คิกออฟฉีดวัคซีนกลุ่มนิคมฯ มาบตาพุด คอมเพล็กซ์ฯ 9 มิ.ย.นี้

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ประกาศความพร้อม 9 มิถุนายนนี้ นำร่องระยะแรกฉีดวัคซีนโควิดให้กับผู้ปฏิบัติงานแรงงานภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และฉีดให้กับชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมในระยะต่อไป ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ โดยตั้งเป้าฉีดให้กับผู้ประกอบการวันละ 1,000 คน ระยะเวลา 2 เดือน ด้าน“วีริศ”เผยประสาน  ส.อ.ท.รับวัคซีนทางเลือก“ชิโนฟาร์ม”ให้กับผู้ประกอบการ โดยคาดว่าวัคซีนทางเลือกจะทยอยให้บริการได้ช่วงไม่เกินปลายเดือนกรกฎาคม 2564

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทาง กนอ. ถึงความพร้อมในการเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ให้กับผู้ปฏิบัติงาน แรงงานภาคอุตสาหกรรม และชุมชนรอบข้าง พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง ประกอบด้วย 5 นิคมอุตสาหกรรม และ 1 ท่าเรืออุตสาหกรรม คือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก (มาบตาพุด) นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย นิคมอุตสาหกรรมผาแดง นิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ในวันที่ 9 มิถุนายน 2564 โดยเป็นการดำเนินงานตามมติของคณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรมและประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเร่งกระจายวัคซีนไปยังประชาชนโดยเร็ว เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับแรงงานภาคอุตสาหกรรมให้สามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

“ถือเป็นเรื่องที่ดีในการสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการฉีดวัคซีนให้ได้ 5 แสนคนต่อวัน ซึ่งการนำร่องในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ที่มีนิคมอุตสาหกรรมถึง 5 แห่ง และมีแรงงานจำนวนมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการกำกับดูแลและสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายสุริยะฯ กล่าว

วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ.

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กนอ.มีความพร้อมตั้งจุดบริการให้วัคซีนนอกสถานพยาบาลให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง และชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรม โดยที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ระยอง และ กนอ. ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนจากทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง โดยจุดบริการฉีดวัคซีนตั้งอยู่ที่บริเวณอาคารสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (ห้องประชุมสมเจตต์) ทั้งนี้ จุดบริการดังกล่าวอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ระยอง

“สำหรับการให้บริการฉีดวัคซีนกำหนดระยะไว้ 2 เดือน โดยให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. เริ่มวันแรก คือ วันที่ 9 มิถุนายนนี้ โดยสามารถรองรับผู้รับวัคซีนได้วันละประมาณ 1,000 คน ซึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง มีผู้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับวัคซีน จำนวนทั้งสิ้น 25,000 คน ซึ่งคาดว่าในระยะเวลา 2 เดือนจะดำเนินการฉีดวัคซีนได้ครบตามจำนวนที่แจ้งไว้” นายวีริศ กล่าว

นายวีริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการจุดบริการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19) แก่แรงงานภาคอุตสาหกรรมและประชาชน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ กนอ. เป็นผู้ดำเนินการประสานกับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ในการกรอกข้อมูลยืนยันการรับวัคซีนทางเลือกที่ ส.อ.ท.จะได้รับการจัดสรรจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งวัคซีนดังกล่าว ได้แก่ วัคซีนชิโนฟาร์ม จะได้รับมาในจำนวนจำกัด และจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาทต่อโดส ฉีดจำนวน 2 ครั้ง เท่ากับ 2 โดส ทั้งนี้ จากการกรอกข้อมูลยืนยันการรับวัคซีนดังกล่าว ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก และเมื่อได้รับวัคซีนเข้ามาเรียบร้อยแล้วส.อ.ท.จะพิจารณาบริหารจัดการให้กับผู้ที่ได้ลงทะเบียนไว้ คาดว่าจะสามารถทยอยฉีดได้ในช่วงประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้

รพ.พระรามเก้า เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนวันแรก 7 มิ.ย. นี้

โรงพยาบาลพระรามเก้า ร่วมกับ The Street Ratchada และ กรุงเทพมหานคร เปิดจุดบริการฉีดวัคซีน ด้วยวัคซีน แอสตราเซเนกา โดยมีการทดสอบระบบก่อนเริ่มให้บริการวันแรกในวันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564 เวลา 13.00 น. ณ ชั้น 5 เดอะสตรีท รัชดา (The Street Ratchada)

