โฮมโปร สาขาเอกมัย – รามอินทรา เปิดให้บริการแล้ว

โฮมโปร สาขาเอกมัย-รามอินทรา ยกระดับทุกขั้นตอน ในการควบคุมการแพร่กระจายโรคและได้แก้ไขคัดกรองนำเสนอแผนงานมาตรการเชิงรุก ต่อหน่วยงานสาธารณสุข สำนักงานลาดพร้าว และได้ผ่านการพิจารณา เปิดให้บริการ 7 มิ.ย. 2564

การยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงรุก เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดให้กับลูกค้า และพนักงาน ดังนี้

ลูกค้า

  • ทำความสะอาดอุปกรณ์รถเข็น (Cart Service) และมีบริการถุงมือสำหรับลูกค้า
  • ทำความสะอาดจุดบริการลูกค้า (Customer Service) และห้องน้ำ ทุก 1 ชั่วโมง
  • เพิ่มจุดคัดกรอง เพิ่มน้ำยาฆ่าเชื้อพรมดักฝุ่นทางเข้า-ออก และเพิ่มจุดวางแอลกอฮลอล์
  • ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านระบบ Internet Banking และ QR Payment เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส

พนักงาน

  • คัดกรองพนักงานที่เข้ามาปฏิบัติงาน ต้องผ่านการตรวจ Swab Test ปลอดเชื้อ 100%
  • พนักงานที่เข้าปฏิบัติงาน ได้รับการฉีดวัคซีน 95% ( ณ วันที่ 1 มิ.ย. 2564) อย่างน้อย 1 เข็ม
  • ลดความแออัด ของจำนวนพนักงาน เหลือเพียง 25%
  • พนักงานทุกคนต้อง สวมหน้ากาก Face Shield และถุงมือ อย่างเคร่งครัด

พื้นที่

  • เพิ่มการฉีดพ่นฆ่าเชื้อพื้นที่ และสินค้าทุกวันหลังจากปิดให้บริการ ช่วงเวลา 00 – 22.30 น.
  • บริหารพื้นที่ ลดความแออัดให้มากกว่ามาตรฐานที่ 7 ตร.ม./คน (สาธารณสุขกำหนด 5 ตร.ม./คน)

ทั้งนี้ โฮมโปร ขอยืนยันว่า เราตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด  เราจะยึดการปฏิบัติตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เป็นประจำทุกวัน ขอให้ทุกท่านมั่นใจ และไว้วางใจในการใช้บริการอย่างปกติ-ช้อปมั่นใจ ปลอดภัยที่โฮมโปร

TQR มอบเงินให้กับ รพ.ภูมิพลฯ

ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR มอบเงินจำนวน 50,000 บาท ให้กับ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เพื่อช่วยสนับสนุนในการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ โดยมีพลอากาศตรีหญิง อิศรญา สุขเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชฯ เป็นผู้รับมอบ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ รพ.ภูมิพลอดุลยเดชฯ  กรุงเทพฯ

TITLE จิตอาสาบริการประชาชนรับการฉีดวัคซีน Sinovac

บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE พร้อมพนักงานร่วมเป็นจิตอาสาในการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีน Sinovac ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ตลอดจนบริจาคอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์สำนักงาน และของใช้ที่จำเป็นแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำหน่วยให้บริการ เพื่อเป็นการส่งเสริมพนักงานให้มีบทบาทในการส่งมอบสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ณ โรงแรมภูเก็ต ออคิด รีสอร์ท แอนด์ สปา

เอ็ม บี เค มอบน้ำดื่มและหน้ากากอนามัย สู้โควิด-19

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) โดย นายสมพล ตรีภพนารถ (ที่ จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) มอบน้ำดื่มMBKจำนวน 5,000 ขวดและหน้ากากอนามัยจำนวน 10,000 ชิ้น แก่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใช้สำหรับป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมี พันตำรวจโทวรรณพงษ์ คชรักษ์ (ที่ 4 จากซ้าย) อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ พร้อมมอบน้ำดื่มจำนวน 5,000 ขวดให้กับกรมราชทันฑ์ 

พาราไดซ์ พาร์ค เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19

ขานรับนโยบายภาครัฐอย่างเต็มสูบ พาราไดซ์ พาร์ค หนุนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วถึง ผนึกกำลัง สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ 8 และ โรงพยาบาลวิภาราม เปิดพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่บริษัทอยู่ในพื้นที่ บางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง เริ่มวันนี้ – 31 ก.ค.นี้ เวลา 08.00-17.00 น. ชั้น 3 โซนบิวตี้ แอนด์ เฮลธ์ (Beauty & Health)

พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค สนันสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ แก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 โดยการสนับสนุนพื้นที่ในการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศชาติให้ขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป โดยร่วมกับ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 และ โรงพยาบาลวิภาราม เปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่บริษัทอยู่ในเขต 8 ได้แก่ บางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง 8 เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้ – 31 ก.ค. 2564 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. บริเวณชั้น 3 โซนบิวตี้ แอนด์ เฮลธ์ (Beauty & Health)

โดยวันแรกของการเปิดหน่วยบริการวัคซีนโควิด-19 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นางชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 นายวรเศรษฐ์ วิศาลศักดิ์ ผู้อำนวยการเขตประเวศ และนายแพทย์ไพบูลย์ เอกแสงศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาราม มาตรวจความเรียบร้อยและการดำเนินงานของหน่วยบริการฉีดวัคซีน โดยมีผู้บริหารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค นางสาวไปรยาภรณ์ แข็งแรง กรรมการผู้จัดการ และนายเอกรัตน์ ชลลัมพี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด ให้การต้อนรับ

สำหรับพื้นที่บริเวณโซนบิวตี้ แอนด์ เฮลธ์ ชั้น 3 (Beauty & Health) ที่จัดเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนนั้น เป็นพื้นที่กว้าง 1,200 ตร.ม. สามารถรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มารับริการฉีควัคซีนได้มากถึงวันละ 1,000 คน นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกแก่และบุคลากรทางการแพทย์ ระหว่างดำเนินงาน และจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดการดำเนินงาน ขณะเดียวกันผู้ที่มาฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ พาราไดซ์ พาร์ค ขอให้มั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย เพราะศูนย์ฯ ได้ปฏิบัติมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร ภายใต้ 3 มาตรการหลัก คือ คัดกรอง ป้องกัน ปลอดภัย มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นทั่วทั้งศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่อง จัดพื้นที่เว้นระยะห่าง Social Distancing ตามที่ภาครัฐกำหนด ตลอดจนเดินทางที่สะดวก พื้นที่จอดรถกว้างขวาง

นอกจากความพร้อมด้านสถานที่ ความสะอาดและความปลอดภัยขั้นสูงสุด พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับร้านค้าชั้นนำมากมายให้กับผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่าน แคมเปญ THAI SAVE THAI รวมใจฉีดวัคซีน เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน โควิด-19 และบัตรประจำตัวประชาชน รับทันทีส่วนลดของแถมจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. 2564

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอ็ม บี เค คอนแทคท์เซ็นเตอร์ 1285 พร้อมติดตามกิจกรรม และโปรโมชั่นดี ๆ ของศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ได้ที่ www.paradisepark.co.th หรือเฟซบุ๊กเพจ Paradise Park อินสตาแกรม paradisepark_th และยูทูป paradiseparkchannel

เปิดตัว โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการใหญ่ “โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด” เดินหน้ารับซื้อสินค้าเกษตร ผัก-ผลไม้-สินค้าประมง ผ่านการรับซื้อตรงอย่างต่อเนื่อง หลังลงนามเอ็มโอยูกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ตั้งเป้าหมายรับซื้อเพิ่ม 20%

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่จบลงโดยง่ายและอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ซึ่งได้สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับปัญหาผลผลิตระบายไม่ทัน ล่าสุดแม็คโครจึงได้เปิดตัว ‘โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด’ หลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับซื้อสินค้าเกษตรจากชาวสวนชาวไร่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ผลไม้ตามฤดูกาล ผัก สินค้าประมง พร้อมวางแผนการส่งเสริมการขาย กระตุ้นการบริโภคให้กับลูกค้าทุกกลุ่มผ่านสาขาทั่วประเทศของแม็คโคร

แม็คโคร เรามีทีมพี่เลี้ยงเกษตรกร ประจำภูมิภาคต่างๆ คอยทำหน้าที่ในการลงพื้นที่หาผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยที่มีคุณภาพ และร่วมกันพัฒนาเพื่อให้เกิดการทำเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้หลัก การตลาดนำการผลิต อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคที่เป็นช่องทางสำคัญในการสร้างโอกาสให้เกษตรกรส่งผลผลิตขายโดยตรงมากขึ้น ประกอบกับการประสานงานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ทำให้การแก้ปัญหา สินค้าเกษตรล้นตลาดเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สามารถช่วยเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งคาดว่าในปีนี้เราจะรับซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 20%

