SHEBA® เปิดตัว Hope Reef โครงการฟื้นฟูปะการังใหญ่ที่สุดในโลก

แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยง SHEBA® ในเครือของ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด ร่วมมือกับชุมชนเกาะบอนโตซัว บริเวณนอกชายฝั่งซูลาเวซี เปิดตัวโครงการฟื้นฟูปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้ชื่อ Hope Reef พร้อมเชิญทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ได้  โดยการชมคลิป “The Film That Grows Coral” บนช่องทาง YouTube ซึ่งยอดวิวทั้งหมดจะนำไปใช้สนับสนุนโครงการฟื้นฟูแนวปะการังต่อไป

นายรัชกร เจนพัฒนพงศ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและอินโดจีน มาร์สไทยแลนด์อิงค์ ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารแมวและขนมแมวเกรดพรีเมี่ยมแบรนด์ SHEBA® กล่าวว่า แนวปะการังนับว่ามีความสำคัญต่อระบบนิเวศในมหาสมุทร เนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลจำนวนมาก แต่ปัจจุบันแนวปะการังกำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากการแสวงหาผลประโยชน์ การทำประมงที่ไม่ถูกวิธี รวมไปถึงมลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเหตุนี้ มารส์ อินคอร์ปอเรทเต็ดจึงได้ริเริ่มโครงการฟื้นฟูปะการัง Hope Reef ขึ้นในปี 2562 เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังขนาดใหญ่ซึ่งมีผลกับระบบนิเวศที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยอาศัยความร่วมมือระดับโลก ทั้งจากรัฐบาล มหาวิทยาลัย ภาคธุรกิจ และองค์กรพัฒนาเอกชน

ภายใต้โครงการ Hope Reef ได้ดำเนินการฟื้นฟูแนวปะการังบริเวณนอกชายฝั่งซูลาเวซี  ประเทศอินโดนีเซีย บนแท่นแนวปะการังซาลิซี เบซาร์ ใกล้กับเกาะบอนโตซัว โดยใช้นวัตกรรม ‘Reef Star’ ซึ่งเป็นโครงสร้างเหล็กรูปดาวทำด้วยมือ ภายใต้ชื่อ Mars Assisted Reef Restoration System (MARRS) วัสดุของดาวแนวปะการังนั้นมาจากแหล่งในท้องถิ่นและทำด้วยมือของชุมชนท้องถิ่นบอนโตซัว โดย SHEBA®

นอกจากนี้ แนวปะการังดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเป็นตัวสะกดคำว่า H-O-P-E ที่แปลว่า ความหวัง มีขนาด 45×15 เมตร เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้โลกได้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกสามารถเกิดขึ้นได้ภายในช่วงชีวิตของเรา และความหวังนั้นก็สามารถเติบโตได้ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จาก Google Earth  โดยบริษัทแม่อย่าง มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด ได้ตั้งเป้าหมายในการฟื้นฟูแนวปะการังตามจุดต่างๆ ทั่วโลกให้ได้มากกว่า 185,000 ตารางเมตร ซึ่งเท่ากับขนาดของสระว่ายน้ำโอลิมปิกประมาณ 148 สระ ภายในสิ้นปี 2572

“เรียกได้ว่า Hope Reef เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังสำหรับอนาคตของมหาสมุทร โดยมารส์ หวังว่าโครงการ Hope Reef จะสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกภาคส่วน ได้เห็นความสำคัญของการดูแลระบบนิเวศ และร่วมกันกู้คืนที่อยู่อาศัยและความหลากหลายทางชีวภาพที่สูญเสียไป ซึ่งการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างความยั่งยืน ซึ่งมารส์ทราบดีว่าผู้บริโภคไม่เพียงคาดหวังอาหารคุณภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องการแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมด้วย โดยนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการฟื้นฟูปะการัง Hope Reef จนถึงปัจจุบัน  แนวปะการังรอบเกาะบอนโตซัว ได้เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 55% ความอุดมสมบูรณ์ของปลาเพิ่มขึ้น 300% อีกทั้งยังได้เห็นสัตว์น้ำสายพันธุ์ต่างๆ เช่น ฉลาม และเต่า กลับมายังพื้นที่นี้ด้วย” นายรัชกร กล่าว