โดยจุดดังกล่าวเป็นจุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล 1 ใน 25 หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย พร้อมให้บริการด้วยการนำระบบการจัดการเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ด้วยกระบวนการ สั้น กระชับ เพียง 3 ขั้นตอน เน้นการสัมผัสให้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัย สะดวกรวดเร็วของผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน

โออาร์ มอบหน้ากากอนามัยสู้ภัยโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ให้เกียรติรับมอบ หน้ากากอนามัย (Surgical Mask) จำนวน 100,000 ชิ้น จาก นายสมยศ คงประเวศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ศักยภาพองค์กร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ณ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ใช้แรงงานซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ  ซึ่งปัจจุบันยังมีแนวโน้มการติดเชื้อโควิด – 19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา โออาร์ ได้มอบเงินบริจาคและสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ โออาร์ ที่จะดูแลด้านสุขภาพและความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร และพร้อมดูแลคุณภาพชีวิตคนไทยให้ร่วมกันก้าวผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

กูรูร่วม Clubhouse วิเคราะห์ตลาดเงินดิจิทัล

กรุงศรี สะท้อนบทบาทความเป็นผู้นำด้านการเงินและการลงทุนที่รู้เท่าทันเทรนด์และล้ำกระแสอยู่เสมอ ชวนผู้ฟังกลุ่มใหญ่กว่าพันคนในห้องสนทนา Clubhouse แพลตฟอร์มสนทนาเรียลไทม์ของคนรุ่นใหม่ ร่วมพูดคุย ถกเถียง วิเคราะห์เจาะลึกถึงแนวทางจัดการสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency คลายข้อสงสัยมากมายที่หลายคนต้องการคำตอบ ในหัวข้อ Cryptocurrency กระแสหรือไปต่อ Powered by Krungsri Simple โดยมีกูรูการเงินดิจิทัลระดับโลก หนึ่ง-ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Firo เหรียญคริปโตด้าน Privacy และ Satang Pro กระดานเทรดคริปโตแห่งแรกของคนไทย ร่วมเปิดเผยถึงโอกาสอันสดใส ควบคู่กับปัญหาและความเสี่ยงของการลงทุนใน Cryptocurrency พร้อมด้วย นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากกรุงศรี และเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก Invest Like A Pro ให้คำแนะนำทุกมิติการลงทุนในตลาดเงินดิจิทัลอย่างตรงไปตรงมา และ อิก-บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน เป็นผู้นำการพูดคุยสอบถามพร้อมไขก๊อกทุกประเด็นร้อน ให้นักลงทุนทั้งมือใหม่และเก๋าเกมเข้าใจระบบเงินดิจิทัลลึกกว่าและรอบด้าน

หนึ่ง-ปรมินทร์ อินโสม
อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข

เปิดประเด็นคลับเฮ้าส์ Cryptocurrency กระแสหรือไปต่อ Powered by Krungsri Simple กับเรื่องด่วนสดๆร้อนๆ ในความผันผวนของราคาคริปโตที่ดิ่งลงแดงทั้งกระดาน ซึ่ง นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Firo เหรียญคริปโตด้าน Privacy และ Satang Pro กระดานเทรดคริปโตแห่งแรกของคนไทย ให้ความเห็นว่าเป็นภาวะปกติที่ตัวเลขขึ้นมานานแล้วจะร่วงลงมาบ้าง และยังมองในมุมบวกว่าระยะยาวสามารถไปต่อได้ ในขณะเดียวกันเมื่อตลาดมีความผันผวนมาก ก็ยังมองว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้เล่นระยะสั้น อาจทำกำไรรายวันค่อนข้างดีถ้ามีความเชี่ยวชาญมากพอ ส่วนตลาดคริปโตในไทย คนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมที่จะซื้อแล้วถือยาวไว้เพื่อรอขายในราคาสูงมากกว่าการเล่นระยะสั้น

ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสถาบันและบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกเริ่มสนใจที่จะลงทุนในตลาดคริปโตมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยว่า จุดนี้ทำให้ต้องกลับมามองว่าเหรียญดิจิทัลจะมีอิทธิพลและฟังก์ชั่นอะไรกับพอร์ทของเราบ้าง จึงเป็นการกระตุ้นให้ทั้งนักลงทุนและผู้ดูแลพอร์ทต้องหันมาศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และมั่นใจว่าสกุลเงินดิจิทัลจะกลายเป็นทางเลือกการลงทุนในพอร์ทของอนาคต กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกนอกเหนือจากตราสารหนี้ หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และทองคำอย่างแน่นอน

ความยากของตลาดนี้คือความเป็น Currency ที่ไม่สามารถประเมินราคาได้เหมือนหุ้น ทำให้นักลงทุนยังคงลังเลในการซื้อขายและไม่รู้ว่าจะใช้หลักการใด เนื่องจากมูลค่าขึ้นลงนั้นขึ้นอยู่กับการนำไปใช้หรือความคล่องตัวในการจับจ่ายใช้สอย เช่นสามารถซื้อรถ Tesla ด้วยเงินดิจิทัลได้ ก็ทำให้น่าสนใจมากขึ้น แต่ก็ยังประเมินเป็นมูลค่าจริงได้ยาก หากจะดึงเงินดิจิทัลเข้ามาเป็นหนึ่งในพอร์ท นักลงทุนสถาบันต้องหาวิธีการในการจัดพอร์ทลงทุนนี้และต้องใช้เวลาในการเรียนรู้

นอกจากนั้นสิ่งที่หลายคนยังรู้สึกสับสนกับเงินดิจิทัล คือความผันผวนที่คาดเดาได้ยากและเป็นตลาดที่อ่อนไหวต่อความเห็น และการให้ข่าวในมุมใดก็ตามของคนดังผู้ทรงอิทธิพลด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะมีผลต่อราคาและตลาดในทันที ซึ่งผู้บริหารกรุงศรีให้ความเห็นว่า ถือเป็นภาระหนักอึ้งของผู้จัดพอร์ทที่ต้องบริหารเงินก้อนใหญ่ของประชาชนนำมาแบ่งลงทุนในคริปโต เนื่องจากราคาที่ผันผวนต่อคำประกาศต่างๆ และยังถือเป็นจุดอ่อนและคำตอบว่าทำไมสถาบันการเงินยังไม่กล้าในลงทุนในคริปโตเต็มตัวในระยะนี้นั่นเอง เนื่องจากต้องมีความชัดเจนทั้งด้านวิธีการบริหารจัดการ กรอบข้อกำหนด และกฎหมายกับสถาบันที่ดูแลด้านการเงินต่างๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งยังต้องมองถึงวิธีการบริหารพอร์ทให้มีประสิทธิภาพเพื่อตอบคำถามนักลงทุนให้ได้ด้วย ซึ่งในอนาคตมองว่าสถาบันการเงินจะเปิดรับสินทรัพย์เงินดิจิทัลมาลงทุนมากขึ้น เหมือนการยอมรับสินทรัพย์อย่างทองคำในอดีต

ทั้งนี้ ยังมีประเด็นความย้อนแย้งของหน่วยงานการเงินประเทศต่างๆ ที่ออกมาต่อต้านคัดค้านสกุลเงินดิจิทัลในขณะเดียวกันก็กำลังศึกษาแนวทางสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตนเองด้วย ซึ่ง นายปรมินทร์ อธิบายว่า ถึงแม้ทุกที่จะยอมรับในศักยภาพของเทคโนโลยีเงินดิจิทัลก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจส่งผลกระทบกับอำนาจทางการเงิน ระบบโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ หลายประเทศจึงมองว่าเงินดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสและจุดอ่อน ส่วนที่รัฐออกมาทำสกุลเงิน Government Coins เองก็ถือเป็นการศึกษาผลลัพธ์เปรียบเทียบกับเงินตรารูปแบบเดิมและความเป็นไปได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่างๆ ก่อนที่จะประกาศความชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อกับ Cryptocurrency ในทิศทางใด ส่วนความเป็นไปได้ของรัฐที่จะคัดค้านกระแสคริปโตนั้น ปรมินทร์ เปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดว่า เหมือนการแบนอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นไปได้ยากมาก เพราะถึงอย่างไรก็จะมีวิธีการที่จะทำให้เข้าถึงเงินดิจิทัลได้อยู่ดี

