MBK ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต

ชวนคนไทยร่วมใจบริจาคโลหิต ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดกิจกรรม บริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เพื่อช่วยให้มีปริมาณโลหิตสำรองที่เพียงพอต่อความต้องการสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศ และลดปัญหาการขาดแคลนโลหิตในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ใน     วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564 ตั้งแต่เวลา 11.00 – 15.00 น. ณ ลานพญาไท ฮอลล์ ชั้น ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.mbk-center.co.th และ www.facebook.com/mbkcenterth และ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอ็ม บี เค คอนแทคท์ เซ็นเตอร์ 1285 ในเวลา 08.30 – 22.00 น.

อัยการ สคช.จันทบุรี มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน

นายสุธี ทองแย้ม (กลาง) ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี รับมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (สคช.) จ.จันทบุรี นำโดย นายทรงศักดิ์ นาควิจิตร์ (ที่ 4 จากซ้าย) อัยการ สคช. จ.จันทบุรี พร้อมด้วยนายขวัญไพร จันทนา อัยการจังหวัดจันทบุรี นายไพรวัลย์ เพ็งพา อัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดจันทบุรี นายบรรพต จันทรธาดา ที่ปรึกษาสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา และนักธุรกิจจากเมืองพัทยา โดยสิ่งของที่นำมามอบประกอบด้วย หน้ากากอนามัย, แอลกอฮอล์ และเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็น  โดยผู้ว่าฯจันทบุรี จะนำสิ่งของที่ได้รับบริจาคจะนำไปมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ และพี่น้องประชาชนที่เข้ารับการรักษาทั้งในรพ.สังกัด รพ.สนาม

นอกจากการช่วยเหลือสิ่งของแล้ว สคช. จ.จันทบุรี ยังมีบทบาทในการช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินการ และการให้ความรู้ทางด้านกฎหมาย โดยเป็นการบริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นค่าธรรมเนียมในชั้นศาลที่ต้องเสียตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน เช่น จัดหาทนายอาสา, จัดทำนิติกรรมสัญญาให้แก่ประชาชน เป็นต้น

“ซัยโจ เด็นกิ” ชูนวัตกรรมป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากผู้ป่วยโควิด

ซัยโจ เด็นกิ ตระหนักถึงความรุนแรงของผลกระทบของสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อการใช้ชีวิตของประชาชนและการให้บริการทางการแพทย์   เร่งพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ (Negative Pressure) เพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจนสำเร็จ พร้อมต่อยอดนวัตกรรมด้วยการขยายบริการไปยังหอผู้ป่วยทั่วไป สถานที่ทำงานและบ้านอยู่อาศัย  หวังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและการมีสุขภาวะด้านอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ของสังคมไทยแม้ภายหลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว (Post Covid-19) เผยภูมิใจที่อุตสาหกรรมไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีระบบแลกเปลี่ยนอากาศที่มีความซับซ้อนด้วยตนเอง

นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤติของโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย “ซัยโจ เด็นกิ” มีความห่วงใยในความปลอดภัยของบุคคลกรทางการแพทย์และของประชาชน จึงเร่งพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ (Negative Pressure) เพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจนสำเร็จ โดยนวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศดังกล่าวพัฒนามาจากเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ที่ “ซัยโจ เด็นกิ” มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี  ซึ่งระบบนี้สามารถควบคุมทิศทางการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง จากบุคลากรทางการแพทย์ (โซนสะอาด) ไปยัง ผู้ป่วย COVID-19 (โซนเชื้อโรค) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากผู้ป่วยมาสู่บุคลากรทางการแพทย์  ด้วยการนำอากาศใหม่ 100% (Fresh Air) เติมเข้าสู่ภายในห้องตลอดเวลา เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคภายในห้องอย่างรวดเร็ว และทำให้ระบบดังกล่าวสามารถปรับความชื้นสัมพัทธ์ และมีประสิทธิภาพในการสร้างแรงดันลบ (Negative Pressure) ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของ WHO และ CDC สหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากภายในห้อง ไหลออกสู่บริเวณภายนอก เช่น ชุมชน หรือส่วนอื่นๆภายในโรงพยาบาล

ตั้งแต่ต้นปี 2564  ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด  บริษัท ‘ซัยโจ เด็นกิ’ ได้ติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนอากาศด้วยระบบความดันลบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้วรวมกว่า 1,000 เตียงทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนอาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่มีอายุร่วม 37 ปี ซึ่งเดิมรองรับได้แค่ผู้ป่วยธรรมดา ปรับให้ดีขึ้นเป็นหอรับผู้ป่วยวิกฤติ Covid-19 ได้จำนวนมากถึง 41 เตียง มูลค่ากว่า 26 ล้านบาท โดยใช้เวลาติดตั้งเพียงแค่ 10 วัน เท่านั้น

นอกจากการพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศเพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากเชื้อโควิดจนสำเร็จแล้ว “ซัยโจ เด็นกิ” ยังได้ต่อยอดนวัตกรรมดังกล่าวด้วยการขยายบริการไปยังหอผู้ป่วยทั่วไป รวมถึงในสถานที่ทำงานและบ้านอยู่อาศัย    เพื่อช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อในสถานพยาบาล รวมถึงการมีสุขภาวะด้านอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ของสังคมไทย แม้ภายหลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว  (Post Covid-19)

“นับเป็นความสำเร็จและความน่าภาคภูมิใจของอุตสาหกรรมไทยที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่มีระบบแลกเปลี่ยนอากาศที่มีความซับซ้อนด้วยตนเอง ซึ่งทาง “ซัยโจ เด็นกิ” ได้จดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  นอกจากนี้ระบบนี้ยังได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่ามีความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์และชุมชน อีกด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว

“สหพัฒน์” ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยพ้นวิกฤตโควิด-19

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงเมื่อใด โดยมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน และโควิดยังส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องร่วมใจช่วยกันหยุดยั้งการระบาด หากใครมีกำลังที่จะช่วยเหลือสังคมได้ก็อยากเชิญชวนให้มาร่วมกัน ในส่วนของสหพัฒน์ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 ที่เริ่มมีการระบาด และปีนี้ยังได้ร่วมกับ 5 องค์กร คือ สำนักการแพทย์และสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร, สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลวชิรพยาบาล, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเดอะมอลล์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด ผู้ป่วยติดบ้าน ผู้พิการ ผู้สูงวัย และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยได้มอบผลิตภัณฑ์และเงิน รวมมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท

โดยความช่วยเหลือที่ส่งไปยัง สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นั้น สหพัฒน์ได้มอบปลากระป๋องซื่อสัตย์ 1,000 กระป๋อง น้ำแร่มองต์เฟลอ 1,000 ขวด ในนามกลุ่ม SAHAGROUP Health Care & Wellness เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร ในส่วนของ สภากาชาดไทย ได้สนับสนุนโครงการมอบธารน้ำใจสู่ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั่วประเทศ โดยมอบบะหมี่ซื่อสัตย์ 300,060 ซอง น้ำเต้าหู้โทฟุซัง 50,400 กล่อง เพื่อมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดบ้าน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทางด้าน โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้มอบเงิน 1 ล้านบาท ให้กับโครงการเตียงต่อชีวิต ผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อสร้างห้องความดันลบรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในภาวะวิกฤต

สำหรับการร่วมมือกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้ร่วมสนับสนุนในโครงการถุงปันยิ้ม โดยมอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า 4,860 ซอง บิสชิน 690 กล่อง ปลากระป๋องซื่อสัตย์ 1,600 กระป๋อง นมถั่วเหลืองมารูซัน 960 กล่อง เจลแอลกอฮอล์ซื่อสัตย์เพื่อชาติ 720 หลอด เพื่อมอบให้ชุมชนในกรุงเทพมหานคร ส่วนความร่วมมือกับ เดอะมอลล์ ซึ่งได้จัดพื้นที่สาขาบางแค บางกะปิ เป็นสนามฉีดวัคซีนนั้น ทางสหพัฒน์ได้มอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซื่อสัตย์ 180 ถ้วย ริวอง 2,400 ถ้วย นมถั่วเหลืองมารูซัน 1,440 กล่อง น้ำแร่มองต์เฟลอ 1,440 ขวด ทุกเดือน เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ที่มาให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน

“สหพัฒน์หวังว่าผลิตภัณฑ์และเงินบริจาคในครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤตโควิด เราหวังว่าความร่วมมือร่วมใจของคนไทยในการช่วยเหลือกัน จะทำให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลาย เพื่อที่ทุกคนจะได้เดินหน้าใช้ชีวิตตามปกติและเศรษฐกิจของไทยกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว” นายบุญชัย กล่าว

