เดอะ สตรีท รัชดา บริจาคโลหิตเพื่อต่อชีวิตผู้ป่วย

จากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้มีผู้มาบริจาคโลหิตลดน้อยลง แต่การใช้โลหิตในการรักษาพยาบาลยังคงมีอย่างต่อเนื่องทุกวันจนเกิดภาวะขาดแคลนเลือดทั่วประเทศ อาจทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง

ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา ได้ร่วมกับ สภากาชาดไทย ขอเชิญผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงร่วมบริจาคโลหิตอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย กับกิจกรรม Blood Donation ครั้งที่ 22” ในวันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 11:00-15:00 น. ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา โดยศูนย์รับบริจาคโลหิตมีระบบคัดกรองความปลอดภัยและได้มาตรฐาน เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการประเมินความเสี่ยงก่อนเข้าปฏิบัติงาน มีการตรวจวัดอุณหภูมิทั้งเจ้าหน้าที่และผู้บริจาคเลือดก่อนเข้าสถานที่ รวมทั้งมีการทำความสะอาดอุปกรณ์และสถานที่อย่างสม่ำเสมอ

มีคำแนะนำในการปฏิบัติตนสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน COVID-19 และมีความประสงค์บริจาคโลหิต ดังนี้

บริจาคโลหิต ก่อน ฉีดวัคซีน 

  • หากไม่มีอาการอ่อนเพลีย สามารถฉีดวัคซีนได้ ในวันถัดไป
  • ไม่ควรบริจาคโลหิตวันเดียวกับวันที่ฉีดวัคซีน

บริจาคโลหิต หลัง ฉีดวัคซีน  

  • กรณีได้รับวัคซีน COVID-19 ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ควรเว้นระยะ 7 วัน หลังฉีด
  • กรณีมีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ขอให้หายดีก่อน เว้น 7 – 14 วัน ตามความรุนแรงของอาการ

หลังจากนี้จะดำเนินการส่งต่อโลหิตให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องการรับโลหิตอย่างปลอดภัย ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกุศลด้วยการต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: The Street Ratchada

ร่วมใส่ใจช่วยพ่อค้าแม่ค้า ห่างไกลโควิด-19

“ก๊าซหุงต้มพีที” โดยบริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ในกลุ่มบริษัท PTG จับมือกับพันธมิตรใหญ่ “ตลาดยิ่งเจริญ” โดยบริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ให้บริการตลาดสด และตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในย่านสะพานใหม่ บางเขน ร่วมกันใส่ใจช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าทั่วทั้งตลาด มอบหน้ากากผ้าและเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันภัยโควิด-19 พร้อมสนับสนุนให้พ่อค้าแม่ค้าทั่วทั้งตลาดใช้ก๊าซคุณภาพมาตรฐานกับก๊าซหุงต้มพีทีไฟแรงเต็มแมกซ์ สร้างความปลอดภัยทั่วทั้งตลาด

นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ที่ผ่านมาได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม(CSR)  ด้วยการมอบหน้ากากผ้า และเจลแอลกอฮอล์ ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาด เพื่อการป้องกันให้ห่างไกลภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่  ด้วยบรรยากาศ New Normal และการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)  พร้อมด้วยคุณกัญจนิดา ตันติสุนทร กรรมการบริหาร บริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญ ร่วมกิจกรรมด้วย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและสร้างความปลอดภัยทั่วทั้งตลาดมากยิ่งขึ้น บริษัทฯในฐานะพันธมิตรของตลาดยิ่งเจริญ ยังเดินหน้าสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้า ให้ใช้ถังก๊าซคุณภาพมาตรฐานพีที ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น คือ ถังใหม่ได้มาตรฐาน บรรจุน้ำหนักเต็มกิโล น้ำก๊าซได้คุณภาพ ไฟแรงสม่ำเสมอ ปลอดภัยด้วยวาล์วเช็กล็อกที่ป้องกันก๊าซรั่วไหล และ QR Code บนถังทุกใบทำให้สามารถเช็กวันหมดอายุของถัง และวันเดือนปีที่ทดสอบถังก๊าซ

