IDOL แนะคนไทยแยกขยะให้ถูกวิธีด้วย 3R

เนื่องในสัปดาห์วันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิ.ย ) มิวเซียมสยาม ในฐานะพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะช่วยแก้ไขและบรรเทาปัญหาดังกล่าวเพื่ออนาคตที่ดีของสังคมไทยและของโลกด้วย จึงมีแนวคิดในการลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม โดยผุดโครงการขยะบทที่ 3 ยิ่งลดเท่ากับยิ่งให้ ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม และเข้าใจในวิธีการคัดแยกขยะที่ถูกต้องเพื่อสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดเป็นประโยชน์ต่อไปได้อีก โดยสามารถนำแนวคิดไปปรับใช้และปฏิบัติได้แองให้เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในภาพรวมต่อไป โดยเชื่อมโยงด้วยแนวคิด 3R คือ

:Reduce การลดขยะ ลดการใช้ หรือคิดก่อนใช้ ควบคุมปริมาณการใช้พลาสติกให้อยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ  บริโภคทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลง ลดการสร้างขยะในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะลดการใช้ถุงพลาสติก เลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

:Reuse นำกลับมาใช้ซ้ำ (ใช้แล้วใช้อีก) ถือเป็นการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด โดยการนำสิ่งของเครื่องใช้ มาใช้ซ้ำก่อนทิ้ง หรือ หาภาชนะ เลือกสินค้าที่เราสามารถใช้ซ้ำได้ เช่น ถุงผ้า กระบอกน้ำ กล่องใส่อาหารส่วนตัว

:Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ โดยคัดแยกขยะมูลฝอยแต่ละประเภท ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หมุนเวียนกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตของแต่ละประเภทได้เพื่อต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ เช่น ขวดแก้ว กระดาษ โลหะ ขวดและฝาพลาสติก เป็นต้น หรือเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล

จะเห็นได้ว่า แนวคิดเชื่อมโยง 3R เป็นวิธีการหนึ่ง ที่จะช่วยลดปริมาณขยะ ลดการสร้างมลพิษให้แก่โลก และนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าให้กับสังคม เป็นวิถีแห่งความยั่งยืนที่พวกเราช่วยกันทำได้จริง

โครงการขยะบทที่ 3 ยิ่งลดเท่ากับยิ่งให้ ในครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อจากโครงการขยะบทที่ 2 ฟื้นชีวิตขยะให้มีค่า ของมิวเซียมสยามที่ร่วมสร้างความตระหนักในเรื่องของการคัดแยกและสร้างคุณค่าให้ขยะอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายให้คนไทยตระหนักเกิดการเรียนรู้ ปรับใช้ หรือปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และผลักดันให้เกิดแรงบันดาลใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งในปีนี้จะเน้นการส่งเสริมการเรียนรู้ไปกับ  บุคคลต้นแบบด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยที่ผ่านมา มิวเซียมสยาม ได้จัดกิจกรรม Museum Live เปิดคลาสพิเศษ แลกเปลี่ยนมุมมองรักษ์โลก ในหัวข้อ “ธรรมชาติสร้างของขวัญ”  โดยครั้งแรกนี้ได้ อเล็กซ์ เรนเดลล์ ผู้ก่อตั้งโครงการ EEC Thailand หรือ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา ที่สร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ มายาวนานกว่า 5 ปี จนได้รับการแต่งตั้งจาก โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เป็นทูตสันถวไมตรีคนแรกประจำประเทศไทย  รวมถึง ได้รับรางวัล Muse Idol Awards 2020 บุคคลต้นแบบด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของ มิวเซียมสยาม มาทำหน้าที่บรรยายในคลาสพิเศษ

โดย อเล็กซ ได้ให้มุมมองในการบรรยายที่ผ่านมาว่า  “การแยกขยะในวิธีการของผมแบบง่าย คือการแยกขยะแห้ง กับ ขยะเปียก เพราะขยะแห้งสามารถทำไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้มากกว่า ทั้ง Reduce Reuse Recycle   สำหรับผม ธรรมชาติ ทำให้เราได้เติบโตหลายทิศทาง ธรรมชาติบำบัดได้ ทำให้เราใจเย็น  ทำให้ความคิดของเรามันช้าลง ทำให้ผมมีสมาธิ และเข้าใจชีวิตได้ดีขึ้น  เราได้เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กๆน้อยๆ ทำให้เราไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย เรารู้สึกว่าเราโชคดี และอยากใช้โอกาสในความโชคดีนี้ กระจายไปสู่ทุกคน เป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้ของขวัญเรา ในชีวิตครับ”

นอกจากนี้ ยังมีบุคคลต้นแบบที่ทำงานด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกมากมาย ที่จะมาเล่าเรื่องราว ร่วมเรียนรู้และค้นหาคำตอบด้วยกันว่า “ธรรมชาติสร้างของขวัญ ได้อย่างไร” โดยสามารถติดตาม ข้อมูลกิจกรรม Museum Live ธรรมชาติสร้างของขวัญ ผ่านทาง Facebook Live เพจ Museumsiamfan ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อัปเกรด “ทีทีบี สมาร์ทพอร์ต” เริ่มเสนอขาย 7 มิ.ย. นี้

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) ยกระดับประสบการณ์การลงทุนเพื่ออนาคต ผ่าน “ทีทีบี สมาร์ทพอร์ต” (ttb smart port) รูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ปรับพอร์ตได้ทันท่วงที ขายคืนได้เงินเร็วไม่ติดปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แสดงมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เหมือนการซื้อขายกองทุนทั่วไป พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจัดพอร์ตการลงทุนที่ง่ายเลือกได้ถึง 5 พอร์ต ช่วยเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น สามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนตามต้องการได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ ยังขยายโอกาสให้เข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 บาท เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และในอนาคต โด ttb smart port จะเริ่มเสนอขายตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564

นางกิดาการ  ชัฏสุวรรณ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า ด้วยเป้าหมายของทีเอ็มบีธนชาตที่ต้องการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และอนาคต โดยมุ่งมั่นออกแบบโซลูชันทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ในแต่ละช่วงชีวิต ทั้งนี้สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความพร้อม ต้องการเริ่มลงทุน หรือเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่มากขึ้น ธนาคารได้พัฒนา ttb smart port รูปแบบใหม่ ซึ่งได้ยกระดับมาจาก TMB Smart Port พอร์ตการลงทุนที่ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดยจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2560 พอร์ตที่ความเสี่ยงสูงสุด (Aggressive) สามารถทำผลตอบแทนได้เฉลี่ย 7.02% ต่อปี ซึ่งได้พิสูจน์ด้วยระยะเวลาการลงทุนแม้ในช่วงวิกฤตโควิดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดย “ttb smart port” จะเป็นการยกระดับประสบการณ์การลงทุนขึ้นไปอีกขั้น เป็นคำตอบการลงทุนสำหรับทุกคน ด้วยพอร์ตการลงทุนที่ง่าย สะดวก เลือกได้ตามสไตล์ของลูกค้า มีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายการลงทุนตามต้องการได้อย่างสบายใจ

ttb smart port รูปแบบใหม่ พัฒนาขึ้นด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1. Fund selection ผ่านกระบวนการที่คัดเฉพาะกองทุนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นจากทั่วโลก 2. Asset allocation จัดวางสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสมให้เป็นไปตามความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของลูกค้า และ 3. Rebalancing portfolio ด้วยทีมงานมืออาชีพที่คอยติดตามสภาวะตลาด ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยลูกค้าสามารถเลือกลงทุนผ่าน 5 พอร์ต ได้ง่าย ๆ ตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม

  1. ttb smart port preserver (TSP-PRESERVER) ลงทุนในตราสารหนี้ไม่น้อยกว่า 80%
  2. ttb smart port nurturer (TSP-NURTURER) ลงทุนในตราสารทุนไม่เกิน 40%
  3. ttb smart port balancer (TSP-BALANCER) ลงทุนในตราสารทุนไม่เกิน 80%
  4. 4. ttb smart port explorer (TSP-EXPLORER) ลงทุนในตราสารทุน 0-100%
  5. ttb smart port go-getter (TSP-GOGETTER) ลงทุนในตราสารทุนไม่น้อยกว่า 80%

ttb smart port รูปแบบใหม่นี้ ได้มีปรับปรุงเชิงรุกโดยใช้ข้อมูลเชิงลึก (Insight) มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมขยายโอกาสการลงทุนได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 บาท ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า เพิ่มความยืดหยุ่นมากขึ้น และเพิ่มความโปร่งใส สำหรับการลงทุนต่างประเทศ จะลงทุนตรงใน Master Fund ซึ่งนักลงทุนจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่าลงทุนในกองทุนต่างประเทศกองทุนใด การซื้อขายสับเปลี่ยนกองทุนจะคล่องตัวขึ้นแม้อยู่ในช่วงปรับพอร์ต ไม่ติดปัญหาเรื่องสภาพคล่องหรือเสียโอกาสการลงทุน เพราะจะได้รับเงินค่าขายคืนภายใน 5 วันทำการหลังจากวันที่สั่งขาย (T+5) และสามารถติดตามผลการดำเนินงานและรู้กำไร/ขาดทุน จากการแสดงรายละเอียดมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เหมือนการซื้อขายกองทุนทั่วไป ผ่านการแจ้งเตือนในแอป touch ที่ง่าย ครบ จบ ที่เดียว