ขอเชิญชวนผู้รักสัตว์เลี้ยงทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูแนวปะการัง และร่วมสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์เพียงชมและแชร์วิดีโอ #hopegrows: The Film That Grows Coral ผ่านช่อง Youtube ของ SHEBA®  โดยทุกยอดการรับชมจะเปลี่ยนเป็นเงินทุนเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการัง ผ่านทางองค์กร The Nature Conservancy เนื่องในวันมหาสมุทรโลก SHEBA® ได้เปิดตัวแอพ iOS ตัวแรกที่ชื่อ SHEBA Hope Grows ซึ่งจะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ 3 มิติ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแนวปะการังได้จากทุกที่ทั่วโลก เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและฟื้นฟูแนวปะการังของคุณเอง ด้วยการติดตั้งนวัตกรรม Reef Stars เสมือนจริง หลังจากนั้น สามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ในบริเวณนั้นจากเศษหินที่แห้งแล้งไปสู่สภาพแวดล้อมทางทะเลที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ

 

“ยู ซิตี้’ จำหน่ายตึกที่ลอนดอนได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ยู ซิตี้ ประกาศความสำเร็จในการขายอาคารสำนักงาน  Underwood Street ในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยการจำหน่ายสินทรัพย์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของบริษัทฯ ซึ่งได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเมื่อ วันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยนอกเหนือจากการเพิ่มทุนที่ ยู ซิตี้ สามารถระดมทุนได้ถึง 15.7 พันล้านบาท ซึ่งแล้วเสร็จตามกำหนดในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา การจำหน่ายสินทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่ามาตรฐานในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็วในการนำบริษัทฯ กลับมามีกำไรในอนาคต

นางสาวสรญา เสฐียรโกเศศ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยู ซิตี้ อธิบายว่า อาคาร Underwood Street เป็นสินทรัพย์ที่ดี และตั้งอยู่ในทำเลที่ดี อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของการระบาดของโควิด-19 นั้นเกิดขึ้นใกล้เคียงกับการทำการตลาดของเรา รวมถึงการเช่าอาคารยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่าเราอาจจะต้องมีผลขาดทุนอีกหลายไตรมาสก่อนที่อาคารจะมีอัตราการเช่าที่ทำกำไรได้ ดังนั้น ผู้ถือหุ้นจึงได้อนุมัติการดำเนินการที่จะช่วยให้เราสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้เร็วยิ่งขึ้น

การจำหน่ายอาคาร Underwood Street ในครั้งนี้ จะสร้างรายได้เพิ่มเติมกว่า 356.7 ล้านบาท ให้แก่บริษัทฯ นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงิน และถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจำหน่ายสินทรัพย์มูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาท

ปัจจุบัน ยู ซิตี้ มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด 31.8 พันล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นบุริมสิทธิ 26.2 พันล้านหุ้น และหุ้นสามัญจำนวน 5.6 พันล้านหุ้น โดยหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิได้รับเงินปันผลสูงสุด 1.1 บาทต่อหุ้นบุริมสิทธิ ก่อนที่ผู้ถือหุ้นสามัญจะได้รับเงินปันผล

TPS มอบเครื่องช่วยหายใจให้รพ.มหาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS ร่วมกับโรงเรียนดรุณสิกขาลัย (โครงการ วมว.รุ่นที่ 12) โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และผู้มีจิตศรัทธา มอบเครื่องช่วยหายใจ High Flow Oxygen Therapy จำนวน 4 เครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของอุปโภคบริโภค ให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (โรงพยาบาลสนาม) เพื่อช่วยสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และเป็นกำลังใจให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ในปัจจุบัน กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา 

สหพัฒน์ มอบผลิตภัณฑ์สนับสนุนสภากาชาดไทย

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นกลุ่มเปราะบางที่ควรได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งลูกหลานที่ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้หลายคนประสบปัญหาเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุหลายคนไม่มีแม้แต่ลูกหลานที่จะมาคอยดูแล ทางสหพัฒน์จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการ “มอบธารน้ำใจสู่ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั่วประเทศ” ซึ่งสภากาชาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดขึ้นเพื่อออกไปเยี่ยมบ้าน มอบสิ่งของ พร้อมให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่กลุ่มเปราะบางดังกล่าว

