รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ รับมอบรถดูแลผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง บมจ. กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส (มหาชน) บริษัทรถเช่าชั้นนำ ผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำเล็งเห็นความสำคัญการสนับสนุนการบริการผู้ป่วยโควิด-19 ที่ประสบปัญหาการเดินทาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงได้ส่งรถตู้ 1 คันสนับสนุนการบริการผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิเป็นการชั่วคราว เพื่อดูแลผู้ป่วยในฝั่งกรุงเทพตะวันออกและในพื้นที่ของสมุทรปราการ โดยมีผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานและรับมอบรถตู้ ประกอบด้วย นายวีระเดช ล้อจิตรอำนวย ผู้จัดการแผนกการตลาดระยะยาว (Marketing Manager) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (คนที่ 2 จากขวา), นายวินัย บัวคง หัวหน้างานการตลาดระยะยาว (Marketing Supervisor) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (คนที่ 1 จากขวา), นพ.วรัญญ์ เทียนส่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือรพ.พริ้นซ์ (PRINC) (คนที่ 2 จากซ้าย), นายธานี มณีนุตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) (คนที่ 1 จากซ้าย)

อิมแพ็ค ส่งมอบน้ำกระชายอินทรีย์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค

นางอัจฉราวรรณ ศุภางคะรัตน์ (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมทีมพนักงานขาย ร่วมแสดงความห่วงใยไปถึงยังลูกค้ากลุ่มผู้จัดงาน ในสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ไม่สามารถจัดงานหรือพบเจอกับลูกค้าได้เช่นปกติ ขอส่งมอบน้ำสมุนไพรกระชายอินทรีย์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับลูกค้ารวมกว่า 160 หน่วยงาน จำนวน 1,800 ขวด จากสรรพคุณทางยาที่จะช่วยดูแลสุขภาพให้ดีแล้ว น้ำกระชายอินทรีย์ของ อิมแพ็ค ยังรสชาติดี ดื่มง่าย แม้เป็นสมุนไพรวัตถุดิบกระชายและขิง ปลูกตามหลักเกษตรอินทรีย์ ปรุงโดยปราศจากวัตถุกันเสีย ไม่แต่งสีและกลิ่น เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพพร้อมมอบให้ลูกค้าคนสำคัญ

ศุภาลัย เปิดพื้นที่ให้บริการวัคซีนโควิด-19

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) โดย นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ ร่วมมือกับ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 11 โรงพยาบาลลาดพร้าว และ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เปิดสถานที่อาคาร ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ถนนพระราม 3 เป็นหนึ่งในสถานที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 แก่ประชาชนผู้ประกันตนในพื้นที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ 11 รวมถึงพนักงานศุภาลัย ตลอดจนบริษัทผู้เช่าอาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมด้านความปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน ให้เกียรติลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีน

อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ เป็นอาคารสำนักงานซึ่งมีสถานที่ตั้งในเขตพื้นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 11 มีความพร้อมด้านสถานที่ เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่พร้อมให้บริการ อีกทั้งมีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเป็นระบบ โดยตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในอาคาร และผู้มาติดต่ออย่างสูงสุด ที่ผ่านมาได้กำหนดมาตรการความปลอดภัยด้านชีวอนามัยอย่างเข้มงวด ทั้งการกำหนดมาตรการทำความสะอาดพื้นที่ภายในอาคาร ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ติดตั้งเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุกคนก่อนเข้าอาคาร รวมทั้งบุคลากรที่ให้บริการในอาคารทุกคนได้ผ่านการฉีดวัคซีน โควิด-19 ทั้งนี้เพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้บริการพื้นที่ของอาคารในศักยภาพมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยระดับสูง

SISB ช่วยผู้ปกครองช่วงโควิด-19 ตรึงค่าเทอม 1 ปี

SISB ประกาศตรึงค่าเทอมหนึ่งปีเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 64 เพื่อแสดงสปิริตบรรเทาผลกระทบผู้ปกครอง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมปรับรูปแบบการเรียนการสอนผ่านออนไลน์แทน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.64

นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ยังไม่เห็นสัญญาณลดลงอย่างชัดเจน  เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้ปกครอง SISB จะไม่มีการปรับขึ้นค่าเทอมสำหรับปีการศึกษาถัดไป (ปีการศึกษา 2564/2565) เป็นเวลา 1 ปี โดยจะตรึงค่าเทอมไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความต่อเนื่องทางการศึกษา SISB จะยังคงทำการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ไปจนจบปีการศึกษา 2563/2564 ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 นี้  หลังจากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อรอให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ก่อนกลับมาเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการขยายกิจการ “โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี” Phase II แม้จะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา และสามารถเปิดรับนักเรียนเพิ่มได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการรองรับนักเรียนเต็มที่เพิ่มขึ้นอีก 600 คน ส่งผลให้ภาพรวมกลุ่มบริษัทฯ สามารถรองรับนักเรียนได้กว่า 4,500 คน

ส่วนความคืบหน้าการก่สอร้างโรงเรียนในจังหวัดนนทบุรี บนที่ดิน 14.8 ไร่ ได้มีการทำพิธีลงเสาเข็มก่อสร้าง ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2564  ที่ผ่านมา ซึ่งการก่อสร้างแบ่งเป็นสองเฟส ในเฟสแรกสำหรับระดับเนอสเซอรี่-อนุบาล ถึงระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาจะเป็นการก่อสร้างเฟสที่สอง คาดว่าเฟสแรกจะพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือนสิงหาคม 2565

ขยายเวลารับหน้ากากผ้าแม็คยีนส์ฟรี! ถึง 30 มิ.ย. นี้

เนื่องด้วยสถานการณ์ โควิด- 19 รอบ 3 กลับมาระบาดอย่างรุนแรงมากขึ้น  การฉีดวัคซีนเป็นทางออกระดับต้น ๆ ที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อและลดภาระของบุคลากรทางการแทพย์ แม็คยีนส์ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ด้วยแคมเปญ “YOU ARE THE HERO”

นางสาว กิตติมา วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แคมเปญนี้เพื่อให้คนไทยทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว  รวมไปถึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าได้ต่อไป ซึ่งประชาชนที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด – 19 แล้ว  เพียงนำหลักฐานมาแสดงที่ร้านแม็คยีนส์ทุกสาขา จะได้รับหน้ากากผ้า แม็คฟรี จำนวน 50,000 สิทธิ์ มูลค่ารวม 2,950,000 บาท พร้อมรับเพิ่มสิทธิ์พิเศษส่วนลด 50% ในการซื้อสินค้าแม็คยีนส์ราคาปกติ โดยขยายเวลาแคมเปญไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 จากที่หมดเขตไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

สำหรับสมาชิก Mc Club สามารถช้อปผ่านเว็บไซต์ www.mcshop.com ได้ 24 ชม.และส่งฟรีถึงบ้าน เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท  หรือสามารถ Shop From Home ง่ายๆได้หลายทาง ทั้ง Facebook Inbox หรือ LINE @mcjeans_official สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 020-666-999

ลงทะเบียนวัคซีนทางเลือกได้แล้ว! สำหรับองค์กร-บริษัท-ห้าง

บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG เปิดรับลูกค้าองค์กรลงทะเบียนแสดงความสนใจรับวัคซีนทางเลือกขั้นต่ำตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปต่อหน่วยงาน ผ่านช่องทางออนไลน์ https://vaccine-b2b.thg.co.th หลังปิดลงทะเบียนแก่ลูกค้าทั่วไปตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา คาดสำหรับลูกค้าองค์กรได้รับวัคซีนทางเลือกในเดือนตุลาคม-ธันวาคมนี้ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย  

นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด‘ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต’ (Lifetime Health Guardian for All) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ปิดรับลงทะเบียนแสดงความสนใจวัคซีนทางเลือกสำหรับลูกค้าทั่วไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนแสดงความสนใจ (วันที่ 1-6 มิถุนายน) มากกว่า 1 ล้านราย โดยปัจจุบันได้เปิดรับลงทะเบียนแก่ลูกค้าองค์กร บริษัท ห้าง ร้าน ผ่านช่องทางออนไลน์ https://vaccine-b2b.thg.co.th ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป เพื่อเสริมทางเลือกในการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย

ทั้งนี้ คาดว่าจะได้รับวัคซีนทางเลือกประมาณเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 โดยสามารถเลือกรับบริการวัคซีนกับโรงพยาบาลในเครือข่าย THG 17 แห่ง ที่กระจายอยู่ในหลายจังหวัด ซึ่งจะเปิดให้ชำระค่าวัคซีนภายหลัง คาดว่าราคาเข็มละประมาณ 1,900 บาท รวมค่าบริการโรงพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์และค่าประกัน โดยไม่รวมค่าแพทย์ในกรณีที่มีโรคประจำตัวและจำเป็นต้องรับการวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

“เราสนับสนุนทุกคนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนจากรัฐบาลให้ครบโดสโดยเร็วที่สุดก่อน เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ลดการแพร่ระบาดและอัตราการเสียชีวิตจาก COVID-19 ส่วนการรับวัคซีนทางเลือกนั้นสามารถใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและช่วยเพิ่มความมั่นใจในการป้องกัน COVID-19 ที่ดียิ่งขึ้น” นายแพทย์ธนาธิป กล่าว

EDL-Gen เตรียมออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90%

‘บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน)’ หรือ EDL-Gen ผู้นำการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดรายใหญ่ของ สปป.ลาว ออกหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 วงเงินรวมไม่เกิน 6,000 ล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3 ปี ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน เตรียมเสนอขายวันที่ 5, 6, 7 กรกฎาคม 2564 โดยมี ‘ทวิน ไพน์ กรุ๊ป’ ที่ปรึกษาชั้นนำในการระดมทุนกลุ่มประเทศ CLMVT และเป็นที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ พร้อมเผยทริสเรตติ้งจัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้อยู่ที่ BBB- และแนวโน้มอันดับเครดิตในระดับ Negative สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ EDL-Gen ที่เป็นผู้นำพลังงานสะอาดในภูมิภาคอาเซียนและโอกาสการเติบโตจากแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเป็น 2,435 เมกะวัตต์ภายในปี 2572

ดวงสี พารายก กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) หรือ EDL-Gen เปิดเผยว่า จากนโยบายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ผู้นำการผลิตไฟฟ้าที่มั่นคงเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ สปป.ลาว โดยนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาด ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับกระแส Green Energy โดยบริษัทฯ บริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้านพลังงานเพื่อสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและผลักดันให้ สปป.ลาว เป็นผู้ส่งออกพลังงานสะอาดและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน

วันแสง วันนะวง รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน EDL-Gen

วันแสง วันนะวง รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน EDL-Gen กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยได้ลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งให้เพียงพอต่อความต้องการภายใน สปป.ลาว และจำหน่ายไฟฟ้าส่วนเกินไปยังต่างประเทศ โดยมีประเทศไทย เวียดนามและกัมพูชาเป็นผู้รับซื้อพลังงานรายใหญ่ในภูมิภาคนี้

ทั้งนี้ EDL-Gen มีแผนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ทั้งรูปแบบการพัฒนาโครงการเอง และเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชน (IPP) โดยมีเป้าหมายภายในปี 2572 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมเพิ่มเป็น 2,435 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโครงการที่เปิดดำเนินการแล้ว 1,683 เมกะวัตต์

ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้แต่งตั้งบริษัท ทวิน ไพน์ กรุ๊ป ที่ปรึกษาชั้นนำในการระดมทุนกลุ่มประเทศ CLMVT เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการออกหุ้นกู้ของ EDL-Gen เพื่อนำเงินที่ได้มาชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2564

อดิศร วสุคุปต์ สิงห์สัจจะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทวิน ไพน์ กรุ๊ป จำกัด

อดิศร วสุคุปต์ สิงห์สัจจะ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทวิน ไพน์ กรุ๊ป จำกัด ที่ปรึกษาชั้นนำในการระดมทุนกลุ่มประเทศ CLMVT ในฐานะที่ปรึกษาในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ กล่าวว่า EDL-Gen ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 6 ล้านหน่วย อายุ 3 ปี โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้น ครบอายุไถ่ถอนปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน

ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดดังกล่าวจะเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองขั้นต่ำ 100 หน่วย โดยผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อหุ้นกู้ชุดนี้ ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบไปด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จํากัด (มหาชน) ซึ่งการเสนอขายครั้งนี้กำหนดให้นักลงทุนชำระค่าจองซื้อในวันที่ 5, 6, 7 กรกฎาคม 2564

สำหรับหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้ EDL-Gen ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ จากบริษัททริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่อันดับ BBB- และแนวโน้มอันดับเครดิต Negative ทั้งนี้ EDL-Gen มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้ามาอย่างยาวนาน ตลอดจนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายพลังงานสะอาดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรองรับความต้องการใช้พลังงานในภูมิภาคนี้ จากการที่รัฐบาลลาวมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทยจำนวน 9,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับซื้อรายใหญ่ รวมถึงโอกาสการเติบโตจากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ประเทศกัมพูชาและเวียดนามที่มีสัญญาการจำหน่ายไฟฟ้ารวมกันมากกว่า 11,000 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ EDL-Gen จะขยายตัวได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมพลังงานยังมีเสถียรภาพและไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าภายใน สปป.ลาว และในภูมิภาคอาเซียนยังขยายตัวได้ดี ทำให้ EDL-Gen มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ รวมถึงหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ถึง 2 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงินที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ EDL-Gen ได้เป็นอย่างดี

PTG มอบข้าวกล่องให้บุคลากรทางการแพทย์

บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด นำโดย นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ (ที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ร่วมส่งมอบข้าวกล่อง เพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่มาให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ในศูนย์ฉีดวัคซีนโควิดกลางบางซื่อ โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ (ที่ 3 จากซ้าย) รองปลัดกระทรวงคมนาคม และ แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ ณ สถานีกลางบางซื่อ

COLOR แตกไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน

COLOR ส่งซิกแนวโน้มธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โตแกร่ง หลังสยายปีกธุรกิจพลังงานทดแทน เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้-กระจายความเสี่ยงธุรกิจ-มาร์จิ้นสูง ฟากผู้บริหาร “พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์”ใส่เกียร์เดินหน้า สั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อลุยขยายกำลังการผลิตทุ่นลอยน้ำโซล่าร์เซลล์ในเดือนก.ค.นี้ พร้อมบุกตลาดโซลาร์รูฟ โรงงานอุตสาหกรรมไซส์กลาง เพิ่มฐานรายได้ประจำ เสริมแกร่งธุรกิจเดิม

นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ และสีผสมพลาสติกชนิดผง เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการแตกไลน์สู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านบริษัท เดอะบับเบิ้ลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recuring Income) และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ อีกทั้งธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดยมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจักรผลิตและจำหน่ายทุ่นลอยน้ำได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ ในปัจจุบันมีคำสั่งซื้อแล้ว 1- 2 ราย และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าในส่วนของผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็ก ที่ต้องการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้

“แนวโน้มผลการดำเนินในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากธุรกิจเดิม ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6-7% และมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเข้ามาเสริมแกร่งในอนาคต ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีออเดอร์เข้ามา และอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้า และคาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า”

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส1/2564 มีกำไรสุทธิ 21.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.75 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21 ล้านบาท หรือ 8 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 259 ล้านบาท เนื่องจากการทําตลาดในสินค้าประเภทใหม่ๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทฯมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้น ทําให้ช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 23.8 % เพิ่มขึ้น 2.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

SENA ไตรมาสแรกฉลุยกำไร 228.6 ล้าน

SENA ตอกย้ำเฟรมเวิร์ค “SENA Strong” รักษากำไรไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 228.6 ล้านบาท โตจากช่วงเดียวกันปีก่อนบนภาวะวิกฤติโควิด-19 รอบใหม่ เดินหน้าปรับแผน ตะลุยเปิด 18 โครงการ มูลค่ารวม 16,764 ล้านบาท แย้ม Q3/64 เตรียมรีเซตโปรเจกต์ใหม่ แบรนด์ “เสนาคิทท์” ดึงกำลังซื้อเรียลดีมานด์ เจาะตลาดย่านแหล่งงาน ประเดิม “เสนาคิทท์ ฉลองกรุง – ลาดกระบัง” พรีเซลล์ต้นเดือน ก.ค.นี้

นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งแนวราบและแนวสูง เปิดเผยว่าจากสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 โดยภาพรวมยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังสามารถรักษาฐานตลาดในเซกเมนท์ที่มีกำลังซื้อโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/64 ของบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 228.6 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนทางการขายที่มีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องการขายและการบริหารจัดการโครงการ รวมถึงมีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดในการเปิดโครงการใหม่ๆทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยเน้นไปยังพื้นที่ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก

สำหรับในส่วนของรายได้รวมของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 /2564 ทั้งสิ้น 907.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 7% ซึ่งมีสาเหตุหลักจากธุรกิจให้เช่าปรับตัวลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะที่รายได้จากการขายธุรกิจที่อยู่อาศัย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 623.6 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 10.3% เนื่องจากมีรายได้จากการขายโครงการแนวราบ รวมทั้งสิ้น 221.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 116.7 % จาก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ เสนา พาร์คแกรนด์ วงแหวน – รามอินทรา ,โครงการเสนาวิลล์ ลำลูกกา-คลอง 6 , โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5 ,โครงการเสนาวิลล์ รามอินทรา ,โครงการเสนา แกรนด์ โฮม รามอินทรา กม.8

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) คิดเป็นมูลค่า 7,399 ล้านบาท ณ สิ้น 31 มีนาคม 2564 และจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ 4,390 ล้านบาท และทยอยรับรู้ในปีถัดไปตามลำดับ

ทั้งนี้ ทางบริษัทปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ปี 64 จากเดิมเตรียมเปิด 17 โครงการ รวมมูลค่า 15,700 ล้านบาท เพิ่มเป็น 18 โครงการ รวมมูลค่า 16,764 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 7 โครงการ และแนวสูง 11 โครงการ เพื่อให้สอดรับกับกำลังซื้อที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ภายใต้มาตรการ “SENA Strong” โดยทางบริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ สำหรับช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว 1 โครงการ คือ เสนาคิทท์ เวสต์เกต -บางบัวทอง มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท โดยไตรมาส 3/64 เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่ม 8 โครงการ รวมมูลค่า 6,109 กว่าล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ โดยเดือนกรกฏาคม เตรียมเปิดขาย “เสนาคิทท์ ฉลองกรุง – ลาดกระบัง” ราคาเริ่ม 799,000 ล้านบาท