มาถึงกระบวนการคิดตัดสินใจก่อนการลงทุนใน Cryptocurrency นายวิน กล่าวว่า ในอนาคตเงินดิจิทัลจะเป็นทางเลือกหนึ่ง จึงต้องทำความเข้าใจถึงรูปแบบก่อนว่าเงินดิจิทัลมีความเป็นสกุลเงินและการแลกเปลี่ยนมากกว่ารูปแบบการลงทุนในกิจการที่ผลิตเพื่อมีกำไร และไม่เหมือนสินทรัพย์อื่นที่มีการจ่ายดอกเบี้ย เงินปันผล อีกทั้งธรรมชาติของเงินดิจิทัลในตอนนี้มีความผันผวนและหวือหวามาก เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ทุ่มมากจนเกินไป ไม่ควรไปเสี่ยงหมดหน้าตัก “ไม่ควรจะลงทุนเกินกว่าที่พร้อมจะเสีย” แต่ควรทำให้เงินเติบโตอย่างมั่งคั่งมั่นคงด้วยการผสมผสานกันทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก

ในการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐานหรือทองคำนั้น จะเห็นได้ว่าคำแนะนำในการลงทุนก็คือควรเป็นสัดส่วนประมาณ 15-20% ของเงินลงทุนทั้งหมด ดังนั้นหากจะนำมาลงทุนในคริปโตควรอยู่ที่ 5% ในเบื้องต้นเพื่อเรียนรู้ก่อนใส่เพิ่มเข้าไป ซึ่งรูปแบบการลงทุนในเงินดิจิทัลนั้น ควรลงทุนในการซื้อขายโดยตรงมากกว่าลงทุนในบริษัทที่ลงทุนในคริปโต เพราะอาจมีข้อมูลเบื้องลึกที่นักลงทุนยังไม่รู้อีกมาก ซึ่งในอนาคตหากมีกองทุนรวมดัชนีหรือ Exchange Traded Fund (ETF) เข้ามาลงทุนในคริปโตก็จะช่วยคลายกังวลสำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับแพลตฟอร์ม ทำให้มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นได้

นายปรมินทร์ กล่าวเสริมถึงสไตล์ในการลงทุนซื้อขายคริปโตนั้น สามารถวิเคราะห์ด้วยการสังเกตและใช้ประสบการณ์ของแต่ละคน อย่างกรณีไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเสริมให้ราคาขึ้นไปอีกแล้ว นั่นก็อาจทำให้ราคาดิ่งลงได้ แต่สิ่งสำคัญที่อยากให้นักลงทุนใส่ใจคือรูปแบบการเก็บรักษาเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย จึงต้องเรียนรู้และเข้าใจในเทคโนโลยีนี้ด้วย ซึ่งการเข้ามาศึกษาให้ลึกขึ้นจะช่วยส่งเสริมให้คนมั่นใจในการลงทุนเงินดิจิทัลมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับหัวข้อ Cryptocurrency กระแสหรือไปต่อ Powered by Krungsri Simple มีผู้ร่วมฟังมากกว่า 1,100 คน ทั้งยังร่วมยกมือสอบถามปัญหาต่างๆ เช่น ความเป็นอิสระของเหรียญดิจิทัลแต่ละสกุล แนวทางการประเมินมูลค่าให้เหมาะสม หรือแม้กระทั่งเรื่องที่คาดไม่ถึง เช่น การส่งต่อเป็นมรดกแก่ทายาทที่สามารถทำได้ เป็นต้น ซึ่งผู้ร่วมพูดคุยตอบคำถามได้อย่างตรงประเด็น นับเป็นห้องสนทนา Clubhouse ที่สามารถไขทุกคำตอบเชิงลึกเหมือนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัวเลยทีเดียว

รพ.นวเวช ต้อนรับผู้บริหารสหพัฒน์ เยี่ยมชมการทำงาน

นายไกรวิน ศรีไกรวิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นวเวช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ ทีมงานของ โรงพยาบาลนวเวช ต้อนรับคณะผู้บริหารจาก บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) อาทิ นางผาสุข รักษาวงศ์, นายเวทิต โชควัฒนา, นางชัยลดา ตันติเวชกุล, นายเพชร พะเนียงเวทย์ ในโอกาสที่เข้าเยี่ยมชมศักยภาพการให้บริการ การบริหารจัดการ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานและทันสมัยของโรงพยาบาลนวเวช

