JKN มอบถุงน้ำใจช่วยมูลนิธิเด็กด้อยโอกาสทั่วประเทศ

นางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการบริหารและรองกรรมการผู้จัดการสายงานคอนเทนต์ พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เป็นตัวแทนมอบ ถุงน้ำใจ แอน จักรพงษ์ ภายในถุงประกอบด้วยคุกกี้ช็อกโกแลตชิพบรรจุในซองภาพวาดของลูกสาว น้องแองเจิ้ล และน้ำดื่มที่ฉลากเป็นภาพวาดของลูกชาย น้องแอนดวูร์ รวมถึงอาหารแห้ง ‘หมี่วอย’ และข้าวเกรียบปลาทู ‘ทูฟิต’ เพื่อมอบให้กับมูลนิธิเด็กด้อยโอกาสทั่วประเทศ  โดยเริ่มมอบให้แก่ มูลนิธิโสสะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่สูญเสียบิดามารดาและขาดญาติมิตร เป็นมูลนิธิแรก โดยมี จันทิรา สมบุญเกิด (ที่ 2จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาทุนและการสื่อสาร และสมัคพล ศรียานนท์ (ซ้ายสุด) หัวหน้าแผนกผู้บริจาครายใหญ่และองค์กร เป็นผู้รับมอบ เพื่อมอบเป็นกำลังใจให้แก่เด็กด้อยโอกาส

 

TQM มอบถุงน้ำใจ-แจกประกันแพ้วัคซีน

บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น โดยทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ (TQM) มอบถุงยังชีพให้แก่ชุมชนบริเวณใกล้เคียงบริษัท จำนวน 1,000 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมเดินหน้าแจกประกันแพ้วัคซีนฟรีแก่คนไทยทั่วประเทศ หวังสร้างความสบายใจและสนับสนุนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างมั่นใจไร้กังวล

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทีคิวเอ็มเห็นถึงความเดือดร้อนของคนไทยที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายในการดูแลและตอบแทนต่อสังคม จึงได้จัดทำถุงยังชีพซึ่งภายในถุงบรรจุด้วยสิ่งของเครื่องใช้ทั้งอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อาทิ ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอานามัย โดยได้จัดทำทั้งสิ้นจำนวน 1,000 ถุง เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสำนักงานใหญ่ของบริษัท เพื่อหวังบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ บริษัท ฯ ยังได้ร่วมกับวัดลาดปลาเค้าในการเป็นศูนย์กลางเพื่อนำถุงยังชีพส่วนหนึ่งกระจายไปยังประชาชนในชุมชนที่อยู่ระแวกใกล้เคียงวัด

“ทีคิวเอ็ม ได้มีโอกาสบริจาคอาหารและของใช้สิ่งจำเป็น แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีค่ามากในยามนี้  เพียงแค่นี้ ผู้ที่มีโอกาสให้ก็มีความสุขแล้วครับ ต้องยอมรับว่าการระบาดโควิดรอบนี้ สร้างความยากลำบากทางเศรษฐกิจมากกระทบกันหมด ผู้ที่ยังมีงานทำ มีรายได้ แม้อาจจะน้อยลงบ้าง ก็ถือว่ายังดีมีอีกหลายๆ อาชีพ ที่ต้องตกงาน ว่างงาน และไม่รู้ว่าอีกนานเพียงใดที่จะกลับสู่ภาวะปกติ ในอีกด้านหนึ่งก็จะเห็นน้ำใจคนไทย ที่ช่วยเหลือกันทั้งการบริจาคเงิน อาหาร ของใช้ต่าง ๆ มากมาย โรงพยาบาล แพทย์ และบุคคลากรต่าง ๆ  เป็นหน่วยงานที่น่าเห็นใจที่สุด ทั้งเหนื่อยและเสี่ยงทุกวันที่ทำงาน จะ Work from home ก็ไม่ได้ ตราบใดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นหลักพัน ต้องขอขอบคุณมาด้วยใจจริงครับ”

นอกจากนี้ ทีคิวเอ็มยังขานรับนโยบายการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อให้คนไทยเกิดความสบายใจและมั่นใจก่อนเข้าฉีดวัคซีนด้วยการร่วมมือกับบริษัท เดอะ วัน อินชัวร์รันส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบประกันภัยแพ้วัคซีนที่ให้ความคุ้มครองกรณีแพ้วัคซีนสูงสุด 100,000 บาท แก่คนไทยทั่วประเทศกว่า 1 ล้านสิทธิ์ โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครรับสิทธิ์ได้ฟรีที่เว็บไซต์ www.tqm.co.th

โลตัส เตรียมแจก วัคซีนพาสปอร์ต หนุนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด-19

โลตัส เตรียมแจกวัคซีนพาสปอร์ตให้กับประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยวัคซีนพาสปอร์ตประกอบไปด้วยคูปองแลกสินค้าฟรีและส่วนลดรวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เริ่มแจกพร้อมกันที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตโลตัสทั่วประเทศ 1 กรกฎาคม นี้

สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า “โลตัส สนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเร่งด่วน โดยเราได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนับสนุนพื้นที่ภายในสาขาและสำนักงานใหญ่เพื่อเป็นจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน โดยในกรุงเทพมหานคร โลตัส มีจุดฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 จุด คือ โลตัส พระราม 4, โลตัส มีนบุรี, และโลตัส สำนักงานใหญ่ถนนนวมินทร์ นอกจากนั้น ยังมีสาขาในต่างจังหวัดที่เริ่มเป็นจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเช่นกัน เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ลูกค้าและประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 เราได้จัดทำวัคซีนพาสปอร์ตจำนวน 100,000 เล่ม มอบคูปองแลกสินค้าฟรีและส่วนลดมูลค่ากว่า 4,000 บาทต่อเล่ม เพื่อเป็นการขอบคุณประชาชนที่ร่วมใจกันฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โลตัส ขอบคุณคู่ค้าของเราที่ให้การสนับสนุนสินค้าและส่วนลดต่าง ๆ มากมาย”

วัคซีนพาสปอร์ต จะถูกกระจายไปยังไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ โดยประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว (เข็มแรกหรือเข็มที่ 2 ก็ได้) จากจุดฉีดวัคซีนใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นจุดฉีดในสาขาของโลตัส สามารถนำหลักฐานมาแสดงที่จุดบริการลูกค้าเพื่อรับวัคซีนพาสปอร์ต และสามารถใช้คูปองต่าง ๆ ภายในวัคซีนพาสปอร์ตตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 จนถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564 หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด

คูปองแจกสินค้าฟรีและส่วนลดในวัคซีนพาสปอร์ต อาทิ รับฟรี ขนมปลาเส้นแน็คซ์แน็คซ์, เจลล้างมืออนามัยเดทตอล, หน้ากากผ้าแม็คยีนส์, สติกเกอร์เติมลมไนโตรเจนที่ค็อกพิท และคูปองส่วนลด ลดทันที 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 400 บาทที่โลตัส, ซื้อบัตรฟู้ดคอร์ท 120 บาท ในราคา 100 บาท, ส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ 3M, ส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 บาทที่โอเรียนทอล พริ้นเซส และคูปองส่วนลดสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์การค้า

“โลตัส หวังว่าวัคซีนพาสปอร์ตจะเป็นอีกหนึ่งแรงในการช่วยให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะวิกฤติคครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ลดความเสี่ยงในการติดและแพร่เชื้อโควิด-19 และลดความเสี่ยงจากการป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19” นายสมพงษ์ กล่าวสรุป

PRAPAT แจกอาหารกล่องเพิ่มพลังสู้โควิด-19

นางไพริน ตรีลักษณวิลัย (คนกลาง) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอลไลส์ อินเตอร์เทรด จำกัด หนึ่งในเครือกลุ่มบริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT  ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเคมีภัณฑ์ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อให้กับหน่วยงานโรงพยาบาล โรงซักอุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวนุจรินทร์ สมุทรเวช (ที่ 2 จากซ้าย) เลขานุการบริษัท PRAPAT ร่วมส่งมอบอาหารกล่อง จำนวน 500 กล่อง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ทำงานอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงแจกอาหารกล่องให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรก จากการลงทะเบียนวัคซีนผ่าน“หมอพร้อม” โดยมี พันเอกหญิง แพทย์หญิงปริยนันทน์ จารุจินดา (ที่ 2 จากขวา) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ชั้น G โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร

IND ส่งมอบอาหารกล่องให้บุคลากรทางการแพทย์

นางวรางคณา ณ ลำพูน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์องค์กร และพนักงาน บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND ร่วมส่งกำลังใจให้กับทีมแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผู้ป่วยโรคโควิด-19 ด้วยการสนับสนุนอาหารกล่อง จำนวน 425 กล่อง ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ รวม 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลปทุมธานี , โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ ภายใต้โครงการ IND ร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ โดยมีตัวแทนแต่ละโรงพยาบาลเป็นผู้รับมอบอาหารกล่อง เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564

นางวรางคณา กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่รัฐบาลกำลังเร่งควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมเดินหน้า​ฉีดวัคซีนโควิดตามแผน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนเข็มแรกได้เร็วที่สุด  IND ขอเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภารกิจของทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการส่งมอบอาหารกล่องให้ทุกท่านได้รับประทานอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตลอดจนเป็นกำลังใจ และแทนคำขอบคุณจากใจในความเสียสละของทีมแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อนำพาคนไทยทั้งประเทศผ่านวิกฤตโควิด-19 ระลอกนี้ ไปได้โดยเร็ว

JCK ผนึก JCKH ลุยธุรกิจ กัญชา-กัญชง ครบวงจร

JCKผนึกJCKH ลุยธุรกิจ “กัญชา-กัญชง” หลังรัฐบาลไฟเขียวปลดล็อคไม่ใช่สารเสพติด ขณะที่มูลค่าตลาดรวมทั่วโลกโตแรงคาดแตะ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 เตรียมงัดที่ดิน 1,500 ไร่ในจังหวัดนครพนม จัดทำแบบครบวงจร เพาะปลูก โรงสกัดสาร โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ครอบคลุม ยา อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และอาศัยเครือข่ายสาขาของJCKH จัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ประเดิมเฟสแรก 500 ไร่ คาด เริ่มปลูก ไตรมาส 4 ปีนี้

นายอภิชัย เตชะอุบล ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชัลแนล จำกัด(มหาชน) หรือJCK และ บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ JCKH เปิดเผยว่า JCK และ JCKH  ได้ข้อตกลงร่วมกันจะร่วมมือกันศึกษาและพัฒนาธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชง ภายหลังรัฐบาลประกาศให้กัญชาและกัญชงไม่จัดเป็นยาเสพติด

นับเป็นธุรกิจใหม่ที่กลุ่มบริษัทฯให้ความสำคัญ เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต จากบทวิเคราะห์ในต่างประเทศระบุว่า มูลค่าตลาดทั่วโลกของพืชในสกุลกัญชา(Cannabis) จะเติบโตในอัตราเฉลี่ย 33%ต่อปี ไปจนถึงปี 2568 หรือจะมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากเป็นไปเพื่อทางการแพทย์ทั่วโลกจะเติบโตเฉลี่ย 17.1%ต่อปี หรือจะมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้วยเหตุนี้ทำให้JCK และJCKH มุ่งให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัย และพัฒนาธุรกิจกัญชาและกัญชง อย่างครบวงจร นับตั้งแต่ศึกษาวิจัยคัดเลือกสายพันธุ์และสถานที่ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก รวมไปถึงการวิจัยทดสอบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาเพื่อพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ครอบคลุมทางด้านสุขภาพ ยา อาหาร อาหารเสริม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชาและกัญชงได้รับการยอมรับถึงคุณประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ในอนาคตมีแผนจะพัฒนาในกลายเป็นศูนย์บำบัดพักฟื้นเพื่อสร้างสุขภาพ(Wellness Clinic) รองรับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการการพักผ่อน เนื่องจากจะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้อีกด้วย

“การผนึกกำลังระหว่างJCKและJCKH นับเป็นความร่วมมือที่จะสร้างพลังทางธุรกิจ โดยจะอาศัยความแข็งแกร่งของแต่ละบริษัทฯ มาสร้างธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจระดับสูงในอนาคต โดยจะอาศัยที่ดินของJCKในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอสังหาริมทรัพย์ และอาศัยเครือข่ายสาขาของJCKH ที่มีกว่า 100 สาขา เพื่อทำหน้าที่กระจายและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ”

นายอภิชัย กล่าวว่า JCK ได้จัดเตรียมที่ดินราว 1,500 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ(Speacial Economic Zone:SEZ) จังหวัดนครพนม  เบื้องต้นเฟสแรกจัดสรร 500 ไร่ จัดทำแปลงเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ(Biotech)  เพื่อให้ได้ผลผลิตดีที่สุด รวมไปถึงการก่อสร้างโรงสกัดน้ำมันและสารที่ได้รับจากกัญชาและกัญชง โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  และขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งปรับสภาพหน้าดิน และพบว่าดินและแร่ธาตุเหมาะสมต่อการเพาะปลูก ควบคู่ไปกับการเร่งดำเนินการขออนุญาตจากภาครัฐ คาดว่าน่าจะเริ่มปลูกได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2564 นี้

สำหรับพื้นที่ที่เหลือจะทยอยพัฒนาให้เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ นอกจากจะจัดสรรพื้นที่เพาะปลูกแล้ว ยังเตรียมพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า ตลาดกลางเพื่อการเกษตร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ทำให้มีความสะดวกต่อขนส่งระหว่างประเทศ ในการเชื่อมต่อไปยังสาธารณารัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เวียดนามและประเทศจีน


บล. คันทรี่ กรุ๊ป แนะสร้างผลตอบแทนลงทุนต่างประเทศ

บริษัท หลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS จัดงานสัมมนาออนไลน์ ในวันพฤหัสบดีที่ 10 มิ.ย. 64 เวลา 19:00-21:00 น. ที่จะมาพูดคุยในหัวข้อ “สร้างผลตอบแทนผ่านการลงทุนต่างประเทศ” โดย 2 วิทยากรคือ อวิรุทธ์ ศรีวัฒนชัยกุล CFP® รองผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์กองทุนรวม และ เดชธนา ฟางสะอาด ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์รายย่อย ที่จะมาชี้แนะ ทำไมต้องลงทุนในต่างประเทศ วิธีการดูว่าตลาดประเทศไหนที่น่าสนใจ ข้อดีและข้อเสียในการลงทุนต่างประเทศ และตัวอย่างหุ้นต่างประเทศที่น่าใจ

ขอเชิญชวนนักลงทุนและผู้สนใจทั่วไป เข้าร่วมฟังการบรรยายได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในวันพฤหัสบดีที่ 10 มิ.ย. 64 เวลา 19:00-21:00 น. สามารถร่วมฟังสัมมนาออนไลน์ได้ฟรี พร้อมกันได้ที่ Facebook : CGSLive https://www.facebook.com/CGSlive/

โลตัส เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่สาขามีนบุรี

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ต้อนรับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะฯ เยี่ยมชมจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนที่โลตัส สาขามีนบุรี ซึ่งเปิดให้บริการแก่ประชาชนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสามารถรองรับได้ราว 1,000 คนต่อวัน และดำเนินงานตามมาตรฐานโรงพยาบาลชั้นนำ จัดสรรสถานที่อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดภายในศูนย์ฉีดวัคซีนทุกสาขาอย่างเคร่งครัด อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิ สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดวเลา ติดตั้งจุดเจลแอลกอฮอล์อย่างทั่วถึง เว้นระยะห่าง ทำความสะอาดและอบละอองฆ่าเชื้อสถานที่ทุกคืน นอกจากสาขามีนบุรี โลตัสยังจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนที่สาขาพระราม 4 ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศูนย์ฉีดวัคซีนที่โลตัส สำนักงานใหญ่ ถนนนวมินทร์ ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา และโลตัสจะดำเนินการจัดตั้งจุดฉีดวัคซีนในสาขาต่างจังหวัดที่ต่อไป เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

โลตัสมอบของขวัญพิเศษแทนคำขอบคุณประชาชนที่ร่วมใจกันฉีดวัคซีน โดยจัดทำวัคซีนพาสปอร์ตจำนวน 100,000 เล่ม มอบคูปองแลกสินค้าฟรีและส่วนลดมูลค่ากว่า 4,000 บาทต่อเล่ม สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 (เข็มแรกหรือเข็มที่ 2 ก็ได้) จากจุดฉีดวัคซีนใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นจุดฉีดในสาขาของโลตัส โดยสามารถนำหลักฐานมาแสดงที่จุดบริการลูกค้าที่โลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อรับวัคซีนพาสปอร์ตตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2564

อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จัดพื้นที่ พระราม2-บางนา รับวัคซีนโควิด

พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ ประธานกรรมการบริหาร และ กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM  ร่วมเป็นอีกหนึ่งภาคีผลักดันการเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติตามนโยบายภาครัฐ ที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ในกลุ่มประชากรของประเทศ เพื่อควบคุมและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ สานต่อพันธกิจอันสำคัญนี้โดยให้ความร่วมมือกับ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เขตกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 7 จัดพื้นที่ อินเด็กซ์  ลิฟวิ่งมอลล์  สาขาพระราม 2 (ถนนพระราม 2) และ สาขาบางนา (ถนนบางนา-ตราด) อำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ซึ่งสามารถรองรับประชาชนที่เข้ารับวัคซีนได้สาขาละ 1,000 คน/วัน โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป  มีแพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลบางปะกอก 8 ควบคุมดูแลการฉีดวัคซีน และได้ยึดหลักแนวทางปฏิบัติการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) รวมถึงมาตรการความปลอดภัยต่างๆ ตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด  เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้มีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 อันจะส่งผลให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติและผลักดันเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนได้โดยเร็วที่สุด

5 เรื่องน่ารู้ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

ในขณะที่ประชาชนคนทั่วไปกำลังจะเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากโรงพยาบาลและศูนย์ฉีดวัคซีนต่าง ๆ ทั่วประเทศ แอสตร้าเซนเนก้าจึงขอนำเสนอ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้แก่ประชาชนก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน

  1. วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ได้รับการอนุมัติใช้งานแล้วกว่า 168 ประเทศทั่วโลก
  2. วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า สามารถฉีดให้แก่ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  3. ในการเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนจะต้องมีการตรวจสอบและคัดกรองเบื้องต้น ประกอบไปด้วย
  • เป็นผู้ที่ไม่มีอาการไข้ขึ้นสูงเกิน 37.5 องศา ในวันที่เข้ารับการฉีดวัคซีนฯ
  • ไม่มีโรคประจำตัวขั้นรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมโรคได้[1] ได้แก่ โรคความดัน โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจเรื้องรัง กลุ่มโรคระบบประสาท กลุ่มโรคเบาหวานและโรคอ้วน
  • ไม่มีประวัติแพ้ยาหรือสารประกอบในกลุ่มที่ระบุ[2]
  • ผู้มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ความผิดปกติในการแข็งตัวของเกล็ดเลือด หรือผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด สามารถฉีดวัคซีนได้ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ฯ[3]
  1. สำหรับประโยชน์ของวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีดังต่อไปนี้
  • ช่วยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) – เมื่อมีการฉีดวัคซีนมากกว่า 70% ของจำนวนประชากร
  • ป้องกันอาการป่วยจากโควิด-19 – ป้องกันการติดเชื้อรุนแรงที่ต้องเข้านอนรับการรักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ป้องกันได้ 100% หลังฉีดเข็มแรก 22 วันไปแล้ว[4] และ จากการศึกษาการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในคนไทย พบว่าหลังฉีดเข็มแรก 30 วัน ผู้ใช้วัคซีนมีภูมิคุ้มกันถึง 96.7%[5]
  • ลดอัตราการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา – สูงถึง 63.0% หลังฉีดเข็มแรก 3 สัปดาห์
  1. ทางด้านผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีนป้องกัน-19 จะประกอบไปด้วย
  • อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป[6]

> 60% มีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด

> 50% มีอาการปวดศรีษะ และ อ่อนเพลีย

> 40% มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว

> 30% มีอาการไข้ หนาวสั่น

> 20% มีอาการปวดข้อ และ คลื่นไส้

  • อาการข้างเคียงที่พบได้ยาก

< 1% มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต เบื่ออาหาร มึนหรือเวียนศรีษะ ปวดท้อง เหงื่อออกมากผิดปกติ มีผื่นคัน

จากข้อมูลการใช้วัคซีนในสหราชอาณาจักพบภาวะลิ่มเลือก 0.000013% ใน 1,000,000 คน[7] และจากข้อมูลการใช้วัคซีนในประเทศอินเดียพบภาวะลิ่มเลือด 0.61 ใน 1,000,000 คน[8] (ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2564)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://www.azcovid-19.com/asia/th/th.html