ท่องโลกนวัตกรรมฮาร์ดแวร์ ด้วยโมเดล “SPACESHIP”

ถ้าพูดถึง งานแสดงสินค้า เราจะนึกถึงอะไรได้บ้าง? โชว์รูมที่เรียงรายอยู่ในโถงขนาดใหญ่ มีซอกซอยให้เลี้ยวมากมายนับไม่ถ้วน ไปจนถึงพระเอกของงานอย่างสินค้าและนวัตกรรมสุดว้าว ชวนให้เราได้ตื่นเต้นก่อนเป็นคนแรกๆ ของโลก

เหล่านั้นคือบรรยากาศของงานแสดงสินค้าในวันคืนปกติ แต่ในสถานการณ์ที่แค่เดินเฉียดกันก็เสมือนมีความผิดแล้วนั้น ผู้จัดงานแสดงสินค้าทั้งหลายต่างตระหนักได้ถึงการปรับตัวโดยถ้วนหน้า บางงานก็ดี บางงานก็เหลว แต่สิ่งที่เราอยากนำเสนอต่อทุกคนในวันนี้ คือผลของงานแสดงสินค้าแบบผสมผสานมิติใหม่ ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนเข้าขั้น ประสบความสำเร็จ” ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดในเวลานี้ ในชื่อโปรเจค Häfele Discoveries” จากงาน interzum @home

Häfele Discoveries เป็นการจำลองโลกแห่งนิทรรศการแสดงสินค้าแห่งอนาคต โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ระดับโลก เฮเฟเล่ ซึ่งความพิเศษของงานนี้ คือโมเดลของ “SPACESHIP” หรือยานอวกาศจำลองวงโคจรโรดโชว์บนมู้ดของเกมคอมพิวเตอร์ คอยดึงอารมณ์ร่วมของผู้เยี่ยมชมให้เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น สนุกสนาน และสร้างแรงบันดาลใจทุกสถานีดวงดาว รวมกว่า 16 ธีม ภายใต้แนวคิด เราใส่ใจ” หรือ “We Care” และเหมือนกับงานแสดงทั่วไปที่เราสามารถขึ้น-ลงจากยานอวกาศลำนี้ แวะเวียนได้ทุกสถานีตามแต่ต้องการ

นอกเหนือจากบริการ SPACESHIP ที่น่าประทับใจแล้ว เฮเฟเล่ยังถ่ายทอดความน่าตื่นเต้นของแต่ละสถานีนวัตกรรมออกมาได้อย่างน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานแสดงสินค้าอย่างเวทีกลาง หรือ Live Stage เฮเฟเล่ได้หยิบยกประเด็นที่น่าสนใจจาก หัวหน้าบรรณาธิการสื่อผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อย่าง BM และ Möbelfertigung รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากเวทีระดับโลก มาร่วมพูดคุย ถ่ายทอดผลงานและประสบการณ์ ให้งานแสดงสินค้าไม่ขาดสีสันความรู้อย่างที่เป็นมา

โซลูชั่นของห้องอัจฉริยะในโลกแห่งการผจญภัย ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลแบบเต็มเปี่ยม!! ซึ่งสถานีนี้คือการแนะนำการใช้งานพื้นที่อย่างชาญฉลาด เริ่มที่ห้องทั่วไปในบ้าน ถึงสำนักงาน ไปจนรถบ้าน (คาราวาน) ครอบคลุมถึงการพักอาศัยในอนาคตอย่าง อพาร์ทเมนต์ Micro Living โดยเฮเฟเล่ได้ตระเตรียมนำเสนอการตกแต่งภายในที่สะดวก ให้ทุกสิ่งทุกคนสามารถเข้าถึงและใกล้ชิดตลอดเวลาจากทุกมุมบ้าน และยังเสริมความสบายจากฟังก์ชันการใช้งานแสงเสียง (อะคูสติก) และเครือข่ายอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้นต่อตารางเมตร หรือ “More life per m2

การถ่ายทอดโรดโชว์อวกาศนี้ได้ชัดเจนที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศแสงจาก LOOX และ NIMBUS กลุ่มเจ้านวัตกรรมซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเฮเฟเล่ โดยเมื่อรวมเอาระบบไฟ LOOX 5 หรือไฟฟ้า 24V ของ NIMBUS เข้ากับองค์ประกอบเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงของเฮเฟเล่ จะสามารถสร้างแสงสว่างจากตัวเฟอร์นิเจอร์ได้โดยตรง การผสมผสานนี้เต็มไปด้วยความเรียบง่าย และมีความเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญ เฮเฟเล่ยังได้คิดค้น “Häfele Connect” หรือแอปพลิเคชันที่ทำให้การควบคุมแสงไฟมีความง่ายดายมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอีกด้วย

อีกหนึ่งความเชี่ยวชาญหลักของเฮเฟเล่ หรือก็คือสถานีของกลุ่มนวัตกรรมอุปกรณ์บานเลื่อนสำหรับเฟอร์นิเจอร์และห้องต่างๆ (Slido)   อุปกรณ์บานเปิดขึ้น (Free) และกลุ่มสินค้าชุดลิ้นชักเฟอร์นิเจอร์ (เช่น ซีรีย์ Matrix ) ซึ่งในคราวนี้ เฮเฟเล่ได้พยายามเติมความสมบูรณ์แบบให้อุปกรณ์ของพวกเขาดียิ่งขึ้น เห็นได้จากอุปกรณ์บานเปิดที่รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น บวกกับประสิทธิภาพของกลไกใหม่ของระบบการปิดแบบนุ่มนวลสำหรับประตูบานเลื่อน ช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่าที่เคย หรือจะเป็นบานเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ “Slido Flush 51” ที่โดดเด่นกว่าใครในงานจากระบบสั่งการด้วยเสียง ที่ใช้งานบน Alexa และ Google ที่สำคัญ เฮเฟเล่ยังได้เพิ่มขอบเขตบริการให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะต้องการจัดหาขนาดพิเศษ หรือหาชิ้นส่วนประกอบแม้เพียง ชิ้น ก็สามารถทำได้โดยไม่มีติดขัดแต่อย่างใด

ศูนย์กลางความปลอดภัยของโรดโชว์นี้ ด้วยบรรดาอุปกรณ์ล็อคอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียงรายอยู่เต็มสถานี ส่งสัญญาณรับประกันถึงความปลอดภัยของที่อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ล็อคอิเล็กทรอนิกส์ “Dialock” หรือโซลูชั่นล็อคอันสมบูรณ์แบบสำหรับการเชื่อมต่อเฟอร์นิเจอร์แต่ละจุดเข้าด้วยกัน ทั้งยังทำงานร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ที่เคลื่อนย้ายได้ และกับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้แบตเตอรี่รุ่น EFL 30 ยังสามารถรวมเข้ากับซอฟแวร์ Dialock เพื่อควบคุมการล็อคด้วยแอปพลิเคชัน Dialock Manager ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ ร่วมกับอุปกรณ์ควบคุมล็อคเฟอร์นิเจอร์ Dialock Generation 2 ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานกว่าถึงสองปี