แม็คโคร ได้วางแผนการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยในหลายมาตรการ ประกอบด้วย

1. ขยายการรับซื้อและกระจายสินค้าสู่ทุกสาขาทั่วประเทศเพิ่มจาก 170,000 ตันในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะรับซื้อเพิ่มขึ้นอีก 20% หรือ 204,000 ตันในปีนี้

2. แผนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภูมิภาคต่างๆ 6 แห่ง เพิ่มโอกาสในการรับซื้อตรง (Direct sourcing) ให้เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ โดยเปิดแห่งแรกแล้วที่จังหวัดเขียงใหม่

3. การพัฒนามาตรฐานการเพาะปลูกร่วมกับเกษตรกร ด้วยการจับมือกับหลายหน่วยงาน อาทิ ส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนามาตรฐาน GAP ให้เกษตรกร จาก 1,200 ราย เพิ่มเป็น 1,500 รายในปี 2564

4. โครงการจับคู่ธุรกิจ Business Matching ตามภูมิภาคต่างๆ เพิ่มโอกาสเกษตรกรได้เข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงอย่างแม็คโคร

5. การส่งเสริมสภาพคล่อง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการชำระสินค้า (Credit Term) ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30 วัน

สำหรับผลผลิตที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาล้นตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้ ประกอบด้วย ฟักทอง จากเกษตรกรกว่า 200 ครัวเรือนในภาคเหนือและภาคใต้จำนวน 303 ตัน, เผือก จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เผือกหอม อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่มีสมาชิก 100 ครัวเรือน จำนวน 200 ตัน, หน่อไม้หวาน จากกลุ่มเกษตรกร จ.สระแก้วและ จ.ฉะเชิงเทรา 150 ครัวเรือน จำนวน 208 ตัน, พริกสด จากกลุ่มเกษตรกร จ.พัทลุง 50 ครัวเรือน จำนวน 30 ตัน, สับปะรดปัตตาเวีย จากกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรด อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 100 ครัวเรือน จำนวน 18,000 ผลต่อเดือน, สละอินโด จากเกษตรแปลงใหญ่ ต.ตะดละทรายทอง อ.ไม้แก่น และเกษตรแปลงใหญ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 100 ครัวเรือน จำนวน 16 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีสินค้าประมง อาทิ ปลานิล จาก จ.นครพนม จ.โคราช จ.สงขลา 199 ครัวเรือน ซึ่งในระยะเวลาสองอาทิตย์ รับซื้อไปแล้วมากกว่า 3 ตัน และยังมีโครงการรับซื้ออย่างต่อเนื่อง ฯลฯ

นางศิริพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน เรามีเกษตรกรรายย่อยที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโคร มากกว่า 7,000 ราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ยังมีเกษตรกรอีกมากมายที่กำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเราไม่เพียงแค่รับซื้อ แต่ยังวางแผนการพัฒนาร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรรายนั้นๆ ได้เป็นคู่ค้าถาวร มีตลาดที่มั่นคงยั่งยืน ผ่านการกระจายผลิตผลไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่สำคัญของแม็คโคร รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้าจากเกษตรกรไทยสู้ภัยโควิดอย่างต่อเนื่อง

ท็อปส์-แฟมิลี่มาร์ท ส่งมอบอาหาร ของใช้ สู้โควิด-19

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งใหม่ในเดือนเมษายน จนถึงปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน และผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จึงเร่งระดมทุกความช่วยเหลือเพื่อเป็นกำลังสำคัญผ่านโครงการ “CRC รวมพลัง กู้วิกฤตโควิด-19” ส่งต่อพลังและธารน้ำใจจากลูกค้าที่ร่วมกันบริจาค สิ่งของจำเป็น อาหาร และเวชภัณฑ์ ไปสู่กลุ่มเปราะบางผู้ได้รับผลกระทบ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำสังคมไทย คนไทย ไม่เคยทิ้งกัน

นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก3 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท ยังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ผ่านความช่วยเหลือต่าง ๆ ล่าสุดกับการดำเนินนโยบายภายใต้ โครงการ CRC รวมพลัง กู้วิกฤตโควิด-19 ได้ดำเนินการความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ดังนี้