“เพื่อให้ ttb smart port เป็นคำตอบการลงทุนสำหรับทุกคนช่วยให้ลูกค้าเลือกแผนการลงทุนได้เอง เลือกผลตอบแทนที่เหมาะกับตัวเองที่สุด เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้อย่างต้องการ ธนาคารได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บลจ.ธนชาต (Thanachart Fund Eastspring) โดยมอบหมายให้ Amudi Asset Management เป็นผู้รับดำเนินการงานด้านจัดการลงทุนของกองทุน ซึ่ง Amudi Asset Management เป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป มีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญสามารถคัดเลือกกองทุนที่มีคุณภาพจากบลจ.ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกว่า 30,000 กองทุน มาจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ช่วยดูแลปรับพอร์ตของ ttb smart port ได้ตลอดเวลาตามสภาวะตลาดได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะเพิ่มพอร์ตลงทุนใหม่ ๆ ใน ttb smart port เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนที่ทำให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้และอนาคตต่อไป” นางกิดาการ กล่าวสรุป

ทั้งนี้ ลูกค้า ttb smart port เดิม ที่สนใจลงทุน ttb smart port รูปแบบใหม่ สามารถแจ้งความยินยอมเพื่อให้ธนาคารยกเลิกและดำเนินการขายหน่วยลงทุนเดิมทั้งหมด เพื่อนำไปลงทุนใน ttb smart port รูปแบบใหม่ ที่จะมีผลวันที่ 30 กรกฏาคม 2564 โดยธนาคารจะเลือกพอร์ตลงทุนปลายทางตามระดับความเสี่ยงการลงทุนที่ลูกค้าเคยลงทุนไว้

ttb smart port จะเริ่มเสนอขายตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ทีเอ็มบีธนชาตทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร.1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร)

BROOK ผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน 1.36 พันล้านหุ้น

BROOK ผู้ถือหุ้นอนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO 1.36 พันล้านหุ้น แจกวอแรนต์ฟรีรุ่นที่ 6 – 7 เตรียมนำเงินระดมทุนลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลกระจายความเสี่ยง หลังเปิดฉากเป็นบจ. แรกในตลาดหลักทรัพย์ฯลงทุนคริปโตฯ ย้ำเป้าลงทุน 1.2 พันล้านบาท

นายวริศ บูลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนเดิม 888,375,760.37 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,489,315,218.75 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) จำนวนไม่เกิน 1,365,576,042 หุ้น อัตราการจัดสรรหุ้น 5 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.40 บาท โดยผู้ถือหุ้นที่ซื้อหุ้นและชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน จะได้ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) รุ่นที่ 6 (BROOK-W6) ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ต่อ BROOK-W6 จำนวน 2 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า และมีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตาม BROOK-W6 เท่ากับ 0.65 บาท/หุ้น มีอายุการใช้สิทธิเป็นระยะเวลา 3 ปี และได้ใบสำคัญแสดงสิทธิ รุ่นที่ 7 (BROOK-W7) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ต่อ BROOK-W7 จำนวน 1 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า และมีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตาม BROOK-W7 เท่ากับ 1.30 บาท/หุ้น มีอายุการใช้สิทธิเป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นสามารถจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2564

“การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน หากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิครบตามจำนวน จะทำให้ได้เงินประมาณ 546 ล้านบาท บริษัทจะนำเงินที่ได้รับในครั้งนี้ลงทุนในธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีเปิดสมัยใหม่บนระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาอัจฉริยะ, ตลาดการซื้อขายแบบมีตัวกลาง, ตลาดการซื้อขายแบบไร้ตัวกลาง และระบบการเงินไร้ตัวกลาง ซึ่งรูปแบบการลงทุนอาจอยู่ในรูปของ Security Tokens , หุ้นสามัญ หรือ Option ที่อ้างอิงบริษัทด้านเทคโนโลยีใหม่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมดก็ได้ ทั้งนี้ในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกิดขึ้นก่อนการเพิ่มทุน บริษัทฯจะนำเงินเพิ่มทุนทั้งหมดหรือบางส่วนคืนเงินกู้และนำเงินส่วนที่เหลือมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือนำไปลงในสินทรัพย์ดิจิทัลให้ครบตามงบที่ตั้งไว้ที่ 1,200 ล้านบาท” นายวริศ กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโตเคอร์เรนซี 794 ล้านบาท โทเคนดิจิทัล 313 ล้านบาท รวมลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกมูลค่า 1,107 ล้านบาท สำหรับการลงทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต จะมีการลงทุนเพิ่มราว 93 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกรอบการลงทุนของคณะกรรมการบริษัทฯที่ให้ไว้เกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประเมินความเหมาะสมอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท

รพ.พริ้นซ์ ปากน้ำโพ จัดวัคซีนบุญ

โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ได้ทำพิธีไหว้ศาลพระพรหมและทำบุญถวายสังฆทานเป็นการภายใน เนื่องในวันครบรอบปีที่ 32 ของการเปิดให้บริการแก่ประชาชนชาวนครสวรรค์ พร้อมกันนี้ได้จัดโครงการ “วัคซีนบุญ” โดยระดมทุนจากบุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล เพื่อมอบวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้คณะครู และนักเรียน ในมูลนิธิแสงสวรรค์ และโรงเรียนวิชาวดี จำนวน 100 คน โดยมีนายแพทย์ บุญชนะ เพชรพลอยงาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนของโรงพยาบาลฯ มอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้กับผู้อำนวยการฯทั้ง 2 สถาบัน พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในคณะครู และนักเรียน

อินโดรามา เวนเจอร์ส มอบ PPE ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก ส่งมอบ PPE 1,000 ชุด ซึ่งผลิตจากเส้นด้าย PET รีไซเคิล เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 เส้นด้ายดังกล่าวผลิตมาจากการรีไซเคิลขวด PET ใช้งานแล้ว ซึ่งรวบรวมมาจากทั่วประเทศ รวมทั้งผ่านการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ขององค์กรพันธมิตรอย่าง บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา

เส้นด้ายคุณภาพสูงที่ใช้ในการผลิตชุด PPE มาจากการรีไซเคิลขวด PET ที่โรงงานของไอวีแอลในจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นผู้ผลิตเส้นด้ายรีไซเคิลสำหรับใช้งานทางการแพทย์รายเดียวในประเทศไทย โดยโรงงานแห่งนี้รีไซเคิลขวด PET ใช้งานแล้วกว่า 1,600 ล้านขวดต่อปี ซึ่งรวมถึงขวดจำนวน 1,400 ตันที่ตั้งเป้ารวบรวมจากศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา และบิ๊กซีชุด ทั้งนี้ ชุด PPE สำหรับใช้งานทางการแพทย์ที่ส่งมอบนั้น ตัดเย็บโดยโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา (อย.)

ชุด PPE จำนวน 500 ชุด ถูกส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐม 8 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสามพราน โรงพยาบาลนครชัยศรี โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น โรงพยาบาลห้วยพอ โรงพยาบาลดอนตูม โรงพยาบาลบางเลน โรงพยาบาลกำแพงแสน และโรงพยาบาลพุทธมณฑล จำนวน 300 ชุด ถูกส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลสนามเขตหนองจอก และอีกจำนวน 200 ชุด ถูกส่งมอบให้แก่กรมการแพทย์ทหารเรือ

นอกจากชุด PPE แล้ว ไอวีแอลกำลังผลิตชุดเครื่องนอนอีก 1,000 ชุด โดยใช้เส้นด้ายรีไซเคิลจากขวดน้ำดื่ม PET จำนวน 45 ขวด และมีคุณสมบัติป้องกันเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย และจะส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลสนามในเขตหนองจองต่อไป

ยาช โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)

นายยาช โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไอวีแอลเป็นบริษัทไทยที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเราได้มองหาโอกาสในการช่วยเหลือชุมชนซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ไอวีแอลสามารถพัฒนาเส้นด้าย PET รีไซเคิลที่เหมาะสำหรับผลิตชุด PPE สำเร็จตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เรามีเป้าหมายที่จะปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นหน้าด่านสำคัญด้วยแนวทางที่ยั่งยืน โดย PET สามารถรีไซเคิลได้ 100% และมีประโยชน์อย่างมากในฐานะวัสดุที่ก่อให้เกิดสุขอนามัยที่ดีและมีความยั่งยืน ความร่วมมือกับศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา และบิ๊กซี จะช่วยสร้างการรับรู้ต่อการจัดการขยะอย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมผลักดันให้เกิดความร่วมมือในสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่แท้จริง