โรดโชว์ และ SPACESHIP ของ Häfele Discoveries จะยังคงเปิดบริการ รอการเยี่ยมเยียนจากทุกคนไปจนถึงสิ้นปี 2564 นี้ ที่เว็บไซต์ discoveries.hafele.com

Work From Home Syndrome ใครว่าทำงานที่บ้านแล้วจะชิล

นับตั้งแต่ได้สัมผัสกับชีวิตแบบ Work From Home เป็นครั้งแรก ในใจก็ได้แต่คิดว่าความสุขของชีวิตทำงานกำลังจะประดังเข้ามา เพราะเรากำลังไม่ต้องยื้อแย่งที่ว่างบนท้องถนน ทั้งความเครียดในวันวุ่นๆ ก็คงลดน้อยลง จนทำงานได้แบบชิลๆ ทั้งวันแน่ๆ

แต่เมื่อวันเวลาของการ WFH ค่อยๆ ผ่านไป กลับกลายเป็นเราเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับความเครียด จนแทบจะเป็น Work From Home Syndrome แทน Office Syndrome แล้ว กระทั่งวิธีการคลายเครียดเดิมๆ ที่เคยทำก็ดูจะเอาไม่อยู่ จนเราแทบไม่เหลือทางเลือกอื่นใด นอกเสียจากสรรหาวิธีการใหม่ มารับมือกับอาการที่ไม่คุ้นเคยนี้ เพื่อทวงวันคืนสงบสุขกลับมาโดยเร็วที่สุด

แพทย์หญิงดุจฤดี อภิวงศ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลพระรามเก้า

จากคำบอกเล่าของ แพทย์หญิงดุจฤดี อภิวงศ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลพระรามเก้า เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 รวมถึงการทำงานแบบ WFH คือสิ่งที่ส่งผลกระทบทางลบต่อจิตใจอย่างมาก  ปัญหาที่คนส่วนใหญ่พบเจอคือภาวะตึงเครียดจากการต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจากมาตรการเพื่อลดการระบาด หรือมาตรการทำงานของบริษัทก็ตาม

เมื่อพื้นที่ที่ควรเป็นบ้านสำหรับพักผ่อน เปลี่ยนมาเป็นที่ทำงาน ผู้คนส่วนใหญ่จึงมีปัญหาในการปรับตัวที่เลี่ยงได้ยาก ทั้งเส้นแบ่งชีวิตงานและชีวิตพักผ่อนไม่ชัดเจน จนไม่สามารถปิดจบงาน (cut off) ในแต่ละวันได้ เกิดความเหนื่อยล้าจากการประชุมทางไกลที่ต้องใช้ทั้งสมาธิและเวลามากขึ้นกว่าเดิม หรือกระทั่งการถูกคาดหวังให้สแตนด์บายงานตลอดเวลา จนเกิดความกดดันและพักผ่อนได้ไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ การทำงานในพื้นที่ปิด ทั้งในห้อง คอนโด หรือทาวน์เฮ้าส์ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาความเครียดหลายอย่าง เช่น การอยู่กับตัวเองมากไป จนรู้สึกอุดอู้ เกิดความคิดฟุ้งซ่าน ไม่มีพื้นที่ให้ระบายออก หรือบางคนที่อยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวเป็นเวลานาน ก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดความเครียดที่ถูกจำกัดพื้นที่ และตามมาซึ่งปัญหาด้านความสัมพันธ์ได้เช่นกัน” คุณหมอดุจฤดี กล่าว

เมื่อมองลึกลงไป ปัญหาของสถานการณ์โควิด-19 และการ WFH ดูจะเป็นปัจจัยใหญ่ที่ส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเครียดครบทั้งด้านร่างกายจากเวลาพักผ่อนที่น้อยลง ความเครียดด้านจิตใจจากการวิตกกังวลเรื่องโรคระบาดและหน้าที่การงาน รวมถึงความเครียดด้านสังคมเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน จนยากต่อการปรับตัว

และแน่นอนว่าทันทีที่สภาวะความเครียดเริ่มก่อตัวในร่างกาย สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือผลกระทบแบบนามธรรมของอาการต่างๆ ที่จะตามมาอย่างต่อเนื่องเข้าทำร้ายเราพร้อมๆ กันจนช้ำไปทั้งตัว เช่นการมีภูมิคุ้มกันต่ำลง นำมาซึ่งอาการเจ็บป่วยได้ง่าย หรือผลกระทบด้านจิตใจ ที่จะทำให้เราหงุดหงิด-โมโหง่าย ขาดสมาธิ อารมณ์แปรปรวน มีอาการหลงลืม

ที่นี้แน่นอนว่าเมื่อเกิดสภาวะเครียด หลายคนจึงเริ่มหันไปพึ่งพาพฤติกรรมที่สร้างการผ่อนคลายหรือระบายอารมณ์ในระยะสั้น แต่ในเมื่อการ WFH ไม่รู้จะจบลงตอนไหน การผ่อนคลายจะเริ่มทำบ่อยเข้าจนติดเป็นนิสัย จนส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในระยะยาว เช่น การติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ติดเล่นการพนัน กินที่มากขึ้น เป็นต้น

ซ้ำร้ายแล้ว การต้องตกอยู่ในภาวะสภาพจิตใจย่ำแย่เช่นนี้เป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เกิดอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ตามมาอย่าง อาการซึมเศร้า” อีกด้วย

คุณหมอดุจฤดี กล่าวว่า ภาวะซึมเศร้าเป็นอาการที่อันตราย และมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ง่ายกับบุคคลที่มีความเครียดสะสม โดยเฉพาะกับสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ ดังนั้นการสำรวจตัวเองถึงความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า จึงถือเป็นแนวทางสำคัญต่อการ WFH ซึ่งถ้าเรามีอาการอยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง ไม่มีความสุขตลอดทั้งวัน ไม่อยากทำอะไร นอนไม่หลับหรือหลับมากไป เบื่ออาหารหรือรับประทานมากผิดปกติ ไม่มีสมาธิจดจ่อกับงาน รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง หรือรู้สึกอยากหายไป ติดๆ กันหลายวัน อยู่อย่างน้อย สัปดาห์ ทั้งหมดนี้เป็นอาการของโรคซึมเศร้า และเป็นสัญญาณว่าเราควรไปพบจิตแพทย์โดยด่วน

ถ้าโชคดีหน่อยหากสำรวจตัวเองแล้วว่าอาการยังไม่ลงลึกไปถึงขั้นซึมเศร้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะจัดการความเครียดไปได้แล้ว อย่างไรเสียในช่วงนี้ การรับมือกับความเครียดก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่สำหรับ WFH ไม่ต่างอะไรกับแท็บเล็ต หรือโปรแกรม ZOOM เลยแม้แต่น้อย

