TCP ส่งพลังสู่สังคมทุกมิติให้คนไทยผ่านวิกฤติ Covid-19 ไปด้วยกัน

กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าส่งพลังใจสู่สังคมไทยฝ่าวิกฤติในทุกมิติ ช่วยเหลือทั้งภาคชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงบุคลากรและหน่วยงานทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสนับสนุนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 เปิดโครงการ TCP พลังสดชื่นเสริมภูมิ” จัดตู้แช่เย็นให้บริการเครื่องดื่มสดชื่นเพิ่มพลังและเสริมภูมิคุ้มกัน บริการฟรีแบบลดการสัมผัส ตอกย้ำความมุ่งมั่นเคียงข้างคนไทยผ่านวิกฤติโควิด-19         

นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า  กลุ่มธุรกิจ TCP ตระหนักว่าการสนับสนุนให้คนไทยรับวัคซีนมากที่สุด คือปัจจัยหลักที่จะทำให้ประเทศก้าวข้ามวิกฤติโควิด- 19 ไปได้จากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเสียชีวิต เราจึงริเริ่มโครงการ TCP พลังสดชื่นเสริมภูมิ” มอบเครื่องดื่มที่มีวิตามินและสารอาหารช่วยเสริมภูมิของกลุ่มธุรกิจ TCP ให้กับผู้ที่เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ณ หน่วยฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ประชาชนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง”  

เครื่องดื่มภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ที่ได้แจกจ่ายในโครงการ มีจำนวนรวมกว่า 350,000 ขวด บริการฟรีจากตู้แช่เย็นวันละกว่า 2,000 ขวด เสริมภูมิคุ้มกันพร้อมปลุกพลังความสดชื่นไปกับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลจากแบรนด์ “ไฮ่!” ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินซี ช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ “แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์” ประกอบด้วยส่วนผสมจากวิตามินบี 12 และ ซิงค์ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่ตามปกติ และเครื่องดื่มเกลือแร่จาก “สปอนเซอร์ โก”  ขนาดบรรจุใหม่ขวดเพ็ท  ที่มีส่วนผสมของเกลือแร่และสารอาหาร ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ยังสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนรับบริการเครื่องดื่มอย่างปลอดภัย โดยหยิบสินค้าจากตู้แช่เย็นได้โดยตรงเพื่อลดการสัมผัส พร้อมกันนี้ทางพนักงานและทีมงานที่เข้าร่วมกิจกรรมยังปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อพนักงานและประชาชนผู้เข้ารับการบริการ

กลุ่มธุรกิจ TCP จัดตั้งจุดให้บริการเครื่องดื่มเสริมภูมิคุ้มกัน ณ หน่วยฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ดังนี้

  • 7-11 มิ.ย. 64 ศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.ปราจีนบุรี)
  • 7-13 มิ.ย. 64 ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์
  • 7-13 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลอิสต์วิลล์
  • 8-14 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลมหาชัย
  • 9-15 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลเวิลด์
  • 14-20 มิ.ย. 64 สถานีบริการน้ำมัน PTT Station พระราม 2 (ขาออก) กม.12
  • 14-20 มิ.ย. 64 ห้างสรรพสินค้าแลนด์มาร์ค มหาชัย
  • 16-20 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลพระราม 9
  • 16-20 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
  • 21-27 มิ.ย. 64 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ (จ.ปทุมธานี) อาคารยิมเนเซียม 4

กลุ่มธุรกิจ TCP มุ่งช่วยเหลือสังคมในทุกมิติ โดยเมื่อต้นปีได้ส่งความช่วยเหลือให้กับหน่วยงานแพทย์ภายใต้โครงการ TCP พลังอุปกรณ์สู้โควิด” บริจาคเครื่องช่วยหายใจ 15 เครื่อง และอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 30,000 ชิ้น แก่สภากาชาดไทย พร้อมอาหารแห้งและเครื่องดื่มกว่า 1,500 ลัง แก่โรงพยาบาลสนาม 10 แห่งในจังหวัดที่มียอดผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดจากรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.มท.) และส่งมอบเครื่องโมดูลวัดปริมาตรก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในลมหายใจ จำนวน 5 เครื่องให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อนำไปช่วยเหลือ ติดตามและประเมินอาการผู้ป่วยโควิด-19 หรือคนไข้โรคระบบหายใจ

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจ TCP ยังส่งต่อกำลังใจแก่ภาคชุมชนและผู้ประกอบการ ด้วยโครงการ “TCP พลังใจในทุกคำ” โดยส่งกำลังใจให้บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเป็นด่านหน้าที่แบกภาระหนักหน่วง ด้วยเครื่องดื่มของกลุ่มธุรกิจTCP และอาหารจากร้านอร่อย ซึ่งนอกจากจะเป็นกำลังใจให้นักรบเสื้อกาวน์ทั้งหลายแล้ว ยังสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับร้านอาหารที่กำลังเผชิญพิษโควิด 19 ไปพร้อมกัน บ่งชี้ว่าโครงการช่วยเหลือและบรรเทาวิกฤติโควิด-19 ของกลุ่มธุรกิจ TCP คำนึงถึงทุกมิติทางสังคมอย่างแท้จริง

กลุ่มธุรกิจ TCP ยังคงยืนหยัดเคียงข้างคนไทยให้ผ่านวิกฤติโควิด-19 อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ช่วงต้นของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ตอกย้ำหัวใจหลักที่มุ่งสร้างสังคมไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามปณิธานที่สานต่อมาตั้งแต่ก้าวแรกขององค์กร

พม. – ซีพีแรม ลุยเปิดครัวกลางในกระทรวง

ซีพีแรม เล็งเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้งครัวกลาง พร้อมเร่งส่งมอบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เบเกอรี่และน้ำดื่ม ทุกวันพฤหัสบดี และศุกร์ ตลอดเดือนมิถุนายน 2564 จำนวนกว่า 3,000 ชุด เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ย่านเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯ และชุมชนโดยรอบ

นางพัชรี อารยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เปิดเผยว่า ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ให้การบริจาคทุกท่าน ห่วงใยผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ รวมถึงการขาดแคลนอาหาร และสิ่งของจำเป็นด้วย ซึ่งในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีทุกท่านได้ร่วมส่งมอบกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อน ด้วยการมอบอาหารพร้อมทาน จำนวนกว่า 3,000 ชุด เพื่อมามอบให้ พม. ได้แจกจ่ายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19 ระลอกใหม่ ที่มีการขยายวงกว้างในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ

กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและดูแลกลุ่มเป้าหมายตามภารกิจ โดยเฉพาะ เด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยได้เปิดรับสิ่งของจำเป็นและอาหารเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ  พร้อมทั้งได้ดำเนินโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ให้ครอบคลุมทุกมิติแบบองค์รวม และพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลที่มุ่งเน้นขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมกับการพัฒนาคนในทุกช่วงวัย ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน

ทางด้าน นายสาธิต แสงเรืองอ่อน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยต่อว่า ซีพีแรม มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยการจัดตั้ง ครัวกลาง ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้แนวคิด พม. – ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แห่งนี้ เพื่อเร่งส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่เลอแปง และน้ำดื่ม ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯ และชุมชนโดยรอบ เป็นต้น

“พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการดังกล่าวนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างรูปธรรม ผมขอ     ขอบคุณทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องคนไทย  ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวนี้ไปด้วยกัน” นายสาธิต แสงเรืองอ่อน กล่าว

ที่ผ่านมา ซีพีแรม ดำเนินโครงการ ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” อย่างต่อเนื่อง   โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน จัดตั้งครัวกลางเพื่อประกอบอาหารและจัดเตรียม กระจายส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ชุมชน และประชาชน หวังเพื่ออำนวยความสะดวก และแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยเริ่มต้นที่จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะเดียวกัน ซีพีแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก็ได้ส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่และน้ำดื่ม ให้กับโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ชุมชน และประชาชน อย่างต่อเนื่องเช่นกัน  ทั้งนี้ ซีพีแรม ส่งมอบอาหารปรุงสุกในบรรจุภัณฑ์ปิดผนึก อาทิ อาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่เลอแปง และน้ำดื่ม ภายใต้โครงการ ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” ทั้งที่ดำเนินการไปแล้ว และกำลังจะดำเนินการต่อไป กว่า 100,000 ราย ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง”

“ทั้งนี้ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า อาหารพร้อมทานท่านได้ให้การบริจาคในวันนี้นั้น จะเป็นประโยชน์และส่งถึงมือประชาชนผู้ที่มีความเดือดร้อนอย่างตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง ประกอบกับ พม. เองยังคงให้ทุกหน่วยงานใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ตามแนวทางมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมกรณีการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามฉุกเฉินเร่งด่วน ในโอกาสนี้ กระทรวง พม. ต้องขอขอบคุณในความมีน้ำใจของทุกท่าน” นางพัชรี อารยะกุล กล่าวปิดท้าย

รพ.มะเร็งชีวามิตรา แนะผู้ป่วยมะเร็ง รับวัคซีนโควิด-19

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุผู้ป่วยมะเร็ง กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง อาจมีอาการรุนแรงได้มากกว่าคนที่ไม่มีโรคหรือไม่ได้เจ็บป่วย หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แนะรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ปลอดภัยกว่าวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต อ้างอิงจากสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกา เผยผู้ป่วยมะเร็งที่สิ้นสุดการรักษาแล้ว และผู้มีประวัติเป็นมะเร็ง รวมทั้งผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับวัคซีนได้ทันที แต่ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาให้ช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวัคซีน โดยโรงพยาบาลพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับผู้ป่วยมะเร็งให้ผู้ป่วยมะเร็งและบุคคลทั่วไปทันทีที่วัคซีนทางเลือกมาถึง

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) “MHC” กับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านมะเร็งรักษาและมะเร็งวิทยา เปิดเผยว่า นอกจากผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวจะเป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 แล้ว กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งรวมทั้งผู้มีประวัติเป็นโรคมะเร็งนับจัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงสูงที่หากติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง เนื่องจากโรคมะเร็งและกระบวนการดูแลและรักษาจะส่งผลต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้ต่ำลง และยังใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูนานกว่าผู้ป่วยโรคปกติทั่วไป ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีแนวทางปฏิบัติเพื่อการป้องกันและเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นใช้งานร่วมกัน หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น แออัด หรือพื้นที่ปิด และจำเป็นต้องรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเป็นอีกแนวทางที่ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ รวมทั้งเพื่อลดอาการรุนแรงของโรค กรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ลดอาการและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรค

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกา หรือ American Cancer Society ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีน  โควิด-19 สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง สามารถรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันได้ แต่มีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบก่อนการตัดสินใจเลือกรับวัคซีนในหลายปัจจัย อาทิ ประเภทของวัคซีน ประเภทของมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น และผู้ป่วยกำลังอยู่ในช่วงของการรักษามะเร็งหรือไม่ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยทำงานปกติหรือยัง และการเลือกประเภทของวัคซีน โดยการเลือกชนิดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยมะเร็งควรใช้วัคซีนชนิดเชื้อตาย เนื่องจากวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต หรือ Live attenuated vaccine อาจไม่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอหรือบกพร่อง

ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งจัดเป็นผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว โดยผู้ป่วยมะเร็งที่สิ้นสุดการรักษาแล้ว สามารถรับวัคซีนโควิด-19 ได้ทันที ส่วนผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในกระบวนการของการรักษาโรค ควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้รักษาเพื่อช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวัคซีนของผู้ป่วยมะเร็งแต่ละรายก่อนรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียงที่เกิดจากการรับวัคซีน

“อีกหนึ่งความกังวลที่มีครอบครัวผู้ป่วยมะเร็งที่ถามยังโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก คือ กลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่ และควรรับวัคซีนประเภทใด ซึ่งสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งควรรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายเช่นกัน และไม่แนะนำให้ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อมีชีวิตหรือ Live attenuated vaccine เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมะเร็งได้ โดยโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับผู้ป่วยมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้มีประวัติเคยเป็นมะเร็ง และบุคคลทั่วไป ทันทีที่ได้รับวัคซีนทางเลือก” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา www.chiwamitra.com

