เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ชวนชาวเชียงใหม่สร้างภูมิคุ้มกันสู้โควิด-19

ไม่ว่าจะสถานการณ์โควิด-19 หรือ PM 2.5 แต่ เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เชียงใหม่ ยังคงเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนให้ชาวเชียงใหม่มีความสนุกในการออกกำลังกายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสู้โควิด-19 กับ 3 ข้อเสนอสุดคุ้มเกินห้ามใจให้แก่เมมเมอร์เก่าและผู้ที่สมัครใหม่ ทั้งออกกำลังกายที่คลับหรือออนไลน์ที่บ้าน

3 ข้อเสนอสุดคุ้มเกินห้ามใจจากเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เชียงใหม่ เพื่อชาวเชียงใหม่เสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโควิด-19 และลดความเสี่ยงจาก PM 2.5 ประกอบด้วย 1) ลดทันที 50% ตั้งแต่รอบบิลแรก สำหรับเมมเบอร์เก่าที่ต้องการกลับมาแอ็คทีฟอีกครั้ง และผู้ที่เพิ่งสมัครเมมเบอร์เป็นครั้งแรก 2) ยิ่งเข้าคลับยิ่งลด เมมเบอร์ปัจจุบันที่ต้องการต่อสัญญาหรือสมาชิกใหม่ในเดือนนี้ เพียงแค่เข้ามาออกกำลังกายที่คลับอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะได้ส่วนลด 50% ในรอบบิลถัดไปต่อเนื่องอีก รอบบิล และ 3) ออกกำลังกายออนไลน์แบบจุใจ กับรูปแบบสมาชิกแบบไลต์ (Lite) เฉพาะเมมเบอร์ของคลับเชียงใหม่เท่านั้นในราคาเพียง 251.54 บาทต่อสัปดาห์ โดยสามารถเข้ามาใช้บริการที่คลับเชียงใหม่ได้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง และเต็มอิ่มกับบริการออนดีมานด์แบบไม่จำกัด (Unlimited online Workout Asset) ให้ได้สนุกกับการออกกำลังกายแบบออนดีมานด์และคลาสออนไลน์จากเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ทั่วโลก

สำหรับบริการออนดีมานด์ของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ในประเทศไทย อยู่ภายใต้ mylocker.virginactive.co.th โดย MyLocker เป็นเครื่องมือในการจัดการคลาสต่างๆ ทั้งการใช้บริการภายในคลับ การจองคลาส การค้นหาข้อมูลคลาสในอดีต โปรแกรมการออกกำลังกายแบบถ่ายทอดสด การแนะนำคลิปที่ใกล้เคียงกับความต้องการ รวมทั้งสามารถดูคอนเทนต์และคลาสต่างๆ ที่สอนโดยเทรนเนอร์ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและระดับโลก ซึ่งมีการจัดหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน สะดวกและประหยัดเวลาในการค้นหา ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาจากช่องทางอื่น และยังสามารถสนุกกับคลาสถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊ก (Facebook LIVE) ได้อีกด้วย

เพราะการออกกำลังกายเป็นการดูแลสุขภาพที่ทำได้ง่ายและยั่งยืน เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ จึงสนับสนุนให้ทุกท่านออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องแม้ไม่สามารถเข้ามาใช้บริการที่คลับได้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเมมเบอร์ในคลับกรุงเทพฯ และนนทบุรี ที่ล็อคดาวน์อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ยังสามารถสนุกกับการออกกำลังกายแบบออนดีมานด์และคลาสออนไลน์ พร้อมด้วยซีรีส์การออกกำลังกายนอกคลับตามเป้าหมายแบบเลือกได้ทั้ง VA Homekit Series, YOGA Foundation Series, Virgin Active Talks ฯลฯ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการในการออกกำลังกายที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเป้าหมายที่แตกต่างกันของแต่ละซีรีส์การออกกำลังกาย รวมทั้งคอนเทนต์คลาสออกกำลังกายทางเฟซบุ๊กไลฟ์ได้ทุกวันธรรมดา

นอกจากข้อเสนอสุดคุ้มเกินห้ามใจแล้ว เมมเบอร์คลับเชียงใหม่ทุกท่านยังมั่นใจไปกับมาตรการต่างๆ ที่เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ เตรียมไว้บริการเพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างเต็มที่ให้กับเมมเบอร์ทุกท่านตามมาตรฐานที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด ทั้งระบบระบายอากาศ การถ่ายเทอากาศ การจำกัดจำนวนผู้เข้า ข้อปฏิบัติตามหลักระยะห่างทางสังคมภายในคลับและระหว่างคลาส รวมทั้งการให้บริการและรักษามาตรฐานความสะอาดของสถานที่และอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างสูงสุด เช่น สอบถามประวัติเดินทางย้อนหลัง 14 วัน ตรวจเช็คอุณหภูมิ ลงทะเบียนไทยชนะ จุดบริการเจลแอลกอฮอล์และน้ำยาทำความสะอาดประสิทธิภาพสูงรวม 23 จุด พร้อมทีม Covid Team ทำความสะอาดทุกสองชั่วโมง พนักงานและสมาชิกทุกท่านใส่หน้ากากตลอดเวลาในทุกโซนของคลับทั้งขณะออกกำลังกายและการเทรนส่วนตัว เพื่อให้เมมเบอร์คลับเชียงใหม่ทุกท่านได้รับประสบการณ์ความสนุกในการออกกำลังกายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

