 ล้านบาท

วัตถุประสงค์ของการลงทุนครั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจผู้ผลิตน้ำดิบ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น สามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้บริษัทอย่างมั่นคง สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทจะสามารถกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจหลักซึ่งเป็นธุรกิจขนส่ง (Transport) และ โลจิสติกส์ (Logistics)

“การเข้าถือหุ้นในบริษัทเทพฤทธา จำกัด ในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงและเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต เนื่องจากธุรกิจน้ำดิบเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ ปัจจัยพื้นฐาน เพราะการใช้น้ำยังมีความต้องการสูง และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกปี อีกทั้งการที่บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัทที่เปิดดำเนินการแล้ว มีฐานลูกค้าเดิมที่มีสัญญาซื้อและขาย น้ำในระยะยาว ส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้ผลประกอบการที่มีกำไรได้ทันทีและถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งกับตัวบริษัท และผู้ถือหุ้น”นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวว่า

บริษัท เทพฤทธา จำกัด ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี โดยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 83.61 ล้านบาท มีรายได้รวม 47.87 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 11.04 ล้านบาท ขณะที่ ณ วันที่ 30 เม.ย.2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 53.99 ล้านบาท มีรายได้รวม 13.35 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 5.23 ล้านบาท

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ประกันตน

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สนับสนุนพื้นที่หน่วยงานภาครัฐในการกระจายวัคซีนให้บริการประชาชนได้ครอบคลุมทั่วถึง ผนึกกำลัง สำนักงานประกันสังคมเขต 4 และ โรงพยาบาลปิยะเวท เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 ที่อยู่ในพื้นที่เขต 4 ได้แก่ บางรัก ปทุมวัน ยานนาวา สาทร และ บางคอแหลม ซึ่งบริษัทลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ล่วงหน้าจากสำนักงานประกันสังคมเขต 4 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2564 เปิดให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. บริเวณชั้น G โซน C ลานปทุมวันฮอลล์ และ รามาฮอลล์ รวมพื้นที่กว่า 1,600 ตร.ม. รองรับผู้ประกันตนประมาณ 1,200 คน/วัน

ภายใต้ความพร้อมให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทั้งด้านสถานที่ที่มีความกว้างขวาง การเดินทางสะดวกสบายจากศูนย์การค้าเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ พร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยและความสะอาดขั้นสูงสุด ตั้งแต่ทางเข้าศูนย์ฯและทางเข้าจุดบริการที่มีการติดตั้งจุดตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด พร้อมอุปกรณ์ อาทิ เครื่องวัดอุณหภูมิ การจัดสถานที่เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมถึงอบโอโซน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมเช็ดทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเข้มข้นภายในศูนย์ฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯ

โดยนางสาวภคมน ศิลานุภาพ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ สำนักงานประกันสังคม ในฐานะประธานคณะทำงานบริหารจัดการและกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้แก่ผู้ประกันตน พร้อมด้วย นายมนตรี สุวณิยช์ ที่ปรึกษาด้านเภสัชกรรม นางสาวอุษา ธีระวิทยเลิศ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือปิยะเวท พญ.เจรียง จันทรกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนและการทดสอบระบบการให้บริการวัคซีนตามขั้นตอน ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เขตปทุมวัน ซึ่งวันนี้ได้ทดสอบระบบโดยทำการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาห้กับบุคลากรสังกัดกระทรวงแรงงาน โดยมีคณะผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ นำโดย นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ซึ่งมีการเตรียมระบบการให้บริการฉีดวัคซีนที่ปลอดภัยและครบถ้วนตามขั้นตอนจนถึงการดูแลและสังเกตอาการ

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ สำนักงานประกันสังคมเขต 4 และ โรงพยาบาลปิยะเวท ในการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชน เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม เพื่อให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว ดัชนีความสุขของคนไทยเพิ่มขึ้น พลิกฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ร้านค้า พนักงาน ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ

“นอกจากความพร้อมด้านสถานที่ ความสะอาดและความปลอดภัยขั้นสูงสุด เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ยังร่วมกับร้านค้ามอบความสุขให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านแคมเปญ THAI SAVE THAI รวมใจฉีดวัคซีน เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 และบัตรประจำตัวประชาชน รับทันทีส่วนลดของแถมจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2564  พร้อมกิจกรรมให้ความรู้ในการนำตำรับยาจากสมุนไพรภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคมาดูแลสุขภาพของตนเอง คลินิกตรวจสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การสาธิตทำเครื่องดื่มสุขภาพ อาทิ น้ำตรีผลา น้ำกระชาย การแจกสมุนไพรให้กลับไปปลูกที่บ้าน ในงานสมุนไพรไทย ทลายโรค ทลายโควิด ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จัดขึ้นจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2564” นายสมพล กล่าว

ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ววันนี้

เปิดบริการหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดิ เอ็มโพเรี่ยม ณ บริเวณ ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยเปิดให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ ของทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังสนับสนุนการฉีดวัคซีนช่วยชาติของคนไทย โดยจัดโครงการ วัคซีนนิสต้า อินคลูซีพ พรีวิเลจ (Vaccinista Inclusive Privileges) มอบความพิเศษให้คนไทยทุกคนที่ฉีดวัคซีน โควิด-19 และเมื่อมาใช้บริการ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์

ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ร่วมสนับสนุนการรณรงค์ ฉีดวัคซีนช่วยชาติ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของคนไทย โดยมีการจัดโครงการ วัคซีนนิสต้า อินคลูซีพ พรีวิเลจ (Vaccinista Inclusive Privileges) จับมือกับร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำภายใน ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ มอบสิทธิประโยชน์ให้กับคนไทยทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มาใช้บริการทั้ง 2 ศูนย์การค้า เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน รับความพิเศษมากมาย ได้แก่ EMFashionicon แนะนำการแต่งตัวในช่วงของการรับวัคซีนโควิด-19 สร้างเทรนด์แวคซี ช็อต (VAXXI SHOT) ให้โพสต์ท่าจัดเต็มในการมารับวัคซีน โดยรวบรวมคอลเลคชั่นแฟชั่นแบรนด์ดัง ทั้งเสื้อผ้าในลุคทะมัดทะแมง ทั้งเสื้อแขนกุด กางเกงยีนส์พอดีตัว และหลากหลายกระเป๋าใบเก๋ พร้อมสะพายในลุค สุดมั่นใจ พร้อมโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษมากมาย

และพบความพิเศษจาก เอ็มไดนิ่ง (EMDINING) และ ฟู้ด ฮอลล์ (FOODHALL) ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ มอบสิทธิพิเศษทานฟรีมากมายจากร้านอาหารชั้นนำ เช่น KOI THE, MAN FU YUAN KITCHEN, MISOYA RAMEN, PAUL, SAVA ALL DAY DINING, TWG ,XING FU TANG, CHIKALICIOUS, SKINNY LICIOUS, PENNII, KAMU, ERIC KAYSER และ LITTLE MERMAID สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 และเมื่อมาใช้บริการ ณ ร้านค้า ร้านอาหารภายในศูนย์การค้า ทั้ง 2 แห่ง โดยสามารถแสดงหลักฐานการรับวัคซีน เพื่อรับสิทธิพิเศษผ่านช่องทาง LINE: @EMDISTRICT

แคมแปญ วัคซีนนิสต้า อินคลูซีพ พรีวิเลจ มอบความพิเศษจากร้านค้าชั้นนำ หน้า 2 ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ ที่ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยติดตามรายละเอียดได้ที่ LINE: @EMDISTRICT หรือ Facebook : Emporium Emquartier