ถ้าเราเป็นคนชอบออกกำลังกาย หรือมีเพลย์ลิสต์เพลงชื่นชอบส่วนตัวอยู่ใกล้ๆ นั่นจะหมายถึงการลดความเครียดอย่างมีคุณภาพได้ไปเปลาะหนึ่งแล้ว แต่หากเสียงเพลงยังช่วยได้ไม่มากพอ บางคนอาจชื่นชอบ   เทรนด์การฟังเสียงลักษณะอื่นแทน เช่น เสียงธรรมชาติ น้ำตก ฝนตก หรือแม้กระทั่งเสียง ASMR (autonomous sensory meridian response) อย่างเสียงแคะหู เสียงกระซิบ เสียงลูบสิ่งของ เสียงกิน ก็มีหลายคนให้ประสบการณ์ว่าเสียงเหล่านี้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ

การคลายความเครียดมีหลากหลายรูปแบบขึ้นกับความสุขของแต่ละคน แต่นอกเหนือจากนี้ ทุกคนควรรู้จักกับแนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างนิสัยให้เคยชินกับสถานการณ์โควิด-19 และ WFH เช่นการติดตามข่าวสารอย่างรู้เท่าทัน หรือลดความถี่ในการติดตามข่าวสารลง แน่นอนว่ามันจะทำให้เรารู้ช้ากว่าคนอื่นบ้าง แต่หากข่าวสารนั้น มีเนื้อหาสาระข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง คัดกรองมาแล้วและไม่ทำให้เราเครียดและเหนื่อยล้า มันก็ดีกว่าการรับข่าวสารมากไปเป็นไหนๆ

หลายๆ ความเครียดจาก WFH ส่วนใหญ่มักเป็นผลที่มาจากการทำงาน ดังนั้นเราต้องไม่ลืมว่างานไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิตเรา ในเมื่อทุกคนล้วนมีกิจกรรมที่ชื่นชอบอยู่แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะเอาเวลาเล็กๆ น้อยๆ มาหาความสุขเพื่อเยียวยาตัวเองบ้าง หรือหากใครไม่มี ก็ลองใช้โอกาสนี้หากิจกรรมที่ชอบดู เพื่อมองเห็นจุดแบ่งชีวิตและงานได้ชัดเจนมากขึ้น ให้ความสุขเล็กๆ มาแบ่งเบาภาระงานที่แบกอยู่ ให้เรารู้สึกเบาตัวขึ้น เท่านี้ทุกคนก็น่าจะผ่านพ้นช่วง WFH ไปได้โดยไม่เครียดแล้ว” คุณหมอดุจฤดี ทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสารและความรู้ที่น่าสนใจจาก โรงพยาบาลพระรามเก้า เพิ่มเติม ได้ทาง Website: www.praram9.com/ / Line: https://lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital

เปิดวิสัยทัศน์ CAO เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต

เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต ประกาศวิสัยทัศน์ภายใต้แม่ทัพใหม่ช่องทางตัวแทน “ชวลิต ทองรมย์” เดินหน้าพัฒนาศักยภาพตัวแทนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นย้ำสู่การเป็น “ตัวแทนที่ดีที่สุดในประเทศ” ด้วยกลยุทธ์ C.S.E.P.

นายชวลิต ทองรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (Chief Agency Officerบริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์จำกัด (มหาชนแถลงข่าวภายหลังการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564  ที่ผ่านมาว่า เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 50 ประเทศ มีตัวแทนกว่า 150,000 คน ทั่วโลก แบ่งเป็นตัวแทนในภูมิภาคเอเชียจำนวน 57,900 คน โดยประเทศไทยเป็น ในกลุ่มประเทศเอเชียที่ได้รับการสนับสนุนด้านการเติบโตของช่องทางตัวแทนด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่ง ด้วยวิสัยทัศน์ในการมองหาโอกาส และการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม

สำหรับเป้าหมายในการบริหารช่องทางตัวแทนของเจนเนอราลี่ที่สำคัญ คือ “มุ่งหน้าสู่การเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดในประเทศ” ด้วยกลยุทธ์ 4 ด้านหลัก : C.S.E.P. ดังนี้

  • Capable people พัฒนาศักยภาพตัวแทน ให้สามารถเป็น Total Financial Solution จากผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำแผนประกัน (Insurance specialist สู่ผู้ออกแบบและบริหารสินทรัพย์ (Asset designer และก้าวสู่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการเงินสู่ความมั่งคั่ง ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาตัวแทนให้เป็นที่ปรึกษาความมั่งคั่ง (Wealth advisorนั้นเป็นการทำให้ธุรกิจเติบโตรวดเร็วและยั่งยืน เนื่องจากลูกค้าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงมีปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน อาทิ จากกลุ่มเป้าหมายที่มีการออมด้วยเงินฝาก จำนวนเงินในบัญชีเกิน 10 ล้านบาท มีมูลค่ากว่า 7,100 ล้านบาท  ในขณะที่ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงจากสูงสุด 24เหลือเพียง 0.1252และโอกาสด้านการเติบโตของธุรกิจประกันช่องทางเอเจนซี่กว่า 320,000 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในตลาด โดยในปีนี้เจนเนอราลี่ตั้งเป้าเสริมศักยภาพเพื่อให้ตัวแทนก้าวสู่ Wealth advisor เพื่อนำเสนอ “Solution Products” ให้แก่ลูกค้าเพื่อการเติบโตธุรกิจที่รวดเร็วและยั่งยืน โดยคัดสรรตัวแทนคุณภาพปีนี้ตั้งเป้าที่จำนวน 500 คน
  • Suitable product นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทุกประเภท ความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ เพศ และความต้องการ โดยในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ที่วางแผนและออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการวางแผนทางการเงินและสุขภาพ ตลอดชีวิตของลูกค้าและครอบครัว
  • Efficiency technology เพิ่มประสิทธิผลด้วยเทคโนโลยี เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานขายและบริการและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลของกรมธรรม์สำหรับตัวแทน
  • Professional service ให้บริการที่เลิศแก่ลูกค้า การให้บริการด้วยความใส่ใจและสามารถให้คำแนะนำและคำปรึกษาในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างครบวงจร

นายชวลิต กล่าวต่อว่า  สำหรับเป้าหมายการพัฒนาช่องทางตัวแทนประกันชีวิตของเจนเนอราลี่ ภายในปีพ.2564 นี้ ต้องเพิ่มจำนวนตัวแทนคุณภาพจากปีพ.2563 จำนวน 70%  เพิ่มจำนวน MDRT 50%  ส่งเสริมเพื่อสร้างรายได้เป้าหมายให้ตัวแทนขั้นต่ำที่ 25,000 บาทต่อเดือน และตั้งเป้าส่งมอบรายได้เบี้ยรับปีแรก (FYPคิดเป็นอัตราเติบโต จากปีพ.2563 40%

อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการ  The Lion’s ROAR  มีโมเดลการพัฒนาตัวแทนอย่างเป็นระบบตั้งแต่กระบวนการสรรหาคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเข้าสู่เส้นทางอาชีพตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงิน (FP)  ซึ่ง FP ทุกคนจะต้องผ่านการพัฒนาและการอบรม เพื่อเสริมสร้างทักษะการขายและการเข้าพบลูกค้าอย่างเป็นมืออาชีพ  สำหรับแคมเปญ “MDRT 3 ปี รับโบนัส ล้านบาท” ได้รับกระแสการตอบรับที่ดี จึงถือได้ว่าเป็นปีที่เจนเนอราลี่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพัฒนาศักยภาพและสร้างฐานของตัวแทน FP ที่มีคุณภาพ ทำให้ล่าสุดบริษัทฯ มีตัวแทนที่ติดคุณวุฒิ MDRT (Million Dollar Round Tableจำนวนทั้งสิ้น 13 คน ซึ่ง คนในนี้เป็นตัวแทน FP ที่ผ่านกฎเกณฑ์ MDRT 3 ปี ล้าน แบ่งเป็นรุ่นที่  จำนวน 2 ท่าน  และ รุ่นที่ 2  จำนวน  ท่าน  ซึ่งแคมเปญดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 .2565 โดยบริษัทฯ ได้เตรียมมอบเงินโบนัส จำนวน 18 ล้านบาทให้กับตัวแทน MDRT ทั้ง ท่าน ที่มีสิทธิ์พิชิตแคมเปญ ปี ล้านสำเร็จตามเป้าหมาย

การดำเนินงานที่เร่งด่วนภายในปีนี้ เป้าหมายเพื่อให้ตัวแทนของเจนเนอราลี่สามารถเป็นตัวแทนที่ดีที่สุดในประเทศ ด้วยโครงสร้างและผลประโยชน์ที่ดี รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากบริษัทและมีพฤติกรรมดี ดังเช่น ตัวแทนต้องช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า ทั้งในด้านการเงินและสุขภาพ อีกทั้งยังต้องซื่อสัตย์และพร้อมบริการเคียงคู่ไปกับลูกค้า  เพื่อความสำเร็จและสามารถพัฒนาศักยภาพตัวแทนอย่างต่อเนื่องสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งหน้าเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีพลังและเป็นตัวแทนดีที่สุดในประเทศ  ในฐานะ Wealth Advisor  หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารการเงินสู่ความมั่งคั่ง และพร้อมที่จะวางแผนความมั่นคงในชีวิตให้กับลูกค้าได้อย่างชาญฉลาด ” นายชวลิต กล่าว

 ภายในงานนายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประเทศไทย ยังได้ย้ำถึงเป้าหมายหลักของเจนเนอราลี่ทั่วโลกในการที่เป็น Lifetime Partner ที่อยู่เคียงข้างลูกค้า ในทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยช่องทางตัวแทนซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญของธุรกิจประกันชีวิตของเจนเนอราลี่ และเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของคุณชวลิต ทองรมย์ แม่ทัพตัวแทนคนใหม่นั้นจะสามารถนำพาให้เจนเนอราลี่บรรลุเป้าหมายในปีนี้ได้อย่างแน่นอน

MAKESEND Express รุกตลาด same-day delivery 

MAKESEND บริษัทสตาร์ทอัพน้องใหม่ที่ให้บริการการขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึง (Same-day Delivery) ทั่วกรุงเทพฯและปริมาณฑล ได้รับเงินทุนสนับสนุนรอบ series seed จาก บริษัท Triple I Logistics จำกัด (มหาชน) ซึ่งเงินทุนที่ได้รับ บริษัทฯ จะนำไปใช้เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการการขนส่งแบบ Same-day Delivery ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมทั้งนำไปใช้ในการการขยายทีมการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และกระบวนการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การระดมทุนในครั้งนี้เริ่มจากการที่ MAKESEND เล็งเห็นถึงความต้องการและการขยายตัวของธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น จึงออกแบบบริการให้มีความหลากหลายเพื่อรองรับกับกระแสการเติบโตของ E-Commerce ในไทย อาทิ การขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ,การขนส่งสินค้าประเภทเบเกอรี่,อาหารและผลไม้ จึงทำให้บริษัทฯมีรายได้เติบโตย้อนหลังถึงเดือนละ 30 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่กรกฎาคม 2563 นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังให้ความสำคัญในเรื่องความรวดเร็วและความสะดวกสบาย ผสมผสานไปกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาปรับใช้ จึงทำให้ได้เปรียบในการขนส่งสินค้าแบบ Same-day Delivery ราคาขนส่งสินค้าทั่วพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลเริ่มต้นเพียงแค่ 40 บาท ยิ่งไปกว่านั้นจุดเด่นที่น่าดึงดูดของ MAKESEND คือ เป็นผู้ให้บริการขนส่งเพียงเจ้าเดียวที่มีการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิพร้อมทั้งสามารถส่งสินค้าถึงปลายทางภายในวันเดียวกัน (Same-day Delivery) จากยอดการเติบโตดังกล่าวและบริการที่เข้าถึงลูกค้าได้อย่างหลากหลายทำให้ MAKESEND กลายเป็นบริษัทที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

ในขณะเดียวกันการที่ MAKESEND และ Triple I เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันนั้น ได้มีส่วนช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการ เนื่องจากทั้งสองบริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ รวมทั้งมีโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจของกันและกันได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองบริษัทฯ

ในช่วงประมาณสิบเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เราเปิดให้บริการ เราเห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในการใช้บริการขนส่งแบบ Same-day Delivery ที่จริงแล้ว ในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ จำนวนพัสดุที่เราทำการจัดส่งรวมถึงรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่า 400 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการเติบโตของเรากำลังจะพุ่งขึ้นไปแตะ Four-Digit Growth ภายในสิ้นปี เนื่องจากตลาดการขนส่งแบบ Same-day Delivery มีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นอีกมาก และเราก็จะไม่หยุดที่จะทำให้ MAKESEND บรรลุเป้าหมายระยาวของเราในการเป็นผู้นำในการขนส่งแบบ Same-day Delivery ทั่วประเทศไทยและด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งของเราอย่าง  Triple I ที่มีความสามารถในการจัดการและบริหารระบบการขนส่งและห่วงโซ่อุปทาน เราจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าธุรกิจของเราจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเพิ่มสถิติใหม่ของอัตราการขนส่งได้ในทุกเดือน นาย อานันท์ ประเสริฐรุ่งเรื่อง ประธานกรรมการบริหาร กล่าว

MAKESEND เกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจของ AIRPORTELs ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพรับฝากและขนส่งกระเป๋าสัมภาระนักเดินทาง ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและทำรายได้เติบโตในทุกๆเดือน จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์ โควิด 19 ขึ้นทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยต้องหยุดชะงักลง AIRPORTELs จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหยุดให้บริการ  แต่ทีมผู้ก่อตั้งได้นำความรู้และประสบการณ์ในการบริการขนส่งกระเป๋าสัมภาระที่สามารถส่งถึงที่หมายภายในเวลา ชั่วโมง มาปรับใช้ในธุรกิจขนส่งพัสดุแบบวันเดียวถึงหรือ Same-day Delivery ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ MAKESEND และทำให้บริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี พ.ศ. 2563 หลังจากเปิดให้บริการ ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.makesend.asia