AQUA มอบข้าวสารอาหารแห้งสู้โควิด-19

บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA ส่งบริษัทย่อย บริษัท ไทยคอนซูมเมอร์ ดิสทริบิวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับ เนชั่นทีวี มอบข้าวสารอาหารแห้งให้กับวัดเปร็งไพบูลย์ธัญญาหาร จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยเหลือพระสงฆ์ในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 โดยมี นายพลสิทธิ ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตัวแทนมอบให้กับพระสงฆ์

SCN เตรียมนำบริษัทย่อยจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก นำบริษัทย่อย “บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด” หรือ SAP ลงนามแต่งตั้ง บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)

SAP เกิดจากความร่วมมือของ 3 หุ้นส่วนผู้มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดคือ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN (ถือหุ้น 53.5%) บริษัท พร้อมพาวเวอร์ จำกัด หรือ PP (ถือหุ้น 26.3%) และบริษัท ไทย แอดวานซ์ โซลาร์ จำกัด หรือ TAS (ถือหุ้น 20.2%) ก่อตั้งเป็น “บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด” เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา มุ่งเข้าร่วมลงทุนในสัญญาซื้อขายไฟภาคเอกชน (Private PPA) และสัญญาเช่าโครงการโซลาร์รูฟท็อปอย่างไม่จำกัด โดยที่ผ่านมา SAP ได้รับการตอบรับจากบรรดาผู้ประกอบการเอกชนเป็นอย่างดี ด้วยนโยบายการเข้าไปติดตั้งให้แก่ผู้ประกอบโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ผู้ประกอบการสามารถประหยัดค่าไฟได้ เป็นการลดต้นทุนอย่างเห็นได้ชัด

จำนวน ณ ปัจจุบันบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาร่วมกับผู้ประกอบการแล้วกว่า 27 ราย ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 18.7 เมกะวัตต์ ตั้งเป้ากำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 ซึ่งทั้งหมดจะใช้เงินลงทุนราว 3,000 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา SCN รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการมาแล้วกว่า 9.30 ล้านบาท

โดยการลงนามแต่งตั้ง บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในครั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการเงินและเพิ่มโอกาสทางด้านธุรกิจ รวมถึงเป็นการเสริมให้บริษัทสามารถวางแผนและดำเนินการบริหารให้มีรากฐานที่มั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

THG x KBTG เปิดตัวแพลตฟอร์มลงทะเบียนฉีดวัคซีนทางเลือก

ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ร่วมมือกับ KBTG เปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัล เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงความสนใจวัคซีนทางเลือก ผ่านช่องทาง Line @THGinfo เริ่ม 1 มิ.ย. มีคนลงทะเบียนแล้ว 9 แสนคน โดยยังไม่มีการชำระเงิน จนกว่าจะนำเข้าวัคซีนได้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อหนุนคนไทยเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยาวนานร่วมปีครึ่ง ส่งผลให้มีคนไทยติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และทุกคนต่างแสวงหาแนวทางป้องกันในการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันที่ได้รับการยอมรับในประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย ดังนั้นบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เจ้าของเครือโรงพยาบาลเครือธนบุรี จึงได้ศึกษาการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเสริมทางเลือกให้แก่ประชาชน นอกจากวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้แก่ประชาชน และสนับสนุนการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทยให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้เริ่มเปิดให้ประชาชนที่สนใจฉีดวัคซีนทางเลือกลงทะเบียนผ่านช่องทาง LINE @THGinfo ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมียอดลงทะเบียนหลังจากเปิดระบบทะลุ 900,000 คน ในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถนำเข้าวัคซีนทางเลือกผ่านองค์การเภสัชกรรมได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจึงเริ่มเปิดให้ประชาชนชำระค่าวัคซีนผ่านระบบ Payment Gateway อย่างไรก็ตามหากบริษัทฯ ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนได้ภายในเดือนธันวาคมนี้จะคืนเงินให้ทุกราย พร้อมกันนี้ทางบริษัทยังเปิดบริการตรวจ Neutralizing Antibody (nAb) หรือการตรวจปริมาณภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถตรวจได้หลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 4-8 สัปดาห์ ที่สามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีน ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นในการป้องกันโรค

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)