ส่งมอบอาหาร และสิ่งของจำเป็นที่ลูกค้าร่วมบริจาค ให้กับโรงพยาบาลสนาม 45 แห่ง ใน 25 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย โดยลูกค้าสามารถซื้อสินค้าและร่วมบริจาคได้ที่ร้าน ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ เดลี่ ทุกสาขา และแฟมิลี่มาร์ท สาขาที่ร่วมโครงการ
ส่งมอบกล่องกระดาษลูกฟูกจำนวน 3,000 กิโลกรัม ให้กับ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจีพี เพื่อนำกล่องกระดาษไปรีไซเคิลเป็นเตียงสนาม
มอบรถเข็นจำนวน 20 คัน ให้กับโรงพยาบาลสนามบุษราคัม เมืองทองธานี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วยสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่ม ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยบริการฉีดวัคซีนทั้งในจังหวัดภูเก็ต และ กรุงเทพมหานคร บริจาคข้าวสาร อาหารสำเร็จรูป ของใช้จำเป็นให้กับประชาชนในชุมชนคลองเตย

ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท พร้อมอยู่เคียงข้างสังคมไทยในทุกสถานการณ์ เพราะเราเชื่อว่า ไม่มีวิกฤตไหนยากเกินกว่าจะแก้ปัญหาได้เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารอยยิ้มจะกลับคืนสู่สังคมไทยอีกครั้งในเร็ววันนี้

ส. ขอนแก่น ส่งกำลังใจสู้ภัย COVID-19

นางนิรมล รุจิราโสภณ (ที่ 4 จากซ้าย) รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยทีมงาน บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON เดินสายมอบผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่บุคลากรกรมราชทัณฑ์ สู้โควิด-19 ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ ส. ขอนแก่น รวมถึงช่วยเหลือชาวบ้านซื้อฟักทองเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน มูลค่าผลิตภัณฑ์รวมประมาณ 100,000 บาท มอบให้แก่กรมราชทัณฑ์ โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้ นายสิทธิ สุธีวงศ์ (ที่ 3 จากขวา) รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายวรพงษ์ น้อยสุขเสริม (ที่ 2 จากขวา) เลขานุการกรม เป็นผู้รับมอบแทน ณ กรมราชทัณฑ์

STGT กลับมาเปิดโรงงานสุราษฎร์ธานีแล้ว

ข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้น STGT หรือ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หลังพบพนักงานโรงงานจังหวัด สุราษฎร์ธานีติด COVID-19 พร้อมกับปิดโรงงานชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและฉีดพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาดภายในโรงงาน ล่าสุด จริญญา จิโรจน์กุล ผู้บริหาร STGT ก็ประกาศว่าโรงงานจังหวัดสุราษฎร์ธานีกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นเพื่อให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค โดยโรงงานสุราษฎร์ฯ มีกำลังการผลิตถุงมือยางไนไตรล์ประมาณ 18 ล้านชิ้น คิดเป็น 20% ของกำลังการผลิตรวมทุกโรงงานของ STGT ที่ 90 ล้านชิ้นต่อวัน ส่วนโรงงานจังหวัดตรังล่าสุดอยู่ระหว่างดำเนินการตามมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาด เพื่อกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งโดยเร็ว

CP ALL ขายหุ้นกู้วันที่ 11 และ 14 – 15 มิ.ย. นี้

เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจในยุคดอกเบี้ยต่ำและเศรษฐกิจผันผวน สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ ของ CP ALL ล่าสุด นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บมจ.ซีพี ออลล์ เผยว่าบริษัทฯ จะเปิดขายหุ้นกู้ 3 ชุด อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ในวันที่ 11 และ 14 – 15 มิถุนายนนี้ ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% 3.40% และ 3.90% ต่อปี ที่ได้รับการจัดอันดับความเชื่อถือของหุ้นกู้จากทริสเรทติ้งที่ระดับ “A+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุกๆ 100,000 บาท ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 10 แห่งได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เชื่อว่าด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและการปรับตัวอย่างรวดเร็วภายใต้กลยุทธ์ O2O ผสมผสานธุรกิจทั้งออนไลน์เเละออฟไลน์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการแก่ลูกค้าตามพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เชื่อว่าหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยกิจการที่มีความมั่นคง มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี และมีศักยภาพในการเติบโต เพื่อรับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ของ บมจ. ซีพี ออลล์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน ตาม QR Code นี้ หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 10 แห่งดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 1333
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 1333
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 1428 กด#4
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777
  • ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 0-2343-4500
  • บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050