“สหพัฒน์ได้สนับสนุนโครงการมอบธารน้ำใจสู่ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั่วประเทศ โดยมอบผลิตภัณฑ์บะหมี่ซื่อสัตย์ จำนวน 300,060 ซอง และน้ำเต้าหู้โทฟุซัง จำนวน 50,400 กล่อง รวมมูลค่ากว่า 2.3 ล้านบาท ซึ่งสหพัฒน์คาดหวังว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน มีความเอื้ออาทรต่อกัน และสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ยากไร้ในสังคมไทย” นายบุญชัย กล่าว

ช่วยสมาชิก PT Max Card สู้โควิดด้วยสินเชื่อตั้งหลัก

นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือพีทีจี ร่วมกับ ดร. อัญญรัตน์ บุญนิธิวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด (SCB Abacus) บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการทางการเงิน ได้ทำการเปิดตัวสิทธิประโยชน์ใหม่ล่าสุดสำหรับสมาชิก PT Max Card ผ่านแอปพลิเคชั่น “เงินทันเด้อ” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นให้บริการสินเชื่อที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ผู้บริโภคทุกท่านสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างเท่าเทียม โดยผู้ใช้สามารถยื่นขอสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องไปที่ธนาคาร

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พีทีมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นมากกว่าสถานีบริการน้ำมัน เราอยากจะให้สถานีบริการของเราทุกที่กลายเป็น One-stop Service ของทุกคน เราจึงพยายามเฟ้นหาสิทธิประโยชน์ดี ๆ ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์มาให้กับสมาชิก PT Max Card ทุกคนอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ เราได้ร่วมกับ SCB Abacus นำเสนอสินเชื่อตั้งหลักจากแอปพลิเคชั่น “เงินทันเด้อ” พิเศษเฉพาะสมาชิก PT Max Card เท่านั้น รับดอกเบี้ยเพียง 2.5% ต่อเดือน (เท่ากับ 30% ต่อปี) จากปกติ 2.75% ต่อเดือน (เท่ากับ 33% ต่อปี) ไม่ว่าสมาชิกท่านนั้นจะมีรายได้จากงานประจำหรือมีอาชีพอิสระก็สามารถยื่นขอสินเชื่อกับแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ ได้ ซึ่งเราเชื่อว่าสิทธิประโยชน์นี้จะสามารถเป็นเงินหมุนเวียนที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเพื่อให้หลายคนได้ผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปได้” นายพร้อมศักดิ์กล่าว

ดร. อัญญรัตน์ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เพราะเราเข้าใจดีถึงความยากลำบากที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดชะงักของธุรกิจเพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน หรือการต้องการเงินทุนเพื่อไปทำธุรกิจใหม่ ในช่วงนี้ เราจึงอยากนำเสนอบริการสินเชื่อให้กับกลุ่มผู้ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ ซึ่งท่านที่สนใจสามารถยื่นกู้ออนไลน์ได้ โดยจะรู้ผลภายใน 15 นาที หลังจากยื่นขอสินเชื่อ และรับเงินได้ภายใน 24 ชม. อีกทั้งยังไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินสินเชื่อ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถได้เงินไปหมุนเวียนเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปได้ เรามีความยินดีอย่างมากในความร่วมมือกับพีทีในครั้งนี้ เพราะด้วยฐานสมาชิกที่มากกว่า 15 ล้านสมาชิกของ PT Max Card ทำให้เรามั่นใจว่าจะช่วยเรานำเอาสิทธิประโยชน์นี้ไปถึงผู้ที่กำลังต้องการได้อย่างทั่วถึง”

สมาชิกของ PT Max Card สามารถเข้าแอปพลิเคชั่น PT Max Rewards และทำการคลิกดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ ผ่านแบนเนอร์หน้าแรก หลังจากทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ แล้ว สามารถยื่นสมัครสินเชื่อตั้งหลักผ่านแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ ได้ทันที โดยสมาชิก PT Max Card จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% ต่อเดือน (เท่ากับ 30% ต่อปี) ผ่อนสบายนาน 12 เดือน และรับแต้มพิเศษ 150 แต้ม เมื่อสมาชิก PT Max Card มีการทำสัญญาสินเชื่อตั้งหลักกับแอปพลิเคชั่น เงินทันเด้อ ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 64 – 31 ส.ค. 64 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แอปพลิเคชั่น PT Max Rewards