JD CENTRAL ชวนสาวๆ มาช้อป ลดสูงสุด 80% ตั้งแต่วันนี้ -18 ส.ค. 64

พบกับโปรปังๆ ที่ซิสนักช้อปทุกคนห้ามพลาด! JD CENTRAL เอาใจสาวๆ ที่รักการช้อปปิ้งมาเอนจอยไปกับแคมเปญ #ช้อปปังพลังหญิง ที่ยกขบวนไอเท็มเด็ดๆ และสินค้าแบรนด์ดัง มาลดกระหน่ำสูงสุดถึง 80% พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่ รับคูปองลดเพิ่มมูลค่ารวม 2,000 บาท ตั้งแต่ 6-18 ส.ค. 64 นี้เท่านั้น

จอยชัวร์ กับแคมเปญ #ช้อปปังพลังหญิง จุใจกับดีลดีพิเศษชัวร์ ต้อนรับวันแม่ ให้สาวๆ ได้เลือกซื้อหลากหลายสินค้าในราคาสุดพิเศษเป็นของขวัญให้กับคุณแม่สุดเลิฟ พร้อมพบกับไอเทมเด็ดชัวร์ที่สาวๆ ห้ามพลาด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น บิวตี้ อุปกรณ์ไฮเทค และของใช้ในบ้าน มาช้อปปังกับดีลดี แถมส่งฟรีชัวร์* ส่งไวถึงบ้าน

งานนี้ สาวๆ ต้องเตรียมพลังกันมาให้พร้อม ช้อปปิ้งกันแบบปังๆ กับสินค้า Flash sale ลดราคาแบบจุกๆ และอย่าลืม! แท็กทีมกันมาช้อปปังพลังหญิงกับฟีเจอร์ SHARE BUY ช้อปกลุ่มคุ้มกว่า 80% ที่จะทำให้การช้อปปิ้งของสาวๆ ทั้งสนุก สุดคุ้มมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังหมดกังวลไปกับการขนส่งสินค้าในช่วงล็อคดาวน์ เพราะ JD CENTRAL รับประกันเรื่อง “จอยชัวร์ตัวจริง” จัดส่งเร็ว ส่งไว แถมส่งฟรีชัวร์ พร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในสุขภาพ โดยพนักงานคลังและพนักงานส่งของ (JD MAN) มีมาตรการดูแลและเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับของไวแบบอุ่นใจชัวร์ มา #ช้อปปังพลังหญิง กันได้ที่ JD CENTRAL Mobile Application หรือJD CENTRAL website ตั้งแต่วันที่ 6-18 สิงหาคม 2564 นี้เท่านั้น

สนใจช้อป JD CENTRAL คลิกเลยที่นี่

ฮอนด้า เปิดตัวฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 สปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน

แรง เร้าใจกับขุมพลัง VTEC TURBO และมั่นใจทุกการขับขี่กับ Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย ยกระดับประสบการณ์ใหม่ให้สมบูรณ์แบบในทุกมิติเกินกว่าใครจะตามทัน

จัดเต็มสำหรับทุกรุ่นย่อย ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ ที่มอบความแรงเร้าใจแต่ยังมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System (LCDN)

สปอร์ตพรีเมียมทุกมุมมอง ด้วยดีไซน์ประณีตทั้งภายนอกและภายใน ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย

สปอร์ตโฉบเฉี่ยวอีกขั้น ด้วยรุ่น RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่

ครั้งแรกกับ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card มอบประสบการณ์ความสะดวกสบายสุดพรีเมียม

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ตอกย้ำความเป็นไอคอนของยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดาน ที่ได้รับการพัฒนาดีเอ็นเอความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ให้ก้าวล้ำตลอด 10 เจเนอเรชันที่ผ่านมา ครั้งนี้ ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 พร้อมแล้วที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์อีกครั้ง ด้วยดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง เสริมความโฉบเฉี่ยวเร้าใจด้วยรุ่น RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 3 โหมด นอกจากนี้ ในทุกรุ่นย่อย ให้ความแรงทรงพลังเร้าใจเกินใคร ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 17.2 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System (LCDN) สะดวกสบายแบบเหนือกว่ากับครั้งแรกของระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย โดยพร้อมให้สัมผัสได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 964,900 บาท

นายมาซายูคิ อิงาราชิ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ งานปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ซีวิค เป็นยนตรกรรมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ตลอดเวลาเกือบ 50 ปี ได้รับการพัฒนาและสร้างมาตรฐานใหม่มาอย่างต่อเนื่องในทุกเจเนอเรชัน โดยได้รับการยอมรับและความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกด้วยยอดขายมากกว่า 27 ล้านคัน ในมากกว่า 170 ประเทศ และวันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกนอกทวีปอเมริกาเหนือที่จะเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ซีดาน ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ในฐานะตลาดที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนียอีกด้วย”

นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นไอคอนของรถซีดานที่เติบโตคู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ซึ่งตลอด 37 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมทั้งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยมาโดยตลอด พิสูจน์ได้จากการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ ด้วยยอดขายสะสมเกือบ 600,000 คัน ด้วยดีเอ็นเอความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งในด้านดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่ อีกทั้งครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ ส่งผลให้ล่าสุด ฮอนด้า ซีวิค สามารถครองอันดับ 1 ในเซกเมนต์ถึง 5 ปีซ้อน และในวันนี้ ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 จะเข้ามายกระดับคอมแพคท์ซีดานให้เหนือกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมาอีกครั้ง ด้วยดีไซน์ที่สปอร์ตพรีเมียม ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประหยัดน้ำมันด้วยขุมพลัง VTEC TURBO พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ที่จะมาสร้างตำนานบทใหม่ ให้สมกับเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่ทุกคนรอคอย”

ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง โดดเด่นกว่าด้วยความประณีต…ในทุกรายละเอียด

ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสปอร์ตพรีเมียม โดดเด่นด้วยเส้นสายโฉบเฉี่ยวรอบคัน หรูหราในทุกมุมมองด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม ท่อไอเสียแบบคู่ และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่

ยกระดับความสปอร์ตในรุ่น RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียแบบคู่พร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต และสะกดทุกสายตาด้วย สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบาย ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียม มาพร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกล้ำสมัย พร้อมเชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่หลากหลาย* สำหรับรุ่น RS อาทิ ใหม่ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ดีไซน์เรียบหรู พกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา และ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ที่ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น

สำหรับรุ่น EL+ และ EL อาทิ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น

ขับเคลื่อนเหนือทุกจุดหมาย สู่ความสมบูรณ์แบบใหม่

ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย และเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
  • ใหม่! ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
  • พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ครบครัน* อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น

การขับเคลื่อนที่ไม่ใช่แค่ความแรง แต่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

แรงทรงพลังที่มอบความเร้าใจเกินใครกับ ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่พัฒนาไปอีกขั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 17.2 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่

  • ECON Mode – โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • Normal Mode – โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
  • เพิ่มเติมด้วย Sport Mode – โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ (เฉพาะรุ่น RS)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น RS ราคา 1,199,900 บาท
  • รุ่น EL+ ราคา 1,009,900 บาท
  • รุ่น EL ราคา 964,900 บาท

สีภายนอก มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS พร้อมด้วย สีใหม่ สีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น EL+ และ EL และสีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) อีกทั้งสีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีภายใน มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยและสีภายนอก

มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ง่ายขึ้นกับ ดอกเบี้ย 2.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เมื่อจองและรับรถตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 – 31 สิงหาคม 2564

นอกจากนี้ ยังเสริมความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วย ชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 10,000 บาท แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต ราคา 1,800 บาท คิ้วบันได LED ราคา 5,100 บาท ฝาครอบกระจกมองข้าง ราคา 1,000 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,950 บาท ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ราคา 5,250 บาท คิ้วตกแต่งกระจังหน้า ราคา 3,900 บาท คิ้วตกแต่งกันชนหลัง ราคา 5,900 บาท ไฟส่องสว่างที่เท้า ราคา 2,200 บาท เป็นต้น

หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 4 แพ็กเกจ ได้แก่
Exhaust Pipe Finisher Package ราคา 1,950 บาท ประกอบด้วย ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 2 ชิ้น

  • Sport Package ราคา 8,900 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และคิ้วตกแต่งกันชนหลัง
  • Exclusive Sport Package ราคา 17,200 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
  • Modulo Aero Package ราคา 18,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง

สัมผัส ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/civic ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถทดสอบสมรรถนะได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ช้อปอะไรดี? SKECHERS ลดสุดคุ้มต้อนรับมหัศจรรย์เลข 8.8

ลดสุดคุ้มต้อนรับมหัศจรรย์เลข 8.8!! SKECHERS (สเก็ตเชอร์ส) แบรนด์กีฬาและไลฟ์สไตล์ชั้นนำสัญชาติอเมริกัน จัดแคมเปญ SKECHERS 8.8 LUCKY SALE ยกขบวนสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า, รองเท้า, สนีกเกอร์, กระเป๋า ฯลฯ มอบพร้อมช้อปง่ายๆ กับสินค้ายอดฮิตแบบ ONE PRICE ในราคา 580 บาท,  880 บาท, 1,280 บาท และ 1,580 บาท ปิดท้ายด้วยโปรโมชั่นรับส่วนลดเพิ่มทันที 28% เมื่อซื้อสินค้า 2 ชิ้นขึ้นไป ช้อปกันได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 8 สิงหาคม 64 ทาง https://www.skechers.co.th/collections/lucky-sale

สนใจช้อป

คุณค่าข้าวต้มชามแรก สร้างพลังศรัทธาในการทำดี มานานกว่า 110 ปี

เรื่องราวการทำความดีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งศรัทธา สืบสานการทำงานภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศลที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขให้แก่เพื่อนมนุษย์ ได้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 110 ปี และวันนี้เรื่องราวเหล่านี้ก็ได้ถูกนำมาบอกเล่าผ่านวิดีโอคลิปชุด “คุณค่าข้าวต้มชามแรก สร้างพลังศรัทธาในการทำดี มานานกว่า 110 ปี” โดยร้อยเรียงเนื้อหาจากอดีตถึงปัจจุบัน เล่าเรื่องการอุทิศตนด้วยความเสียสละของหลวงปู่ไต้ฮง  ผู้ปลุกพลังศรัทธาในใจผู้คนให้เป็นจุดเริ่มต้นของการตอบแทนความดีด้วยการทำความดี นับจากการแจกข้าวต้มชามเล็ก ๆ ให้กับพี่น้องชาวจีนเสื่อผืนหมอนใบ นำไปสู่การช่วยเก็บศพไร้ญาติของคณะเก็บศพไต้ฮงกง การช่วยเหลือผู้คนให้ก้าวข้ามความทุกข์ เพื่อต่อลมหายใจต่อชีวิต รักษาชีวิตเพื่อให้มีอนาคต และสร้างอนาคตเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า ผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และองค์กรในเครือทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว

วิดีโอคลิปชุดนี้จัดทำขึ้นในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการตอบแทนความดีด้วยการทำความดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเตือนให้คนไทยตระหนักถึงการทำความดี หันมาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่หลายคนต้องเผชิญกับความเดือดร้อนในการใช้ชีวิต เพราะอย่างน้อยการช่วยเหลือจากสองมือเล็ก ๆ ของคุณ อาจเป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดเส้นทางแห่งความดีที่ไม่สิ้นสุด และเป็นความดีที่ยั่งยืนตลอดไป ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมคลิปได้ที่ www.youtube.com/watch?v=bAqBpSSvHWk หรือ www.facebook.com/atpohtecktung #110ปีมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ความดีไม่มีที่สิ้นสุด #ช่วยชีวิตรักษาชีวิตสร้างชีวิต #มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง110ปีความดีที่ยั่งยืน

กรณีศึกษา “แมริออทฯ” สร้างการยอมรับความต่างในที่ทำงาน

แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ลงนามในหนังสือสัญญาความหลากหลายทางเชื้อชาติและการยอมรับความแตกต่าง สำหรับพนักงาน (Racial Diversity and Inclusion Charter for Employers) โดยคณะกรรมาธิการเพื่อความเท่าเทียมทางโอกาส ฮ่องกง (Equal Opportunities Commission Hong Kong)

ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง คือสิ่งที่แมริอท อินเตอร์เนชั่นแนลให้ความสำคัญมาตลอด และเป็นค่านิยมหลักขององค์กรในการให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นลำดับแรก รวมถึงการสร้างสรรค์บรรยากาศที่เป็นมิตรสำหรับทุกคน แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ลงนามในหนังสือสัญญา (Racial Diversity and Inclusion Charter for Employers) ความหลากหลายทางเชื้อชาติและการยอมรับความแตกต่าง สำหรับพนักงาน เน้นให้เห็นว่าบริษัทมีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเป็นผู้นำทางความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง

นำโดยคณะกรรมาธิการเพื่อความเท่าเทียมทางโอกาส ฮ่องกง หนังสือสัญญาความหลากหลายทางเชื้อชาติและการยอมรับความแตกต่าง สำหรับพนักงาน เสนอแนวทางปฏิบัติ และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุด ผ่านนโยบายและวิธีปฏิบัติงานซึ่งพนักงานสามารถนำมาใช้เพื่อบรรจุเป้าหมายทางด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง รวมทั้งความหลากหลายทางเชื้อชาติ และการยอมรับความแตกต่างในสถานที่ทำงาน

เราภูมิใจที่ได้ลงนามในหนังสือสัญญาความหลากหลายทางเชื้อชาติและการยอมรับความแตกต่างสำหรับพนักงาน กับคณะกรรมาธิการเพื่อความเท่าเทียมทางโอกาส ฮ่องกง ซึ่งเป็นการสนับสนุนความพยายามที่ต่อเนื่องของเราในการส่งเสริมให้ที่ทำงาน เป็นสถานที่แห่งการยอมรับในความแตกต่าง” เรแกน ไตรกฤษดาพร หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว ที่แมริออท เราเชื่อในเรื่องความต้องการพื้นฐานในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งพนักงานทุกคนจะได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีและด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างและพัฒนาผู้หญิงให้เป็นผู้นำองค์กรขณะเดียวกันเราก็พยายามผลักดันความเท่าเทียมกันของทุกเพศในการขึ้นมาเป็นผู้นำของบริษัททั่วโลก จนถึงการจ้างงานคนพิการ และสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+ ในสถานที่ทำงาน เราหวังที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับบริษัทอื่นๆ มาร่วมกับเราในความพยายามที่จะปรับปรุงวิธีการปฏิบัติ ในการยอมรับความแตกต่างให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยให้การต้อนรับและเป็นมิตรกับทุกคนอย่างแท้จริง

หลักชัย ความมุ่งมั่นของแมริออท ในการสนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

มากกว่า 90 ปี ที่แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้คำมั่นในการนำเสนอโอกาสที่เปิดกว้างให้ทุกคน และเห็นความสำคัญของบุคลากรเป็นลำดับแรก นี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของความสำเร็จที่เราทำได้เมื่อไม่นานมานี้ เป็นสัญญาณว่าแมริออทมุ่งมั่นที่จะสร้างความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่างให้เกิดขึ้นในสถานที่ทำงานในภูมิภาคนี้

สร้างบรรยากาศที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย และความเสมอภาคระหว่างเพศ

o   ในปี 2564 แมริออทประกาศเร่งสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกเพศ สำหรับผู้บริหารในทุกตำแหน่งภายในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่ตั้งไว้ 2 ปี จากที่ได้ประกาศเป้าหมายนี้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว

o   ในปี 2560 แมริออทร่วมกับ Asian University for Women (AUW) ในบังกลาเทศเพื่อช่วยเหลือวัยรุ่นผู้หญิง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านการให้คำปรึกษา การฝึกงาน และการให้ทุน ด้วยความร่วมมือนี้ ผู้นำผู้หญิง 50 คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาสำหรับการพัฒนาอาชีพ ในขณะที่นักเรียนของ AUW เดินทางมาที่ออฟฟิศของแมริออทในฮ่องกงเพื่อฝึกงานระยะสั้น โดยในปี 2562 แมริออทสามารถส่งนักเรียนไปฝึกงานในโรงแรมได้สำเร็จที่อินเดียและบังกลาเทศ

o   แมริออทยังได้สร้างเครือข่ายทูตหญิง เพื่อช่วยพัฒนาพนักงานผู้หญิงผ่านการให้คำปรึกษาการทำงานเป็นเครือข่ายโปรแกรมฝึกฝน และโอกาสในการพูดพร้อมแนะนำ นโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น และสิทธิประโยชน์ของอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้เป็นแม่ที่ยังทำงาน