กรุงศรี ฟินโนเวต ผนึก MUFG จับมือ แฟลช เอ็กซ์เพรส ยูนิคอร์นสัญชาติไทยรายแรก

กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุน (CVC) ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป ผู้ร่วมลงทุนในกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) บริษัทแม่ของ แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการขนส่งสัญชาติไทย และ E-commerce แบบครบวงจร ทั้งยังเป็นยูนิคอร์นไทยรายแรก ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อน E-commerce ecosystem ไทยให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับแผนธุรกิจระยะกลาง (Medium-term Business Plan) ในปี 2564-2566 ของกรุงศรี โดยหลังจากนี้เตรียมพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นทางการเงินที่ส่งเสริม Ecosystem ให้แก่ผู้ใช้งานและผู้ให้บริการในธุรกิจ E-commerce แพลตฟอร์มให้มีความสะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมเตรียมสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียนสนับสนุนการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า ศักยภาพอันโดดเด่นและความมุ่งมั่นทุ่มเทของกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ส่งผลให้ กรุงศรี ฟินโนเวต สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการมีส่วนร่วมผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์นที่ผงาดและเติบโตในธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเราภาคภูมิใจอย่างยิ่งกับก้าวที่สำคัญของแฟลช กรุ๊ป ในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน กรุงศรี และ แฟลช กรุ๊ป กำลังพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน ด้วยการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง E-Commerce ecosystem ของไทยให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งในภาพของ E-commerce ecosystem ที่แข็งแกร่งนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้ต้องประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่สอดคล้องและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ได้แก่ E-Commerce enablers, E-logistic และ Payment/disbursement solutions ดังนั้นความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะอยู่บนพื้นฐานของทั้ง ส่วนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีทั้งในรูปแบบของการพัฒนาโซลูชั่นทางการเงินระหว่างกันหรือพัฒนาร่วมมือกับผู้ลงทุนรายอื่นๆของแฟลช เพื่อให้ทุกภาคส่วนใน ecosystem สามารถทำธุรกรรมได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น หรือการใช้ความเชี่ยวชาญของกรุงศรีในเรื่องสินเชื่อ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานใน ecosystem นอกจากนี้ กรุงศรียังสามารถใช้ความแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียนของกรุงศรีและ MUFG เพื่อช่วยส่งเสริมโอกาสการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่แฟลชได้วางไว้ นอกจากนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต ยังคาดว่าจะมีโอกาสสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยรายอื่นๆ ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นยูนิคอร์นรายต่อไปอีกด้วย

กรุงศรี ฟินโนเวต นับเป็นผู้ลงทุนไทยกลุ่มแรกๆ ที่เข้าลงทุนในแฟลช กรุ๊ป โดยลงทุนครั้งแรกในการระดมทุนรอบ series D เมื่อปี 2563 และล่าสุดครั้งที่สองในรอบ series E โดยจากการร่วมลงทุน กรุงศรีและแฟลชได้ทำข้อตกลงร่วมกันในการให้กรุงศรีเป็นสถาบันการเงินที่เป็นพันธมิตรอันดับหนึ่ง (Preferred Bank) เพื่อให้บริการทางเงินต่างๆ ของแฟลช

นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-Commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร กล่าวว่า เรามีความภาคภูมิใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกรุงศรี ในฐานะผู้ลงทุนรายหนึ่งของแฟลช ทั้งในรอบ Series D และ Series E แน่นอนว่าความร่วมมือระหว่าง บริษัทจะดำเนินไปในทิศทางที่สอดคล้องกับรูปแบบของตลาด E-commerce ทั้งในประเทศไทย และสากล ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการ ด้าน E-payment หรือความร่วมมือในการพัฒนา Payment Gateway โดยคาดว่าภายในปีนี้คงจะสามารถประกาศความร่วมมือในบางส่วนได้ สำหรับกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) นับเป็นบริษัทแม่ของ แฟลช เอ็กซ์เพรส (Flash Express) ขนส่งสัญชาติไทยแบบครบวงจร ที่มีนโยบายการทำบริการแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น ด้วยการใช้ระบบไอทีเข้ามาเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการขับเคลื่อนธุรกิจขนส่ง ปัจจุบัน Flash Express มียอดส่งพัสดุสูงสุดต่อวันร่วม ล้านชิ้น จึงทำให้ธุรกิจสามารถก้าวขึ้นเป็นขนส่งเอกชนอันดับ1, แฟลช ฟูลฟิลเมนท์ (Flash Fulfillment) ให้บริการคลังสินค้าแบบครบวงจรที่เติมเต็มการทำงานของร้านค้าออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งจัดเก็บแพ็คจัดส่ง นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจแฟลช ยังมีธุรกิจในเครืออีกมากมายที่เกื้อหนุนกับ E-commerce platform ได้อย่างลงตัว โดยในส่วนของการมองหาผู้ลงทุนยังนับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มธุรกิจแฟลช และธุรกิจในเครือ ซึ่งทีมงานมีความเชื่อมั่นว่าการมี Partner ที่ดีจะมีส่วนช่วยสนับสนุนและสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว

กรุงศรี ฟินโนเวต มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในสตาร์ทอัพรายอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง ปี (2564-2565) รวมทั้งหาโอกาสในการร่วมงานกับสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ โดยใช้จุดแข็งที่มีในการเสริมสร้างศักยภาพและความร่วมมือระหว่างกัน

เจนเนอราลี่ x ศรีสวัสดิ์ ปั้นโปรเจค “เจนสวัสดี” เสริมวินัยการเงินคนรุ่นใหม่

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมกับ ศรีสวัสดิ์ ปั้นโครงการใหม่ “เจนสวัสดี” คอนเท้นต์เสริมสร้างวินัยทางการเงินให้กับคนรุ่นใหม่ ที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายพร้อมภาพประกอบโดยใช้อินไซด์จากกลุ่มเป้าหมายและคำถามที่ถูกค้นบ่อยเกี่ยวกับประกันสินเชื่อ หรือการบริหารจัดการเงิน เพื่อสร้างแนวคิดและพฤติกรรมเพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยใช้ประสบการณ์การบริหารสินเชื่อกลุ่มลูกค้า ของ “ศรีสวัสดิ์” และความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินจาก “เจนเนอราลี่” ผ่านสื่อดิจิทัลของ พาร์ทเนอร์

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ทั่วโลกต้องปรับตัว ทั้งการดำเนินธุรกิจและการดำรงชีวิต รวมถึงพฤติกรรมของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตเห็นได้จากในโลกออนไลน์ที่มีการตั้งคำถามถึงแนวทางการสร้างรายได้เพิ่มจากงานประจำ การเก็บออม และการลงทุนเป็นจำนวนมาก รวมถึงการประกันสินเชื่อเพื่อปกป้องความเสี่ยง ดังนั้น เจนเนอราลี่ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีประสบการณ์ ความแข็งแกร่งในด้านการเงินและการประกันระดับโลก อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแนวคิดในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งการยกระดับสังคมให้ดีขึ้นในทุกสถานการณ์”