ท่านที่สนใจสามารถสมัคร PT Max Card ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่าน 4 ช่องทางได้แก่ เว็บไซต์ https://www.ptmaxcard.com, LINE Official Account : PT Station, Facebook Official Account : PT Station, แอปพลิเคชั่น PT Max Rewards และสามารถดูรายละเอียดของการสะสมและแลกคะแนน หรือติดตามทุกข่าวสารความเคลื่อนไหวและสิทธิประโยชน์เต็มแมกซ์ได้ที่ https://www.facebook.com/ptstation หรือ PT Call Center 1614 ทุกวัน 8.00-20.00 น.

คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ จัดดีลพิเศษเอาใจนักช้อปรับหน้าฝน

คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ลดราคาสินค้าฉลองครึ่งปี ในแคมเปญ Mid Year Sale : Shop in the rain #ช้อปชุ่มฉ่ำแจกโค้ดกระหน่ำรับหน้าฝน จัดเต็มกับ ดีลสุดพิเศษ พร้อมบริการ Home Delivery ผ่านช่องทาง www.kingpower.com และ คิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชั่น ตั้งแต่วันที่  8 – 17 มิถุนายนนี้  

เพื่อมอบความสุขให้เหล่านักช้อปต้อนรับฤดูฝน อันชุ่มฉ่ำ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ มอบความคุ้มค่ากับสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพ กับส่วนลด 3 ดีลพิเศษ ในกลุ่มสินค้า น้ำหอม เครื่องสำอาง สกินแคร์ สินค้าแฟชั่น และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์  จากแบรนด์ BOTTEGA VENETA, BVLGARI, DAVIDOFF, LANVIN, CALVIN KLEIN, 111SKIN, BENEFIT, ELIZABETH ARDEN,INNISFREE, EVIDENS DE BEAUTÉ, JURLIQUE, LANEIGE, SULWHASOO, THE HISTORY OF WHOO, EMPORIO ARMANI, GUCCI, DIOR, PRADA, CHLOÉ, SALVATORE FERRAGAMO, SWAROVSKI,RAYBAN, NESPRESSO, XIAOMI, ANITECH, AUTOBOT, BEURER, IBLE, IQAIR, AIRTAMER, PROMPTEC, LESASHA, CREATE ION

ดีลที่ 1  ลดสูงสุด 50% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท และลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท เพียงใส่รหัสส่วนลด RAIN5 หรือลดเพิ่มอีก 10% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท เพียงใส่รหัส SV CODE (โค้ดจากพนักงาน คิง เพาเวอร์)

ดีลที่ 2 เฉพาะวันที่ 10, 14, 17 มิถุนายน สุดพิเศษกับ Exclusive Code แจกโค้ดกระหน่ำ ลดสูงสุด 50% เมื่อ
ช้อปครบ 3,000 บาท และลดเพิ่มอีก 10% เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท จำกัดเพียงวันละ 100 โค้ดเท่านั้น รอรับโค้ดได้ที่หน้าเว็ปไซด์ kingpower.com ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป

ดีลที่ 3 วันที่ 8 – 9 มิถุนายน กับสินค้าหลากหลายแบรนด์ ลดสูงสุด 60 % ไม่มีขั้นต่ำ ไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด

ร่วมช้อปสินค้าราคาดิวตี้ฟรี แบบไม่ต้องมีไฟล์บินได้เลยที่ https://www.kingpower.com/content/home-delivery-categoryพร้อมบริการ Home Delivery จัดส่งฟรีทั่วประเทศ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาท ผ่าน www.kingpower.com และคิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชั่น สอบถามเพิ่มเติมที่ Contact Centre 1631 หรือ King Power’s Official Facebook  

GBS คัดหุ้นเด่นน่าลงทุนเข้า SET50 – SET100

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวน เหตุไร้ปัจจัยใหม่หนุน แนะจับตาการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ จึงให้กรอบดัชนี1,590-1,63จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นลุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 SET100 ในรอบครึ่งปีหลัง 2564 มีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 64 นี้      

วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ประกอบกับการติดตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนของรัฐบาล แม้ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงจากระดับ 3 พันคนต่อวันเหลือ 2 พันคนต่อวัน แต่ในกทม.ยังมีคลัสเตอร์เฝ้าระวังใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ต่างจังหวัดบางแห่งยังพบคลัสเตอร์ใหม่เช่นกัน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศมีประเด็นเรื่องประธานาธิบดีโจ ไบเดนปฏิเสธข้อเสนอของพรรครีพับลิกัน (GOP) ที่จะเพิ่มงบประมาณรายจ่ายด้านโครงการสาธารณูปโภคอีกราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากยอดเดิมที่เสนอไว้ก่อนหน้านี้ที่ราว 9.28 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่ประธานาธิบดีไบเดนต้องการ จึงคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,590-1,630 จุด

ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยในรอบสัปดาห์นี้ อาทิ การประชุมครม.ตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2564ของญี่ปุ่น-อียู และอียูเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่วนสหรัฐเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย.และตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน อัตราหมุนเวียนแรงงาน รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ด้านจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพฤษภาคม ส่วนสหรัฐ จะมีการรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และการประชุมนโยบายการเงิน และสหรัฐ รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. รวมทั้งการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

สำหรับปัจจัยหนุนในประเทศด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งในกทม.ซึ่งเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลเริ่ม 7 มิ.ย. และในต่างจังหวัดเร่งระดมฉีดวัคซีนมากขึ้น และการเร่งดำเนินการในส่วนของโมเดล Phuket Sandbox ซึ่งจะดีเดย์ 1 ก.ค. เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว และกรณีที่สหรัฐแบ่งปันวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตามแผนแบ่งปันวัคซีนรวมทั้งสิ้น 80 ล้านโดสให้ทั่วโลกภายในสิ้นเดือนมิ.ย. รวมทั้งนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีหลัง 2564 ได้แก่ STGT- IRPC -STA -KCE และหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET100 ได้แก่  STGT- RCL -TTA -DCC –PSL- PTL- SYNEX -SINGER   โดยคาดตลาดจะประกาศรายชื่อในช่วงกลางเดือนมิ.ย. 64 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 64 นี้

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ว่า  ราคาทองคำจะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,930 $/Oz โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากว่า 7.6% ในเดือนที่ผ่านมาทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราคาดว่าทองคำจะกลับมา outperform สินทรัพย์อื่นๆ อีกครั้ง

ม.สงขลานครินทร์ ภูเก็ต ตั้งเป้าบุคลากร-นักศึกษา ฉีดครบสิ้น มิ.ย. นี้

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เดินหน้าแก่บุคลากรและนักศึกษา ทั้งชาวไทยและต่างชาติ คาดฉีดครบภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 สนองนโยบายการเปิดจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 

รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต

รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางวิทยาเขตภูเก็ต ถือเป็นวิทยาเขตนานาชาติ กำลังเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคลากรและนักศึกษาอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าจะฉีดให้ครบภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อรองรับนโยบายภาครัฐมีแผนเปิดจังหวัดภูเก็ต เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งภายในวันที่ กรกฎาคม 2564 โดย ณ วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีบุคลากรของวิทยาเขตภูเก็ต ได้รับการฉีดวัคซีนครบ เข็มไปแล้วจำนวน 27% และรับวัคซีนเข็มแรกจำนวน 47% และอีก 21% อยู่ระหว่างการรอฉีดเข็มแรก ส่วนที่เหลืออีก 5% ไม่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีน   

ส่วนกลุ่มนักศึกษาชาวไทยและชาวต่างชาติที่ศึกษาในวิทยาเขตภูเก็ต ขณะนี้นักศึกษาไทย จำนวน 9.08 ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว และ 25% ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ส่วนอีก 2% กำลังอยู่ระหว่างรอรับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 8.19 % รอยืนยันวันฉีดเข็มที่ 1 โดยยังมีมีนักศึกษาไทยร้อยละ 43.76 ที่ยังไม่ลงทะเบียนรับวัคซีน ซึ่งทาง มอ.ตั้งเป้าว่าให้นักศึกษาได้รับการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 80% 