ด้าน นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า KBTG ร่วมมือกับบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ได้สร้างแพลตฟอร์มเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนทางเลือกกับโรงพยาบาลในเครือข่ายของโรงพยาบาลธนบุรี จำนวน 2 โดส ผ่านแอพลิเคชันไลน์ (LINE) @THGinfo โดยผู้ลงทะเบียนเพียงกรอกประวัติ โรคประจำตัว เลือกภาคและโรงพยาบาลในเครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ทีมีอยู่ 17 แห่งทั่วประเทศเพื่อรับการฉีดวัคซีน ซึ่งเมื่อลงทะเบียนสำเร็จทางโรงพยาบาลจะแจ้งเลขที่การลงทะเบียนให้ และจะแจ้งวัน เวลา นัดหมายฉีดวัคซีนให้ทราบต่อไปผ่านทางแอพลิเคชันไลน์

นายเรืองโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความร่วมมือพัฒนาแพลตฟอร์มในครั้งนี้ KBTG ได้นำความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้ ร่วมถึงการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก เพื่อให้ง่ายต่อการลงทะเบียนและติดต่อสื่อสารต่อไป เป็นการเพิ่มโอกาสการเข้ารับวัคซีนทางเลือกให้แก่คนไทย ซึ่งจะส่งผลต่อการยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เร่งการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อสามารถเปิดประเทศได้โดยเร็ว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจต่าง ๆ ฟื้นตัวส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนเดิมได้อีกครั้ง

ปัจจุบัน บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้นำด้านดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด ‘ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต’ (Lifetime Health Guardian for All) จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพแก่ประชาชนมากว่า 40 ปี บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมรองรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดในปีที่ผ่านมา ทั้งการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้สะดวก ผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบไดรฟ์ทรู การร่วมมือกับผู้ประกอบการโรงแรมในการจัดตั้งหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หรือฮอสพิเทล (Hospitel) รองรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังจัดหาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์และเครื่องช่วยหายใจเพิ่มเติมเพื่อดูแลรักษาคนไข้อย่างทันท่วงที

เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ร่วมเปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด–19

บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ผู้บริหารศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ราชประสงค์ สนับสนุนพื้นที่รวมกว่า 2,500 ตารางเมตร  ณ บริเวณอาคาร M2 ที่ชั้น M และชั้น 1 เพื่อเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ให้แก่ผู้ประกันตน โดย กระทรวงแรงงาน, สำนักงานประกันสังคม ซึ่งถือเป็น 1 ใน จุดฉีดวัคซีน 45 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร  รับผิดชอบโดยสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 (บางรัก,ปทุมวัน) สำหรับแนวทางการประสานงานการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย ทางสำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ประสานงานกับนายจ้างของแต่ละบริษัทที่มีผู้ประกันตนโดยตรงพร้อมจัดสรรเวลาตามลำดับ โดยเริ่มต้นให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตนในวันที่ 7  มิถุนายน 64 ซึ่งในแต่ละวันจะสามารถรองรับการฉีดวัคซีนได้ 2,000 คนต่อวัน โดยบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลมเหสักข์และโรงพยาบาลปิยะเวท

โดยการบริการฉีดวัคซีนดังกล่าว ทางศูนย์การค้าเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ได้ให้การสนับสนุนพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือภาครัฐ ในการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน อย่างเร่งด่วนให้ได้มากที่สุด    เพื่อป้องกันโรคให้กับตนเองและคนรอบข้าง ตลอดจนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ทางศูนย์การค้า ได้เตรียมพื้นที่อำนวยความสะดวกสำหรับหน่วยบริการฉีดวัคซีน สำหรับผู้ประกันตน ดังนี้

1.จัดพื้นที่บริเวณอาคาร M2 ที่ชั้น M และชั้น 1 ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 2,500 ตารางเมตร พร้อมจัดการเว้นระยะห่างอย่างเป็นระบบนอกจากนี้ยังมีระบบเครื่องปรับอากาศที่ผ่านการฆ่าเชื้อและอากาศถ่ายเทเป็นอย่างดี

2.การเดินทางเขาถึงพื้นที่สะดวกสบาย จากรถไฟฟ้าสถานีสยาม,ชิดลม และท่าเรือประตูน้ำ

3.เปิดบริการฉีดวัคซีนทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.ในส่วนศูนย์การค้าเปิดบริการ 10.00– 21.00 น.

4.คุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างสูงสุด ประกอบด้วย  1) คัดกรองอย่างเข้มงวด 2)เว้นระยะห่าง 3) ลดการสัมผัส 4) รุกเข้มความสะอาด 5) ติดตามเพื่อปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีมาตรการเชิงรุกป้องกันล่วงหน้า ด้วยการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง และอบโอนโซนหลังศูนย์การค้าปิดบริการ  เป็นประจำทุกวัน

สำหรับผู้ประกันตน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการลงทะเบียนรับวัคซีน สามารถติดต่อสำนักงานประกันสังคมพื้นที่สาขาที่นายจ้างสังกัดอยู่ ได้ในเวลาทำการ ทางสายด่วนประกันสังคม 1506 สำหรับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 หมายเลขโทรศัพท์  02-634-0181-95 หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook:TheMarketBangkok

Welcare เปิดตัวสินค้าใหม่ “หน้ากากอนามัยทางการแพทย์”

Welcare แบรนด์หน้ากากอนามัยชั้นนำของไทย เปิดตัวสินค้าใหม่ “Welcare Mask Level 2 Medical Series” อีกระดับของหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ที่ผ่านการทดสอบจากสถาบันทั้งในไทยและต่างประเทศ การันตีโดยได้รับมาตรฐาน มอก. 2424-2562 ระดับ 2 เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยในขณะนี้

สำหรับหน้ากากอนามัยเวลแคร์ ที่เคยได้รับมาตรฐาน มอก.ระดับ 1 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้เปิดตัวสินค้าใหม่ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เวลแคร์ ระดับ 2 ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของคุณภาพที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และผ่านการทดสอบจากสถาบันทั้งในไทยและต่างประเทศที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)รับรอง ทั้งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และ Nelson Laboratories ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยสินค้าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เวลแคร์ที่ได้รับ มอก. ระดับ 2 นี้ได้ผลทดสอบจากแลปด้านประสิทธิภาพในการกรองที่สูงขึ้นดังนี้

  • ประสิทธิภาพการกรองละอองอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอน (PFE) ผลทดสอบจากแลปทำได้ ≥ 99% (มาตรฐาน มอก.ระดับ 2 กำหนดที่ ≥ 98%)*
  • ประสิทธิภาพการกรองละอองแบคทีเรีย (BFE) ผลทดสอบจากแลปทำได้ ≥ 99%
  • ประสิทธิภาพการกรองละอองไวรัส (VFE) ผลทดสอบจากแลปทำได้ ≥ 99%
  • ประสิทธิภาพการป้องกันของเหลวหรือละอองเลือดเลือดซึมผ่าน (Fluid Resistance) ผลทดสอบจากแลปทำได้มากถึง 120 มิลลิเมตรปรอท (ตามเกณฑ์กำหนดของ มอก. ระดับ 2)
  • ประสิทธิภาพการกรองสามารถทนต่อการลามไฟผลทดสอบจากแลปทำได้ระดับที่ 1 (ตามเกณฑ์กำหนดของ มอก. ระดับ 2 เป็นระดับที่ดีที่สุด)
  • ประสิทธิภาพการต้านทานในการไหลของอากาศผ่านหน้ากากอนามัยผลทดสอบจากแลปทำได้น้อยกว่า 5 mmH2O/cm2 (ค่ายิ่งน้อยยิ่งหายใจสะดวก)

ด้วยคุณภาพการป้องกันการซึมผ่านของละอองเลือดและของเหลวที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เวลแคร์ มอก. ระดับ 2 เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงพยาบาลหรือห้องปฏิบัติการที่ผู้สวมใส่มีโอกาสสัมผัสกับของเหลวหรือละอองเลือดโดยตรงแต่อยู่ในปริมาณที่เล็กน้อย อาทิ เช่น แพทย์ทั่วไป, ทันตแพทย์, บุคลากรทางการแพทย์, หน่วยฉุกเฉิน เป็นต้น และสำหรับผู้บริโภคทั่วไปที่ไม่ใช่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ ก็สามารถใช้งานหน้ากากอนามัยเวลแคร์ มอก. ระดับ 2 ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มความมั่นใจในหน้ากากอนามัยเวลแคร์ และการป้องกันตัวเองที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ทั้งนี้ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เวลแคร์ ระดับ 2 เริ่มจำหน่ายในวันที่ 6 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทาง Shopee: หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: welcarethailand https://www.facebook.com/welcare.thailand และ Line OA: @welcare