เจนเนอราลี่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ร่วมกับ บริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด หนึ่งในกลุ่ม บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ศรีสวัสดิ์ เปิดโครงการ “เจนสวัสดี” คอนเท้นต์ออนไลน์ ที่นำเสนอคอนเทนต์สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับทางการเงิน อาทิ การประเมินสถานภาพทางการเงินของตนเอง เคล็ดลับการออมเงินและบริหารจัดการหนี้ การวางแผนทางการเงินในอนาคต ฯลฯ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินจากเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ และผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในด้านประสบการณ์การบริหารสินเชื่อ

ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น

ทางด้าน นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่า “เราทำธุรกิจสินเชื่อ เป้าหมายเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในเวลาจำเป็น ซึ่งเราเน้นให้ความรู้แก่ลูกค้าเสมอและส่งเสริมให้ลูกค้ามีความรู้ความเข้าใจ และประโยชน์ของการทำประกันวงเงินสินเชื่อเพื่อให้แน่ใจว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันต่อผู้ขอสินเชื่อ จะไม่เป็นภาระต่อคนข้างหลัง และทายาทของผู้เอาประกันจะไม่เสียผลประโยชน์ เราจึงได้เจนเนอราลี่มาช่วยทำสินค้าด้านประกันสินเชื่อที่ให้ลูกค้าของศรีสวัสดิ์ได้ประโยชน์อย่างดีที่สุด ศรีสวัสดิ์ เติบโตอย่างรวดเร็ว ลูกค้ายังมีความต้องการด้านสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เราจึงเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี ให้กับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการทำคอนเท้นต์ผ่านสื่อดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย ส่งต่อง่าย อธิบายด้วยภาพให้เข้าใจได้ง่าย ศรีสวัสดิ์ ที่มีกว่า 5,000 สาขาทั่วประเทศ เราจะสื่อสารเนื้อหาดังกล่าวไปยังสาขาของเราด้วย เพื่อส่งต่อเนื้อหาดี  ไปยังลูกค้าของเรา

นายบัณฑิต กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับโปรโจค ‘เจนสวัสดี จะเป็นอีกหนึ่งส่วนช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้มีความรู้ในการวางแผนการเงินในอนาคตที่ดีและมั่นคง รวมถึงนำความรู้ที่ได้ไปแบ่งปันให้กับสังคมรอบข้างให้มีวินัยทางการเงินที่ดีได้เช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจคอนเทนต์ด้านการเงิน การลงทุน และการออม สามารถเข้าชมเนื้อหาของโปรเจค เจนสวัสดี” ได้ที่ Facebook Fanpage Generali Thailand และ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ ได้เร็ว ๆ นี้ สนใจสินเชื่อ ศรีสวัสดิ์ ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.sawad.co.th

เครือซีพี พร้อมสนับสนุนโอลิมปิก

เครือซีพีมุ่งมั่นส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยฝ่าวิกฤตโควิด สู้ศึกครั้งประวัติศาสตร์ของโลก ลุย“โอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จัดเต็มเสบียงอาหารเพื่อสุขภาพ ซิมโรมมิ่ง พร้อมสนับสนุนหน้ากากอนามัย เสริมความปลอดภัยป้องกันโรค

คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ผนึกกำลัง เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ ร่วมแถลงข่าวประกาศความพร้อม เครือเจริญโภคภัณฑ์ผู้สนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการในการแข่งขันโอลิมปิก-พาราลิมปิกเกมส์ 2020 เดินหน้าให้การสนับสนุนเสบียงอาหารให้กับทัพนักกีฬา ตลอดช่วงเก็บตัวที่ประเทศไทย เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายก่อนทัวร์นาเมนท์สำคัญระดับโลก พร้อมจัดเต็มซิมโรมมิ่งจากทรูมูฟ เอช ที่สามารถโทรออก รับสาย ส่งข้อความ ใช้ดาต้าโรมมิ่ง5G ไม่อั้น และหน้ากากอนามัยซีพี สำหรับใช้ป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19 ตลอดระยะเวลาการแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมี ศาสตราจารย์ (พิเศษ) เจริญ วรรธนะสินรองประธานกรรมการ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์นายธนา ไชยประสิทธิ์ เหรัญญิก คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ และ นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม (ร่วม) ด้านการพาณิชย์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้เกียรติร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้

ศาสตราจารย์(พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน รองประธานกรรมการ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ขอขอบคุณ เครือเจริญโภคภัณฑ์, บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บมจ.ซีพี ออลล์และ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ให้การสนับสนุนกีฬาไทยมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ตามการที่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องอาหารในช่วงการเก็บตัวและการสื่อสาร หน้ากากอนามัย แอลกอฮอลล์ ระหว่างเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วยให้นักกีฬาอุ่นใจและมีสมาธิในการฝึกซ้อมและลงแข่งขัน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้อย่างไม่ต้องกังวล ขณะเดียวกันคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ยังได้ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาต่างๆ ดูแลในส่วนการเตรียมความพร้อมและการฝึกซ้อมของนักกีฬาควบคู่ไปเช่นกัน และหวังว่านักกีฬาไทยจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่หน่วยงานภาคเอกชนเล็งเห็นถึงความสำคัญของกีฬา ทั้งกีฬาคนปกติ และกีฬาคนพิการ พร้อมให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน ซึ่งการเดินทางไปแข่งขันศึกพาราลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือเป็นความท้าทายที่เราต้องเผชิญภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นการที่ได้รับการสนับสนุนในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักกีฬาแล้ว ยังเป็นการส่งมอบกำลังใจที่มีค่าให้แก่นักกีฬาอีกด้วย ต้องขอขอบคุณเครือซีพี, ซีพีเอฟ, ซีพี ออลล์, กลุ่มทรู ที่ให้การสนับสนุนทัพนักกีฬาพาราลิมปิกทีมชาติไทยในครั้งนี้ เราสัญญาว่าจะทำผลงานให้ออกมาดีที่สุดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ

นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภูมิใจที่ได้รับเกียรติในการเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านอาหารและการสื่อสารแก่นักกีฬาไทยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเครือฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืน และยึดมั่นในค่านิยม “3ประโยชน์” ที่มุ่งสร้างสรรค์ประโยชน์ แก่ประเทศชาติ สังคม และให้ความสำคัญกับการสนับสนุนด้านการกีฬามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา แม้ขณะนี้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเครือซีพี ที่ยังคงมุ่งมั่นเคียงข้างสนับสนุนนักกีฬาไทยในการเดินทางไปแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก โดยครั้งนี้เครือฯ ไม่สามารถส่งเสบียงอาหารไปให้นักกีฬาไทยได้อิ่มท้องถึงประเทศญี่ปุ่น แต่ได้ปรับรูปแบบการสนับสนุนให้เข้ากับสถานการณ์ โดยนำศักยภาพของกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ได้แก่ ซีพีเอฟ ซีพี ออลล์ และ ทรู คอร์ปอเรชั่นสนับสนุนด้านอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้แก่ทัพนักกีฬาในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศไทย พร้อมมอบหน้ากากอนามัยซีพีสำหรับใช้ป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19 ตลอดระยะเวลาการแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น และยังคงสนับสนุนการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ โดยมอบซิมโรมมิ่งจากทรูมูฟ เอช เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักกีฬาทุกคนติดต่อสื่อสารกับครอบครัวได้ตลอดเวลา

“เครือซีพีตระหนักดีว่า โอลิมปิกคือความฝันและเกียรติสูงสุดสำหรับนักกีฬาทุกคน และถือเป็นศึกใหญ่ที่นักกีฬาไทยต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ส่งแรงเชียร์แรงใจให้นักกีฬาทีมชาติไทย พร้อมปลุกกระแส ‘‘คนไทยหัวใจนักสู้’’ ฝ่าฟันสถานการณ์โควิดและคว้าชัยชนะศึกนี้ไปด้วยกัน เพราะเราเชื่อว่า ไม่มีอะไรที่เราชนะไม่ได้ เมื่อเราสู้ไปด้วยกัน” นายขจรกล่าว

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟเป็นครัวของโลก ที่ให้การสนับสนุนอาหารเติมกำลังกายและส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกมาอย่างต่อเนื่อง ในครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้จะเป็นการแข่งขันในขณะที่โลกกำลังเผชิญสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 กำลังใจและกำลังกายที่ดียังคงเป็นสิ่งที่นักกีฬาทุกคนต้องการ ซีพีเอฟจึงนำความเชี่ยวชาญด้านอาหารของเรา สนับสนุนให้ทัพนักกีฬาไทยเช่นเคย โดยปรับรูปแบบเป็นการสนับสนุนอาหารในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อมก่อนเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในปีนี้เน้นอาหารกลุ่มโปรตีน คุณภาพดี ที่มีโภชนาการครบถ้วน และเหมาะสมกับสภาพร่างกายของนักกีฬา อาทิ อกไก่นุ่ม ตราCP Delight ที่ให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ ตอบโจทย์นักกีฬาและคนรักสุขภาพ รวมถึงอาหารกลุ่มไข่พร้อมทาน ทั้งไข่ต้มซีพี ไข่ลวกซีพี ไข่ตุ๋นซีพี ที่ให้ทั้งความอร่อยและสารอาหารเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่าง Meat Zero เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) จากนวัตกรรม Plant Tech ทำให้ได้เนื้อทางเลือกที่สมบูรณ์แบบทั้งลักษณะ รสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส เป็นเมนูใหม่ที่มีโปรตีนและกากใยอาหาร ปราศจากโคเลสเตอรอลให้นักกีฬาไทยได้ลิ้มลอง เชื่อว่า อาหารปลอดภัยของซีพีเอฟ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทัพนักกีฬาไทยให้คว้าชัยกลับมาสร้างรอยยิ้มและความภูมิใจให้คนไทยได้มีความสุขร่วมกันอีกครั้ง

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่และการฝึกซ้อมของนักกีฬา ดังนั้น บมจ.ซีพี ออลล์ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อกำลังใจ ด้วยการมอบอาหารพร้อมรับประทานในเมนูยอดนิยม ได้แก่ ข้าวปลาทอดลุยสวน และ ข้าวปลาซาบะย่างซีอิ๊ว รวมถึงจัดส่งผลไม้กล้วยหอมทองที่ผ่านการคัดเลือกจากเกษตรกรคุณภาพ น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย แอลกอฮอลล์ทำความสะอาดให้กับทีมงานและนักกีฬาทุกท่าน ซีพี ออลล์ และพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ขอร่วมเป็นกำลังใจและส่งแรงเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทยให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม (ร่วม) ด้านการพาณิชย์ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรู พร้อมนำเครือข่ายอัจฉริยะ ทรู 5G ที่ดีที่สุดและครอบคลุมที่สุด ร่วมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารให้แก่ทัพนักกีฬาไทย โค้ช เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มแรงใจให้ทุกคนตลอดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 และ พาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการแข่งขันวิถีใหม่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่คนทั่วโลกจะต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ไม่สามารถเข้าไปชมและเชียร์ได้ โดยครั้งนี้ กลุ่มทรู ได้มอบซิมโรมมิ่งจากทรูมูฟ เอช ที่สามารถโทรออก รับสาย ส่งข้อความ และใช้ดาต้าโรมมิ่ง 5G ไม่อั้น เมื่อใช้บริการในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเชื่อมโยงทุกความรู้สึกกับครอบครัว อีกทั้งยังสามารถติดต่อสื่อสาร อัปเดตข่าวการแข่งขันได้ทุกที่ ทุกเวลา นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแคมเปญ“ทรูเชียร์ไทย” เป็นสื่อกลางให้คนไทยรวมทุกหัวใจนักสู้ โดยเชิญชวนให้ติดแฮชแท็ก#ทรูเชียร์ไทย และ #CheerThaiTogether ทุกการโพสต์หรือแชร์ที่เกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจทัพนักกีฬาไทยผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อให้คว้าชัยชนะกลับมาให้คนในชาติได้ชื่นชมและภาคภูมิใจไปด้วยกัน

สำหรับ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.ค. – 8 ส.ค.64 และ พาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ส.ค. – 5 ก.ย.64 โดยแข่งขันที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทั้งสองทัวร์นาเมนท์ ปัจจุบันมีนักกีฬาไทยผ่านเข้าแข่งขันในศึกโอลิมปิกเกมส์ แล้วทั้งสิ้น 28 รายการ 33 คน ประกอบด้วย 1.พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (เทควันโด รุ่น 49 กก. หญิง), 2.รามณรงค์ เสวกวิหารี (เทควันโด รุ่น 58 กก. ชาย), 3.คีรินตันติเวทย์ (กรีฑา ประเภทวิ่ง 10,000 เมตร ชาย), 4. ธิติสรรค์ ปั้นโหมด (มวยสากล รุ่น52 กก. ชาย), 5.ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี (มวยสากล รุ่น 57 กก. ชาย), 6.ใบสน มณีก้อน(มวยสากล รุ่น 69 กก. หญิง), 7.สุดาพร สีสอนดี (มวยสากล รุ่น 60 กก. หญิง), 8.กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม (เรือใบ เลเซอร์ เรเดียลหญิง), 9.อรสา เที่ยงกระโทก (เรือแคนู สปริ้นท์ประเภทเรือแคนู 1 คนหญิง ระยะ 200), 10.นวมินทร์ ดีน้อย-ศิวกร วงศ์พิณ (เรือกรรเชียง ประเภท 2 ฝีพายชาย รุ่นไลท์เวท), 11.ศิริพร แก้วดวงงาม (วินด์เซิร์ฟ RS:X หญิง), 12.ณัฐพงษ์ โพธิ์นพรัตน์ (วินด์เซิร์ฟ RS:X ชาย), 13.ธันยพร พฤกษากร (ยิงปืนปืนสั้นสตรี 25 ม. หญิง), 14.อิศรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร (ยิงปืน ปืนสั้นยิงเร็ว 25 ม. ชาย), 15.ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ (ยิงปืน ปืนสั้นสตรี 25 ม. หญิง), 16.สุธิยา จิวเฉลิมมิตร(ยิงเป้าบิน สกีตหญิง), 17.อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข (ยิงเป้าบิน สกีตหญิง), 18.เศวตเศรษฐาภรณ์ (ยิงเป้าบิน แทร็ปชาย), 19.จุฑาธิป มณีพันธุ์ (จักรยาน ประเภทถนน), 20.สุธาสินี เสวตรบุตร (เทเบิลเทนนิส หญิงเดี่ยว), 21.อรวรรณ พาระนัง (เทเบิลเทนนิสหญิงเดี่ยว), 22.อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์-กรธวัช สำราญ-วีรภัฎ ปิฏกานนท์ (ขี่ม้า ทีมอีเวนท์ติง), 23. กันตภณ หวังเจริญ (แบดมินตันชายเดี่ยว), 24.รัชนก อินทนนท์(แบดมินตันหญิงเดี่ยว), 25.บุษนันท์ อึ๊งบำรุงพันธ์ (แบดมินตันหญิงเดี่ยว), 26.จงกลพรรณ กิติธรากูล และ รวินดา ประจงใจ (แบดมินตันหญิงคู่), 27.เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (แบดมินตันคู่ผสม) และ 28.จุฑามาศ จิตรพงศ์ (มวยสากลสมัครเล่น 51 กก.หญิง)

Lighting Pad Lounge นวัตกรรมแสงอะคูสติกจาก เฮเฟเล่

เฮเฟเล่ นำเสนอโซลูชั่นผสานความงามของแสงและเสียงในชิ้นเดียวกัน ถ่ายทอดอารมณ์และความอบอุ่นผ่านโคมไฟไม้ขึ้นรูป ให้ทุกสภาพแวดล้อมส่องสว่างด้วย Lighting Pad Lounge นวัตกรรมแสงอะคูสติก ที่รวมการทำงานของแสง เสียง และเฟอร์นิเจอร์ไว้อย่างกลมกลืน ด้วยต้นกำเนิดแสงจากแอลอีดีประสิทธิภาพสูง สาดส่องผ่านตัว Acoustic Fleece ด้านล่างของแสง สร้างเป็นเอฟเฟกต์ในรูปของคอลัมน์แสงที่สวยงาม สามารถหรี่แสงและปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสีเริ่มต้นที่ 2,700 ไปจนถึง 4,000 เคลวิน พร้อมส่วนประกอบแสงโดยตรงที่ 1,800 ลูเมน บวกกับส่วนประกอบแสงทางอ้อมที่สูงถึง 1,800 ลูเมน จึงทำให้ Lighting Pad Lounge มีการตั้งค่าที่ไม่จำกัดจำนวน สร้างสรรค์บรรยากาศแสงที่เหมาะสมและลงตัว เสริมด้วยความเรียบง่ายของดีไซน์ไม้คุณภาพสูง ช่วยสร้างความผ่อนคลายที่สัมผัสได้ ใช้งานได้ในทุกโอกาส ด้วยเทคโนโลยีควบคุมอัจฉริยะ ผ่านเซ็นเซอร์ตรวจจับท่าทาง รีโมทบลูทูธ และแอปพลิเคชัน Häfele Connect Mesh รับรองคุณภาพของแสงที่โดดเด่นด้วยรางวัล “High Product Quality” จากเวที interzum 2021

เปลี่ยนผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายสู่บรรยากาศอันเป็นส่วนตัว ด้วย Lighting Pad Lounge ได้แล้ว ที่ เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ ทุกสาขา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-768-7171

โปรโมชั่นพิเศษ! ชุดตะเกียงน้ำหอม Glacon บ้านหอมนานจบในเซ็ตเดียว

เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ผู้นำเครื่องหอมบ้านระดับพรีเมี่ยมจากประเทศฝรั่งเศส ขอมอบโปรโมชั่นพิเศษให้บ้านหอมนาน หอมครบ จบในชุดเดียว ด้วย ชุดตะเกียงน้ำหอม Glacon มาพร้อมน้ำหอมสำหรับเติมให้คุณเลือกกลิ่นตามที่ชอบได้ รวม 2.75 ลิตร และ ก้านกระจายความหอมคอลเลคชั่น Aromaชุด ในราคาเพียง 5,900 บาท (ปกติ 10,220 บาท) ในชุดประกอบด้วย ตะเกียงน้ำหอมฟอกอากาศ Glacon รูปทรงสี่เหลี่ยมคิวบิกที่ได้แรงบันดาลใจจากก้อนน้ำแข็ง สีสันสวยงาม ราคาปกติ 2,070 บาท มาพร้อม น้ำหอม ขนาด 250 มิลลิลิตร (คละกลิ่น) น้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ขนาด 1 ลิตร จำนวน ขวด (เลือกกลิ่นได้) น้ำหอมสำหรับเติมตะเกียง ขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน ขวด (เลือกกลิ่นได้) และ ก้านกระจายความหอมคอลเลคชั่น Aroma (เลือกกลิ่นได้) โปรโมชั่นพิเศษตั้งแต่วันนี้ -30 มิถุนายน 2564 นี้ เท่านั้น

สอบถามหรือสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Facebook : Maison Berger Thailand หรือ Line : @maisonbergerthai และเมซอง แบร์เช่ ปารีส ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาชิค รีพับลิค และเซ็นทรัลชิดลม)

รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ รับมอบรถดูแลผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง บมจ. กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส (มหาชน) บริษัทรถเช่าชั้นนำ ผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำเล็งเห็นความสำคัญการสนับสนุนการบริการผู้ป่วยโควิด-19 ที่ประสบปัญหาการเดินทาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงได้ส่งรถตู้ 1 คันสนับสนุนการบริการผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิเป็นการชั่วคราว เพื่อดูแลผู้ป่วยในฝั่งกรุงเทพตะวันออกและในพื้นที่ของสมุทรปราการ โดยมีผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานและรับมอบรถตู้ ประกอบด้วย นายวีระเดช ล้อจิตรอำนวย ผู้จัดการแผนกการตลาดระยะยาว (Marketing Manager) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (คนที่ 2 จากขวา), นายวินัย บัวคง หัวหน้างานการตลาดระยะยาว (Marketing Supervisor) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (คนที่ 1 จากขวา), นพ.วรัญญ์ เทียนส่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือรพ.พริ้นซ์ (PRINC) (คนที่ 2 จากซ้าย), นายธานี มณีนุตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) (คนที่ 1 จากซ้าย)