ขณะที่บุคลากรและนักศึกษาต่างชาตินั้นได้ดำเนินการให้กลุ่มบุคลากรต่างชาติเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้วโดยต้องแนบใบอนุญาตทำงาน (work permit) ประกอบตามข้อกำหนด ส่วนกรณีของนักศึกษาต่างชาติเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน (work permit) ตามข้อกำหนด แต่ถือว่าเป็นบุคลากรในนามองค์กรของมหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างรอปรับเงื่อนไขในระบบ ซึ่งปัจจุบันคงเหลือนักศึกษาต่างชาติของวิทยาเขตภูเก็ตจำนวน 11.97% ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

“วิทยาเขตภูเก็ตได้แต่งตั้งกรรมการ ภายใต้โครงการ “ม.อ.ภูเก็ต วัคซีน 100%” เพื่อดูแลการเข้ารับวัคซีนของบุคลากรทุกกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับนักศึกษา ปีการศึกษา 2564 โดยวิทยาเขตได้ประสานไปยังคณะต่างๆ เพื่อเชิญชวนนักศึกษาใหม่ทุกคนเข้าร่วมรับวัคซีนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ หลังเตรียมเปิดจังหวัดภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยว ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564”  รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ม.อ.ภูเก็ต ได้เร่งเชิญชวนและทำความเข้าใจให้กับประชาชนเร่งเข้ารับวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด19 พร้อมทำความเข้าใจให้แก่ประชาชนเพื่อให้คลายความกังวลต่อผลข้างเคียง เนื่องจากวัคซีนทุกตัวล้วนมีผลข้างเคียงทั้งสิ้น  โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้สูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดกันตามปกติตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้น การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะช่วยลดการติดเชื้อโควิด-19 และลดโอกาสการเสียชีวิตหากติดเชื้อขึ้นมาแล้ว ยังเป็นการลดการแพร่การระบาดของโรค และถือเป็นการร่วมรับผิดชอบต่อประเทศและมวลมนุษยชาติด้วย

TM ติดโผหุ้นน่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ในปี64

บมจ.เทคโนเมดิคัล หรือ TM ปลื้ม สถาบันไทยพัฒน์ คัดเลือก TM ติดโผ1 ใน 24 “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ปี 2564  ระบุ การได้รับคัดเลือกนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการ ภายในองค์กรที่ดี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมถึงการตอบโจทย์ด้านการให้บริการ ระดับสากล พร้อมประกาศเดินหน้ายกระดับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบครบวงจร ดันรายได้แบบ Recurring income สู่รายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกติดในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List  ที่มีการพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน โดยสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100

ล่าสุด TM ติด1ใน 24 หลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 ด้วยการคัดเลือกจาก 824 บริษัท / กองทุน / ทรัสต์เพื่อการลงทุน โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG Rating สถาบันไทยพัฒน์ จำนวนกว่า 15,260 จุดข้อมูล ภายใต้หลักเกณฑ์การพิจารณาจะคัดเลือกจากหลักทรัพย์ที่มีการดำเนินงานโดดเด่น หรือกระบวนการทำงานทางธุรกิจให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพิ่มเติมจากเดิมในรอบปีการประเมิน รวมถึงความริเริ่มด้าน ESG หรือที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน ซึ่งสร้างผลกระทบทางตรงต่อการเติบโตของรายได้

นางสุนทรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ TM ได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำให้เห็นความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ดี โดยบริษัทฯพร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคู่ค้า ลูกค้า ด้วยมาตรฐาน ระดับสากล  จนสะท้อนถึงผลประกอบการทางการเงินที่ดี ภายใต้สถานการณ์โควิด พร้อมยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้

จากประเด็นดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นหุ้นคงทน (Durable Stocks)ที่จะก้าวสู่การสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ตามเกณฑ์ ESG Rating

พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ที่ยกระดับมุ่งสู่การพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร โดยเพิ่มไลน์ธุรกิจสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) โดย TM ถือหุ้นสัดส่วน 80% และอีก 20% เป็นกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ โดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทางดังกล่าว คาดจะแล้วเสร็จ พร้อมเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ประมาณช่วงปลายปี 2566  ส่งผลให้บริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาเฉลี่ย 100 -150 ล้านต่อปี โดยรายได้ดังกล่าวเข้ามาชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตด้านผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้การสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