ทั้งนี้ หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดิ เอ็มโพเรี่ยม จัดตั้งขึ้นบริเวณ ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยความร่วมมือของศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม, กรุงเทพมหานคร, หอการค้าไทย และโรงพยาบาลสมิติเวช มีพื้นที่รวมกว่า 1,000 ตารางเมตร จัดบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านระบบต่างๆ ของหน่วยราชการ รองรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ประมาณวันละ 1,000 คน โดยได้มีการทดสอบระบบความพร้อมต่างๆ ทั้งในเรื่องสถานที่ เครื่องมือ บุคลากรและอาสาสมัคร ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ และได้รับการรับรองว่าเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีน ที่มีมาตรฐานสูง สามารถสร้างความสะดวกสบาย และมอบความมั่นใจให้กับประชาชนที่มาใช้บริการทุกคน โดยเปิดดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียน ผ่านช่องทางต่างๆ ของทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ศกนี้ เป็นต้นไป

สยามพารากอน ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชาชนทั่วไปวันแรก!!

สยามพารากอน ร่วมกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ หอการค้าไทย เดินหน้าฉีดวัคซีนแก่ประชาชนทั่วไปวันแรก ณ หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกสถานพยาบาล บนพื้นที่ใจกลางเมือง รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วยประสิทธิภาพการบริหารจัดการและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนศกนี้ เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทย โดยให้บริการแก่ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” และ “โครงการไทยร่วมใจ กรุงเทพปลอดภัย”

ทั้งนี้สยามพารากอนร่วมสนับสนุนภารกิจเพื่อชาติครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 บนพื้นที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางถึง 12,000 ตร.ม. ทั้งยังมีระบบบริหารจัดการที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสามารถรองรับประชาชนที่มาฉีดวัคซีนได้จำนวนมากกว่า 2,500 คนต่อวัน มีการเว้นระยะห่าง ไม่แออัด และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด สามารถเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งได้ร่วมกับทิพยประกันภัยจัดเตรียมประกันการแพ้วัคซีนมอบให้ผู้มาฉีดวัคซีนที่สยามพารากอน โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกันภัยได้ฟรีตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ค. 2564

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ โรงพยาบาลกรุงเทพได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ โดยโรงพยาบาลฯ ยังคงยึดมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานทัดเทียมกับการบริการภายในสถานพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นสำคัญ ด้วยมาตรการความปลอดภัย มาตราฐานการควบคุมโรคติดเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด มาตรฐานการขนส่ง การจัดเตรียม และรักษาคุณภาพวัคซีน ตลอดจนมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ในกรณีที่มีผู้ป่วยจากการแพ้วัคซีนที่รุนแรง หรือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์อื่นๆ โดยได้จัดเตรียมห้องพยาบาลที่มีอุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์สำหรับการช่วยกู้ชีวิตขั้นสูง พร้อมทีมบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งประกอบไปด้วยแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน พยาบาล และพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และได้วางแผนการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับโรงพยาบาลตำรวจเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาในสถานพยาบาลที่มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วที่สุด

โดยประชาชนจะได้รับบริการวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2564 สำหรับจุดบริการฉีด ของโรงพยาบาลกรุงเทพ มี 2 จุด คือ จุดที่ 1.โรงพยาบาลกรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย เวลา 08.00-17.00 น. และ จุดที่ 2. โรงพยาบาลกรุงเทพ (สยามพารากอน) รับบริการที่รอยัล
พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน** เวลา 09.00-16.00 น. โดยให้บริการกับผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชัน หรือ ไลน์ “หมอพร้อม” และผู้ที่ลงทะเบียนผ่าน โครงการ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพปลอดภัย” เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดสูงสุด ได้รับการกระจายการฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงมากที่สุด หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถติดต่อได้ที่ COVID Center รพ. กรุงเทพ โทร. 02-308-7171 (4 คู่สาย) ในเวลาทำการ 08.00 – 17.00 น.