สนับสนุนการยอมรับในกลุ่ม LGBTQ+

o   ปี 2564 เป็นครั้งแรกที่แมริออท บอนวอย ประกาศร่วมสนับสนุน Gay Games ครั้งที่ 11 ประเทศฮ่องกง ในปี 2565

o   ปี 2563 แมริออท ได้รางวัล Bronze Standard in the LGBT+ Inclusion Index จัดทำโดย Community Business ถือเป็นหลักชัยแรกของการปฏิบัติ การยอมรับกลุ่ม LGBTQ+ ในสถานที่ทำงาน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มในเอเชียโดยร่วมมือกับ Community Businessเพื่อเข้าร่วมและโปรโมต LGBT+ Inclusion Index ครั้งแรกในปี 2561

o   ในปี 2563 และ 2562 ดับเบิ้ลยู โฮเท็ลส์ ร่วมเป็นผู้จัดงาน Sydney Gay & Lesbian Mardi Gras เพื่อเฉลิมฉลองความเท่าเทียม และสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวได้แสดงความรักอย่างเปิดเผย เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ดับเบิ้ลยู โฮเท็ลส์ มีรถแห่ของตัวเองในขบวนพาเหรดในปี 2563

o   ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา แมริออท เริ่มเสนอสิทธิประโยชน์ให้กับคนเพศเดียวกันที่มีความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิต ให้แก่สำนักงานในฮ่องกง

สนับสนุนผู้พิการ

o   ในปี 2564 แมริออทเข้าร่วมเทศกาลจัดหางานที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อสนับสนุนการคัดเลือกนักศึกษาที่มีความพิการ ปัจจุบันบริษัทมีการจ้างงานคนพิการมากกว่า 1,000 คนในจีนแผ่นดินใหญ่

ชี้สัญญาณเตือนปวดหลังที่ต้องถึงมือหมอ

ศูนย์กระดูกสันหลังโรงพยาบาลนครธน ที่เกิดจากความร่วมมือกับบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ค แนะผู้ที่ปวดหลังรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหากรู้สึกปวดหลังจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน  โดยทีมแพทย์ของศูนย์ฯ พร้อมให้คำแนะนำ Last Opinion และใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องรักษาได้หายในวันเดียว

นายแพทย์วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผู้อำนวยการสถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์ และศัลยแพทย์ระบบประสาท กล่าวว่า อาการปวดหลังอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ,กระดูกหรือหมอนรองกระดูกสันหลัง หลายอาการสามารถหายเองได้ หรือรักษาได้ด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การผ่าตัด เช่น การใช้ยา หรือการทำกายภาพบำบัด เป็นต้น แต่มีกลุ่มอาการสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามและควรต้องรีบมาพบแพทย์ ได้แก่ ปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เช่น ลุกยืน นั่ง หรือเดิน และมากขึ้นเมื่อขยับยืนหรือเดิน ปวดร้าวตามเส้นประสาทจากหลังลงไปถึงขาและมีอาการชา อ่อนแรง ปวดแขนหรือขาร่วมด้วย หรือรู้สึกปวดเหมือนมีไฟฟ้าช็อต ปวดแนวกระดูกกลางหลัง หรือปวดต่อเนื่องนานเกิน 4 สัปดาห์ หรือปวดเฉียบพลัน ที่ไม่ได้เกิดจากการยกของหนัก ออกกำลังกาย หรือขยับตัวผิดท่า หรืออุบัติเหตุ

“อาการปวดเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเกิดความผิดปกติกับกระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนไปทับเส้นประสาท หรือมีโพรงกระดูกสันหลังตีบที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย กระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม ซึ่งล้วนแต่เป็นโรคที่มีความรุนแรง มีผลสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคน” นายแพทย์วีระพันธ์ กล่าว

การวินิจฉัยหาสาเหตุที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยให้รักษาได้ตรงจุด และผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการวินิจฉัยโรคนี้ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง และเครื่องมือที่ทันสมัย

แต่คนส่วนใหญ่มักรู้สึกกลัว จึงไม่ได้มาหาหมอทันที เพราะเห็นว่าการผ่าตัดกระดูกสันหลังเป็นเรื่องใหญ่ ใช้เวลานาน และมักจะไปหาความเห็นจากแพทย์หลายๆ ท่านอย่างที่เรียกว่า Second Opinion ก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาและทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดนานขึ้น กังวลนานขึ้น และทำให้อาการปวดหรือปัญหาของกระดูกสันหลังรุนแรงเพิ่มขึ้น

“ศูนย์กระดูกสันหลังโรงพยาบาลนครธนที่เกิดจากความร่วมมือกับบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ค ทราบดีถึงความกังวลของผู้ป่วย เราจึงทำหน้าที่เป็นผู้ให้ Last Opinion โดยมีทีมแพทย์ที่ประกอบด้วยแพทย์ระดับซีเนียร์ร่วมให้ความเห็นกับแพทย์เจ้าของไข้ รวมเป็นทีมใหญ่ และจะต้องมีแพทย์อย่างน้อย 4 ท่านที่ให้ความเห็นตรงกัน จึงจะทำการรักษา เท่ากับว่าผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปหา Second Opinion จากที่ไหน และได้รับ Last Opinion จากทีมแพทย์ของศูนย์ฯ ได้เลย” นายแพทย์วีระพันธ์กล่าว

นอกจากนี้ ทีมแพทย์ของศูนย์ฯ ยังเน้นการให้ข้อมูลรอบด้าน เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองอีกด้วย

และสำหรับผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท และโพรงกระดูกสันหลังตีบ 2 โรคนี้  ศูนย์ฯ มีเทคโนโลยีทันสมัย สามารถผ่าตัดโดยการส่องกล้อง ทำให้มีแผลเล็กเพียง 8 มิลลิเมตรหรือเพียงปลายนิ้วก้อย ใช้เวลาผ่าตัดและรอให้ผู้ป่วยฟื้นจากยาสลบเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็กลับไปพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วย และสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้นโดยการเดินได้ด้วยตนเอง

โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่ในทำเลย่านพระราม 2 สะดวกเข้าถึงง่าย และเปิดการสื่อสารสะดวกหลากหลายช่องทางสำหรับทุกเจนเนอเรชันทั้งผ่านระบบโทรศัพท์ โทร 02-450-9999 บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและออนไลน์แพลตฟอร์มทางเว็บไซต์ www.nakornthon.com  สามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทางและ บริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon Hospital และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital บริการให้ข้อมูลรวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลการรักษาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังเข้าถึงผู้รับบริการต่างชาติ(กลุ่มคนจีน) ผ่านทางเว็บไซต์ Weibo และ WeChat ตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่บริการได้อย่างครบครัน   ด้วยการดูแลอย่างเข้าใจดุจญาติมิตรทุกขั้นตอนจากการตรวจรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มุ่งเน้นให้ความคุ้มค่าเหนือราคา

เมื่อลูกมีปัญหาการเรียน… คุณพ่อคุณแม่ต้องแก้อย่างไร

ปัญหาเรื่องการเรียนของลูกดูเหมือนจะเป็นปัญหาหนักใจของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อลูกอ่านเขียนช้า เรียนไม่ทันเพื่อน หลายคนคิดไม่ตกว่าจะแก้ไขอย่างไรดี พญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว กุมารแพทย์ที่ปรึกษาศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช และเจ้าของเพจ หมอปุ๊ก Doctor For Kids จึงมีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก โดยยกเคสของคุณแม่ท่านหนึ่งที่ลูกชายมีปัญหาการเรียน นำมาบอกเล่าแบ่งปันให้เห็นเป็นตัวอย่าง

หมอปุ๊กเล่ามีคุณแม่ท่านหนึ่งถามว่าลูกชายเรียนอยู่ชั้น ป.2 กาลังจะขึ้นชั้น ป.3 เป็นเด็กฉลาดเฉลียว ร่าเริงแจ่มใส เรียนรู้อะไรเร็ว ช่างพูดช่างคุย ช่างซักช่างถาม ช่วยเหลือตัวเองดี ดูแล้วก็เหมือนกับเด็กวัยประถมทั่วๆ ไป แต่มีปัญหาของลูกอยู่อย่างหนึ่งที่คุณแม่ไม่เข้าใจ ก็คือจะขึ้นชั้น ป.3 แล้ว ทำไมลูกถึงยังอ่านเขียนหนังสือไม่ได้เลย พยัญชนะไทย 44 ตัวก็ยังจำได้ไม่แม่น ไม่นับตัวสะกด ผันวรรณยุกต์ต่าง ๆ จำสับสนปนเปกันไปหมด

คุณแม่เคี่ยวเข็ญ จับมาสอนให้ท่องจำแค่ไหน ไม่นานก็ลืม ต้องมาสอนจำพยัญชนะกันใหม่ตลอด พอเอามารวมตัวสะกดให้เป็นคำ ใส่วรรณยุกต์ ลูกสับสนมาก อ่านเขียนผิดซะมากกว่าถูก จะว่าลูกไม่ฉลาด สติปัญญาไม่ดี ก็ดูจะไม่ใช่ เพราะเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันจะจำได้ดี ดูจะฉลาดเอาตัวรอดเก่ง ตอนนี้มีปัญหาคือ เวลาสอนการบ้านลูกทีไร คุณแม่โมโหทุกที ดุว่าไปบ่อยๆ “แค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้” “มันยากเย็นอะไรหนักหนา” ลูกกลัวคุณแม่ ไม่อยากอ่านเขียน คอยจะเลี่ยง ทำใหัความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ดี

ที่โรงเรียน คุณครูแจ้งให้คุณแม่ทราบว่า ลูกเรียนวิชาอ่านเขียนได้ช้า เรียนวิชาการไม่ทันเพื่อนในห้อง แต่พวกวิชาวาดรูป พละศึกษา วิชาที่ต้องลงมือทำสิ่งต่างๆ เด็กทำได้ดีเท่าหรือจะดีกว่าเพื่อนร่วมชั้น คุณครูจึงช่วยด้านการเรียนโดยในเวลาว่างครูจะให้มาฝึกเขียนอ่านแยกต่างหากให้เป็นพิเศษ แต่เด็กก็ยังอ่านเขียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร พอจบชั้น ป.2 คุณครูประจำชั้นก็แนะนำให้คุณแม่พาลูกไปหาคุณหมอเพื่อดูว่าลูกมีปัญหาการเรียนรู้ หรือไอคิวบกพร่องอะไรหรือเปล่า พอรู้สาเหตุแล้ว ครูจะได้ช่วยเหลือให้ถูกจุด

เมื่อฟังคุณแม่เล่ามาแบบนี้ ในเบื้องต้น หมอปุ๊กจึงคิดว่าปัญหาหลักของลูกชายก็คือเรื่องปัญหาการเรียน คือเรียนรู้ทางวิชาการ ด้านการอ่าน การเขียนได้ช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกันทั้งๆ ที่ครูและแม่ก็ใส่ใจสอนให้ และถือว่าโชคดีที่ขณะนี้ เด็กไม่มีปัญหาพฤติกรรมหรือปัญหาจิตใจด้านอื่นๆ

หมอปุ๊กได้กล่าวถึงปัญหาการเรียนของเด็กว่ามีสาเหตุหลัก 3 ด้าน คือ

1.จากตัวเด็กเอง เช่น โรคซน สมาธิสั้น โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning disability) หรือแอลดี สติปัญญาบกพร่อง ปัญหาทางจิตใจอารมณ์ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า

2.จากครอบครัว เช่น การเลี้ยงดูไม่เอื้อต่อการเรียนของเด็ก รวมไปถึงขาดปัจจัยในการสนับสนุนการเรียน บรรยากาศครอบครัวเคร่งเครียด มีปัญหาความสัมพันธ์ในบ้าน

3.จากโรงเรียน สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ตามวัย เช่น ระบบการเรียนการสอนของโรงเรียน คุณสมบัติ ความสามารถ และทักษะในการสอนของคุณครู ความสัมพันธ์กับคุณครูและเพื่อนที่โรงเรียน

สำหรับสาเหตุของปัญหาการเรียนที่หมอปุ๊กนึกถึงมากที่สุดสำหรับเคสนี้ ก็คือ “โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ ” หรือ “แอลดี” ซึ่งคำกว่าแอลดีนี้เป็นคำเรียกรวมของความบกพร่องของทักษะ 3 ด้านในการเรียน นั่นคือ 1. ทักษะการอ่าน 2. ทักษะการเขียนและการสะกดคำ 3. ทักษะการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์

หมอปุ๊กได้แนะนำให้คุณแม่พาลูกไปปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือกุมารแพทย์ เพื่อทำการประเมิน และวินิจฉัยสาเหตุของปัญหาการเรียนของลูก ซึ่งแพทย์จะมีขั้นตอนการดูแลและช่วยเหลือเด็ก โดยซักประวัติเพิ่มเติมจากคุณพ่อคุณแม่ คนในครอบครัวที่เกี่ยวขัองกับเด็กและตัวเด็ก ตรวจร่างกาย ตรวจประเมินสภาพจิตใจของเด็ก และขอข้อมูลปัญหาการเรียนของเด็กจากคุณครู

ตามมาตรฐานการวินิจฉัยโรคแอลดีจะต้องตรวจประเมินระดับสติปัญญาร่วมกับตรวจแบบทดสอบประเมินความถูกต้องในการอ่านและสะกดคำ (Wide- Range -Achievement test) ฉบับภาษาไทย ซึ่งทำโดยนักจิตวิทยาคลินิก นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการช่วยเหลือเด็กโรคแอลดี ก็คือ เด็กแอลดีอาจจะมีภาวะอื่นๆเกิดร่วมด้วย เช่น โรคซน สมาธิสั้น โรควิตกกังวล การขาดแรงจูงใจในการเรียน หรือการมองเห็นคุณค่าในตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง ฯลฯ ซึ่งภาวะที่พบร่วมเหล่านี้ควรได้รับการช่วยเหลือ ช่วยแก้ปัญหาให้เด็กไปพร้อมๆ กับการช่วยเหลือทางด้านการเรียน ผลการรักษาจึงจะครอบคลุมและได้ผลดีที่สุด

หมอปุ๊กกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเด็กแล้ว การเรียนเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ต่อการวางรากฐานชีวิตในอนาคตของเด็กคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่จำเป็นที่เด็กจะต้องแข่งขันกันเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายให้ได้ที่หนึ่งในระดับโรงเรียนหรือระดับประเทศ เด็กทุกคนไม่จำเป็นต้องเก่งวิชาการขนาดนั้น แต่หากเด็กคนใดจะเรียนได้ดีระดับนั้นโดยมีความสุขในการเรียน นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี น่าชื่นใจของพ่อแม่ แต่เด็กทุกคนต้องสามารถเรียนรู้ มีทักษะพื้นฐานในการอ่านเขียน การค้นคว้า การคิดวิเคราะห์เหตุผล เพื่อจะได้ต่อยอดหาความรู้ในสายงานต่างๆ ตามความถนัดความชอบต่อไป เมื่อพบว่าเด็กมีปัญหาการเรียนตั้งแต่วัยเด็กเล็ก วัยประถม พ่อแม่และครูก็ไม่ควรเพิกเฉยหรือปล่อยปละละเลย คิดว่าเด็กยังเล็ก ไม่เป็นไร เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน โตขึ้น ปัญหาการเรียนของเด็กจะยิ่งแก้ไขยากขึ้นๆ ดังนั้น หากพ่อแม่และครูพบปัญหาการเรียนของเด็กเล็กและไม่สามารถแก้ไขเองได้ ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เขี่ยวชาญ ซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาและการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและครบวงจร ทั้งที่ตัวเด็ก ครอบครัว และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตามที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น

โรงพยาบาลนวเวช มุ่งมั่นให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและเข้าถึงง่าย พร้อมดูแลสุขภาพของผู้หญิง แม่ และเด็ก อย่างเข้าอกเข้าใจ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคและสุขภาพเด็ก สามารถขอรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช โทร.02 483 9999 หรือ www.navavej.com

มาร์สไทยแลนด์อิงค์ จัดแคมเปญ “แลกแล้ว-ลดเลย” ช่วยลดการใช้ขยะ

มาร์สไทยแลนด์อิงค์ เดินหน้าแผนการสร้างธุรกิจยั่งยืน (Sustainable in a Generation Plan) ตามนโยบายบริษัทแม่ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด มุ่งเน้น 3 ด้านหลัก “Healthy Planet – Thriving People – Nourishing Wellbeing” นำร่องลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ยั่งยืน เน้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือย่อยสลายได้ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้เกิดขึ้น ล่าสุดจัดแคมเปญ “แลกแล้ว-ลดเลย” เปิดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้มีส่วนร่วมช่วยลดการใช้ขยะ นำถุงเปล่าอาหารสุนัขหรืออาหารแมวมาแลกรับส่วนลด เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

นายรัชกร เจนพัฒนพงศ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและอินโดจีน มาร์สไทยแลนด์อิงค์ ผู้ดำเนินธุรกิจแบรนด์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัขและแมวในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ PEDIGREE®, WHISKAS®, IAMS® ROYAL CANIN®, CESAR®, SHEBA®, TEMPTATIONS® รวมทั้งทรายอนามัยสำหรับแมวแบรนด์ CATSAN®  เปิดเผยว่า มาร์สไทยแลนด์อิงค์ ได้เดินหน้าธุรกิจเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพและโภชนาการของสัตว์เลี้ยง ควบคู่ไปกับแผนการสร้างธุรกิจยั่งยืน (Sustainable in a Generation Plan) ตามโยบายของบริษัทแม่ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด

สำหรับแผนการสร้างธุรกิจยั่งยืน (Sustainable in a Generation Plan) ของ มาร์ส อินคอร์ปอเรทเต็ด จะมุ่งเน้นใน 3 ด้านหลัก  ได้แก่ Healthy Planet, Thriving People และ Nourishing Wellbeing

  • Healthy Planet ลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ยั่งยืน มุ่งพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลาสติกบริสุทธิ์ลง 25% ภายในปี 2025 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในห่วงโซ่การผลิตลง 27% ภายในปี 2025 และ 67% ภายในปี 2050 รวมถึงลดการใช้น้ำที่ไม่ยั่งยืนในห่วงโซ่การผลิต เริ่มด้วยการลดลง 50% ภายในปี 2025 และบริหารจัดการที่ดินทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Thriving People มุ่งพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิต ไม่ว่าจะเป็น เกษตรกร คนงาน ผู้หญิง และเด็ก ผ่านโครงการต่างๆ ที่ครอบคลุมในเรื่องของการพัฒนารายได้เกษตรกร ภายใต้โปรแกรมที่ผสมผสานแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี การคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและไม่ใช้แรงงานเด็กในส่วนของโรงงานผลิตของ Mars ทุกแห่ง รวมทั้งโรงงานของซัพพลายเออร์ด้วย
  • Nourishing Wellbeing เปิดเผยข้อมูลต่อผู้บริโภคอย่างโปร่งใส สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีต่อสุขภาพ โดยพัฒนาคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ของบริษัท มุ่งเน้นความปลอดภัยและความมั่นคงด้านอาหารผ่าน Mars Global Food Safety Center เพื่อจัดการกับความท้าทายด้านความปลอดภัยของอาหารในระยะยาว 3 ประการ ได้แก่ การจัดการความเสี่ยงจากสารพิษจากเชื้อรา การจัดการความเสี่ยงด้านจุลินทรีย์ และความมั่นคงสมบูรณ์ของอาหาร

“นโยบายของมาร์ส ในการดำเนินธุรกิจ จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นและนำมาซึ่งการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เริ่มตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับความท้าทายด้านความปลอดภัยของอาหาร ไปจนถึงประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งยังมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ร่วมงานและชุมชนโดยรอบ” นายรัชกร กล่าว

ล่าสุด มาร์สไทยแลนด์อิงค์ ได้เปิดให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้มีส่วนร่วมในการช่วยลดขยะเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยังยืน กับแคมเปญ แลกแล้ว-ลดเลย” เพียงนำถุงเปล่า อาหารสุนัขหรืออาหารแมวแบรนด์ใดก็ได้ขนาด 1 กิโลกรัมขึ้นไป นำมาใช้แลกเป็นส่วนลดอาหาร Pedigree, IAMS, Whiskas  สูงสุด 100 บาท  โดยแคมเปญดังกล่าว เฉพาะร้านค้าทั่วประเทศที่ร่วมรายการ และขยายระยะเวลาไปจนถึง 31 ส.ค.64  หรือ ติดตามรายละเอียดได้ทาง FB: Pedigree Thailand และ FB: Whiskas Thailand

เชิญชวนเยาวชนเข้าร่วมโครงการนวัตกรนิวเคลียร์รุ่นเยาว์ตะลุยอวกาศ

สมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย ขอเชิญชวน น้อง ๆ ม.ปลาย และ ปวช. เข้าร่วมโครงการ “นวัตกรนิวเคลียร์รุ่นเยาว์ตะลุยอวกาศ” ภายใต้โครงการ “การพัฒนาเครือข่ายนวัตกรรุ่นเยาว์ ด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี” กิจกรรมประกอบด้วย
1. การอบรมให้ความรู้พื้นฐานด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี วิทยาศาสตร์อวกาศ รวมทั้งพื้นฐานนวัตกรรมหุ่นยนต์แบบออนไลน์ จำนวน 6 ครั้ง แบบออนไลน์ ทุกวันเสาร์ 9.00-12.00 น. กำหนดจัดระหว่างเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564
2. การประกวดแข่งขันผลงานนวัตกรรม “หุ่นยนต์รถสำรวจวัสดุกัมมันตรังสีในสนามวิบาก” รอบชิงชนะเลิศช่วงวันที่ 16-19 เมษายน 2565

น้อง ๆ ม.ปลาย และ ปวช. ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย นักเรียน 3 คน และอาจารย์พี่เลี้ยงประจำทีม 1 ท่าน หมดเขตรับสมัคร 30 กันยายน 2564

ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดผ่าน http://www.nst.or.th หรือ Facebook “สมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย” สมัครได้ง่ายๆ เพียงสแกน QR code