SMD จองซื้อ 9-11 มิ.ย. นี้ IPO หุ้นละ 7.20 บาท

บมจ.เซนต์เมด (SMD) ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับ เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 7.20 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 9-11 มิ.ย. 64 พร้อมเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ 17 มิถุนายนนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SMD” เตรียมเดินหน้าขยายศูนย์ตรวจการนอนหลับ-ให้เช่าเครื่องมือทางการแทพย์ หนุนผลงานปี 64 รายได้เติบโต 15%  

วันที่ 8 มิถุนายน 2564 บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SMD ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน)

กิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บมจ.เซนต์เมด ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7.20 บาทต่อหุ้น โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 9-11 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SMD”

สำหรับการจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุน ที่มาเข้าร่วมรับฟังแผนดำเนินงานและเป้าหมายในอนาคต โดย SMD ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต ซึ่งเตรียมพร้อมก้าวสู่ความเลิศด้านการจัดจำหน่ายและบริการเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมีศักยภาพเติบโตสูงจากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันต่างๆ โดยเฉพาะการเผชิญต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หลายโรงพยาบาลเปลี่ยนจากซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์เป็นการเช่าเพื่อสำรองกระแสเงินสด ส่งผลให้ตลาดเครื่องมือแพทย์ให้เช่าของ SMD เติบโต ประกอบกับจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับ ทำให้มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมและมีการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

“การกำหนดราคาหุ้น IPO ของ SMD ที่ราคา 7.20 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากแผนการลงทุนที่ชัดเจน จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น ประกอบกับมีความมั่นคงของผลการดำเนินงาน การรันตีได้จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก ส่งผลให้ SMD มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาวในอนาคตข้างหน้า” นายกิตติพันธ์ กล่าว

เอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SMD การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ SMD ถือเป็นก้าวสำคัญในการจะเพิ่มศักยภาพ และฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ จากประสบการณ์การทำงานที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปีซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย โดยผลิตภัณฑ์ของ SMD อยู่ในกลุ่มตลาดที่เน้นการแข่งขันด้านคุณภาพมากกว่าการแข่งขันด้านราคา อีกทั้ง การเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่เป็นฐานรายได้หลักที่อยู่ในกลุ่มสินค้าในห้องฉุกเฉินและหอผู้ป่วย ICU และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงสำหรับผู้ป่วยหยุดหายใจขณะนอนหลับ ทำให้เป็นข้อได้เปรียบ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอและโดดเด่นกว่าในอุตสาหกรรมเดียวกัน

ทั้งนี้ SMD มีทุนจดทะเบียนจำนวน 107 ล้านบาท แบ่งเป็น 214 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 54  ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ  25.23 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต จากแผนรุกขยายธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เช่า และโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ โดยได้ร่วมมือกับรพ.ศิริราช และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก พร้อมทั้งมีแผนขยายไปสู่โรงพยาบาลชั้นนำอีกหลายแห่ง เพื่อดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ

ขณะเดียวกัน การระดมทุนทำให้มีฐานทุนเพิ่มขึ้นและสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ลดลงมาต่ำกว่า 0.5 เท่า จากปี 2563 อยู่ที่ 1.87 เท่า ทำให้ SMD สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอตามนโยบายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2564-2566) ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี หลังเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายเตียงสำหรับตรวจการนอนหลับโดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนเตียงตรวจเฉลี่ยปีละ 8 เตียงตรวจ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2566 จะมี 28 เตียงตรวจ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 4 เตียงตรวจ นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มเครื่องมือแพทย์ใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน และการลงทุนให้เช่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ  ซึ่งจะส่งผลให้ SMD มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับภาวะอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุ และนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ  มีรายได้มีจากการขายและบริการรวม 155.4 ล้านบาท เติบโต 38.3%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 112.3 ล้านบาท หลังความต้องการใช้อุปกรณ์การแพทย์ของภาครัฐที่เพิ่มขี้นต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาหลายองค์กรในภาคเอกชน ติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าของ SMD เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลมากขึ้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ด้านกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2564 ทำได้ 8.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 464.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2.2 ล้านบาท หลังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบได้อย่างโดดเด่น