ไทยยูเนี่ยน ขยายโอกาสสู่ไบโอเทค ลงทุนใน ViAqua

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้าลงทุนใน บริษัท วิอาควา เธอราปิดิกส์ (ViAqua Therapeutics) สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติอิสราเอล ด้วยงบลงทุน venture fund ของบริษัท ซึ่งไทยยูเนี่ยนนับเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่เข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้

บริษัท วิอาควา เธอราปิดิกส์ มีตั้งอยู่ที่เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล นับเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่พัฒนาการจัดการโรคในสัตว์น้ำด้วยเทคโนโลยีระดับอาร์เอ็นเอ สินค้าตัวแรกของวิอาควาคือ อาหารเสริมตัวช่วยในการจัดการโรคในฟาร์มกุ้ง มีคุณสมบัติช่วยป้องกันและฆ่าเชื้อโรค ซึ่งนับเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่พบทั่วไปในการเลี้ยงกุ้ง

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในภาคอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การป้องกันโรคนับความท้าทายลำดับต้นๆ ซึ่งทางบริษัทวิอาควาได้มีเทคโนโลยีและวิธีการที่จะช่วยในการบริหารการป้องกันโรคในกุ้งและสัตว์น้ำอื่นๆ โดยหวังว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั่วโลกให้จัดการกับปัญหาและความท้าทายนี้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายไช ยูฟัซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวิอาควา กล่าวว่า บริษัทรู้สึกยินดีที่ทางไทยยูเนี่ยนได้เข้าร่วมลงทุนในบริษัทของเรา ด้วยรากฐานที่มั่นคงของไทยยูเนี่ยน และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในอุตสาหกรรมอาหารนั้น จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายและค่านิยมของวิอาควา

“การลงทุนในวิอาควาในครั้งนี้ทำให้ไทยยูเนี่ยนได้ขยายการลงทุนไปสู่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทเองยังคงมองหาโอกาสที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้ในอนาคตต่อไป” นายแพทริค เบอทาแลนฟ์ฟี ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาธุรกิจเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว

ทั้งนี้ งบลงทุนในส่วนของ venture fund ของไทยยูเนี่ยนนั้นมุ่งลงทุนใน 3 ด้านได้แก่ โปรตีนทางเลือก อาหารฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า ไทยยูเนี่ยนจะลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่สนใจด้านเหล่านี้และร่วมสนับสนุนและผลักดันให้พัฒนาต่อไป

FUFU SHABU จัดโปรฯ หนุนฉีดวัคซีนโควิด-19

“ฟู่ฟู่ ไต้หวันนิส ชาบู บุฟเฟ่ต์” และ“ฟู่ฟู่ มายด์” (FUFU MIND) ชาบูไต้หวันเจ้าแรกในประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนแคมเปญ ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เชิญชวนให้คนไทยฉีดวัคซีนป้องกัน และ ลดความรุนแรง พร้อมควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว มอบโปรโมชั่นพิเศษส่วนลด 20% ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ เพียงแสดงหลักฐานการลงทะเบียนฉีดวัคซีนหรือเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ที่ร้าน “ฟู่ฟู่ ไต้หวันนิส ชาบู บุฟเฟ่ต์” ทั้ง 5 สาขา ได้แก่ สาขาพระราม4, สาขาอารีย์, สาขาตึกเอ็มไพร์, สาขาตึก G-Tower และสาขาแฟชั่น ไอซ์แลนด์” และร้าน “ฟู่ฟู่ มายด์” ภายในปั๊มเชลล์ สาขาบางใหญ่ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/fufushabu.tw/

กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ร่วมส่งกำลังใจสู้โควิด-19

กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู มูลนิธิว่องวานิช ครอบครัวว่องวานิช และ ครอบครัวโชคชัยณรงค์ ขออยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานทุ่มเทเสียสละกันอย่างหนัก และเปรียบเสมือนด่านหน้าในการรับมือช่วยเหลือดูแลในสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้การสวมใส่ชุด PPE ที่ทั้งหนาและร้อน ด้วยการมอบ “บอดี้สเปรย์เย็นตรางู” ช่วยบรรเทาความร้อนและเพิ่มความเย็นสดชื่นให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาล หน่วยงาน และมูลนิธิต่างๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปส่งต่อให้แก่ทีมแพทย์ รวมกว่า 100 หน่วยงาน มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท

อนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู เจ้าของสินค้าแบรนด์ตรางู

นายอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู เจ้าของสินค้าแบรนด์ตรางู กล่าวว่า กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่แสดงออกถึงการมีน้ำใจเอื้ออาทรแก่กันและกัน โดยการปลูกจิตสำนึกในเรื่อง การคิดดี ทำดี จึงได้ริเริ่มแนวคิดสู้ไปด้วยกันกับกลุ่มพันธมิตร มูลนิธิว่องวานิช ครอบครัวว่องวานิช และครอบครัวโชคชัยณรงค์ ที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน ในการส่งกำลังใจร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดนี้ไปด้วยกัน เพราะทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาสใหม่เกิดขึ้นเสมอ พร้อมขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการมอบ ‘บอดี้สเปรย์เย็นตรางู’ เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนและเพิ่มความเย็นสดชื่นภายใต้การสวมใส่ชุด PPE ขณะปฏิบัติหน้าที่ แทนคำขอบคุณในความเสียสละ และทุ่มเทของเหล่านักรบเสื้อขาวที่เป็นด่านหน้าในการรับมือต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 โดย บอดี้สเปรย์เย็นตรางู จะช่วยเติมความเย็นให้แก่ผิวทันทีหลังฉีด พร้อมช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 8 องศา ภายใน 60 วินาที และเย็นนานต่อเนื่องเกือบ 1 ชั่วโมง

เพื่อรอยยิ้มของบุคลากรทางการแพทย์และคนไทยที่จะกลับมาสดชื่นอีกครั้ง พวกเราพร้อมเป็นแรงใจก้าวไปด้วยกัน นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำคลิปวิดีโอเพื่อให้คนไทยใช้เป็นสื่อกลางในการร่วมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านทางเฟสบุ๊ค Snake Brand Fan Page หรือหากต้องการซื้อสเปรย์เย็นตรางูในราคาพิเศษเพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line OA: @snakebrandfamily

บอดี้สเปรย์เย็นตรางู
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน
มูลนิธิดวงประทีป คลองเตย
โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง)
สถานที่กักกันโรคกองทัพอากาศ (ดอนเมือง)
สถาบันบําราศนราดูร 2

APM เยี่ยมชมกิจการ ดวงตะวันเพชร

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ ณัฐิยา ภัทรกิจจานุรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ ผศ.สุดา ปีตะวรรณ ที่ปรึกษา และ ทีมงาน บริษัท แอสเซท โปร แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เยี่ยมชมโรงงาน บริษัท ดวงตะวันเพชร จำกัด ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี ปิยะพงษ์ เจริญคุปต์ ผู้บริหาร และ ภคชัย  ฉินเฉิดฉาย ผู้จัดการโรงงาน ให้การต้อนรับ

SCN มอบยาและชุด PPE ให้ทีมแพทย์

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) โดย ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบริษัทในเครือ บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด โดย ณัฐชัย ประดิษฐ์วงศ์กูล กรรมการผู้จัดการ ได้เป็นแรงสำคัญที่เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ส่งมอบยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ ชุด Isolation Gown จำนวน 600 ชุด, ถุงคลุมขา จำนวน 400 ชิ้น, หมวกคลุมผม 1,000 ชิ้น, หน้ากากอนามัย 3,000 ชิ้น, ยาฟ้าทะลายโจร 600 เม็ด, สเปรย์แอลกอฮอล์ 100 ขวด, ยาอม 1,000 เม็ด, ยาธาตุน้ำขาว 100 ขวด, ยาแก้ไอ 100 ขวด, ยาลดไข้ 1,000 เม็ด, ยาดม 100 ชิ้น และอาหารกึ่งสำเร็จรูป 100 ถ้วย ให้กับเทศบาลท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อใช้สนับสนุนโรงพยาบาลสนามที่กำลังสร้างรองรับผู้ป่วย Covid-19