นับเป็นการผนึกกำลังของสองภาคเอกชนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของภาครัฐ เพื่อกระจายวัคซีนโควิด 19 ไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยนำพาประเทศชาติให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

บัตรเครดิตทีทีบี ชวนช้อปออนไลน์สุดคุ้ม

บัตรเครดิตทีทีบี บัตรเครดิตทีเอ็มบี และ บัตรเครดิตธนชาต มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าช้อปออนไลน์ได้อย่างคุ้มค่า เมื่อใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ ICONSIAM และ ONESIAM Ultimate Chat & Shop ของศูนย์การค้า ICONSIAM, Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,000 บาท/บัญชีบัตร/ธนาคาร รวมทุกร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยเมื่อมียอดใช้จ่าย 4,500 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 100 บาท ยอดใช้จ่าย 20,000 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 500 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2564

ลงทะเบียนร่วมรายการได้โดยลูกค้าบัตรเครดิตทีทีบีและทีเอ็มบี พิมพ์ TTSPW ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 พร้อมรับสิทธิพิเศษบริการแบ่งจ่ายรายเดือนกับ ttb so goood ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน เมื่อมียอดขั้นต่ำ 1,000 บาท/เซลล์สลิป เพียงทำรายการด้วยตนเองผ่านโมบายแอปพลิเคชัน touch ก่อนวันสรุปยอดบัญชี และลูกค้าบัตรเครดิตธนชาตลงทะเบียนร่วมรายการได้ พิมพ์ TBSPW ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก ส่งมาที่ 4712066 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตทีทีบีและทีเอ็มบี โทร. 1428 และลูกค้าบัตรเครดิตธนชาต โทร. 1770

เครือเฮอริเทจ ยกทัพสินค้าร่วมงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2021

เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของเอเชีย THAIFEX-ANUGA ASIA 2021“The Hybrid Edition โดยปีนี้จัดพิเศษในรูปแบบไฮบริด (Hybrid) เป็นการผสมผสานการจัดงานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ รองรับวิถีชีวิต New Normal ต้อนรับนักลงทุนและประชาชนผู้ที่สนใจได้เข้าร่วมชมและสัมผัสถึงศักยภาพการเป็นผู้นำอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ครบวงจร

งานในปีนี้เครือเฮอริเทจได้ขนทัพสินค้าหลากหลายรายการเข้าร่วม อาทิ เฮอริเทจ, บลูไดมอนด์, เนเจอร์ เซ็นเซชั่น, นัท วอล์คเกอร์, ซันคิสท์, วันเดอร์พัฟฟ์ ป๊อบคอร์น, ฟรังซัวส์, โกลด์ฟิช, เลอ-รูท และอื่นๆ อีกหลากหลาย ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม THAIFEX – Virtual Trade Show (http://thaifex-vts.com/) ให้ลูกค้าได้รับชมสินค้าแบบเสมือนจริง และเจรจาธุรกิจผ่านทางออนไลน์ได้ซึ่งเป็นอีกแนวทางที่สามารถทำให้คู่ค้าทางธุรกิจได้พูดคุยเจรจาการค้ากันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และเตรียมพบกับจัดแสดงสินค้าแบบออฟไลน์ในรูปแบบการออกบูธระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 3 ตุลาคม 2564 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี (บูธ v01)

นายวิทวัส พลไพศาล รองประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ กล่าวว่า ในปีนี้เครือเฮอริเทจ มีนโยบายขยายตลาดกลุ่มคนรักสุขภาพให้ครอบคลุมและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยการเสริมระบบไฮบริดเข้ามาช่วยให้เข้าถึงง่ายและสอดรับกับวิถีชีวิต New Normal สามารถเจรจาธุรกิจกับเฮอริเทจผ่าน Virtual Business Matching รวมทั้งพูดคุยผ่านการ Chat, Call, VDO Call ได้ ซึ่งตอบรับกลุ่มคนที่ไม่สามารถเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งนี้เพื่อตอบรับการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ประเภทถั่ว ที่มองหาความหลากหลายในรสชาติมากขึ้น แบรนด์ นัท วอล์คเกอร์ จึงได้ใช้โอกาสนี้ ในการนำเสนอสินค้าใหม่ นำเอาถั่วพรีเมียมมาผสมผสานสร้างรสชาติที่น่าค้นหา ให้ผู้บริโภคได้เพลิดเพลินแถมได้ประโยชน์ในคราวเดียวกัน พร้อมตอกย้ำ “อาหารดี ชีวีมีสุข” อย่างต่อเนื่อง

พบกับกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งโปรโมชั่นเด็ด ๆ ที่ห้ามพลาด ในการแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของเครือเฮอริเทจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2021 หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ 02-813-0954-5 หรือติดตามกิจกรรมและข่าวสารของเครือเฮอริเทจได้ที่ www.heritagethailand.com/corp และ www.facebook.com/Heritagegroupth

คิกออฟฉีดวัคซีนกลุ่มนิคมฯ มาบตาพุด คอมเพล็กซ์ฯ 9 มิ.ย.นี้

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ประกาศความพร้อม 9 มิถุนายนนี้ นำร่องระยะแรกฉีดวัคซีนโควิดให้กับผู้ปฏิบัติงานแรงงานภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และฉีดให้กับชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมในระยะต่อไป ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ โดยตั้งเป้าฉีดให้กับผู้ประกอบการวันละ 1,000 คน ระยะเวลา 2 เดือน ด้าน“วีริศ”เผยประสาน  ส.อ.ท.รับวัคซีนทางเลือก“ชิโนฟาร์ม”ให้กับผู้ประกอบการ โดยคาดว่าวัคซีนทางเลือกจะทยอยให้บริการได้ช่วงไม่เกินปลายเดือนกรกฎาคม 2564

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทาง กนอ. ถึงความพร้อมในการเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ให้กับผู้ปฏิบัติงาน แรงงานภาคอุตสาหกรรม และชุมชนรอบข้าง พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง ประกอบด้วย 5 นิคมอุตสาหกรรม และ 1 ท่าเรืออุตสาหกรรม คือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก (มาบตาพุด) นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย นิคมอุตสาหกรรมผาแดง นิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ในวันที่ 9 มิถุนายน 2564 โดยเป็นการดำเนินงานตามมติของคณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรมและประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเร่งกระจายวัคซีนไปยังประชาชนโดยเร็ว เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับแรงงานภาคอุตสาหกรรมให้สามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

“ถือเป็นเรื่องที่ดีในการสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการฉีดวัคซีนให้ได้ 5 แสนคนต่อวัน ซึ่งการนำร่องในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ที่มีนิคมอุตสาหกรรมถึง 5 แห่ง และมีแรงงานจำนวนมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการกำกับดูแลและสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายสุริยะฯ กล่าว

วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กนอ.มีความพร้อมตั้งจุดบริการให้วัคซีนนอกสถานพยาบาลให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง และชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ระยอง และ กนอ. ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนจากทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง โดยจุดบริการฉีดวัคซีนตั้งอยู่ที่บริเวณอาคารสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (ห้องประชุมสมเจตต์) ทั้งนี้ จุดบริการดังกล่าวอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ระยอง

“สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนกำหนดระยะไว้ 2 เดือน โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. เริ่มวันแรก คือ วันที่ 9 มิถุนายนนี้ โดยสามารถรองรับผู้รับวัคซีนได้วันละประมาณ 1,000 คน ซึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง มีผู้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับวัคซีน จำนวนทั้งสิ้น 25,000 คน ซึ่งคาดว่าในระยะเวลา 2 เดือนจะดำเนินการฉีดวัคซีนได้ครบตามจำนวนที่แจ้งไว้” นายวีริศ กล่าว

นายวีริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรมและประชาชน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ กนอ. เป็นผู้ดำเนินการประสานกับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ในการกรอกข้อมูลยืนยันการรับวัคซีนทางเลือกที่ ส.อ.ท.จะได้รับการจัดสรรจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งวัคซีนดังกล่าว ได้แก่ วัคซีนชิโนฟาร์ม จะได้รับมาในจำนวนจำกัด และจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาทต่อโดส ฉีดจำนวน 2 ครั้ง เท่ากับ 2 โดส ทั้งนี้ จากการกรอกข้อมูลยืนยันการรับวัคซีนดังกล่าว ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก และเมื่อได้รับวัคซีนเข้ามาเรียบร้อยแล้วส.อ.ท.จะพิจารณาบริหารจัดการให้กับผู้ที่ได้ลงทะเบียนไว้ คาดว่าจะสามารถทยอยฉีดได้ในช่วงประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้

SME D Bank พักชำระหนี้เงินต้นถึงสิ้นปี 64

SME D Bank ขานรับนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นให้แก่ลูกค้ากองทุนประชารัฐ    นานสูงสุด 6 เดือน ภายใน 31 ธ.ค.64  มุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย บรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ระบุแจ้งความประสงค์ได้ถึงวันที่ 31 ก.ค. 64 นี้    

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง   นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการธนาคาร   และประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ มีความห่วงใยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง จึงมอบหมายให้ SME D Bank  ในฐานะหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานร่วมดำเนินโครงการสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ออกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  ด้วยการให้สิทธิสามารถขอพักชำระหนี้เงินต้นได้สูงสุด 6 เดือน  ภายในไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยให้เริ่มพักชำระหนี้เงินต้น ตั้งแต่งวดถัดจากที่ได้รับอนุมัติ หรืองวดถัดจากที่ครบกำหนดเข้าร่วมมาตรการเดิม เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบ ลดภาระค่าใช้จ่าย และให้มีสภาพคล่องสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้จนผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตโควิด-19 รวมถึง ป้องกันไม่ให้เกิดเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดได้รายได้ (NPLs) ส่วนลูกค้าท่านใดที่ไม่ต้องการเข้าร่วมมาตรการ สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ เปิดกว้างให้สิทธิพักชำระหนี้เงินต้นแก่ลูกค้ากองทุนประชารัฐต่างๆ ประกอบด้วย สินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 10,000 ล้านบาท  สินเชื่อกองทุนคนตัวเล็ก วงเงิน 8,000 ล้านบาท และสินเชื่อ SME โตไว ไทยยั่งยืน วงเงิน 3,000 ล้าน   โดยกำหนดคุณสมบัติ ต้องเป็นลูกค้าที่มีสถานะไม่เป็น NPLs หรือไม่อยู่ระหว่างถูกกองทุนดำเนินคดี ณ วันที่ 1 มีนาคม 2564

สำหรับลูกค้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ที่ต้องการเข้ารับมาตรการพักชำระหนี้เงินต้น สามารถแจ้งความประสงค์ได้ ณ สาขาของ SME D Bank ที่ท่านใช้บริการ หรือในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง 31 กรกฎาคม 2564 นี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางปี 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม เคยมอบหมายให้ SME D Bank ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นให้ลูกค้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ มาแล้ว 2 ครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมแล้วประมาณ 3,300 ราย วงเงินประมาณ 6,400 ล้านบาท

 “SME D Bank  พร้อมเต็มที่ในการดำเนินมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นรอบใหม่ให้แก่ลูกค้ากองทุนประชารัฐ ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้เราสามารถจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน” นางสาวนารถนารี กล่าว

นอกจากนั้น SME D Bank ยังพร้อมดำเนินมาตรการด้านเติมทุนเสริมสภาพคล่อง ผ่านโครงการสินเชื่อพิเศษต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปีใน 2 ปีแรก ระยะผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ที่สำคัญ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน กำหนดระยะเวลายื่นกู้ถึง 30 มิถุนายน 2564 นี้   และสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน อัตราดอกเบี้ย นิติบุคคล  2.875%ต่อปี นาน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท และบุคคลธรรมดา 4.875%ต่อปี นาน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด  7 ปี  กำหนดระยะเวลายื่นกู้ถึง 18 ธันวาคม  2564 นี้  เป็นต้น

ผู้ประกอบการที่ต้องการขอสินเชื่อจาก SME D Bank สามารถแจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางหลากหลาย เช่น  สาขาของ SME D Bank ทั่วประเทศ, เว็บไซต์ของ SME D Bank ( https://www.smebank.co.th/ ), แอปพลิเคชัน “SME D Bank” และ LINE Official Account: SME Development Bank เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357