นอกจากนี้เพื่อเป็นตอกย้ำด้านความปลอดภัยในการให้บริการส่งก๊าซหุงต้มพีทีให้กับร้านค้าทุกร้านมากยิ่งขึ้น พนักงานที่ให้บริการส่งก๊าซทุกคนของบริษัทฯ จะได้รับการฝึกอบรมภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและตามมาตรการที่กำหนด รวมทั้งถังก๊าซทุกถังยังผ่านการฉีดพ่นฆ่าเชื้อก่อนส่งมอบลูกค้าอีกด้วย   โดยพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อก๊าซหุงต้มพีทีใช้งานก็สามารถสะสมคะแนนกับบัตร PT Max Card เพื่อแลกส่วนลดและแลกของรางวัลได้อีกมากมาย

สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ นอกจากการมุ่งช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดแล้ว บริษัทฯ ยังมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือทั้งประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ได้รับผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ในอีกหลายแห่งต่อเนื่อง  ทั้งการมอบถังก๊าซสนับสนุนโครงการต่างๆเพื่อทำอาหารช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่เดือดร้อน เป็นต้น

“การกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดยิ่งเจริญ และเป็นการเดินหน้าเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้ก๊าซหุงต้มให้กับตลาด ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นก้าวแรกที่ให้ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดและยังได้ก๊าซหุงต้มคุณภาพที่พร้อมสิทธิพิเศษมากมายอย่างก๊าซหุงต้มพีทีไฟแรงเต็มแมกซ์ไว้ใช้งานอย่างคุ้มค่า เพื่อการส่งต่อสินค้า อาหาร และการบริการให้กับประชาชนได้อย่างมีคุณภาพต่อๆไป” นายสุวัชชัย กล่าว

นางกัญจนิดา ตันติสุนทร กรรมการบริหาร บริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ตลาดยิ่งเจริญ มีความยินดีที่ ก๊าซหุงต้มพีที เข้ามาดูแลถังก๊าซหุงต้ม เพื่อให้การใช้ก๊าซหุงต้มทั้งหมดในตลาดเป็นแบบที่มีมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายใช้สอยในตลาด  อีกทั้งต้องขอบคุณก๊าซหุงต้มพีทีที่มาให้การดูแลพร้อมโปรโมชั่นและบริการดีๆ เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อค้าแม่ขาย และถือเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ส่งมอบให้กันเพื่อให้ผ่านช่วงวิกฤตที่ยากลำบากนี้

รร.โนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ เปิด “โฮสพิเทล”

โรงพยาบาลนวเวช ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 โดยร่วมกับ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ เปิด โฮสพิเทล (Hospitel) เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มอาการไม่รุนแรงหรือกลุ่มสีเขียว ภายใต้มาตรฐานการให้บริการของโรงพยาบาลนวเวช ที่มีความพร้อมทั้งทางด้านศักยภาพในการรักษา และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการรักษา

ผู้ป่วยที่จะเข้ารับบริการจะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี สำหรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจที่ได้รับการรับรองการติดเชื้อโควิดจากโรงพยาบาลอื่นสามารถเข้ารับบริการได้ โดยต้องได้รับการประเมินอาการจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนวเวชก่อน เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่3 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

โรงพยาบาลนวเวช มุ่งให้บริการทางการแพทย์ที่ดีและเข้าถึงง่าย ดูแลสุขภาพของทุกคนอย่างเข้าอกเข้าใจ ด้วยบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย และทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมก้าวเป็นโรงพยาบาลศูนย์กลางทางการแพทย์ของชุมชน สอบถามรายละเอียดการเข้ารับบริการได้ที่ โทร. 02 483 9999 หรือ www.navavej.com

แลคตาซอย ร่วมด้วยช่วยฝากร้าน

แลคตาซอย เดินหน้าส่งความสุข ส่งกำลังใจ ถึงพี่น้องชาวไทย และขอเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมขับเคลื่อนร้านค้า ก้าวข้ามผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน กับแคมเปญ “ร่วมด้วยช่วยฝากร้าน” เชิญชวนร้านค้าทั่วประเทศ มาฝากร้านใต้โพสต์ที่แลคตาซอยจัดทำไว้ในแต่ละภาค  เพียงทำตามกติกา ดังนี้…