Maybank Kim Eng’s Invest ASEAN 2021

Invest ASEAN งานประชุมระดับโลกที่สำคัญของ กลุ่ม Maybank Kim Eng จัดขึ้นทุกปี ได้กลับมาอีกครั้ง  นับเป็นปีที่ 8 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2014  เป็นงานประชุมที่บรรดานักลงทุนและผู้นำองค์กรทั่วโลกต่างให้ความสำคัญและเข้าร่วม    ในปีนี้จัดขึ้นเกือบสามเดือนตั้งแต่มิถุนายนถึงสิงหาคม 2021 โดยปีนี้จะจัดในธีมงาน “ASEAN Rising: The Next Decade, Invest ASEAN 2021”  ซึ่งได้รวบรวมผู้นำทางความคิด ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม บริษัทต่างๆ และนักลงทุนทั่วโลก มาสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวและการอภิปรายแบบเจาะลึกถึงอนาคตของภูมิภาคอาเซียน

เอมี่ มอริส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Maybank Kim Eng กล่าวว่า  คำถามสำคัญในตอนนี้คือ อะไรคือการเปลี่ยนแปลงและโอกาสที่ยั่งยืนที่มาจากการระบาดครั้งใหญ่ และภูมิภาคนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด  ที่งาน Invest ASEAN 2021 เราจะเสนอถึงวิธีที่ผู้กำหนดนโยบายและภาคธุรกิจสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอาเซียนในทศวรรษหน้า

Invest ASEAN เป็นงานที่เราจัดขึ้นเพื่อลูกค้าของเรา ในปีนี้ขณะที่เราฉลองครบ 10 ปีในฐานะที่เป็นสถาบันการเงินชั้นนำของอาเซียน เราภูมิใจที่จะแบ่งปัน 10 งานเสวนาที่ผ่านแนวคิดความเเป็นผู้นำให้กับนักลงทุนทั่วอาเซียนผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย “เราคาดว่า GDP ของอาเซียนยังจะมีแนวโน้มที่ดีในอีก 2 ปีข้างหน้า งาน Invest ASEAN ได้ถูกจัดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ภาพแนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลาของการฟื้นตัวและมองหาโอกาสใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น” เอมี่ กล่าวเสริม

Invest ASEAN 2021 จะรวมการสัมมนาผ่านระบบออนไลน์ ในหัวข้อต่างๆที่คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ ในภาคพลังงานและการเงินไปจนถึงอนาคตของอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยว

การประชุมครั้งแรกได้จัดไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในหัวข้อ การแข่งขันระหว่างอเมริกา-จีน และภูมิศาสตร์การเมืองใหม่ในอาเซียน โดยวิทยากรรับเชิญ Dr. Tan Kong Nam อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสิงคโปร์ และ อดีตนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกในกรุงปักกิ่ง ได้เสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความตึงเครียดที่ขยายตัวขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน เขากล่าวว่า “ในปี 2020 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การปฏิรูปของจีน ที่อาเซียนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในขณะที่สหภาพยุโรปเป็นอันดับสองตามด้วยสหรัฐอเมริกา และอาเซียนได้กลายเป็นสนามรบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป”

การสัมมนาออนไลน์จะจัดขึ้นกระจายไปตามหัวข้อที่เหมาะสมสำหรับประเทศนั้นๆ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยจะมีทั้งบริษัททั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนหลากหลายจากมาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ในปีที่แล้ว แม้จะมีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก แต่งาน Invest ASEAN 2020 ที่ผ่านมาได้ดึงดูดผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คนในการประชุมผ่านระบบออนไลน์ถึง 206 ครั้ง ประสบความสำเร็จในการเชื่อมโยงบริษัทต่างๆ ในอาเซียนมากกว่า 70 แห่งกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยมูลค่าตลาดรวม 265.7 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

ติดตาม Maybank Kim Eng บน LinkedIn และสมัครรับข้อมูล Podcast ASEAN Speaks บน Spotify, Google Podcast หรือ Apple Podcasts เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกล่าสุด และเข้าถึงประเด็นสำคัญหลังการประชุม Invest ASEAN 2021 ผ่านแฮชแท็ก #InvestASEAN บน LinkedIn

เจมาร์ท Book Build ให้กองทุนสถาบันต่างชาติ ขายบิ๊กล็อต

“อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ผู้ถือหุ้นใหญ่เจมาร์ท ขายบิ๊กล็อตจำนวน 19.1 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 625.5 ล้านบาท ให้กับกองทุนสถาบันต่างประเทศ ภายหลัง Roadshow กับกองทุนสถาบันต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม อีกทั้ง เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ และทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทเจมาร์ท สอดคล้องกับภายหลังที่หุ้น JMART ได้ถูกเข้าไปคำนวณใน FTSE SET Index Series ซึ่งทำให้นักลงทุนที่เป็นกองทุนสถาบันต่างชาติหลายรายให้ความสนใจ และความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนความมั่นใจอีกขั้นหนึ่งภายหลังพันธมิตรรายใหญ่จากต่างประเทศ KB Kookmin Card และ TIS Inc. ได้มาเข้าร่วมลงทุน

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Investment Holding Company (IHC) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเดินสายให้ข้อมูล Roadshow กับกองทุนสถาบันจากต่างประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากใน Business Model ของกลุ่มบริษัท จึงได้ทำรายการขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot) จำนวน 19.1 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 1.87% ให้แก่กองทุนชั้นนำต่างชาติ รวมมูลค่า 625.5 ล้านบาท โดยภายหลังจากการขายหุ้นดังกล่าว กลุ่มสุขุมวิทยายังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 46.6%

โดยการเข้ามาถือหุ้นของกองทุนจากต่างประเทศครั้งนี้ใช้วิธี Book Building ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนประเภทสถาบัน ซึ่งได้รับได้รับความสนใจเข้ามาค่อนข้างดี แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในแผนการดำเนินงาน และ Business Model ของกลุ่มเจมาร์ทที่มี Synergy Ecosystem ทั้งทางด้านการเงิน และค้าปลีก โดยมีการใช้เทคโนโลยี เช่น Block chain และ Fintech เข้ามาใช้ในการดำเนินงานของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นบริษัทที่ไม่ถูก Technology Disruption และมีการเติบโตที่ยั่งยืน เป็น Growth stock ที่จะสร้างการเติบโตแบบ J-Curve ด้วย Ecosystem ของภายในกลุ่มบริษัทเอง ทั้งนี้ การเข้ามาลงทุนของกองทุนสถาบันต่างชาติ ภายหลังจากการเข้ามาลงทุนเพื่อร่วมทุนทำธุรกิจของบริษัทข้ามชาติ เช่น KB Kookmin Card จากเกาหลีใต้ และ TIS Inc. จากญี่ปุ่น ยิ่งตอกย้ำว่า พลังของ Ecosystem ในกลุ่ม JMART นั้นจะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะยังคงมีทิศทางของธุรกิจที่เติบโตได้ตามเป้าหมาย ด้วยมีปัจจัยผลักดันหลัก (Key Drivers) คือ ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยใน ธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ตามเป้าหมายทั้งปี และคาดว่าเติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งตลาดหนี้ด้อยคุณภาพเปิดโอกาสให้สะสมหนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นฐานกำไรของกลุ่มได้อย่างแข็งแรง นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจจำหน่ายมือถือ เจมาร์ท โมบาย ยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่าเฉพาะในครึ่งปีแรกนั้นผลการดำเนินงานจะสามารถอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 ที่ผ่านมา อีกทั้งในครึ่งปีหลัง การขยายพอร์ตรถทำเงินของ SINGER จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจสินเชื่อของ KB J Capital ขยายการปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ J นั้นจะสามารถเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ “Jas Green Village คู้บอน” ได้ตามแผนงานที่วางไว้

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ JMART เป็นหลักทรัพย์ใหม่ที่ถูกนำเข้าร่วมคำนวณดัชนี FTSE SET Mid Cap Index สะท้อนเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยมาตรฐานการคำนวณดัชนีในระดับสากล มีผลวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป