SASOM สตาร์ตอัพไทย ปิดดีลระดมทุนจากเกาหลี ร่วมลุยธุรกิจ

SASOM ปิดดีลระดมทุนระดับ Pre-Series A จาก Kream Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ในเครือของ Naver ที่เป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation ดันมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นสตาร์ตอัพไทยในธุรกิจแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมรายแรกที่มีบริษัทชั้นนำจากเกาหลีใต้เข้าร่วมทุน เดินหน้าผนึกความร่วมมือเป็น Strategic Partner แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยี นำเงินจากการระดมทุนพัฒนาแพลตฟอร์ม SASOM (สะสม) มุ่งสู่การเป็น The Collectors Paradise of Asia เทียบชั้นระดับโลก ชูจุดเด่นเป็นแหล่งรวบรวมของสะสมแบรนด์เนมและของหายากกว่าหมื่นรายการ เช่น Sneakers, Streetwears, Be@rbrick, Art Toys การันตีของแท้
ทุกชิ้น เตรียมระดมทุนระดับ Series A ต่อเนื่องในปีหน้า

นายกษิต งานทวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท สะสม จำกัด ผู้พัฒนา Sasom แพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมและของหายากรายแรกในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมและของหายากเป็นครั้งแรกในปี 2019 และมีการระดมทุนครั้งแรกในระดับ Pre-Seed จากกลุ่มทุนในประเทศไทยไปแล้ว ล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอีกครั้งในการระดมทุนระดับ Pre-Series A จาก Kream Corporation ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Naver ที่เป็นบริษัทแม่ของ LINE Corporation ส่งผลให้มีมูลค่ากิจการในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านบาท โดยการระดมทุนดังกล่าวจะช่วยต่อยอดและพัฒนาแพลตฟอร์มให้เพิ่มศักยภาพในการให้บริการรองรับจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายที่เพิ่มขึ้น และยกระดับ SASOM เป็น The Collectors Paradise of Asia (สวรรค์ของนักสะสมแห่งเอเชีย) เทียบชั้นกับแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมและของหายากในระดับโลก

“ในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ เรามีความภาคภูมิใจอย่างมากที่เป็นบริษัทสตาร์ตอัพไทยรายแรกๆ ในธุรกิจด้านแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมและของหายาก ที่ได้ความรับเชื่อมั่นจากบริษัทระดับแนวหน้าในเกาหลีใต้เข้าร่วมลงทุนในบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพแพลตฟอร์ม SASOM ที่สามารถตอบสนองความต้องการและเป็นคอมมูนิตี้ที่เป็นจุดนัดพบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายมาซื้อขายแลกเปลี่ยนของสะสมและของหายากจากทั่วโลก โดยมีบริษัทฯ ทำหน้าที่คนกลางในการพัฒนาแพลตฟอร์มและตรวจสอบสินค้าทุกชิ้น เพื่อให้ความมั่นใจว่าเป็นของแท้อย่างแน่นอน” นาย กษิต กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะร่วมมือกับ Kream Corporation ที่กำลังขยายธุรกิจด้านแพลตฟอร์มซื้อขายของสะสมและของหายากในภูมิภาคเอเชีย ในฐานะหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ พร้อมนำเงินจากการระดมทุนมาใช้พัฒนาแพลตฟอร์ม SASOM (สะสม) ให้สามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายได้ดียิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีด้าน Machine Learning และการนำระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาใช้ตรวจสอบสินค้าว่าเป็นของแท้หรือไม่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจการเลือกซื้อสินค้าและยกระดับ SASOM ให้เป็นแพลตฟอร์มของสะสมชั้นนำระดับโลก และจากความร่วมมือกันดังกล่าวยังเป็นการเพิ่มโอกาสแก่คนไทยที่มีของสะสม สามารถเสนอขายสินค้าแก่ผู้ซื้อที่เป็นชาวต่างชาติผ่านแพลตฟอร์ม SASOM และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าจากต่างประเทศ โดยปัจจุบันเริ่มมีรองเท้าสำหรับนักกอล์ฟ ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมและหายากจากประเทศเกาหลีใต้มาจำหน่ายในแพลตฟอร์ม SASOM บ้างแล้ว

“เรามีแผนระดมทุนในระดับ Series A อย่างต่อเนื่องในปีหน้า โดยปัจจุบันทาง Kream Corporation พร้อมจะลงทุนอย่างต่อเนื่องในปีหน้ากับเรา เพื่อร่วมมือกันพัฒนาแพลตฟอร์ม SASOM และร่วมเติบโตไปด้วยกัน ส่วนในอนาคตบริษัทฯ วางเป้าหมายจะก้าวสู่การระดมทุนในระดับ Series B ต่อไปเพื่อยกระดับจากสตาร์ตอัพเป็นบริษัทชั้นนำในอนาคต” นาย กษิต กล่าว

นาย กษิต กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ถือเป็นสตาร์ตอัพไทยที่เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส SASOM ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นตัวกลางในการซื้อขายของสะสมแบรนด์เนมและสินค้าหายากรายแรกในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้คอนเซปต์ “Next Generation Platform for Authentic Luxurious Transactions” โดยได้รับแรงบันดาลใจในการพัฒนาแพลตฟอร์มหลังกลับจากการศึกษาต่อต่างประเทศ และพบว่าในประเทศไทยยังไม่มีแพลตฟอร์มด้านการซื้อขายของสะสมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค จึงต้องใช้บริการสั่งสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศซึ่งต้องรอสินค้าเป็นเวลานาน หรือสั่งซื้อจากผู้ขายในสื่อโซเชียลมีเดียซึ่งไม่รับประกันว่าเป็นของแท้ 100% และถือเป็น Pain Point ของผู้ซื้อ โดยปัจจุบันแพลตฟอร์ม SASOM มีของสะสมหลากหลายประเภททั้งสินค้ามือ 1 และมือ 2 ให้เลือกกว่า หมื่นรายการ อาทิ รองเท้าผ้าใบ (Sneaker), โมเดลของเล่นสะสมแบร์บริค (Be@rbrick), เสื้อผ้า, กระเป๋า, เครื่องประดับ, นาฬิกา, สเก็ตบอร์ด ฯลฯ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ถือเป็นช่องทางการลงทุนที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

จุดเด่นแพลตฟอร์ม SASOM คือเป็นแหล่งรวบรวมของสะสมรุ่นยอดนิยม รุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียงไม่กี่ชิ้นในโลก หรือเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวและกำลังเป็นที่ความนิยม โดยเฉพาะ Sneaker ที่มีให้เลือกมากมายกว่า 10,000 คู่ ราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาท เช่น Nike, Jordan, Adidas, Yeezy เป็นต้น โมเดลของเล่นสะสม Be@rbrick ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่ม มิลเลเนียล เเละ เจ็น Z ที่มีให้เลือกกว่า 1,000 รายการ, เสื้อผ้าแบรนด์ Supreme รุ่นหายาก โดยสินค้าทุกชิ้นที่ลงประกาศขายจะได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด พร้อมติดป้ายสัญลักษณ์เพื่อรับประกันและให้ความมั่นใจแก่ผู้ซื้อว่าเป็นของแท้ 100%

“เราพัฒนาแพลตฟอร์ม SASOM เปิดบริการเมื่อปี 2019 เพื่อเป็นคอมมูนิตี้สำหรับผู้ซื้อและผู้ขายของสะสมแบรนด์เนมและสินค้าหายากจากทั่วโลก รวมถึงแก้ไข Pain Points ของผู้ซื้อและผู้ขายของสะสมที่ไม่มีแพลตฟอร์มในประเทศไทยจึงต้องสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ซึ่งต้องรอการจัดส่งเป็นระยะเวลานานและต้องเสียภาษีนำเข้า รวมถึงผู้บริโภคยังมีความเสี่ยงจากการถูกหลอกซื้อสินค้าลอกเลียนแบบอีกด้วย” นายกษิต กล่าว

SASOM มีบริการก่อนและหลังการขายที่หลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยอำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย อาทิ การโปรโมตสินค้า ให้บริการลูกค้าสัมพันธ์ การตรวจสินค้าเพื่อรับประกันของแท้ 100% บริการทำความสะอาดสินค้า ติดแผ่น sole protector เพื่อรักษาสภาพรองเท้า ให้ข้อมูลราคากลางเพื่อประกอบการตัดสินใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และล่าสุดได้พัฒนา Price Chart เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขายของสะสมที่ต้องการทราบข้อมูลความเคลื่อนไหวด้านราคาของสะสมแบรนด์ต่างๆ

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาแพลตฟอร์ม SASOM ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและผู้ขายเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียอดขายสินค้าเฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 30 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ โดยจะมุ่งขยายฐานผู้ซื้อและผู้ขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนของสะสมในไทยและต่างประเทศ

“เราวางแผนขยายฐานผู้ซื้อและผู้ขายบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เรายังมีแผนจะนำระบบ AR (Augmented Reality) เข้ามาใช้เพื่อพัฒนาการให้คำแนะนำแก่ลูกค้า และพัฒนา SASOM ให้เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ” นายกษิต กล่าว

ETRAN MYRA ยอดจอง 1 เดือนทะลุ 1,000 คัน

อีทราน (ไทยแลนด์) หรือ ETRAN สตาร์ทอัพสายยานยนต์ ผู้มุ่งเป็นผู้นำการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่การมีส่วนร่วมในการพัฒนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เผยยอดจอง ETRAN MYRA มอเตอร์ไซค์ EV ทรงประสิทธิภาพเพื่อการขนส่ง ทะลุ 1,000 คันแล้ว หลังจากเปิดตัวได้เพียง 1 เดือน ประกาศขยับเป้ายอดขายขึ้นจาก 1,000 คัน เป็น 2,000 คัน ภายในปีนี้ บทพิสูจน์ก้าวแรก เป็นมอเตอร์ไซค์ EV ขวัญใจไรเดอร์ ด้วยโมเดลการเป็นเจ้าของที่เข้าถึงง่ายขึ้น คิดค่าเช่าวันละ 150 บาท พร้อมจับมือ โรบินฮู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่สัญชาติไทย มาแรง ด้วยค่าเช่าพิเศษให้กับโรบินฮู้ดไรเดอร์เพียงวันละ 120 บาท ยอดจอง 70% มาจากกลุ่มโรบินฮู้ดไรเดอร์ และ 30% จองผ่าน ETRAN พร้อมเดินหน้าบุกตลาด B2B เต็มรูปแบบ เร่งจับมือพันธมิตรเปิดสถานีสลับแบตเตอรี่ สร้างเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ครอบคลุมเพิ่มขึ้น มุ่งสานต่อเจตนารมณ์เป็นผู้นำในการสร้างคอมมูนิตี้เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี ตามพันธสัญญา ผลักดันโลกไปในทิศทางที่ดีกว่า – Drive The Better World

นายสรณัญช์ ชูฉัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด (ETRAN) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเปิดตัว ETRAN MYRA  รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือมอเตอร์ไซค์ EV เพื่อการขนส่งโดยเฉพาะ จับกลุ่มไรเดอร์เดลิเวอรี่ ซึ่งตลาดกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป หรือ B2C  ไปเพียง 1 เดือน มียอดจองทะลุ 1,000 คัน ซึ่งจะพร้อมทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 นี้เป็นต้นไป คิดเป็น 100% ของเป้าหมายยอดจอง  ETRAN MYRA ที่วางเอาไว้ 1,000 คัน ภายในสิ้นปีนี้ โดยยอดจองดังกล่าว 70% จองผ่านโครงการความร่วมมือกับ โรบินฮู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่เพื่อคนตัวเล็ก ซึ่งมีอัตราค่าเช่าพิเศษให้กับโรบินฮู้ดไรเดอร์เพียงวันละ 120 บาท  และ 30% เป็นยอดจองผ่าน ETRAN ในอัตราค่าเช่าวันละ 150 บาท โดยราคาดังกล่าวรวมการสลับแบตเตอรี่ฟรีได้วันละครั้ง

“นับเป็นความสำเร็จก้าวแรกของ ETRAN MYRA จากการตอบรับที่ดี จนกลายเป็นมอเตอร์ไซค์ EV ขวัญใจกลุ่มไรเดอร์ เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เป็นรถขนาดเล็กที่คล่องตัว สำหรับการขนส่งในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น แต่ยังคงทรงประสิทธิภาพและมีสมรรถนะในการขับขี่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกมอเตอร์ไซค์เพื่อการใช้งานดังกล่าว ETRAN MYRA รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ให้เร่งแซงหรือขึ้นสะพานชัน ๆ ได้ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7 วินาที วิ่งส่งงานได้ต่อเนื่องไกลที่สุดเท่าที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีมา ด้วยระยะทางยาวถึง 180 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ช่วยลดต้นทุนต่อวันให้กับไรเดอร์ เนื่องจากค่าเช่ารวมการสลับแบตเตอรี่ฟรีวันละครั้ง เทียบกับค่าผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปและค่าเชื้อเพลิงต่อวัน ช่วยประหยัดลดลงได้กว่า 50% รวมทั้งยังทำให้ผู้ใช้สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า เพื่อตนเองและสังคมได้อีกด้วย”

นายอาร์ชวัส เจริญศิลป์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า  ภายหลังจาก ETRAN MYRA ประสบผลสำเร็จในการเปิดตลาด B2C ไปเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไป ETRAN จะมุ่งขยายตลาดไปสู่ตลาดกลุ่มกับกลุ่มธุรกิจ องค์กร หรือ Business to Business (B2B) เพิ่มขึ้น โดยเน้นไปในกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในภาคอุตสากรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ซึ่งมีนโยบายให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกับการมองหาทางเลือกใหม่ในการลดต้นทุนการขนส่ง  ซึ่งเป็นเทรนด์ในการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพในหลายองค์กร ทั้งนี้ ETRAN ได้ปรับเป้ายอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 1,000 คัน เป็น 2,000 คัน ภายในปี 2564 นี้

โรดแมปสำคัญของ ETRAN คือเร่งเดินหน้าขยายสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ ETRAN Power Station  เพื่อรองรับปริมาณผู้ใช้ ETRAN MYRA  และผู้ใช้รถ ETRAN รุ่นอื่น ๆ ที่จะมีการเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ โดยได้เดินหน้าเจรจากับพันธมิตรที่มีทำเลศักยภาพ และมีแนวคิดร่วมกับ ETRAN ที่ต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า รวมทั้งสามารถต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้ต่อเนื่องในระยะยาว เช่น ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสร้างเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ครอบคลุมเพิ่มขึ้น โดยภายในสิ้นปีนี้มีเป้าหมายเพิ่มจำนวน ETRAN Power Station ให้ครบ 100 จุด ทั่วพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

“ในทุกกลยุทธ์ธุรกิจของ ETRAN ทั้งในแง่ของการขยายกลุ่มผู้ใช้ในตลาด B2C และ B2B  รวมไปถึงการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในด้านการผลิต การขาย การสร้างเครือข่าย ETRAN Power Station ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างคอมมูนิตี้เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี นับตั้งแต่ขบวนการผลิตไปจนถึงการใช้งาน เพื่อเป้าหมายเป็นผู้นำขบวนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่การมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับพันธสัญญาของ ETRAN ที่ต้องการผลักดันโลกไปในทิศทางที่ดีกว่า  Drive The Better World”

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างโลกที่ดีกว่าด้วยรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืนได้ที่ www.etrangroup.com

ไทยยูเนี่ยน นำทัพแบรนด์ซีเล็ค ร่วมโครงการธงฟ้า

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) นำผลิตภัณฑ์แบรนด์ ซีเล็คเข้าร่วมโครงการธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย รวมถึงประชาชนทั่วไปได้บริโภคสินค้าดีมีคุณภาพในราคาประหยัดลดภาระค่าครองชีพ โดยนำเอาผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง ซีเล็ค ปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ และ ซีเล็ค น้ำพริกผัดทูน่า เข้าร่วมโครงการ โดยจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น

นายศรัณย์ รัตนรุ่งเรืองชัย ผู้จัดการทั่วไป บริหารกลุ่มตลาดเกิดใหม่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในนาม ไทยยูเนี่ยน ภายใต้แบรนด์ซีเล็ค รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อช่วยสนับสนุนมาตรการของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดหาสินค้าที่จำเป็น มีคุณค่าทางโภชนาการ มีคุณภาพ และที่สำคัญเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เพราะเราจำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป ซึ่งโครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการที่ช่วยเหลือสังคม เพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน รวมทั้งร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยเช่นกัน

“ทางไทยยูเนี่ยน ได้นำเอาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ซีเล็ค โดยนำร่องด้วยปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ ที่ทั้งอร่อย เพราะคัดสรรปลาแมคเคอเรล อุดมด้วยคุณประโยชน์ทั้งโอเมก้า 3, EPA, DHA รวมถึงวิตามินซีและดี มาจำหน่ายในราคา ถูก ทำให้ประชาชนทั่วไปได้บริโภคสินค้าดีมีคุณภาพในราคาประหยัด และ ดี เพราะการันตีคุณภาพจากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโรงงานมาตรฐานผลิตแบบสากล สินค้าสามารถจัดเก็บไว้บริโภคได้นานถึง 3 ปี โดยไม่ใส่วัตถุกันเสียหรือสารกันบูด โดยผลิตภัณฑ์ซีเล็ค จากไทยยูเนี่ยน ยังถือเป็นผลิตภัณฑ์แบรนด์แรกที่ได้รับอนุมัติตราสัญลักษณ์ธงฟ้าจากกรมการค้าภายในบนบรรจุภัณฑ์ สำหรับวางจำหน่ายพิเศษ เฉพาะที่ร้านธงฟ้าเท่านั้น ความร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของการดำเนินงานของไทยยูเนี่ยน ที่มุ่งมั่นในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหาร ให้แก่อนาคตของคนรุ่นต่อๆไป”

สำหรับผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่นำมาเข้าร่วมโครงการมี 2 รายการ คือ ซีเล็ค ปลาแมคเคอเรลในซอสมะเขือเทศ ขนาด 155 กรัม ใน ราคาปลีกแนะนำเพียง 14 บาท (จากราคาปกติ 16 บาท) และซีเล็คน้ำพริกผัดทูน่า x ธงฟ้า ขนาด 90 กรัม ในราคาปลีกแนะนำเพียง 20 บาท (จากราคาปกติ 27 บาท) มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นมากกว่า 25,000 ร้าน ทั่วประเทศ

ชวนร่วมกิจกรรมวันแม่ Mom Day “โชว์ภาพความรัก แม่ลูก ในสไตล์คุณ”

ฟูจิฟิล์ม ร่วมกับ Wonder Photo Shop by Big Cameraขอเชิญทุกท่าน ส่งมอบความรัก แม่ลูก ในสไตล์คุณ ในทุกช่วงความประทับใจผ่านภาพถ่ายและโพสรูปคู่แม่ลูกในเดือนสิงหาคม วันแม่ปีนี้ กับการร่วมกิจกรรมสนุกถ่ายภาพ “โชว์ภาพความรัก แม่ลูก ในสไตล์คุณ”  โพสรูปภาพความรัก แบบอบอุ่น ได้ไม่จำกัดจำนวน พร้อมกับลุ้นรับรางวัลของขวัญ แบบน่ารักไปเลย เริ่มสนุกกับกิจกรรมตั้งแต่ 5 12 สิงหาคม 2564 นี้

สำหรับกติกาง่าย ๆ เพียงแค่ถ่ายภาพคู่แม่ลูก ที่สื่อถึงความรัก สายสัมพันธ์ ความห่วงใย หรือความประทับใจ แบบไหนก็ได้ ในสไตล์คุณ แล้วโพสโชว์รูปแห่งความรักคู่แม่ลูก ไว้ใน comment ใต้โพสของกิจกรรม  พร้อมแคปชั่นเก๋ ๆ ที่อยากบอกให้โลกรู้ ถึงความรักแม่ลูกในสไตล์คุณ ประกาศผลการตัดสินในวันที่ 16 สิงหาคม นี้ สำหรับภาพที่ชนะใจกรรมการมากที่สุด รับของรางวัลของขวัญแม่ลูก ไปเลย ได้แก่  instax mini Link 1 รางวัล มูลค่า 3,890 บาท และ Photobook 1 รางวัล  มูลค่า 2,500 บาท  สามารถร่วมสนุกโพสรูปในหน้าเพจ https://www.facebook.com/wpsthai/posts/2939000206359845 สนใจอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร่วมสนุก ได้โดยส่งข้อความมาทางเพจ  https://www.facebook.com/wpsthai/ เงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัทฯ

ช้อปอะไรดี? น้ำอัดลมใสซ่า “เซเว่นอัพฟรี พลัสไฟเบอร์”

บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ชวนคุณมาอัพความสดชื่น ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่แรกของโลกกับ เซเว่นอัพฟรี พลัสไฟเบอร์ (7UP Free Plus Fiber) เครื่องดื่มอัดลมใส ซ่า ปราศจากน้ำตาลและาเฟอีน ผสมผสานรสชาติหวานเปรี้ยวกลิ่นไลม์และเลมอนที่สดชื่นลงตัวพร้อมพลัสสิ่งดีๆ ด้วยไฟเบอร์ถึง 5,600 มิลลิกรัมต่อหนึ่งขวด* หรือเทียบเท่าปริมาณไฟเบอร์ในแอปเปิล 1 ผล ที่จะช่วยเพิ่มกากในระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นการขับถ่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่ใส่ใจสุขภาพ มีให้เลือกในแบบกระป๋อง ขนาด 325 มิลลิลิตร แบบขวด PET ขนาด 430 มิลลิลิตร และ 440 มิลลิลิตร ทยอยวางจำหน่ายแล้วในร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก-ส่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

ได้เวลาเติมความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มที่จะช่วยพลัสสิ่งดีๆ ให้ชีวิตคล่องตัวไปกับ เซเว่นอัพฟรี พลัสไฟเบอร์ ได้แล้ววันนี้ ในร้านค้าใกล้บ้านคุณติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางhttps://www.facebook.com/7UPThailand/

AMR คาดคว้างานใหม่เติมพอร์ตปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้าน

AMR ไอพีโอป้ายแดงผู้เชี่ยวชาญระบบคมนาคมขนส่งและเมืองอัจฉริยะ หุ้นมีอัพไซด์เพียบ เปรียบเทียบจากราคา Fair Value ปี 2564 ที่ 3 โบรกเกอร์ดังประเมินเอาไว้ในช่วง 8.008.70 บาท ส่วนปี 2565 อยู่ที่ 9.709.76บาท พร้อมประเมินผลงานเติบโตแบบก้าวกระโดดตามเมกะเทรนด์ ทั้งงานด้านคมนาคมในระบบรางที่มีเม็ดเงินลงทุนมหาศาลรัฐฯ รวมถึงงานไอซีทีเป้าหมายที่เป็นพื้นฐานระบบ Smart Cities ใน 23 ปีจากนี้

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR)  โดยระบุว่าเป็นหุ้นที่ตอบรับโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 เนื่องจาก AMR ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชั่น (System Integrator) แบบครบวงจร ซึ่งหากพิจารณาจากงานในอดีตและงานในมือกลุ่มลูกค้าของ AMR จะเน้นไปที่งานวางระบบคมนาคมขนส่ง (Transportation Solution: TS) โดยในปี 2563 รายได้จากงานประเภท TS คิดเป็นราว 65.5% ของรายได้รวม และรายได้จากงานวางระบบไอซีทีและซิสเต็มส์โซลูชั่น (ICT and System Solution: ISS) ในปี 2563 คิดเป็นราว 23.7% ของรายได้รวมจะเห็นว่าโครงสร้างธุรกิจของ AMR สอดคล้องกับแผนพัฒนาดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2561 2580 ของภาครัฐฯ

ประเด็นถัดมาคือรายได้ประมาณ 70% ของ AMR เป็นรายได้จากงานประเภท TS อาทิระบบเดินรถไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบในการดําเนินงานและงานซ่อมบํารุง ฯลฯ ซึ่งอิงไปกับการพัฒนาระบบรางและระบบคมนาคมขนส่งของประเทศไทย ดังนั้น แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยเฉพาะงานระบบราง (รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่รถไฟฟ้าชานเมือง รถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรล ฯลฯ) ที่คาดว่าจะมีมูลค่าลงทุนราว 1.7 ล้านล้านบาท จากประวัติการทํางานในอดีต (Track record) ทําให้คาดว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยเฉพาะระบบราง จะเป็นอีกปัจจัยสําคัญที่หนุนผลการดําเนินงานของธุรกิจ IT Solution อย่าง AMR ด้วย

นอกเหนือจาก Backlog ในมือ AMR ยังมีงานรอประมูลอีกราว 8 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะทําให้รายได้เติบโต +7% CAGR (2563 66) อย่างไรก็ดี ทางบริษัทได้คํานึงถึงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการประมูลงานโครงการ จึงวางเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานประเภทงานให้บริการดูแลรักษาและซ่อมบํารุง หรือ Maintenance Agreement (MA) ภายในปี 2565  ซึ่งงานประเภท MA จะเป็นรายได้ประเภท Recurring income ที่ต่อเนื่องและมีอัตรากําไรขั้นต้นที่สูง

ฝ่ายวิเคราะห์ฯได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2564 ได้เท่ากับ 8.7 บาท อิง PE 30 เท่า โดย Discount 14% จากคาเฉลี่ย Forward PE ของหุ้นกลุ่ม Business Solution ที่เน้นงานด้านเทคโนโลยีที่ 35 เท่า

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด ได้ประเมินเกี่ยวกับ AMR ว่ามี Fair Value ปี 2564 เท่ากับ 8.58 บาทต่อหุ้น และปี 2565 เท่ากับ 9.76 บาทต่อหุ้น อ้างอิงวิธี PE ที่ 26 เท่า ซึ่งเป็นระดับ Conservative ปรับลดจากค่า P/E เฉลี่ยย้อนหลังของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันที่จดทะเบียนในตลาดต่างประเทศที่ราว 32 เท่า คำนวณบน EPS ปี 2564 ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น และปี 2565 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ โดยยังไม่รวม Upside จากแผนการใช้เงินที่ได้จากการ IPO เพื่อลงทุนต่อยอดธุรกิจในประมาณการ

โดยระบุว่าความน่าสนใจในการลงทุน AMR มาจากทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากกว่า 20 ปี เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชั่น (SI) สัญญาติไทยรายเดียวที่มี Track Record ด้านงาน Turnkey ระบบเดินรถไฟฟ้าระดับเมกะโปรเจคของประเทศ

พร้อมทั้งประมาณการว่า AMR จะมีรายได้และกำไรต่อเนื่อง จากงานในมือที่ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง รวมถึงโอกาสประมูลงานใหม่ คาดการณ์ Backlog และโอกาสคว้างานประมูลเพิ่ม ในช่วงปี 25642566 กว่า 8,000 ล้านบาท ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบคมนาคมและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบกับการขยายฐานรายได้งานบำรุงรักษา (MA) ซึ่งเป็นรายได้ประจำต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากงานโครงการและเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายคงที่ คาดรายได้รวมเติบโต (CAGR) ปี 25632566 ราว 8.3% ต่อปีและคาดกำไรสุทธิปี 25632566 เติบโตราว 7.4% ต่อปี โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นปี 25622563 อยู่ที่ 18.3% และ 20.6% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ฐานะการเงินของ AMR ยังแข็งแกร่ง ก่อนการ IPO บริษัทมีอัตราส่วนหนีสินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนในระดับต่ำเพียง 0.01 เท่า โดยมีสถานะเป็น Net Cash มีเงินสดในมือสูง และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40%

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่าภายใต้จุดแข็งด้านวิจัยพัฒนาสินค้า และบริการตรงตามความต้องการลูกค้า ทำให้ AMR ได้รับงานจากผู้ให้บริการระบบรางหลักของประเทศเสมอ จึงพร้อมเติบโตไปกับเม็ดเงินลงทุนระบบรางมหาศาลรัฐฯ รวมถึงงานไอซีทีเป้าหมายที่เป็นพื้นฐานระบบ Smart Cities ใน 23 ปีจากนี้ ประเมินกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ เงิน IPO จะใช้รองรับปริมาณงานที่เข้ามาในอนาคต และลงทุนเป็นผู้ให้บริการระบบรางสายรอง (Feeder Line) และ Smart Cities ภายใต้สมมติฐานไม่รวมการลงทุนในโครงการให้บริการดังกล่าวที่นำเงิน IPO มาใช้อยู่ในราคา Fair Value คาดกำไรปี 256466 เติบโตเฉลี่ยปีละ 16.8% มูลค่าหุ้นปี 2564 อิง PER 25เท่า อยู่ที่ 8.0 บาท ส่วนปี 2565 จะเพิ่มเป็น 9.70บาท

ด้าน นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) กล่าวว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2564 บริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เรียบร้อยแล้ว ราว 1.4 พันล้านบาท และครึ่งปีหลังยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างยื่นประมูลงานเพิ่มอีกหลายโครงการในปีนี้ บริษัทคาดรับรู้อัตรากำไรปีนี้ปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยในแต่ละปีคาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาเติมพอร์ตไม่น้อยกว่าปีละ 2 พันล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้บริษัทมีการเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ประจำ อาทิเช่น Feeder Line – Smart City – EV Charging Station จากเงิน IPO เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตอันใกล้นี้

“หลังจากได้รับเงินจากการขายไอพีโอในครั้งนี้ AMR จะแบ่งเงินออกมาสัดส่วนราว 85% นำไปใช้ในการลงทุนเพื่อต่อยอดสร้างผลตอบที่ดีขึ้น โดยเบื้องต้นมีแผนที่จะขยายการลงทุนในด้าน Feeder Line Smart City EV Charging Station เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ และเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ ลดความผันผวนธุรกิจ สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น” นายมารุต กล่าวในที่สุด

อีอีซี เปิดโมเดลสร้างคนตรงความต้องการ มีงานทำ รายได้สูง

วันนี้ (3 ส.ค.2564) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีอีซี ร่วมกับ หัวเว่ย อาเซียน อะคาเดมี (Huawei ASEAN Academy) และ ม.บูรพา จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (work shop) รูปแบบออนไลน์ หัวข้อ“Technology Seeker vs Competence Development Workshop” โดยมี ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ อีอีซี และ นายอาเบล เติ้ง (Mr. Abel Deng) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเปิดการสัมมนาฯ พร้อมคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในเทคโนโลยีดิจิทัล 5มาให้ความรู้ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนมาก อาทิ ผู้บริหารระดับสูงและผู้ประกอบการในพื้นที่อีอีซี กลุ่มเอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่มีความสนใจต่อการนำนวัตกรรมดิจิทัล 5G เข้ามาผนวกกับการพัฒนาบุคลากร

การจัดสัมมนาฯครั้งนี้ จัดขึ้นตามแนวทาง อีอีซี โมเดล สร้างคนตรงความการ มีงานทำ รายได้สูง พร้อมขับเคลื่อนหลักสูตรนวัตกรรมที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมในอีอีซี อีกทั้งมุ่งให้เกิดการเรียนรู้เทคโนโลยี 5G ระดับโลกของ หัวเว่ย ที่ได้พัฒนาระบบดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อรวบรวมองค์ความรู้และข้อมูล สำหรับสร้างหลักสูตรการฝึกอบรม ให้กับ นักศึกษาคนรุ่นใหม่ ผู้ที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยี ICT ในพื้นที่อีอีซี  โดยในการสัมมนาฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญจาก หัวเว่ย ร่วมถ่ายทอดความรู้ที่น่าสนใจ เช่น เทคโนโลยี 5G, ระบบการจัดเก็บข้อมูล Cloud, Big Data, และ IoT รวมทั้งการยกระดับเทคโนโลยีดิจิทัลเชื่อมโยงในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ จะได้รวบรวมข้อเสนอแนะ และความต้องการในมิติต่างๆ จากผู้เข้าสัมมนาภาคอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญ ที่ Huawei ASEAN Academy จะได้นำไปปรับการจัดทำหลักสูตร เพื่อเตรียมความพร้อม และพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี สู่อุตสาหกรรม 4.0 ในอนาคต

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง อีอีซี หัวเว่ย และม.บูรพา ครั้งนี้ ว่า ในวันนี้ ถือเป็นก้าวแรกเพื่อร่วมกันขับเคลื่อน โครงการ Huawei ASEAN Academy (ThailandEEC Branch ที่จะสร้างโอกาสการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านดิจิทัล ที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์การสร้างงานให้ตรงความต้องการภาคอุตสาหกรรม แต่จะขยายผลไปสู่การสร้างความสำเร็จ เพื่อนำเทคโนโลยี 5G มาเสริมศักยภาพอุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มผู้ใช้ 5G ในภาคการผลิต โดยอีอีซี ได้ตั้งเป้าหมายให้เกิดการใช้สูงถึง 8,000 โรงงานในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 อย่างยั่งยืน

อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

ด้าน นายอาเบล เติ้ง กล่าวว่า เป้าหมายของ Huawei ASEAN Academy จะพัฒนาทักษะบุคลากรด้านดิจิทัล 5G ให้ได้ 30,000 คน ภายในระยะเวลา ปี ซึ่งทาง หัวเว่ย พร้อมจะให้การสนับสนุนร่วมกับ อีอีซี และมหาวิทยาลัยบูรพา ในการสร้างความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านองค์ความรู้ หลักสูตรด้านดิจิทัล และทรัพยากรต่างๆ ซึ่งหัวเว่ย พร้อมจะร่วมผลักดัน ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของภูมิภาค (Digital Hub of the ASEAN) รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ รวมทั้งการสร้างบุคลากรด้านดิจิทัล ที่หัวเว่ย จะให้การสนับสนุนและยินดีให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

 

มาแล้ว! LINE MELODY MUSIC CHARTS รายงานอันดับเพลงยอดนิยมประจำเดือน

LINE เปิดประสบการณ์ใหม่กับ LINE MELODY MUSIC CHARTS ชาร์ตเพลงยอดฮิต รายงานอันดับเพลงยอดนิยมประจำเดือนจากยอดดาวน์โหลด LINE MELODY ที่สะท้อนผลตอบรับและความนิยมในผลงานเพลง รวมถึงศิลปินได้อย่างชัดเจน เติมเต็มความสนุกและอินเทรนด์ พร้อมสื่อความรู้สึกของการสื่อสารในแบบที่พลาดไม่ได้

นอกเหนือจากส่งสติกเกอร์ที่สื่อความหมายได้มากกว่าการพิมพ์แชทปกติแล้วนั้น เสียงเพลงอย่าง LINE MELODY ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้งาน LINE ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ความรู้สึก ณ ตอนนั้น ๆ หรือความชื่นชอบในศิลปินที่คลั่งไคล้ จนทำให้ LINE MELODY กลายเป็นอีกสิ่งที่ช่วย #แทนใจได้ทุกอารมณ์ และยังเป็นบริการที่แสดงให้เห็นถึงความนิยมของตัวศิลปินในตลาดเพลงเมืองไทยได้ชัดเจนอีกทางหนึ่ง จึงเป็นที่มาของ LINE MELODY MUSIC CHARTS ที่จะรายงานลำดับเพลงฮอต จากยอดดาวน์โหลด LINE MELODY ทุกสิ้นเดือน ให้ผู้ใช้งานได้ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ผลงานศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ โดยมีคลังเพลงฮิตมากกว่า 30,000 เพลง จากกว่า 36 พันธมิตรค่ายเพลง และ Music Distributors ทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเดินหน้าอัปเดตผลงานเพลงใหม่จากทุกศิลปินอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้พลาดในทุกกระแสและทุกอารมณ์

อย่ารอจนตกยุค อย่าช้าจนตกเทรนด์ โหลดเพลง LINE MELODY ได้ที่ melody.line.me แล้วร่วมลุ้นไปกับชาร์ตเพลงฮอต ยอดดาวน์โหลดฮิตติดอันดับ พร้อมเชียร์ศิลปินที่ชื่นชอบ และร่วมกิจกรรมรับของรางวัลสุดพิเศษมากมาย กับ LINE MELODY MUSIC CHARTS ได้ทุกสิ้นเดือน เริ่มเปิดประสบการณ์ความสนุกครั้งแรก 31 กรกฎาคมนี้ เวลา 19.00 น. เพียงเพิ่มเพื่อนและรอชม LIVE ได้เลยที่ https://lin.ee/2nzHQKT/ddkh/lmmcharts หรือผ่านช่องทาง Facebook LINE MELODY Thailand, YouTube LINE MELODY Thailand และ LINE TV

BIZ ดันกัญชาทางการแพทย์ ใช้การรักษาร่วมกับการรักษามาตรฐาน

บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  หรือ BIZ เปิดแผนกกัญชาทางการแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแผนกดังกล่าวถูกจัดตั้งขึ้นที่ โรงพยาบาลแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา โดยมุ่งหวังต่อยอดการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งจากวิธีการฉายรังสี และเคมีบำบัด ควบคู่กับการรักษาร่วมกับการรักษามาตรฐาน ให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้เป็นเศูนย์กลางเพื่อพัฒนาด้านการรักษาผู้ป่วย และเพิ่มการเติบโตให้กับโรงพยาบาล 

นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ เปิดเผยว่า กัญชาทางการแพทย์ คือ อีกหนึ่งความตั้งใจที่วันนี้สามารถบอกเล่าได้อย่างเต็มปากว่า โรงพยาบาลแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา ที่ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 65 นั้น ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดให้บริการแผนกกัญชาทางการแพทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา เพราะถือว่ากัญชาคืออีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้ในการรักษาร่วมกับการรักษามาตรฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผลของการรักษาโรคมะเร็งให้ดีขึ้น สอดรับกับพันธกิจที่ว่า “จะเป็นศูนย์กลางเพื่อพัฒนาด้านการรักษาผู้ป่วย ร่วมกับโรงพยาบาล แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี”

ในฐานะบริษัทที่ถือหุ้นในโรงพยาบาลดังกล่าวยังเล็งเห็นว่า การเปิดให้บริการของแผนกใหม่ของโรงพยาบาลแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา นี้ จะเป็นอีกหนึ่งความมุ่งหวังของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่จะใช้ร่วมกับการรักษามาตรฐานที่ผู้ป่วยแต่ละรายรักษาอยู่ เพื่อบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมที่จะรับการรักษาในวันต่อๆไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ข้อบ่งใช้ กัญชาทางการแพทย์ ได้แก่ 1. ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด  2. โรคลมชักที่รักษายาก 3. ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 4.ภาวะปวดประสาทที่ดื้อต่อการรักษาด้วย วิธีมาตรฐานแล้วไม่ได้ผล

สำหรับโรงพยาบาลแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา นั้น มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเภสัชกร ที่ผ่านการรับรองและอบรมเรื่อง การใช้กัญชาของกระทรวงสาธารณสุขมา ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับการรักษา สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาตามขั้นตอนและมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข

ปัจจุบันโรงพยาบาลแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 โดยมีการเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562  มีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และรองรับผู้ป่วยพักค้างคืนได้จำนวน  30 เตียง และมีเครื่องฉายรังสีเริ่มต้นที่ 1 เครื่อง ในปีนี้จะมีการทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากเข้าร่วมโครงการภาครัฐผู้ถือบัตรทอง 30 บาท รักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว

ช้อปอะไรดี? ของขวัญหรือของแทนใจส่งให้คุณแม่

ใกล้ถึง “วันแม่” แล้ว ใครที่กำลังมองหาของขวัญหรือของแทนใจส่งให้คุณแม่แทนความห่วงใยที่มีให้แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นของชิ้นไหน หรือแม้แต่การส่งของให้เพื่อนหรือคนที่รักเพื่อเป็นกำลังใจในช่วงเวลาเช่นนี้  สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ อยากชวนทุกคนมาเลือกสรรสินค้าที่มีความหลากหลายและสามารถช้อปปิ้งได้ง่ายๆจากร้านค้าแบรนด์ดังในสยามเซ็นเตอร์ เพียงปลายนิ้วสัมผัสที่ OneSiam Ultimate Chat & Shop พร้อมพบกับดีลพิเศษสินค้าราคาโปรโมชั่นมากมาย

LUSH WASABI SHAN KUI SHAMPOO
.LUSH ORANGE SHOWER SCRUB
LUSH BEAUTY SLEEP

เริ่มต้นกันที่ LUSH  กับ Wasabi Shan Kui Shampoo ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างผงวาซาบิสด ผงคาเฟอีน และเกลือทะเล สระแล้วรู้สึกเย็นสบายไม่ทำลายน้ำมันธรรมชาติและไม่อุดตันหนังศีรษะ ช่วยให้หนังศีรษะสุขภาพดี รากผมแข็งแรง ผมเงางาม คุมความมัน บอกลาผมร่วงได้เลย , Orange Shower Scrub ให้คุณแม่ได้ปรนนิบัติผิวด้วยเกลือขัดผิววิตามินจากเกลือธรรมชาติและวิตามินซีจากส้ม เม็ดสครับละเอียดไม่บาดผิว มีน้ำส้ม เกลือที่เก็บด้วยมือ วิตามินเยอะสดชื่น สครับเสร็จแล้วล้างน้ำก็กลายเป็นสบู่ได้เลย เหมือนอาบน้ำส้มสดๆ , Beauty Sleep Mask อุดมด้วยสารสกัดจากเลมอน น้ำผึ้งเวอเบอน่า และ     ลาเวนเดอร์ มาสก์โคลนที่ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำสุดๆ ผ่อนคลาย ผิวชุ่มชื้นแต่ไม่เหนอะหนะ

UNGSAEMMOOL Lip Pression Water Tinted

JUNGSAEMMOOL แนะนำ Lip Pression Water Tinted Lip Balm ให้ริมฝีปากอวบอิ่มและดูสุขภาพดี  พร้อมบำรุงผิวหน้าด้วย Essential Mool Cream Mask  มาสก์เนื้อเข้มข้นครีมมี่ ด้วยคุณค่าเซรามายด์และไฮยาลูโรนิคเอซิด ทำให้ผิวชุ่มชื่น เนียนเรียบ สุขภาพดี

PAWIS Body Oil The Signature Set

PAWIS  ชวนบำรุงผิวกับ Organic Body Oil Jasmine Bouquet & Freesia ส่วนผสมจากสารสกัดดอกมะลิ โจโจ้บาออยล์ วิตามินอี ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระและรักษาความอ่อนเยาว์ให้ผิว , BODY OIL THE SIGNATURE SET ประกอบด้วย Duchess Rose & Grapefruit , Jasmine Bouquet & Freesia และ Lavender de Vert ส่วนผสมออร์แกนิคสารสกัดธรรมชาติ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย เพียงเทน้ำมันลงบนฝ่ามือและนวดทาบนผิวกายโดยใช้ฝ่ามือนวดย้อนขึ้นเป็นวงกลม จากนั้นมาจุดเทียนหอม DUCHESS ROSE & GRAPEFRUIT ให้กรุ่นกลิ่นหอมไปทั่วห้อง ผ่อนคลายหลังปรนนิบัติผิว

The wonder room Revival – Pearl and Crystal Asymmetric Earrings

เสริมความงามและคำอวยพรด้วยเครื่องประดับจาก MARON JewelryBlow Heart Ring with Red Garnet เครื่องประดับเงินแท้ชุบทองชมพู ไม่มีส่วนผสมของนิเกิลที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือคันเมื่อสวมใส่ เป็นอัญมณีแห่งการเสริมสุขภาพ ให้อายุยืนนาน , MARON Jewelry – Shooting Stars Ring with Rhodolite Garnet เครื่องประดับเงินแท้ชุบทองคำขาว เป็นอัญมณีเสริมความรักให้ยั่งยืน ช่วยเสริมให้สุขภาพแข็งแรง และยังช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่ต้องเดินทางไกลให้แคล้วคลาดปลอดภัย

The wonder room Wild Skin – Depollution Clay Mask

The wonder room สวยสดใสดูดีกับ Shependence สร้อยโชคเกอร์คริสตัลควินน์ ใส่เป็นเส้นเดี่ยวหรือใส่คู่กับสร้อยเส้นอื่นก็ได้ ใช้เพชรสวิส หรือ คิวบิกเซอร์โคเนีย สีทองหรูหรา หรือจะเป็น Revival – Pearl and Crystal Asymmetric Earrings ต่างหูมุกทำด้วยมือจากลวดทองที่ถักอย่างประณีต แต่งด้วยไข่มุกและคริสตัลสีขาวสไตล์ไม่สมมาตรโดยอีกด้านเป็นมุกหยดน้ำขนาดใหญ่เพียงเม็ดเดียว เก๋ตรงที่ต่างหูทั้งสองข้างไม่เหมือนกัน , Wild Skin – Depollution Clay Mask มาสก์ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวจากสิว ลดการระคายเคือง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ป้องกันไม่ให้เกิดความหมองคล้ำบนใบหน้าหลังโดนแสดงแดดตลอดวัน ส่วนผสมจากดินภูเขาไฟ ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก และน้ำมันมะกอกช่วยให้ผิวชุ่มชื่น มาพร้อมกลิ่นหอมเปปเปอร์มินต์และลาเวนเดอร์ช่วยคลายเครียด เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

The Selected REPLEAT – กระเป๋าทรง Hobo Regular
he Selected REPLEAT – กระเป๋าทรง Hobo Regular1

The selected กับ Repleat กระเป๋าทรง Hobo Regular เอกลักษณ์ของแบรนด์ ตัวผ้าทำจาก    โพลีเอสเตอร์ นุ่มยืดหยุ่นทนทาน พลีทไม่คลาย กันละอองน้ำได้ดี รับน้ำหนักได้ถึง 5 กิโลกรัม เหมาะกับคนที่ชอบใส่ของเยอะๆ เสริมความน่ารักให้อุปกรณ์ครัวของคุณแม่จาก Taktai ยกกันมาเป็นเซ็ตทั้งถุงมือกันความร้อน  , ที่จับของร้อนแบบสี่เหลี่ยมตัดขอบสามเหลี่ยมตรงกลาง ผลิตจากผ้าใยไผ่ด้วยลวดลายของเนื้อผ้าที่ไม่เหมือนใครได้สัมผัสจากธรรมชาติ สามารถกันความร้อนสูงไม่ว่าจะนำไปหยิบของร้อนออกจากไมโครเวฟหรือหยิบถาดขนมออกจากเตาอบ , ที่รองแก้วสี่เหลี่ยม ผลิตจากใยไผ่เช่นกัน ซึบซับน้ำได้ดี แห้งไว และซองใส่ช้อนส้อมแบบพกพา ทำจากเส้นใยไผ่มาพร้อมดีไซน์มินิมอล สะดวกในการพกพาสำหรับมื้ออาหารนอกบ้าน

สามารถเลือกซื้อของขวัญให้คุณแม่ ให้ตัวเอง หรือให้คนที่รักได้ง่ายๆ จากร้านค้าแบรนด์ดังในสยามเซ็นเตอร์ กับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์สุดล้ำเพียงปลายนิ้วสัมผัสได้ที่ OneSiam Ultimate Chat & Shop https://onesiam.one-viz.com  หรือ Line@ONESIAM คลิกเมนู OneSiamUltimate Chat & Shop เริ่มช้อปได้ทันที ง่ายๆแค่นี้ก็รอรับสินค้าอยุ่บ้านอย่างสบายใจได้เลย