ท็อปส์ สนับสนุนให้คนไทยฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19

ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งรณรงค์สนับสนุนให้คนไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลดการแพร่ระบาด หยุดเชื้อเพื่อชาติ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้คนในประเทศ รวมถึงส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจไทย ช่วยลดภาระหมอและพยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์

ขอมอบสิทธิพิเศษแทนคำขอบคุณในการร่วมกันฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19 นี้ สำหรับผู้ที่ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียงแสดงบัตรประชาชน พร้อมหลักฐานการฉีดวัคซีน รับฟรี! เครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 22 ออนซ์ 1 แก้ว มูลค่า 25 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. – 31 ส.ค. 64 ที่จุดเครื่องดื่ม Tops Drink ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขา เซ็นทรัลพลาซา พระราม 9, พระราม 2, พระราม 3, ปิ่นเกล้า, เวสต์เกต, รามอินทรา, โรบินสันฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัลฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, แฟชั่นไอซ์แลนด์, เอสพลานาด, ศรีนครินทร์, วันโอวันเดอะเทริ์ดเพลส, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขา เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, บางนา และอีสต์วิลล์

ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th , เฟซบุ๊ก TopsThailand และ Central Food Hall หรือ แอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand, Central Food Hall

SUN เสริมแกร่ง จับมือวิสาหกิจปักธงธุรกิจปลูกพืชมูลค่าสูง

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ประกาศจับมือวิสาหกิจ เซ็น MOU ครึ่งหลังปี 2564 เตรียมลุยพัฒนาการทำการเกษตรสมัยใหม่ นวัตกรรมการเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตร และการปลูกพืชมูลค่าสูง อาทิ สมุนไพร กัญชง กัญชา เป็นต้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาพ ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด เชื่อมั่นว่าสัดส่วนรายได้ปี 2564 พุ่งตามเป้าหมาย

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2564 ไปในทิศทางดี โดยคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นสินค้าพร้อมรับประทานเพื่อสุขภาพ วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเพิ่มอีกหลายไอเทม ได้แก่ ซุปข้าวโพด มันส้มญี่ปุ่นเผา และข้าวต้มมัด ซึ่งมาเสริมสร้างการเติบโตร่วมกับธุรกิจหลักสินค้าข้าวโพดหวานได้เป็นอย่างดี ประกอบกับโครงการอาคารผลิตขนาดเล็กสำหรับสินค้าพร้อมทาน  (Mini Factory) ที่ใกล้แล้วเสร็จและพร้อมเดินหน้าผลิตสินค้าได้ในเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะเข้ามาช่วยผลักดันให้ธุรกิจให้มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2564 บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตลำไยแพะประทาน โดยมี นายอุ่นเรือน คำภิโล ประธานวิสาหกิจ เป็นผู้แทนกลุ่ม ในการลงนามครั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจจะให้ความร่วมมือในการปลูกพืชมูลค่าสูง อาทิ สมุนไพร กัญชง และกัญชา โดย บริษัทจะสนับสนุนพื้นที่ปลูก ในพื้นที่ไร่ตะวันหวาน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) และการอบรมให้ความรู้ ซึ่งได้ทาบทาม นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ มาถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร ให้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับสู่การเป็นต้นแบบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ

ความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่ง  ในการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการเกษตรที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจชุมชนให้สามารถเติบโตอย่างเข้มแข็ง เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

“สหพัฒน์” ร่วมโครงการเตียงต่อชีวิต ผู้ป่วยโควิด-19

นางผาสุข รักษาวงศ์ (ที่ จากขวา) รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางสาววราภรณ์ กุลสวัสดิ์ภักดี (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด เป็นตัวแทนบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน ล้านบาท ให้กับโครงการ เตียงต่อชีวิต ผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อสร้างห้องแรงดันลบสำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในภาวะวิกฤต ในโอกาสนี้ นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ได้มอบเงิน 3.แสน นางผาสุข รักษาวงศ์ และนางสาววราภรณ์ กุลสวัสดิ์ภักดี ได้ร่วมกันมอบเงิน 3.แสน ให้กับโครงการด้วย รวมเป็นเงิน 1.ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ (ที่ จากซ้าย) คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล และ รศ.พญ.ธนันดา ตระการวนิช (ซ้าย) ผู้ช่วยอธิการบดี เป็นตัวแทนรับมอบ

NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  พร้อมด้วย นายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ (ซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชี-การเงิน และ นางสาวเกศนรี จองโชติศิริกุล (ขวา) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ  ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2564 บริษัทได้มีปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 2564 เป็น 2.45 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 1/2564 บริษัทฯมีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,963.09  ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 366.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306.61 ล้านบาท หรือคิดเป็น 511.96%

นอกจากนี้ บริษัทฯ เพิ่มเป้าปริมาณขายขึ้นเป็น 4.4 แสนตัน จาก 4.1 แสนตัน โดยไตรมาส 1/2564 บริษัทมีปริมาณการขายอยู่ที่ 89,741 ตัน เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการผลิตเพิ่มขึ้น ที่สามารถรองรับยอดขายโดยขณะนี้ยอดขายของบริษัทครอบคลุมไปจนถึงไตรมาส 4 และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และในปลายปี 2564 บริษัทมีแผนจะขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50,000 ตัน จาก 460,000 ตัน เป็น 510,000 ตัน โดยจะลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าทั้งรายใหม่และรายเก่าที่ต้องการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น

MBKG ร่วมต้านภัยโควิด-19 กับรพ.ศิริราช ปี 2

บริษัท เอ็ม บี เค การันตี จำกัด (MBKG) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินของเครือเอ็ม บี เค จัดโครงการ MBKG ยิ่งให้  ยิ่งได้ ร่วมต้านภัยโควิด-19 กับโรงพยาบาลศิริราช ปี 2” เพื่อต้องการมีส่วนร่วมช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีส่วนสำคัญในการตรวจคัดกรองและดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด – 19  ที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง  จึงขอเชิญร่วมบริจาคเข้าศิริราชมูลนิธิ ในชื่อกองทุน ศิริราชสู้ภัยโควิด โดยผู้ที่บริจาคตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปผ่าน Mobile Banking  จะได้รับของที่ระลึกเป็น เสื้อ MBKG X  WANNASU Exclusive Collection สุดเก๋ที่เกิดจากการดีไซน์ร่วมกันของ MBKG กั WANNASU แบรนด์คราฟต์แฟชั่นไทยที่ดัง ไกลถึงต่างแดน  จำนวนจำกัดเพียง 100 ตัวเท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2564 หรือจนกว่าของจะหมด โดยท่านสามารถร่วมบริจาคได้ตามขั้นตอนนี้

1. บริจาคตรงเข้าศิริราชมูลนิธิ

– ใช้ Mobile Banking สแกน QR Code บัญชีศิริราชมูลนิธิ (ศิริราชสู้ภัยโควิด)
– กดยืนยันการบริจาค เซฟไฟล์สลิปการบริจาคเก็บไว้

2. ส่งหลักฐานการบริจาค        

ส่งไฟล์สลิปบริจาคเข้ากองทุนศิริราชสู้ภัยโควิด พร้อมชื่อ-นามสกุลที่อยู่จัดส่งขนาดเสื้อและเบอร์มือถือ มาที่ inbox ของ         MBK Guarantee  หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยอดบริจาคกับศิริราชมูลนิธิแล้วจะจัดส่งของที่ระลึกให้ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

** รายละเอียดเสื้อ MBKG X WANNASU  เสื้อ  Exclusive  Collection  ที่เกิดจากการดีไซน์ร่วมกันของ  MBKG  และ  WANNASU
แบรนด์คราฟต์แฟชั่นไทยที่ดังไกลถึงต่างแดน ขนาด (รอบอก=นิ้ว) XS(34)  S(36)  M(38)  L(40)  XL(42)

สอบถามและติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook Page : MBK Guarantee

อาร์เอส กรุ๊ป ส่งมอบสิ่งของช่วยชุมชน ร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19

เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตร่วมกันของคนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป นำโดย คุณวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และ ดร.ชาคริต พิชญางกูร หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจไลฟ์สตาร์ บริษัทในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป ส่งมอบหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และยาสารสกัดฟ้าทะลายโจร ตราทองเอก ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ซึ่งผลิตโดย บริษัท ไลฟ์สตาร์ ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่มีปริมาณสารสกัดฟ้าทะลายโจร 300 มิลลิกรัม เทียบเท่าฟ้าทะลายโจรชนิดบดผง 15,000 มิลลิกรัม รับประทานทานเพียงครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 1,000 ชุด ให้แก่ คุณอาฤทธิ์ ศรีทอง ผู้อำนวยการเขตจตุจักร เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต่อไป ณ สำนักงานเขตจตุจักร เมื่อเร็วๆ นี้

ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสาร และความเคลื่อนไหวต่างๆ ของ อาร์เอส กรุ๊ป ได้ที่ www.rs.co.th และ https://www.facebook.com/RSGROUPOFFICIAL