EFORL ขายหุ้นกลุ่มบริษัท “วุฒิศักดิ์”

EFORL ขายหุ้นสามัญทั้งหมดจนสิ้นสภาพบริษัทย่อย ของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ ลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของธุรกิจความงาม มุ่งเน้นการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์

นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จํากัด  (มหาชน) หรือ EFORL ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า  คณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2564 ( 4 มิถุนายน 64) อนุมัติการขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (“WCIH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยบริษัทถือหุ้นอยู่จำนวน 101,849,993 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 56 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง

ซึ่งบริษัทจะขายหุ้นในราคาหุ้นละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 1,018,499.93 บาท ให้แก่  คุณทัศนี คนการ ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวโยงกันตามประกาศสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดย WCIH ประกอบธุรกิจการลงทุนในกลุ่มบริษัท “วุฒิศักดิ์” ซึ่งประกอบด้วย บจก.วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป, บจก.ดับบลิว.เอส.เซอร์จีรี่ 2014, บจก.ดับบลิว เวลเนส อินเตอร์, บจก.วุฒิศักดิ์ คอสเมติก อินเตอร์, บจก.ดับบลิว โกลบอล และ บจก.วุฒิศักดิ์ ฟามาซี อินเตอร์ จำกัด

“การขายหุ้น WCIH ทั้งหมด จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทดีขึ้น ลดผลกระทบจากการขาดทุนจากการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH ในงบการเงินรวมของบริษัท เนื่องจากการดำเนินของกลุ่มบริษัทวุฒิศักดิ์ไม่เป็นไปตามประมาณการ ส่งผลให้ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มการดำเนินงานของ WCIH และบริษัทย่อยของ WCIH มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องและหลายบริษัทหยุดประกอบธุรกิจ บริษัทสามารถจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะเงินทุนหมุนเวียนใช้ในการดำเนินธุรกิจหลักอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายปรีชา กล่าว

บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเครื่องมือทางการแพทย์  ซึ่งเป็นรายได้หลัก และตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้ป่วยโควิด – 19 เช่น เครื่องเอกซเรย์ปอดแบบ Portable เครื่อง Oxygen Hi  Flow เครื่องตรวจสมรรถภาพปอดแบบ  Portable เครื่องวัดสัญญานชีพผู้ป่วยในห้องควบคุมความดันลบ เป็นต้น เพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต  ขณะที่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนกว่า 176 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นด้วย  และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโต 15% ตามแผนงานที่วางไว้ จากปีที่ผ่านมา และในวันที่ 11 มิถุนายน 2564 จะปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมจากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Services) ไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer Products) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

 

NCAP แต่งตั้ง ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา เป็น CO-CEO

NCAP เดินเกมธุรกิจไฟแนนซ์ ประกาศแต่งตั้ง “ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา” ดํารงตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) พร้อมขับเคลื่อนบริษัทย่อยแห่งใหม่ “บริษัท เน็คซ์ มันนี่ จำกัด” คาดจดทะเบียนแล้วเสร็จ Q3/64 โดย NCAP ถือหุ้น 80% เพื่อเสริมแกร่งรายได้และกำไรในอนาคต พร้อมออก NCAP – ESOP W1 เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติ 15 ก.ค.นี้

บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการแต่งตั้ง นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ให้ดํารงตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) มีผลตั้งแต่ วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป นับเป็นการส่งเสริมนโยบายของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจด้านการเงินและเทคโนโลยี เข้ามาเสริมทัพแผนการขยายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลของกลุ่มบริษัท ภายใต้ “บริษัท เน็คซ์ มันนี่ จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ จากเดิมบริษัทฯ แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ภายใต้การนำทัพของ นายสมชัย ลิมป์พัฒนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ “บริษัท เน็คซ์ มันนี่ จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000,000 บาท แบ่งออกเป็นจำนวน 500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เพื่อประกอบกิจการให้สินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 80% นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา 10% และ บุคคลธรรมดารายอื่น 10% และมีกรรมการประกอบด้วย นางสาวสุธิดา มงคลสุธี นางสาววาสนา พงศ์แสงลึก นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา สำหรับเงินทุนที่บริษัทใช้ในการลงทุนครั้งนี้ มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินการซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องและการดำเนินการของบริษัท โดยคาดประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อขยายธุรกิจ และเพิ่มช่องทางการรับรู้รายได้และกำไร โดยคาดว่าจะดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2564

นอกจากนี้ มีมติอนุมัติการออกใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทเพื่อเสนอจัดสรรให้แก่ผู้บริหาร (รวมถึงผู้บริหารที่ดํารงตําแหน่งกรรมการของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย) และ/หรือ พนักงานของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย ครั้งที่ 1 (“NCAP – ESOP W1”) จํานวนไม่เกิน 38,000,000 หน่วย อายุไม่ เกิน 5 ปี โดยไม่คิดมูลค่า รวมทั้ง การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจํานวน 19,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 450,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 469,000,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่ม ทุนจํานวน 38,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิ NCAP – ESOP W1 และการแก้ไข หนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท ข้อ 4 เรื่องทุนจดทะเบียน เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว

SONIC เล็งขยับเป้าปี 64 ชี้ขนส่งทางเรือเติบโตแกร่ง

“โซนิค”จ่อปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมเติบโต20% รับอานิสงส์การส่งออกสดใส   แถมค่าระวางเรือมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งปี หนุนขนส่งทางเรือสัดส่วนรายได้พุ่งเป็น 77%  ขณะที่หุ้น SONIC ติด1 ใน 24 หุ้นที่น่าลงทุนกลุ่ม ESGปี 2564  สะท้อนถึงการเติบโตที่ยังยืน    

ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC ผู้นำธุรกิจให้บริการการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เนื่องจากการส่งออกทางเรือเริ่มกลับมาสดใส หลังจากที่หลายประเทศ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุโรป ได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลง ทำให้กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน

“บริษัทมีโอกาสที่ปรับเป้ารายได้ปี 64 เพิ่มขึ้น  จากเดิมที่ตั้งเป้าว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโต 20% แต่จากผลประกอบการไตรมาสแรก ที่ผ่านมารายได้โตกว่า 94 % เกินเป้าค่อนข้างมาก และจากการประเมินสถานการณ์ล่าสุด แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ยังสดใสตลอดทั้งปี ส่วน SONIC จะปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นั้น คงต้องรอดูผลประกอบการไตรมาส 2 /64 ก่อน” ดร.สันติสุข กล่าว

สำหรับรายได้หลักของ SONIC  มาจากการให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือเป็นหลัก  ซึ่งปัจจุบันมีการเติบโตค่อนข้างสูงคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 77% จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้ 65%  สืบเนื่องมาจากค่าระวางที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ขนส่งทางอากาศมีสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 5% ขนส่งทางบกอยู่ที่ 18% โดยนอกจากฐานลูกค้าเดิมที่ยังให้ความเชื่อมั่นต่อการให้บริการของ SONIC แล้ว  บริษัทยังเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา

ส่วนความคืบหน้าของธุรกิจการปล่อยสินเชื่อรถหัวลากให้กับกลุ่มพันธมิตร  ภายใต้โมเดล “โลจิสซิ่ง”(โลจิสติกส์+ลิสซิ่ง) ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิม 40 คัน ภายในไตรมาส2/2564  ขณะที่การเปิดพื้นที่ให้บริการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณแหลมฉบัง ยังเป็นการขยายฐานลูกด้านโลจิสติกส์ รองรับลูกค้าในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

ดร.สันติสุข กล่าวต่อว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทนอกจากจะมุ่งเน้นการสร้างรายได้ให้มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล โดยล่าสุดหุ้น SONIC ได้รับการคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ใน 24  หลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 ซึ่งสะท้อนถึงการที่บริษัทให้ความสำคัญกับด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล  ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว

“การที่หุ้น SONIC ถูกคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม ESG  มองว่าส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท  ซึ่งจะทำให้หุ้น SONIC เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนประเภทสถาบันมากขึ้น  เพราะโดยปกติกองทุนต่างๆ  นอกจากจะเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีแล้ว ยังให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมาภิบาล และเราเองก็มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน” ดร.สันติสุข กล่าว

PTG มอบเครื่องดื่มทีมแพทย์ฉีดวัคซีนโควิด-19

PTG นำเครื่องดื่ม “กาแฟพันธุ์ไทย” ส่งตรงถึงมือบุคลากรทางการแพทย์ ที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กับนักกีฬา และบุคลากรทางการกีฬา สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นกำลังใจสู้ภัยโควิด-19

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG  กล่าวถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างรวดเร็ว แม้รัฐบาลจะใช้มาตรการป้องกันควบคุมโรคหลายมาตรการ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ แต่สิ่งที่เป็นความหวังของประเทศ และคนไทยในขณะนี้ คือ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่หลายหน่วยงานเร่งจัดหา และเตรียมฉีดวัคซีน เพื่อให้ประชาชนได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้

PTG ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์  โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ที่มาบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด จำนวน 10,000 โดส ให้กับคณะนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ และปฏิบัติหน้าที่ในประเทศ เพื่อร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19

โดย PTG จัดเครื่องดื่ม กาแฟพันธุ์ไทย มาบริการฟรีกับบุคลากรทางการแพทย์ ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งขึ้นเฉพาะกิจ บริเวณชั้นล่าง อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ระหว่างวันที่ 7-30 มิถุนายน 2564 ตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้รับมอบ

“ที่ผ่านมา PTG ได้ให้การสนับสนุนภาครัฐในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมร่วมบริจาคน้ำดื่มบรรจุขวด ภายใต้แบรนด์ PT ขนาด 1.5 ลิตร ให้กับโรงพยาบลบุษราคัม โรงพยาบาลสนามต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด รวมทั้ง มอบเครื่องดื่ม “กาแฟพันธุ์ไทย” ให้ฟรีกับบุคลากรทางการแพทย์ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแทนคำขอบคุณ และให้กำลังใจ  โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการร่วมช่วยเหลือสังคม และประเทศให้รอดพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน”  นายพิทักษ์ กล่าว

ไรมอน แลนด์ มอบเงินสนับสนุนภารกิจป้องกันโควิด-19

นายกรณ์ ณรงค์เดช (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงานฯ ร่วมมอบเงินสนับสนุนจำนวน 100,000 บาท แก่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์  เพื่อใช้ในการดำเนินภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และเพื่อสนับสนุนกิจการทางการแพทย์  โดยมี  คุณวลฺลภ ยุติธรรมดำรง  (ที่ 3 จากขวา) รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นตัวแทนในการรับมอบ ณ ศูนย์ฉีดวัคซีน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

เปิด ‘สโมสรธนาคารกรุงเทพ’ ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ผู้ประกันตน

พื้นที่ เปิด ‘สโมสรธนาคารกรุงเทพ’ ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตน สร้างแนวร่วมเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ประเทศ สู้วิกฤติโควิด-19

นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ตอบรับนโยบายภาครัฐในการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันระดับประเทศให้แก่ประชาชนวงกว้าง   ด้วยการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เป็นสถานที่บริการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 รวมถึงอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมสถานที่ และบริการน้ำดื่มสำหรับผู้มารับการฉีดวัคซีน ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกทำความสะอาดพื้นที่และห้องน้ำทุกจุดภายในสโมสรตลอดระยะเวลาการให้บริการเกือบ 2 เดือน

สำหรับจุดบริการฉีดวัคซีนสโมสรธนาคารกรุงเทพ ตั้งอยู่ถนนศรีนครินทร์ ซอยปราโมทย์ เป็น 1 ใน 6 จุดบริการ ของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง โดยในเขตพื้นที่นี้มีผู้ประกันตนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีนโดยรวมประมาณ 1.5 แสนคน ขณะที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ บางนา มีศักยภาพในการรองรับผู้มารับบริการฉีดวัคซีนได้วันละ 1,000 คน ภายใต้การคุมเข้มมาตรการความปลอดภัยและสุขอนามัยตามที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด  และจะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. – 26 ก.ค. 2564  เวลา 8.00 – 17.00 น.

“ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” พร้อมเคียงข้างคนไทยเพื่อร่วมเผชิญกับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งนอกจากการมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้ารายย่อยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของทางภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ประชาชนวงกว้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวาระแห่งชาติที่ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญและเร่งขับเคลื่อนเพื่อให้สถานการณ์ที่ยากลำบากครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด” นายทวีลาภ กล่า

นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน  กล่าวต่อว่า  สำหรับจุดให้บริการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่สโมสรธนาคารกรุงเทพแห่งนี้ถือเป็นจุดให้บริการ จุดที่ 14 จากจำนวนจุดให้บริการโดยรวมทั้งสิ้น 45 จุด โดยวัคซีนที่นำมาให้บริการในโครงการคือแอสตร้าเซนเนก้า (Astra Zeneca) ซึ่งผู้ประกันตนในเขตพื้นที่รับผิดชอบในโครงการที่ลงทะเบียนไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถมารับบริการฉีดวัคซีนเข็มแรกของโครงการนี้  ภายใต้แนวทางการปฏิบัติ 6 ขั้นตอนเพื่อรับบริการ ได้แก่  การคัดกรองสิทธิ์ผู้ประกันตน จากนั้นจะมีการลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนภายในโครงการ ตามด้วยการตรวจสุขภาพและวัดความดัน เพื่อเช็คความพร้อมในการรับวัคซีนของร่างกาย จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกข้อมูลเข้าระบบ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนในการรับการฉีดวัคซีนตามกระบวนการ ซึ่งหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะมีจุดให้พักเพื่อสังเกตุอาการภายหลังการฉีดประมาณ 30 นาที หากไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ ก็สามารถเดินทางกลับได้ และสามารถมารับบริการฉีดเข็มที่ 2 ต่อเนื่องได้ตามเวลานัดหมาย ในอีก 3 เดือนถัดไป

ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนไว้แล้ว สามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับจุดให้บริการสโมสรธนาคารกรุงเทพ ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่  www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

นายกฯ ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 สถานีกลางบางซื่อ

วันแรกของการเปิดบริการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กสทช. และผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงกลุ่มทรู โดย นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น

ทั้งนี้ กลุ่มทรู ได้ให้การสนับสนุนภารกิจการกระจายฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงคนไทยมากที่สุด อันเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญในขณะนี้ ตั้งแต่การบริหารจัดการระบบการลงทะเบียนตามช่องทางต่างๆ ของกลุ่มทรู จัดเตรียมพนักงานจิตอาสากว่า 100 คน ที่ผ่านการฉีดวัคซีนแล้วและได้รับการอบรมด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี สวมถุงมือและเฟซชิลด์ตลอดเวลาขณะให้การดูแลผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน ตลอดจนมีบริการเครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวีที่ได้มาตรฐาน ไว้ฆ่าเชื้ออุปกรณ์พกพาต่างๆ พร้อมมอบฟรีน้ำดื่มทรู ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้เข้ารับการฉัดวัคซีน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้าทรูทุกคน ทรูยู ยังร่วมกับ FWD มอบประกันผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนฟรี จำนวน 400,000 สิทธิ์ โดยลูกค้าต้องลงทะเบียนก่อนรับการฉีดวัคซีนที่แอปพลิเคชันทรูไอดี เพื่อรับความคุ้มครอง ทุนประกัน 150,000 บาท นาน 60 วัน นอกจากนี้ ทรู ยังเตรียมพร้อมเครือข่ายสื่อสารอัจฉริยะ ทรู 5G /4G และ WiFi อย่างเต็มกำลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรองรับการใช้งานของบุคลากรการแพทย์และประชาชนที่มารับบริการอีกด้วย ทั้งนี้ การสนับสนุนดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของกลุ่มทรู ที่ต้องการร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่คนไทยและประเทศไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ประกันตน

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สนับสนุนพื้นที่หน่วยงานภาครัฐในการกระจายวัคซีนให้บริการประชาชนได้ครอบคลุมทั่วถึง ผนึกกำลัง สำนักงานประกันสังคมเขต 4 และ โรงพยาบาลปิยะเวท เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 ที่อยู่ในพื้นที่เขต 4 ได้แก่ บางรัก ปทุมวัน ยานนาวา สาทร และ บางคอแหลม ซึ่งบริษัทลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ล่วงหน้าจากสำนักงานประกันสังคมเขต 4 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2564 เปิดให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. บริเวณชั้น G โซน C ลานปทุมวันฮอลล์ และ รามาฮอลล์ รวมพื้นที่กว่า 1,600 ตร.ม. รองรับผู้ประกันตนประมาณ 1,200 คน/วัน

ภายใต้ความพร้อมให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทั้งด้านสถานที่ที่มีความกว้างขวาง การเดินทางสะดวกสบายจากศูนย์การค้าเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ พร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยและความสะอาดขั้นสูงสุด ตั้งแต่ทางเข้าศูนย์ฯและทางเข้าจุดบริการที่มีการติดตั้งจุดตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด พร้อมอุปกรณ์ อาทิ เครื่องวัดอุณหภูมิ การจัดสถานที่เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมถึงอบโอโซน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมเช็ดทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเข้มข้นภายในศูนย์ฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯ

โดยนางสาวภคมน ศิลานุภาพ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ สำนักงานประกันสังคม ในฐานะประธานคณะทำงานบริหารจัดการและกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ให้แก่ผู้ประกันตน พร้อมด้วย นายมนตรี สุวณิยช์ ที่ปรึกษาด้านเภสัชกรรม นางสาวอุษา ธีระวิทยเลิศ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 4 นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือปิยะเวท พญ.เจรียง จันทรกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก-ปิยะเวท พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนและการทดสอบระบบการให้บริการวัคซีนตามขั้นตอน ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เขตปทุมวัน ซึ่งวันนี้ได้ทดสอบระบบโดยทำการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาห้กับบุคลากรสังกัดกระทรวงแรงงาน โดยมีคณะผู้บริหารศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ นำโดย นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ซึ่งมีการเตรียมระบบการให้บริการฉีดวัคซีนที่ปลอดภัยและครบถ้วนตามขั้นตอนจนถึงการดูแลและสังเกตอาการ

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐ สำนักงานประกันสังคมเขต 4 และ โรงพยาบาลปิยะเวท ในการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชน เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม เพื่อให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว ดัชนีความสุขของคนไทยเพิ่มขึ้น พลิกฟื้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ร้านค้า พนักงาน ได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อเตรียมต้อนรับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ

“นอกจากความพร้อมด้านสถานที่ ความสะอาดและความปลอดภัยขั้นสูงสุด เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ยังร่วมกับร้านค้ามอบความสุขให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านแคมเปญ THAI SAVE THAI รวมใจฉีดวัคซีน เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 และบัตรประจำตัวประชาชน รับทันทีส่วนลดของแถมจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2564  พร้อมกิจกรรมให้ความรู้ในการนำตำรับยาจากสมุนไพรภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคมาดูแลสุขภาพของตนเอง คลินิกตรวจสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การสาธิตทำเครื่องดื่มสุขภาพ อาทิ น้ำตรีผลา น้ำกระชาย การแจกสมุนไพรให้กลับไปปลูกที่บ้าน ในงานสมุนไพรไทย ทลายโรค ทลายโควิด ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จัดขึ้นจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2564” นายสมพล กล่าว

ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ววันนี้

เปิดบริการหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดิ เอ็มโพเรี่ยม ณ บริเวณ ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยเปิดให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ ของทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังสนับสนุนการฉีดวัคซีนช่วยชาติของคนไทย โดยจัดโครงการ วัคซีนนิสต้า อินคลูซีพ พรีวิเลจ (Vaccinista Inclusive Privileges) มอบความพิเศษให้คนไทยทุกคนที่ฉีดวัคซีน โควิด-19 และเมื่อมาใช้บริการ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์

ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ร่วมสนับสนุนการรณรงค์ ฉีดวัคซีนช่วยชาติ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของคนไทย โดยมีการจัดโครงการ วัคซีนนิสต้า อินคลูซีพ พรีวิเลจ (Vaccinista Inclusive Privileges) จับมือกับร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำภายใน ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ มอบสิทธิประโยชน์ให้กับคนไทยทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มาใช้บริการทั้ง 2 ศูนย์การค้า เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน รับความพิเศษมากมาย ได้แก่ EMFashionicon แนะนำการแต่งตัวในช่วงของการรับวัคซีนโควิด-19 สร้างเทรนด์แวคซี ช็อต (VAXXI SHOT) ให้โพสต์ท่าจัดเต็มในการมารับวัคซีน โดยรวบรวมคอลเลคชั่นแฟชั่นแบรนด์ดัง ทั้งเสื้อผ้าในลุคทะมัดทะแมง ทั้งเสื้อแขนกุด กางเกงยีนส์พอดีตัว และหลากหลายกระเป๋าใบเก๋ พร้อมสะพายในลุค สุดมั่นใจ พร้อมโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษมากมาย

และพบความพิเศษจาก เอ็มไดนิ่ง (EMDINING) และ ฟู้ด ฮอลล์ (FOODHALL) ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ มอบสิทธิพิเศษทานฟรีมากมายจากร้านอาหารชั้นนำ เช่น KOI THE, MAN FU YUAN KITCHEN, MISOYA RAMEN, PAUL, SAVA ALL DAY DINING, TWG ,XING FU TANG, CHIKALICIOUS, SKINNY LICIOUS, PENNII, KAMU, ERIC KAYSER และ LITTLE MERMAID สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 และเมื่อมาใช้บริการ ณ ร้านค้า ร้านอาหารภายในศูนย์การค้า ทั้ง 2 แห่ง โดยสามารถแสดงหลักฐานการรับวัคซีน เพื่อรับสิทธิพิเศษผ่านช่องทาง LINE: @EMDISTRICT

แคมแปญ วัคซีนนิสต้า อินคลูซีพ พรีวิเลจ มอบความพิเศษจากร้านค้าชั้นนำ หน้า 2 ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ ที่ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยติดตามรายละเอียดได้ที่ LINE: @EMDISTRICT หรือ Facebook : Emporium Emquartier

ทั้งนี้ หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดิ เอ็มโพเรี่ยม จัดตั้งขึ้นบริเวณ ชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยความร่วมมือของศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม, กรุงเทพมหานคร, หอการค้าไทย และโรงพยาบาลสมิติเวช มีพื้นที่รวมกว่า 1,000 ตารางเมตร จัดบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านระบบต่างๆ ของหน่วยราชการ รองรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ประมาณวันละ 1,000 คน โดยได้มีการทดสอบระบบความพร้อมต่างๆ ทั้งในเรื่องสถานที่ เครื่องมือ บุคลากรและอาสาสมัคร ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ และได้รับการรับรองว่าเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีน ที่มีมาตรฐานสูง สามารถสร้างความสะดวกสบาย และมอบความมั่นใจให้กับประชาชนที่มาใช้บริการทุกคน โดยเปิดดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียน ผ่านช่องทางต่างๆ ของทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ศกนี้ เป็นต้นไป

สยามพารากอน ฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับประชาชนทั่วไปวันแรก!!

สยามพารากอน ร่วมกับ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ หอการค้าไทย เดินหน้าฉีดวัคซีนแก่ประชาชนทั่วไปวันแรก ณ หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกสถานพยาบาล บนพื้นที่ใจกลางเมือง รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนด้วยประสิทธิภาพการบริหารจัดการและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนศกนี้ เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทย โดยให้บริการแก่ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” และ “โครงการไทยร่วมใจ กรุงเทพปลอดภัย”

ทั้งนี้สยามพารากอนร่วมสนับสนุนภารกิจเพื่อชาติครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 บนพื้นที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางถึง 12,000 ตร.ม. ทั้งยังมีระบบบริหารจัดการที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพสามารถรองรับประชาชนที่มาฉีดวัคซีนได้จำนวนมากกว่า 2,500 คนต่อวัน มีการเว้นระยะห่าง ไม่แออัด และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด สามารถเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งได้ร่วมกับทิพยประกันภัยจัดเตรียมประกันการแพ้วัคซีนมอบให้ผู้มาฉีดวัคซีนที่สยามพารากอน โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกันภัยได้ฟรีตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ค. 2564

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ โรงพยาบาลกรุงเทพได้ประสานความร่วมมือกับศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้ โดยโรงพยาบาลฯ ยังคงยึดมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานทัดเทียมกับการบริการภายในสถานพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นสำคัญ ด้วยมาตรการความปลอดภัย มาตราฐานการควบคุมโรคติดเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด มาตรฐานการขนส่ง การจัดเตรียม และรักษาคุณภาพวัคซีน ตลอดจนมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ในกรณีที่มีผู้ป่วยจากการแพ้วัคซีนที่รุนแรง หรือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์อื่นๆ โดยได้จัดเตรียมห้องพยาบาลที่มีอุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์สำหรับการช่วยกู้ชีวิตขั้นสูง พร้อมทีมบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉินซึ่งประกอบไปด้วยแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน พยาบาล และพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และได้วางแผนการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับโรงพยาบาลตำรวจเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาในสถานพยาบาลที่มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วที่สุด

โดยประชาชนจะได้รับบริการวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม 2564 สำหรับจุดบริการฉีด ของโรงพยาบาลกรุงเทพ มี 2 จุด คือ จุดที่ 1.โรงพยาบาลกรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย เวลา 08.00-17.00 น. และ จุดที่ 2. โรงพยาบาลกรุงเทพ (สยามพารากอน) รับบริการที่รอยัล
พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน** เวลา 09.00-16.00 น. โดยให้บริการกับผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชัน หรือ ไลน์ “หมอพร้อม” และผู้ที่ลงทะเบียนผ่าน โครงการ “ไทยร่วมใจ กรุงเทพปลอดภัย” เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมการแพร่ระบาดสูงสุด ได้รับการกระจายการฉีดวัคซีนได้ทั่วถึงมากที่สุด หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถติดต่อได้ที่ COVID Center รพ. กรุงเทพ โทร. 02-308-7171 (4 คู่สาย) ในเวลาทำการ 08.00 – 17.00 น.

นับเป็นการผนึกกำลังของสองภาคเอกชนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของภาครัฐ เพื่อกระจายวัคซีนโควิด 19 ไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยนำพาประเทศชาติให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน