เปิดขั้นตอนการใช้งานระบบจองวัคซีนซิโนฟาร์มสำหรับบุคคลธรรมดา

โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดขั้นตอนการใช้งานระบบจองวัคซีนซิโนฟาร์มสำหรับบุคคลธรรมดา ผ่านเว็บไซต์ http://sinopharm.cra.ac.th และ แอปพลิเคชัน CRA SINOP ทั้งระบบ IOS และ Android ทั้งนี้ ต้องอัพเดทแอปพลิเคชัน CRA SINOP เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อการใช้งานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Cr.ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 

กทม. ปรับแผนจัดตั้ง 6 หน่วยตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 หลัก

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการปรับแผนจัดตั้งจุดให้บริการตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน และลดความสับสนในการเข้ารับบริการคัดกรองเชิงรุก กรุงเทพมหานครจะปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 ในพื้นที่ จากเดิมที่มีการออกหน่วยคัดกรองเชิงรุกกระจายหมุนเวียนให้บริการประชาชนตามจุดต่างๆ จะปรับการออกหน่วยให้บริการฯ โดยจะจัดตั้งเป็น 6 จุดคัดกรองหลัก ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต และจะให้บริการตั้งแต่วันพรุ่งนี้(7 ส.ค.64) เป็นต้นไป ประกอบด้วย

1.กลุ่มกรุงเทพกลาง ณ ลานกีฬาพัฒน์2 ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ให้บริการ 500 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจตั้งแต่เวลา 06.30 น. โทร.0 2354 4212

2.กลุ่มกรุงเทพเหนือ ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ ให้บริการ 1,000 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจตั้งแต่เวลา 07.00 น. โทร.0 2982 2081-2

3.กลุ่มกรุงเทพตะวันออก ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี ให้บริการ 700 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจตั้งแต่เวลา 06.00 น. โทร.0 2836 9999 ต่อ 3621,3622

4.กลุ่มกรุงเทพใต้ ณ ศูนย์สร้างสุขทุกวัย สวนลุมพินี เขตปทุมวัน ให้บริการ 500 คนต่อวัน จองคิวล่วงหน้า 1 วัน ผ่าน App “QueQ” ตั้งแต่เวลา 07.00 น. โทร.0 2214 1044

5.กลุ่มกรุงธนเหนือ ณ ใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด ให้บริการ 400 คนต่อวัน จองคิวล่วงหน้า 1 วัน ผ่าน App “QueQ” 200 คิว ตั้งแต่เวลา 08.00 น. และจองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจ 200 คิว ตั้งแต่เวลา 07.30 น. โทร.0 2424 0056 ต่อ 5657

และ 6.กลุ่มกรุงธนใต้ ณ ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค ให้บริการ 600 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โทร.0 2415 0157

สำหรับรูปแบบการตรวจคัดกรองจะใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งสามารถรู้ผลภายใน 30 นาที โดยได้รับการรับรองจากทางการแพทย์ว่ามีความแม่นยำมากกว่า 90% หากมีผลตรวจเป็นลบสามารถกลับบ้านได้เลย แต่หากมีผลเป็นบวก คือ ติดเชื้อ หรือมีอาการน่าสงสัยจะส่งเข้ากระบวนการตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ต่อ ณ จุดตรวจเดียวกัน พร้อมให้ฟ้าทะลายโจร หรือยาฟาวิพิราเวียร์ ตามดุลพินิจของแพทย์ ในกรณีที่อาการแย่ลงจะมีการประสานส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมมา ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนพร้อมสำเนา ปากกาหมึกสีน้ำเงิน และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคล (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด

 

 

กทม. ยกระดับมาตรการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 รับมือผู้ติดเชื้อรายใหม่

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยว่าเดือน ส.ค.นี้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด ในส่วนของกรุงเทพมหานครวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 4,000 กว่าราย ส่วนหนึ่งจากการเร่งค้นหาผู้ป่วยโดยกรุงเทพมหานครตรวจคัดกรองผู้ป่วยเชิงรุกอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของการตรวจ ณ สถานพยาบาล จุดตรวจเชิงรุก 6 จุด ใน 6 พื้นที่กลุ่มเขต รวมถึงการตรวจ ณ ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ และการลงพื้นที่ในชุมชนโดยทีม CCRT ของสำนักอนามัย อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงเดือนส.ค.นี้ ขณะที่ รพ.ในกทม. ทุกแห่งเพิ่มศักยภาพเตียงเตรียมการรองรับผู้ป่วยระดับเหลืองและแดง รวมทั้งการเพิ่มศูนย์พักคอยให้ได้มากที่สุดทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ

สำหรับมาตรการรองรับผู้ติดเชื้อในขณะนี้ ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ(Community Isolation : CI) ที่ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานครมีทั้งหมดจำนวน 65 แห่ง เปิดให้บริการแล้ว 48 แห่ง จำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วย ได้ 8,625 เตียง โดยใช้ทั้งอาคารของภาครัฐ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งได้ใช้อาคารของโรงเรียนเป็นศูนย์พักคอยหลายแห่ง อาทิ โรงเรียนวัดสุวรรณารามวิทยาคม เขตบางกอกน้อย และโรงเรียนบางยี่ขันวิทยาคม เขตบางพลัด และได้มีการยกระดับศูนย์พักคอย ให้เป็นกึ่งโรงพยาบาลสนาม หรือเป็น CI PLUS โดยติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยที่มีอาการ หรือผู้ป่วยสีเหลือง ได้ 7 แห่ง รองรับผู้ป่วย จำนวน 1,036 เตียง นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้รับความร่วมมือจากภาคประชาสังคมในการร่วมจัดตั้งศูนย์พักคอยในลักษณะ Semi-Community Isolation ขนาดเล็ก อีกจำนวน 19 แห่ง รับผู้ป่วยได้ 452 เตียง และศูนย์พักคอยซึ่งดูแลโดยชุมชนเอง 2 แห่ง ในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงธนใต้ รองรับผู้ป่วยได้ 660 เตียง ซึ่งในอนาคตกรุงเทพมหานครจะขยายแนวคิดนี้ไปสู่ชุมชนอื่นที่มีความพร้อมต่อไป

อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เล็งเห็นว่าการระบาดในระลอกนี้ การแยกรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation :HI) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญที่จะให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยได้ดูแลและรักษาตนเองที่บ้าน แต่ด้วยกรุงเทพมหานครมีลักษณะของการเป็นชุมชนเมือง บ้านที่พักอาศัยมีความแออัด จึงมีโอกาสในการแพร่เชื้อสูง ผู้ติดเชื้อบางรายอาจจำเป็นต้องแยกตนเองเข้าพัก ณ ศูนย์พักคอย ฯโดยขณะนี้ช่องทางในการประสานงานหลักของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศคือสายด่วนของ สปสช. 1330 ซึ่งมีผู้ขอรับบริการเป็นจำนวนมาก ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเห็นว่าในส่วนของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งอาจยังตกค้างในระบบ สามารถติดต่อประสานงานได้ จึงได้สั่งการให้ 50 เขตเพิ่มเบอร์สำหรับประสานงานและให้ความช่วยเหลือ เขตละ 20 คู่สาย เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ซึ่งขณะนี้แต่ละเขต มีประชาชนโทรขอรับบริการกว่า 50 -70 สายต่อวัน

ธ.ก.ส. เปิดโครงการสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ วงเงินกู้ 100,000 บาท

รายงานข่าว แจ้งว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ วงเงินกู้สูงสุดรายละ 100,000 บาท

โดยผู้ขอสินเชื่อต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
• เกษตรกรลูกค้า หรือบุคคลทั่วไป
• มีแผนในการประกอบอาชีพการเกษตร หรือประกอบการเกษตรตามแนวพระราชดําริ หรือตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หรืออาชีพนอกภาคการเกษตร หรืออาชีพที่มีลักษณะเป็นการลงทุนค้าขายเพื่อเลี้ยงชีพในครัวเรือนซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มากนัก

หลักประกันเงินกู้
1. ที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัย ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 95 ของวงเงินจดทะเบียนจํานอง
2. บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปค้ำประกันหนี้ ให้กู้ได้ไม่เกิน 100,000 บาท
3. บุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป รับรองรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ให้กู้ได้ไม่เกิน 100,000 บาท

ติดต่อขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาสอบถามโทร Call Center 02-5550555

เปิดให้ลงทะเบียนผ่าน Line official BAAC Family เพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ @BAACFamily ในเดือนกันยายน 2564

สงขลา เตรียมพร้อมเปิด Community Isolation รองรับผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียว

เทศบาลนครสงขลา เร่งปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารสงขลาอควาเรียม เตรียมความพร้อมในการเปิดศูนย์แยกกักในชุมชน (ศูนย์พักคอย) หรือ Community Isolation (CI) รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว

นายศรัญ บิลพัฒน์ นายกเทศมนตรีนครสงขลา พร้อมด้วย นายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา นายฐากร นาคแก้ว สาธารณสุขอำเภอเมืองสงขลา คณะผู้บริหารเทศบาล ทีมแพทย์จากสาธารณสุขจังหวัดสงขลา โรงพยาบาลสงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า และตรวจสอบความเรียบร้อยการปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารสงขลาอควาเรียม เตรียมความพร้อมในการเปิดศูนย์แยกกักในชุมชน (ศูนย์พักคอย) หรือ Community Isolation (CI) ซึ่งเป็นสถานที่รองรับผู้ป่วยในชุมชนที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ในพื้นที่เทศบาลนครสงขลา และอำเภอเมืองสงขลา เพื่อสังเกตประเมินอาการ หากมีอาการรุนแรงขึ้นจะมีการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาล เป็นการแยกผู้ป่วยออกมาจากบ้าน ลดปัญหาการติดเชื้อของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดหาวัสดุอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม การวางระบบดูแลรักษาผู้ป่วย ระบบดูแลรักษาความปลอดภัย ระบบการจัดการขยะติดเชื้อ ระบบการสื่อสาร ระบบไฟฟ้า ระบบประปาภายในศูนย์

สำหรับในส่วนของการดูแลรักษาพยาบาล เพื่อติดตามอาการผู้ป่วยโควิด-19 ทีมแพทย์จะใช้ระบบออนไลน์ในการติดตามอาการของผู้ป่วย ซึ่งได้รับการสนับสนุนการติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตจาก บริษัท ทริปเปิลที อินเทอร์เน็ต จำกัด ในการเดินระบบทั้งภายในห้องผู้ป่วยและห้องปฏิบัติการสำหรับทีมแพทย์

ม.ทักษิณ ผนึก เครือข่ายแพทย์พื้นบ้าน นำภูมิปัญญาสมุนไพรสู้โควิด-19

มหาวิทยาลัยทักษิณ ผนึกกำลังเครือข่ายแพทย์พื้นบ้านนำภูมิปัญญาสมุนไพรสู้ภัยโควิด-19 พร้อมเปิดตัวโครงการ “TSU CARE ดูแลกัน”

ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ที่ลุกลามขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้เสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง ในขณะที่การดูแลรักษาการป้องกันโรค การเข้าถึงบริการทางการแพทย์มีขีดจำกัด ไม่สามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้อย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนแผนการป้องกันรักษาโรคในรูปแบบการจัดการตนเองระดับครัวเรือนและชุมชน ที่เรียกว่า Home Isolation และ Community Isolation และการรักษาโรคทางเลือกด้วยภูมิปัญญาสมุนไพรท้องถิ่น

มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายแพทย์พื้นบ้านจังหวัดพัทลุง จัดกิจกรรมรณรงค์ เผยแพร่ความรู้ และการสร้างพื้นที่ปฏิบัติการสาธิตการผลิตและการแปรรูปสมุนไพรพื้นบ้าน ในรูปแบบการไลฟ์สด (LIVES) ในมิติภูมิปัญญาสมุนไพรสู้ภัยโควิด-19 การปลูกและการผลิตสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเองในชุมชน การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร “ฟ้าทะลายโจรอัดแคปซูล” และการทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร “ยาห้าราก ตำรับเขาอ้อ” การร่วมมือกับกลุ่ม องค์กรชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำพื้นที่ปฏิบัติการและศูนย์สาธิตระดับชุมชนให้ครอบคลุมทั้ง 65 ตำบลในจังหวัดพัทลุง และชุมชนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา อันจะเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกัน รักษาโรค และการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ให้มีขีดความสามารถในการจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืนในสังคมวิถีใหม่ (New Normal) ในประเด็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพ ตามธงนำ (Flagships) ในแผนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยทักษิณ

ในโอกาสนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในสถานการณ์ที่ยากลำบากท่ามกลางการระบาดของโรคติดเชื้อ ผู้คนในสังคมอาจท้อแท้ สิ้นหวัง หมดพลังและกำลังใจ แต่ “ไวรัสแม้จะร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่อาจทะลายทะลวงหัวใจที่แข็งแกร่งและแบ่งปันของเพื่อนมนุษย์ได้” มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงได้จัดทำแคมเปญ (Campaign) “TSU CARE ดูแลกัน” อันเป็นการดูแล แบ่งปันด้วยข้อมูล ความรู้ทางวิชาการ การรักษา และป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูแลกันด้วยภูมิปัญญาสมุนไพร หน้ากากอนามัย สเปรย์ ที่สำคัญ คือ การดูแลกันด้วยหัวใจ ความรัก ความผูกพัน ด้วยการจัดทำกล่อง “TSU CARE ดูแลกัน” ภายในกล่องประกอบด้วย ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแคปซูล หน้ากากอนามัย TSU NanoMask สเปรย์แอลกอฮอล์มิติใหม่สูตรสมุนไพร ชนิดพกพา (TSU Herbal Alcohol Spray) น้ำสมุนไพรเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน คู่มือการดูแลสุขภาพ พร้อมการ์ดแสดงความห่วงใยจากมหาวิทยาลัยทักษิณ สำหรับแจกจ่ายให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง และผู้ติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดพัทลุงผ่านทางนวัตกรชุมชน ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ

อนึ่ง ผู้ที่สนใจการไลฟ์สด (LIVES) สามารถติดตามได้ทาง Facebook Fanpage สำนักส่งเสริมการบริการวิชาการและภูมิปัญญาชุมชน ทุกวันศุกร์ เวลา 10.30-12.00 น. ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่ประสงค์ขอรับกล่อง “TSU CARE ดูแลกัน” หรือต้องการทราบข้อมูลแคมเปญเพิ่มเติม หรือต้องการสนับสนุนกล่อง “TSU CARE ดูแลกัน” สามารถเข้าไปติดตามข้อมูลได้ผ่านช่องทาง “สสช Conversation Agent Platform” Line ID : @767zymsd หรือติดต่อคุณพนิดา ขุนพลช่วย โทร.09-6389-8943

อบจ.ปทุมธานี ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับประชาชน

องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับประชาชนและผู้ที่ประกอบอาชีพในจังหวัดปทุมธานี ตามกลุ่มเป้าหมายตามที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์กำหนด โดย พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พูดคุยพบปะกับประชาชนที่เดินทางมารับบริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

รพ.สบเมย ลงพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิดเชิงรุกที่แรก “ตำบลกองก๋อย”

โรงพยาบาลสบเมย ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสบเมย จัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนเชิงรุก ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกองก๋อย ตำบลกองก๋อย อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เชิงรุก ใน รพ.สต. แห่งแรกของจังหวัด โดยมีประชาชนเข้ามารับฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จำนวน 253 คน

ทั้งนี้ อำเภอสบเมย ตั้งอยู่พื้นที่ที่มีการคมนาคมลำบาก ทำให้ประชาชนไม่สะดวกในการเดินทางมารับวัคซีนที่โรงพยาบาลสบเมย และให้เป็นไปตามนโยบายการบริหารจัดการวัคซีนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนชาวแม่ฮ่องสอนให้ครอบคลุมต่อไป

ธ.ก.ส. เปิดขั้นตอนสมัครโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด

รายงานข่าวจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งว่า เปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด สมัครได้ง่าย ๆ ผ่านทาง Line @BAACFamily โดยสามารถเลือกเมนู “โควิด-19 ลงทะเบียนรับความช่วยเหลือ” แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอนได้เลย

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์การเปิดรับสมัครโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

  • วงเงินกู้รายละไม่เกิน 10,000 บาท
  • ปลอดต้นเงินและดอกเบี้ย 6 งวดแรก
  • อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.35 ต่อเดือน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร Call Center 02-5550555 หรือติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา

ธ.ก.ส. ขยายเวลาชำระหนี้ – งดดอกเบี้ย 6 เดือน ช่วยเกษตรกรสู้โรคระบาดปศุสัตว์

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคระบาดปศุสัตว์ โดยเฉพาะโรคลัมปีสกิน ที่แพร่ระบาดในโค กระบือ และโรคระบาดอื่นๆ ที่ระบาดในสุกร ซึ่งกระจายในทุกภูมิภาคของประเทศกว่า 62 จังหวัด ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจด้านปศุสัตว์ ทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ เกษตรกรมีรายได้ลดลงจนไม่สามารถส่งชำระหนี้ได้ตามกำหนด

ธ.ก.ส. จึงดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคระบาดปศุสัตว์ ปี 2564 (ผู้เลี้ยงโค กระบือ และสุกร) ทั้งในส่วนของเกษตรกรลูกค้ารายคน วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และมีงวดชำระในปีบัญชี 2564 (งวดเดือนเมษายน 2564 – มีนาคม 2565) ไม่รวมหนี้ในโครงการนโยบายรัฐ โดยแจ้งเหตุความเสียหายจากสถานการณ์ดังกล่าวต่อสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดและนำเอกสารจากสำนักงานปศุสัตว์ (กษ.01 หรือ กษ.02) มายื่นที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ท่านเป็นลูกค้า

มาตรการช่วยเหลือ กรณีที่มีหนี้วงเงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ธ.ก.ส. จะขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันครบกำหนดชำระหนี้เดิม และกรณีเงินกู้เพื่อเป็นค่าลงทุน จะทำการทบทวนกระแสเงินสดและปรับตารางการชำระหนี้ใหม่ให้สอดคล้องกับที่มาแห่งรายได้ของลูกค้า รวมทั้งลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เหลืออัตราร้อยละ 0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 – วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีวงเงินให้ความช่วยเหลือ กรณีประเมินความเสียหายเกินร้อยละ 50 วงเงินช่วยเหลือเท่ากับต้นเงินกู้คงเหลือ หากเป็นเกษตรกรลูกค้ารายคนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท วิสาหกิจชุมชนสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท กรณีประเมินความเสียหายไม่เกินร้อยละ 50 วงเงินช่วยเหลือครึ่งหนึ่งของต้นเงินกู้คงเหลือ หากเป็นเกษตรกรลูกค้ารายคนสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท วิสาหกิจชุมชนสูงสุดไม่เกิน 1.5 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท

เกษตรกรลูกค้า วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรที่ประสบปัญหาสามารถยื่นเอกสารขอรับความช่วยเหลือได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