  • เเชร์โพสต์นี้เป็นสาธารณะ
  • ฝากร้านของตนเอง หรือร้านของพ่อเเม่พี่น้องเพื่อนๆ  พร้อมกับพิมพ์ข้อความเชิญชวนในคอมเมนต์ใต้ภาพตามภาคที่ร้านนั้น ๆ ตั้งอยู่
  • เชิญชวน อธิบาย ขายสินค้า บรรยายให้เต็มที่ พร้อมรูปภาพประกอบ และแนบลิงก์ร้านค้า

เพื่อเพื่อนๆจะได้ตามกันไปอุดหนุนสินค้ากันเยอะๆ ร่วมด้วยช่วยกันสร้างรายได้

สำหรับผู้ที่ร่วมด้วยช่วยกันเเชร์เชิญชวนได้โดนใจคณะกรรมการเเละทำถูกต้องตามกติกา ลุ้นรับ Lactasoy E-coupon มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10 รางวัล  (สำหรับสั่งซื้อสั่งผลิตภัณฑ์แลคตาซอยในเว็บไซต์ www.lactasoyshop.com สงวนสิทธิ์ 1 รายชื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คต่อ 1 รางวัล) ระยะเวลาร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.64 – 30 ก.ย.64  ประกาศผลในวันที่ 5 ต.ค.64 ทาง Facebook Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub แจ้งยืนยันสิทธิ์ภายในวันที่ 10 ต.ค.64 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3w0PQ5o

ตลท. จับมือ ดีป้า ส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพอาสา

ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน และ นางลดาวัลย์ กันทวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการส่งมอบเงินสนับสนุนแก่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า โดยมี ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ เป็นผู้รับมอบ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบฐานข้อมูลผู้ป่วย COVID-19 ในสถานการณ์ฉุกเฉินของกลุ่มดิจิทัลสตาร์ทอัพอาสา เป็ดไทยสู้ภัย ณ จุดบรรจุยา สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม หัวหน้ากลุ่มสตาร์ทอัพอาสา เป็ดไทยสู้ภัย ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบฐานข้อมูลผู้ป่วย COVID-19 ในสถานการณ์ฉุกเฉินมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระบบสายด่วน 1668 และ 1422 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเชื่อมโยงการดำเนินการของดิจิทัลสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศ อีกทั้งช่วยลดอัตราการเข้ารับการรักษาพยาบาล อัตราการป่วยรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย COVID-19 โดยการจำแนกผู้ป่วยและสนับสนุนระบบการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมา กลุ่มดิจิทัลสตาร์ทอัพอาสา เป็ดไทยสู้ภัย ดำเนินการร่วมกับกรมการแพทย์ และกรมควบคุมโรคอย่างใกล้ชิดในการยกระดับขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมผ่านมา ทีมเป็ดไทยสู้ภัย ช่วยคัดกรองผู้ป่วยไปแล้วมากกว่า 50,000 ราย และช่วยส่งยาให้ผู้ป่วยที่มีอาการไปแล้วมากกว่า 5,000 ราย

เป็ดไทยสู้ภัย เกิดจากการรวมตัวของเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ได้รับการส่งเสริมโดย ดีป้า ซึ่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงปัจจุบัน

เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ เปิดศูนย์บริการวัคซีนชิโนฟาร์ม

ศูนย์การค้า เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์  พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายวัคซีน ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด –19 ร่วมสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อย่างทั่วถึง สนับสนุนพื้นที่ให้กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 3 แห่ง จ. ปทุมธานี ได้แก่  เทศบาลเมืองบางกะดี เทศบาลตำบลบ้านใหม่ และ  เทศบาลเมืองปทุมธานี  เปิดศูนย์บริการฉีดวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” ที่ได้รับการจัดสรรจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้กับ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ อายุ 18 ปี ขึ้นไป ที่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้าไว้กับเทศบาลในภูมิลำเนา  ให้มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่จาก รพ.กรุงสยามเซนต์คาร์ลอส  ตามแนวทางขั้นตอนการให้วัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่ รวมจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนมากกว่า  12,000 คน  โดยแบ่งเป็นการนัดรับวัคซีน เข็มที่ 1 ตั้งแต่วันนี้  วันศุกร์ที่  กันยายน  2564 และ   เข็มที่ ตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 17 กันยายน – วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2564   บริเวณชั้น 1 ลานไนน์ สแควร์ (เซ็นเตอร์ โซน) ศูนย์การค้า เดอะไนน์ เซ็นเตอร์  ติวานนท์ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 18.00 น.

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม  ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานเปิดศูนย์บริการฉีดวัคซีน ซิโนฟาร์ม ในวันแรก พร้อมตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม ร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกฯ อบจ.ปทุมธานี นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมือง ปทุมธานี  นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี เขต 1 โดยมี นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) นางสาวจรูญรัตน์ สาลี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดอะไนน์  ติวานนท์ (จำกัด)  คณะผู้บริหารเทศบาล จังหวัดปทุมธานี   นำโดย  นายธวัชชัย อึ้งอัมพรวิไล นายกเทศมนตรีเมืองบางกะดี  นายสมบูรณ์ ปานย้อย นายกเทศมนตรีตำบลบ้านใหม่  พล.ต.ต. พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานี และ พญ.อัญชุลี หยองอนุกูล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส ให้การต้อนรับ พร้อมนำชมระบบการให้บริการวัคซีน บริเวณ ชั้น 1 ลานไนน์สแควร์ (เซ็นเตอร์ โซน) ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์  ที่ตั้งอยู่ บนพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตร  รวมถึงมีจุดสังเกตุอาการ อีก 265 ตารางเมตร บริเวณนอร์ธ โซน พร้อมที่จอดรถเพียงพอต่อการรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชน ที่ลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนจำนวนกว่า 1,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รอคอยสำหรับผู้ติดตาม และ โซนปฐมพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินเตรียมพร้อมตลอดทั้งวัน   โดยผู้เข้ารับวัคซีนต้องเป็นผู้ที่ได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ไว้กับเทศบาลเมืองบางกะดี เทศบาลเมืองปทุมธานี    เทศบาลตำบลบ้านใหม่ และได้รับการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น

ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ได้สนับสนุนน้ำดื่ม เอ็ม บี เค จำนวนกว่า  10,000 ขวด  เพื่อบริการเจ้าหน้าที่และผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน พร้อมดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มข้น ภายใต้ 3 มาตรการหลัก คือ  คัดกรอง ป้องกัน ปลอดภัย จุดตรวจวัดอุณหภูมิพร้อมเช็คอินไทยชนะทุกครั้งก่อนเข้า มีจุดให้บริการแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือใน     ทุกจุดของการให้บริการฉีดวัคซีน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกจุดสัมผัสต่าง ๆ และ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นทั่วทั้งศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ อีกมากมาย ได้ที่ www.thenine.co.th/tiwanon  หรือ  Facebook : The Nine Center Tiwanon และ Insatagram :TheNine_Tiwanon

ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) เปิดพันธกิจ Delight everyone with good food choice

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยต้องประสบกับผลกระทบทั้งในด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่มีความลำบากมากขึ้นตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาด กระทั่งเข้าสู่มาตราการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมสถานการณ์เช่นเดียวกับทั่วโลก โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับทุกคนในประเทศ

บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ แจ็คแอนด์จิล (Jack’n Jill) ซึ่งเป็นภาคส่วนหนึ่งของธุรกิจในสังคม มีแนวทางที่ยึดถือและตระหนักถึงความสำคัญของคนทุกคนในสังคม รวมถึงการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในช่วงเวลาที่ประสบกับภาวะวิกฤต จึงได้ดำเนินการส่งมอบขนมและสิ่งของเพื่อการอุปโภคและบริโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือให้กับทุกภาคส่วนในสังคม ที่กำลังต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล ชุมชน และประชาชน มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดจนถึงปัจจุบัน เพื่อร่วมฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน

โดยนับตั้งแต่เข้าสู่สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2563 จนถึงปัจจุบัน บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) ได้ร่วมช่วยเหลือและบริจาคในปีนี้ไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 3,400,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นเงินสนับสนุนเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สิ่งของจำเป็นพื้นฐาน และผลิตภัณฑ์ในเครือกว่า 478,000 ชิ้น เช่น ฟันโอ, โรลเลอร์ โคสเตอร์, ทิวลี่, ไดนาไมท์, ลัช, และดิวเบอร์รี่ โดยมอบให้กับโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ชุมชน และประชาชน นอกจากนี้ บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) ยังได้ส่งมอบกล่องยังชีพให้กับกลุ่มที่ขาดรายได้และกลุ่มที่จำเป็นต้องกักตัวแยกออกจากที่อยู่อาศัยเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วประเทศอีกด้วย ภายในกล่องยังชีพ บรรจุสิ่งของจำเป็นพื้นฐาน เพื่อช่วยในการดำรงชีวิตท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ในเครือ เช่น ฟันโอ, โรลเลอร์ โคสเตอร์, ทิวลี่, ไดนาไมท์, ลัช, และดิวเบอร์รี่

นายฐานันท์ สุวรรณรักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เราให้คุณค่าและความสำคัญกับผู้คนและสังคมเป็นลำดับแรก ดังนั้น เราจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของบริษัทที่มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีให้แก่ผู้บริโภคทุกคน หรือ Delight everyone with good food choice อีกทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย พวกเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุขให้กับทุกภาคส่วนของสังคมที่ร่วมต่อสู้กับภาวะวิกฤตนี้ ผ่านขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ แจ็คแอนด์จิล ของเรา

นอกจากนี้ พนักงานของ บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) ยังร่วมบริจาคและมอบเงินให้กับโรงพยาบาลสมุทรสาคร เพื่อซื้ออุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ให้กับกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งนี้ไม่เพียงแต่พนักงานที่จะเป็นผู้ให้ แต่ยังเป็นผู้รับด้วยเช่นกัน โดยพนักงานได้รับ “กล่องห่วงใย” จากบริษัทฯ ที่บรรจุอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และของจำเป็นพื้นฐานให้กับพนักงานทุกคนในองค์กร ทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่และส่วนของโรงงาน เนื่องจากบริษัทฯ เชื่อมั่นในการให้ความสำคัญกับบุคลากรอย่างแท้จริง และจะไม่ทอดทิ้งพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้

“บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) เราให้ความสำคัญแก่บุคลากรเป็นอันดับต้น และมีการจัดการที่ทำงานของเรา ให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย พวกเราเชื่อมั่นในการให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นลำดับแรก เพราะพวกเขาเป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ อีกทั้งเรายังปลูกฝังให้พนักงานเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ตลอดจนมีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมที่องค์กรได้วางเอาไว้” นาย แมททิว ดีผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด

ช่วย เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ระบายผลผลิตมากกว่า 2,714 ตัน

ไม่มีใครคาดคิดว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยาวนานและส่งผลกระทบยืดเยื้อจนถึงวันนี้

เช่นเดียวกับ หนึ่งในตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอย่าง “นางจันปภัสร์ ตะถาวรวงศ์เจริญ” ผู้มีเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง หรือลูกฟาร์มกว่า 40 ราย กระจายในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์

“ในช่วงแรกๆ ที่เกิดโควิด-19 ยอมรับว่าได้รับผลกระทบมาก แต่พอโควิด-19 อยู่กับเรานานจนถึงวันนี้ ก็ได้แม็คโคร เป็นช่องทางในการระบายผลผลิตที่สำคัญและมั่นคง ช่วยเกษตรกรได้มาก”

กับดักสำคัญ ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งต้องเผชิญอย่างต่อเนื่องทุกปีก็คือ ปัญหาราคาตกต่ำ ที่เกิดจากหลายปัจจัยแตกต่างกัน แต่สำหรับปีนี้ ดูเหมือน “โควิด-19” จะสร้างผลกระทบซ้ำเติมหนักหน่วง

“ปัญหาราคาตกต่ำ นับได้ว่าเป็นปัญหาประจำที่พวกเราทุกคนต้องเผชิญอยู่แล้วทุกปี แต่พอมาเจอกับ สถานการณ์โควิด-19 เราต้องเจอกับปัญหาที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ จากเดิมที่มีช่องทางขายผ่านแม่ค้าในตลาดสด ตลาดนัด ช่องทางนี้ก็หายไป เพราะตลาดต้องปิดตัวลงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ ก็มีแม็คโคร นี่แหละ ที่เป็นช่องทางสำคัญในตอนนี้ และได้ระบายผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง”

“จันปภัสร์” บอกว่า เธอและลูกฟาร์มในเครือข่าย ส่งกุ้งขาวให้แม็คโครอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และเมื่อมีโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งปี 2564 ที่แม็คโคร ร่วมกับกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงโควิด-19 ทำให้มีช่องทางระบายผลผลิตที่สำคัญ ช่วยเกษตรกรที่เป็นลูกฟาร์มเครือข่ายให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยส่งตรง กุ้งขาวหลายขนาด ทั้งเล็ก ใหญ่ จัมโบ้ หรือกุ้งขาวในรูปแบบตาข่าย ให้กับแม็คโครสาขาต่างๆ

ปัจจุบันแม็คโคร มีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อยส่งผลผลิต กุ้งขาว และกุ้งก้ามกราม กุ้งนาง ให้แม็คโครประมาณ 945 ราย จากหลายภูมิภาค ทั้งภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ในจำนวนนี้มีหลายรายที่พัฒนามาจากการเป็นเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาและเข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงกับกรมการค้าภายใน จนกลายเป็นคู่ค้าสำคัญของแม็คโคร สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้รับผลกระทบประสบปัญหามีช่องทางระบายผลผลิตได้น้อยลง แม็คโคร จึงร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ขับเคลื่อนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งปี 2564 สอดคล้องไปกับพันธกิจสำคัญของแม็คโคร นั่นคือ ‘โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด’ แม็คโครจึงเร่งเข้ารับซื้อตรงเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ได้ระบายผลผลิตมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ เราช่วยรับซื้อกุ้งจากเกษตรกรไปแล้ว 2,714 ตัน”

“ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ยังมีเกษตรกรอีกมากมายที่กำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในหลายมิติ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย การส่งเสริมการขาย นับเป็นการรวมพลังของภาครัฐและเอกชนขับเคลื่อนการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง และเกษตรกรในกลุ่มการผลิตอื่นๆ อย่างเร่งด่วนตามยุทธศาสตร์ ตลาดนำการผลิต อย่างแท้จริง” นางศิริพร กล่าว

มิตรผล – กฟผ. ร่วมภารกิจสู้โควิด-19

กลุ่มมิตรผล และ กฟผ. ประสานพลังสู้โควิด-19 ต่อเนื่อง ผลิตและส่งมอบเตียงไม้ 500 เตียง ให้โรงพยาบาลสนาม 10 จังหวัด เสริมความพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น พร้อมนี้กลุ่มมิตรผลร่วมสมทบทุนมูลนิธิเขื่อนยันฮี อีก 1 ล้านบาท สานต่อภารกิจกู้วิกฤตโควิด-19

นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหารกลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า กลุ่มมิตรผล และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีต่อกันมายาวนาน โดยทั้งสององค์กรมีเป้าหมายเช่นเดียวกันในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบและสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย จึงได้ร่วมกันช่วยเหลือสังคมในหลายโอกาส เช่น โครงการแว่นแก้วเฉลิมพระเกียรติเพื่อมอบความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาทางสายตาให้กับชุมชนรอบ ๆ โรงงาน จนมาในวิกฤตโควิด-19 กลุ่มมิตรผล ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ ได้สนับสนุนเอทานอล 95% จำนวน 35,000 ลิตร ให้กับ กฟผ. ตั้งแต่การระบาดในระลอกแรกเพื่อใช้ผลิตเจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อดูแลสุขอนามัยของประชาชนและสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์

สำหรับโควิดระลอก 4 นี้ กลุ่มมิตรผลได้มอบเตียงไม้ จำนวน 500 เตียง ซึ่งผลิตโดยบริษัท พาเนล พลัส จำกัด ผู้ผลิตวัสดุทดแทนไม้ในกลุ่มมิตรผล พร้อมมอบเงินสนับสนุน 1 ล้านบาทให้กับมูลนิธิเขื่อนยันฮี เพื่อใช้จัดซื้อสิ่งของจำเป็นสำหรับโรงพยาบาลสนาม เช่น ชุดที่นอนเครื่องใช้ เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงเครื่องผลิตออกซิเจน นับเป็นอีกโครงการหนึ่งที่กลุ่มมิตรผลยินดีที่จะร่วมส่งมอบความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ยังขาดแคลน เพื่อร่วมสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น โดยในวิกฤตระลอกปัจจุบัน กลุ่มมิตรผลได้ผลิตและส่งมอบเตียงไม้ที่แข็งแรง ทนทาน กันน้ำและความชื้น ทำความสะอาดได้ด้วยแอลกอฮอล์ เป็นมิตรกับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม มาแล้วกว่า 2,000 เตียง

ด้านนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ขอขอบคุณกลุ่มมิตรผล มูลนิธิเขื่อนยันฮี ที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีตลอดมา สำหรับการส่งมอบเตียงไม้ในครั้งนี้ กฟผ. ใช้ศักยภาพทางการขนส่ง ทั้งด้านพาหนะและบุคลากรในการจัดส่งเตียงไม้ไปยังโรงพยาบาลสนามและหน่วยงานต่าง ๆ ครบพื้นที่ 10 จังหวัดแล้ว ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สระบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี บุรีรัมย์ สุรินทร์ กาญจนบุรี ชัยภูมิ มหาสารคาม และนครราชสีมา โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้แทนจากกลุ่มมิตรผล มูลนิธิเขื่อนยันฮี และ กฟผ. ได้ส่งมอบเครื่องผลิตออกซิเจนให้แก่โรงพยาบาลสามเงาและโรงพยาบาลบ้านตาก จังหวัดตาก รวมถึงมูลนิธิกลุ่มเส้นด้าย เพื่อสนับสนุนภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 อีกด้วย

ทั้งนี้ มูลนิธิเขื่อนยันฮี ได้จดทะเบียนตั้งแต่ปี 2552 โดยผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกิจการสาธารณกุศล สังคมสงเคราะห์ และร่วมมือกับองค์การกุศลอื่น ๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยในช่วงที่ผ่านมา มูลนิธิเขื่อนยันฮี ได้รับการสนับสนุนจากคนไทยทั่วประเทศร่วมสู้ภัยโควิด โดยบริจาคเงินให้กับมูลนิธิฯ ผ่านแพลตฟอร์มเทใจ เพื่อนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ได้แก่ การจัดหาชุดเตียงสนาม จำนวน 1,000 ชุด ให้แก่โรงพยาบาลสนาม หรือ ศูนย์พักคอยที่ขาดแคลนทั่วประเทศ และการมอบลมหายใจปลอดเชื้อให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการจัดทำหมวกป้องกันเชื้อ PAPR พร้อมชุดกรองจ่ายอากาศบริสุทธิ์ จำนวน 200 ชุด และในอนาคตมูลนิธิเขื่อนยันฮีจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการขยายความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรและประชาชนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือกันและกันในสภาวะที่ยากลำบาก และร่วมสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป

ทำความรู้จัก Dietz Home Isolation ตัวช่วยยุคโควิด-19

ไดเอทซ์ (DietZ) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) สำหรับ สถานพยาบาล และองค์กร ผนึกกำลังพันธมิตร เปิดบริการใหม่ Dietz Home Isolation แบบครบวงจร สำหรับสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน ช่วยจัดการข้อมูลผู้ป่วยโควิดในการดำเนินงานดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation) ได้ง่ายขึ้น สามารถเบิกจ่ายสปสช.และประกันสุขภาพเอกชนได้ และลดภาระและความเสี่ยงให้บุคลากรทางการแพทย์ ชู 5 บริการเด่นด้วย ระบบติดตามผู้ป่วยผ่าน Dietz Covid Tracker ให้บริการแชทและพบแพทย์ออนไลน์ด้วย Telemedicine, คอลเซ็นเตอร์ติดตามอาการ, บริการจัดหาอาหารให้ผู้ป่วย, วิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ปอดอย่างแม่นยำผ่านระบบ AI, และบริการตรวจโควิดนอกสถานที่

นายพงษ์ชัย เพชรสังหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีซีชั่น ไดเอทซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผู้ป่วยสะสมโควิด-19 มากกว่า 1,000,000 คน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากขึ้น แนวทางการทำ Home Isolation จึงกลายมาเป็นวิธีการสำคัญที่โรงพยาบาลจะเลือกใช้ ดังนั้น ไดเอทซ์ จึงร่วมมือกับพันธมิตรในการเปิดให้บริการ Dietz Home Isolation โดยมีจุดประสงค์หลักในการช่วยสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนจัดการผู้ป่วยโควิด ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงจัดการเรื่องระบบประกอบการเบิกจ่ายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. และประกันสุขภาพเอกชน ได้อย่างครบถ้วน

Home Isolation Total Solution ประกอบไปด้วย 5 บริการ ได้แก่

1. ระบบ Dietz Covid Tracker สำหรับการติดตามอาการผู้ป่วยที่บ้าน ผู้ป่วยบันทึกผลได้ด้วยตนเอง จำแนกอาการอัตโนมัติ สามารถแชตและวีดีโอคอลผ่านระบบได้ และเอกสารเบิกจ่ายได้ตามระเบียบสปสช. และประกันสุขภาพเอกชน

2. บริการโทรศัพท์ติดตามอาการ (Call Center) ช่วยโรงพยาบาลในการตามข้อมูลคนไข้ในแต่ละวัน เพื่อติดตามระดับออกซิเจนในเลือด อุณหภูมิ อาการ นำลงระบบประกอบการเบิกจ่าย

3. รับจัดหาอาหารให้ผู้ป่วย 3 มื้อต่อวัน และจัดส่งอาหาร ในอัตราการเบิกจ่ายของทางราชการ โดยให้บริการในพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี โดยครัวเคลมดิ

4. บริการตรวจโควิด-19 นอกสถานที่ พร้อมรถบริการตรวจแบบ ATK และ RT-PCR โดย MeDiSeeและพันธมิตร ให้บริการด้วยคุณภาพการบริการ ร่วมกับ บีทีแล็บ ซึ่งผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน LA จากสภาเทคนิคการแพทย์

5. บริการระบบ AI อ่านฟิล์มเอกซเรย์จาก Perceptra การวิเคราะห์ภาพเอ็กซ์เรย์ปอดที่แม่นยำ ความเร็วสูง ช่วยลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ ปัจจุบันให้บริการกว่า 80 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ด้วยส่วนลดพิเศษ

ปัจจุบัน Dietz Home Isolation เปิดให้โรงพยาบาลรัฐเข้ามาใช้บริการฟรี ส่วนโรงพยาบาลเอกชนจะคิดค่าบริการในการติดตั้งระบบตามจำนวนผู้ป่วย ซึ่งบริษัทจะนำรายได้จากการให้บริการซอฟต์แวร์เอกชนมาใช้อุดหนุนการให้บริการฟรีกับทางโรงพยาบาลภาครัฐ นอกจากนี้ ยังคาดว่าภายหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น โรงพยาบาลรัฐจะปรับมาใช้เป็นระบบเทเลเมดิซีนเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคทั่วไปในอนาคต และระบบการติดตามคนไข้โรคเรื้อรัง

ไดเอทซ์ จึงขอเชิญชวนโรงพยาบาลรัฐ ที่มีอยู่ประมาณ 1,000 แห่ง โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเอกชนทั่วประเทศ เข้ามาใช้ระบบดังกล่าวในการดูแลคนไข้โควิด-19 โดยทีมงานติดตั้งระบบได้ภายในระยะเวลา 1-2 วัน และสามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งกำลังนำบริการนี้ไปใช้ดูแลผู้ป่วยจำนวนประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้ป่วยในระบบราว 20,000 คน สำหรับสถานพยาบาลที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/Dietz.asia หรืออีเมล  [email protected]