พงษ์ศักดิ์ นันตวรรณกุล กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา

นายพงษ์ศักดิ์ นันตวรรณกุล กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา กล่าวว่า เราได้สนับสนุนการผลิตชุด PPE โดยรวบรวมขวด PET ใช้งานแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยส่งมอบขวดไปแล้วกว่า 730 กิโลกรัม เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการรีไซเคิล เราตระหนักดีว่าบุคลากรทางการแพทย์กำลังทำงานอย่างหนักและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยสนับสนุนกันและกัน เพื่อให้เราสามารถผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ไปได้ เราขอเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคนเข้มแข็งและก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

พิริยะ กมลเดชเดชา รองประธานเจ้าหน้าที่สายธุรกิจ/สายงานปฏิบัติการค้าปลีกไฮเปอร์, มาร์เก็ตและฟู้ดเพลส บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี

นายพิริยะ กมลเดชเดชา รองประธานเจ้าหน้าที่สายธุรกิจ/สายงานปฏิบัติการค้าปลีกไฮเปอร์, มาร์เก็ตและฟู้ดเพลส บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า การรวบรวมขวด PET เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “พี่หมีบิ๊กกี้ ชวนรีไซเคิล” ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ที่เรามุ่งมั่นเป็นพลังขับเคลื่อน และมีบทบาทร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ในฐานะ ‘ห้างคนไทย หัวใจคือลูกค้า’ โดยให้พื้นที่บิ๊กซี กว่า137 สาขาทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับขวด PET ที่ใช้แล้ว ซึ่งกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ตระหนักถึงการขยะที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเป็นที่มาของการต่อยอดโครงการดังกล่าว และความร่วมมือกับไอวีแอลนี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างประโยชน์จากวัสดุใช้งานแล้วได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังสามารถสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้อีกด้วย

ตรวจสุขภาพฟรี! รับสมุนไพรฟรี! ในงานสมุนไพรไทย ทลายโรค ทลายโควิด

เริ่มแล้ว! งานดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ สำหรับงาน สมุนไพรไทย ทลายโรค ทลายโควิด จัดโดย ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันนี้ – 14 มิถุนายน 2564 ณ ลานกิจกรรมเอ็ม บี เค อเวนิว โซน A ,B ซึ่งมีความตั้งใจสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในการนำตำรับยาจากสมุนไพรภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคมาดูแลสุขภาพของตนเอง

โดยเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นรอบ ๆ รอบละ 20 คน สามารถ walk in ลงทะเบียนได้ที่หน้างาน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า รอบที่ 1 เวลา 11.00 น. รอบที่ 2 เวลา 11.30 น. รอบที่ 3 เวลา 12.00 น. รอบที่ 4 เวลา 13.00 น. รอบที่ 5 เวลา 13.30 น. รอบที่ 6 เวลา 14.00 น. รอบที่ 7 เวลา 14.30 น. รอบที่ 8 เวลา 15.00 น. รอบที่ 9 เวลา 15.30 น. รอบที่ 10 เวลา 16.00 น. รอบที่ 11 เวลา 16.30 น. รอบที่ 12 เวลา 17.30 น. รอบที่ 13 เวลา 17.30 น. รอบที่ 14 เวลา 18.00 น.

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่คลินิกตรวจสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย/แพทย์แผนไทยประยุกต์ การสาธิตทำเครื่องดื่มสุขภาพและการใช้สมุนไพรตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย อาทิ น้ำตรีผลา น้ำกระชาย ซึ่งมีวิธีทำง่าย ๆ สำหรับนำกลับไปทำได้ที่บ้าน และผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับแจกสมุนไพรกลับไปปลูกที่บ้านอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอกเคลือบสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่มีส่วนผสมของน้ำมันกฤษณาบริสุทธิ์ ลูกอมสมุนไพรจากกาแฟและกระชายขาว ผลิตภัณฑ์ความงามช่วยบำรุงผิวหน้าเจลว่านหางจระเข้ที่มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ 100 % เครื่องดื่มชื่นใจและดูแลสุขภาพที่มีส่วนผสมของน้ำกระชายผสมมะนาวและน้ำผึ้ง น้ำสมุนไพรรวมจากน้ำส้มควายผสมน้ำผึ้งพร้อมดื่ม แยมส้มควายภูเก็ตที่นำไปทาเป็นแยมทานกับขนมปังหรือจะชงเป็นชาก็ได้รสชาติและสุขภาพที่ดี ซึ่งส้มควายเป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพ พืชท้องถิ่นของจังหวัดภูเก็ต ที่นำมาให้ได้จับจ่ายกันในงานนี้ เป็นต้น

งานสมุนไพรไทย ทลายโรค ทลายโควิด มีตั้งแต่วันนี้จนถึง 14 มิถุนายน 2564 ณ ลานกิจกรรมเอ็ม บี เค อเวนิว โซน A ,B ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

ไมเนอร์ ฟู้ดฯ เร่งรณรงค์ให้พนักงานฉีดวัคซีน

ไมเนอร์ ฟู้ดฯ ผู้นำในธุรกิจแบรนด์อาหารชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเว่นเซนต์ เบอร์เกอร์ คิง บอนชอน แดรี่ควีน ซิซซ์เล่อร์ และ เดอะ คอฟฟี่คลับ มีความมุ่งหวังอย่างสูงที่จะให้พนักงานในระดับปฎิบัติการหน้าร้าน และพนักงานที่สำนักงานใหญ่ ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วที่สุด เพราะเราทราบดีว่าธุรกิจอาหารเป็นฟันเฟืองสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

นายประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ การระบาดของไวรัส Covid-19 ในปัจจุบัน  บริษัทฯ ได้ดำเนินการให้ความรู้ และแนวทางการลงทะเบียน เพื่อฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานที่ให้บริการในร้าน รวมถึงพนักงานขับรถส่งอาหาร ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อให้พนักงานได้รับทราบข้อเท็จจริง และตระหนักถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีน พร้อมเร่งดำเนินการโครงการ “Minor Food 100% Vaccinated Covid – 19”

ซึ่งในปัจจุบันเราได้เร่งรณรงค์ให้พนักงานทุกระดับฉีดวัคซีนอย่างเร็วที่สุด โดยบริษัทฯ มีจังหวัดนำร่องที่พนักงานของไมเนอร์ ฟู้ดฯ ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 100% แล้วทุกแบรนด์ อย่างเช่นใน จังหวัดภูเก็ต  และ อำเภอเกาะสมุย โดยพนักงานที่ได้รับวัคซีนแล้วจะได้เข็มกลัดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกๆ คน และหากร้านได้รับวัคซีนครบ จะมีโปสเตอร์ติดหน้าร้านว่า พนักงานร้านนี้ 100% ได้รับวัคซีนครบแล้ว จากเหตุการณ์นี้ ไม่ใช่แค่ปลอดภัยของตัวพนักงานแต่ยังส่งผลถึงครอบครัว และชุมชนที่พนักงานอยู่อาศัย

ต่อจากนี้ ไมเนอร์ ฟู้ดฯ ยังคงมุ่งเน้นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัดและปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการ ทุกสาขาทั่วประเทศโดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. คัดกรองพนักงานทุกคนก่อนเข้าปฏิบัติงานในร้านทุกวัน และหากมีพนักงานเข้าข่ายมีอาการเบื้องต้นจะส่งพบแพทย์ทันที พร้อมเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน
  2. ให้พนักงานที่ปฏิบัติงานใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ในกรณีที่หน้ากากอนามัยไม่เพียงพอจะให้ความสำคัญแก่พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในการปรุงอาหารก่อน
  3. ให้พนักงานทุกคนใส่ถุงมืออนามัยตลอดเวลาปฎิบัติงาน ล้างมือและฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์เข้มข้น 70% ทุก 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
  4. ทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ผ่านการสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  5. ทำการจัดส่งแบบเว้นระยะห่าง (Social Distance) เพื่อเป็นการลดการแพร่กระจายของไวรัส และยืนห่างจากลูกค้าอย่างน้อย 2 เมตร ดูแลจนกว่าลูกค้าจะได้รับอาหารเรียบร้อย
  6. แนะนำให้ลูกค้าชำระเงินด้วยบัตรเครดิต เพื่อลดการสัมผัส ซึ่งสามารถชำระผ่านบัตรเครดิตได้ทุกช่องทางการสั่ง ทั้งโทร. 1112 เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และในกรณีลูกค้าชำระด้วยเงินสด พนักงานจะโทรถามลูกค้าก่อนว่าชำระด้วยธนบัตรใด เพื่อเตรียมเงินทอนให้วางอยู่บนกล่องไปพร้อมกับการจัดส่ง

นายประพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  ลูกค้าสามารถใช้บริการดีลิเวอรีผ่านช่องทาง www.1112delivery.com หรือ แอพพลิเคชั่น 1112Delivery หรือ โทร. 1112Delivery และบริการ Drive-Thru ผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันในความมุ่งมั่นในดำเนินการป้องกันและควบคุม เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า และพนักงานในทุกสาขาทั่วประเทศ และบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะร่วมกันก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน และเป็นกำลังใจให้แก่ทีมแพทย์พยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย

โฮมโปร สาขาเอกมัย-รามอินทรา ปิดให้บริการ 3 วัน

ตามที่ประกาศศูนย์ปฏิบัติการ COVID-19 มีการระบุแจ้งสถานที่ โฮมโปร สาขาเอกมัย-รามอินทรา เป็นพื้นที่เฝ้าระวังความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 ทางบริษัทโฮมโปรฯ มิได้นิ่งนอนใจและได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของทั้งลูกค้าและพนักงานอย่างสูงสุด ทางบริษัทจึงได้ดำเนินการดังนี้

การจัดการด้านสถานที่

• ปิดการให้บริการเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน 2564 ถึง วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2564

• Deep Cleaning ทำความสะอาดและฉีดน้ำยา พ่นฆ่าเชื้อ ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ทำความสะอาดทุกพื้นผิวสัมผัสทั้งภายใน ภายนอกร้านค้า และพื้นที่โดยรอบ

การจัดการด้านพนักงาน

• ตรวจคัดกรองพนักงานเชิงรุกทั้งหมด และส่งตัวผู้ที่ติดเชื้อเข้ารับการรักษา และเฝ้าระวังโดยการกักตัวพนักงานที่มีความเสี่ยงทุกคนเป็นเวลา 14 วัน

• พนักงานที่ผ่านการกักตัว 14 วันและพร้อมที่จะกลับเข้ามาปฏิบัติงาน จะได้รับการตรวจหาเชื้ออีกครั้งเพื่อให้มั่นใจจากการปลอดเชื้อ COVID-19

บริษัทได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บริษัทได้ทำการยกระดับมาตรการการป้องกันทางด้านสุขอนามัยตามกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และทำการผลักดันเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานทุกคนอย่างเร่งด่วน

ทางบริษัทต้องขออภัยอย่างสูงเนื่องด้วย โฮมโปรเอกมัย-รามอินทรา เป็นพื้นที่เฝ้าระวังความเสี่ยง จึงขอปิดทำการ 3 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจ ให้ลูกค้าและพนักงาน และต้องขออภัยในความไม่สะดวกหากลูกค้ามีความจำเป็นต้องการติดต่อหรือใช้บริการสามารถติดต่อผ่านช่องทาง Chat&Shop4You ของสาขาหรือช่องทาง Call Center (1284)

 

ทำความสะอาดสู้โควิด-19 ในบ้านแบบง่ายๆ

ในสถานการณ์โควิด อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนอยู่บ้านและมีความกังวลเรื่องของสุขอนามัยความสะอาดภายในบ้าน เราขอแนะนำวิธียับยั้งเชื้อโรคที่แฝงตัวในที่พักอาศัย ด้วยกิจกรรม “บิ๊กคลีนนิ่ง” ที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยเคล็ด (ไม่) ลับ ดังนี้

เริ่มต้นที่จุดสัมผัส อย่าชะล่าใจว่าบ้านเราจะปลอดภัย เพราะจุดสัมผัสร่วมที่หลาย ๆ คนต่างจับ เป็นสิ่งแรกเลยที่ต้องทำความสะอาด และดูแลกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มกันด้วย

– ลูกบิดประตู กลอนประตู-หน้าต่าง บานจับหน้าต่าง สวิทช์ไฟ ราวบันได สำหรับจุดไหนก็ตามที่เป็นจุดจับสัมผัสแบบโลหะ ควรเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70-90% แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

– โต๊ะ เก้าอี้ เตียง ตู้ ให้ใช้น้ำยาฟอกผ้าขาวผสมกับน้ำยา 1 ส่วน ต่อน้ำ 49 ส่วน เช็ดหรือแช่ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นเช็ดออกด้วยน้ำสะอาด

– ก๊อกน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำร้อน หรือน้ำสบู่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อเจือจางเล็กน้อย เช็ดทำความสะอาด ถ้าอยากเพิ่มความเงางามให้ขัดด้วยเบกกิ้งโซดาผสมน้ำมะนาว ก็เพิ่มความเงาและสะอาดไปพร้อม ๆ กัน

อย่าละเลยที่กั้นดักฝุ่น ผ้าม่าน มุ้งลวด มู่ลี่ ที่เราไว้กันฝุ่นอย่างดีให้บ้าน จนบางครั้งเราก็ลืมไปว่าเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรคชั้นดีเหมือนกัน แต่ในสถานการณ์แบบนี้แนะนำให้ถอดออกมาล้างทำความสะอาดเดือนละครั้ง โดยตัวของผ้าม่าน สามารถถอดซักโดยใช้ผงซักฟอกธรรมดา ที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60-90 องศาเซลเซียส

สำหรับมุ้งลวดสามารถถอดล้างด้วยน้ำสบู่แล้วใช้แปรงขัดออก ก่อนนำไปผึ่งให้แห้ง พร้อมใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรางมุ้งลวดให้สะอาด ส่วนของมู่ลี่ ให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำที่ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อเจือจาง แล้วเช็ดทีละซี่ จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกรอบ เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำ และตัวบานมู่ลี่จะไม่บวมน้ำอีกด้วย

ระวัง! จุดสะสมเชื้อโรค จุดสะสมเชื้อโรคหลักของบ้านก็คือ ถังขยะ นั่นเอง! รู้หรือไม่ว่า ถึงแม้เราจะนำขยะออกจากถังไปทิ้งทุกวัน แต่ก็ยังไม่สะอาดเพียงพอ เพราะแบคทีเรียและกลิ่นเหม็นยังตกค้างสะสมอยู่ในถังขยะได้ ดังนั้นเราควรใช้ถุงพลาสติกรองรับขยะและผูกปากถุง/ปิดฝาทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหรือหนู แมลงสาบมาตอมไต่เศษอาหารในถังขยะ และเมื่อนำถุงขยะไปทิ้งแล้วควรล้างทำความสะอาดถังขยะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นในถังขยะให้หมดไป

เปลี่ยนฝ้าลดเชื้อโรค สร้างอากาศบริสุทธิ์ สำหรับบ้านที่ห่วงเรื่องสุขอนามัยในเรื่องของระบบหายใจแล้วล่ะก็ การปรับเปลี่ยนแผ่นฝ้าในห้องที่ใช้งานหลัก ก็สามารถช่วยลดแบคทีเรียได้ ลองเลือกใช้ แผ่นฝ้าเคลือบสี คัลเลอร์ทัช ตราช้าง รุ่นไอออนคลีน ที่มีนวัตกรรม “ไอออน คลีน” ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในอากาศ ลดฝุ่น สลายสารมลพิษ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของผู้อาศัยและผู้ใช้งานทั้งภายในบ้านและอาคาร

นอกจากดูแลบ้านให้สะอาดปลอดเชื้อแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การดูแลความสะอาดและสุขอนามัยของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือบ่อย ๆ จัดให้ห้องมีอากาศถ่ายเทสะดวก รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น เพราะไม่เพียงแต่เราจะมีสุขภาพที่ดีแล้ว เรายังไม่เป็นพาหะนำเชื้อไปสู่ผู้อื่นอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก ยิปซัมตราช้าง

‘เจนเนอราลี่’ ส่งมอบชุด PPE ให้มูลนิธิร่วมกตัญญู

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ (ที่ 2 จากซ้าย) ส่งมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันเชื้อส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) จำนวน 750 ชุด จากการจัดแคมเปญ “Generali Protect our Heroes” ให้กับ มูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมี นายฐิติกร เศวตนันทน์ รองผู้จัดการมูลนิธิฯ (ที่2 จากขวา)เป็นผู้รับมอบเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่ลงพื้นที่เสี่ยงช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมี นางสาวช่อฟ้า ยุกตะนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้า (ซ้ายสุด) พร้อมด้วย มร.มาร์โค เอนนีโล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ (ขวาสุด) ร่วมมอบ

ทั้งนี้ ลูกค้าของเจนเนอราลี่ยังสามารถร่วมสมทบทุนเพื่อซื้อชุด PPE ด้วยการแลกคะแนนสะสมพิเศษ (Point) ผ่านแอปพลิเคชัน Generali365 โดยทุก 100 คะแนน แทนเป็นเงินบริจาคได้ 10 บาทได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564