‘โกโกพริ้นต์’ โรงพิมพ์ออนไลน์นับวันยิ่งแกร่ง

สภาพการณ์ของธุรกิจการพิมพ์ไทยที่อ่อนไหวอย่างหนักในหลายปีมานี้ กลับปรากฏชื่อ “โกโกพริ้นท์” ด้วยสัญลักษณ์โลโก้ “gogoprint” กระหน่ำโฆษณาตัวเองเป็นโรงพิมพ์ออนไลน์ของประเทศไทย ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ค, กูเกิ้ลแอดและยูทูปอย่างหนัก ซึ่งได้ผลดีเกินคาด เมื่อผู้ประกอบการรายนี้สามารถยืนยงอยู่ในไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี ทั้งที่เป็นชาวต่างชาติ

มร.เดวิด แบร์กฮอยเชอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกโกพริ้นต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่สัญชาติเยอรมัน มองเห็นระบบดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในโลกยุคปัจจุบัน และมีผลกระทบทำให้คนอ่านหนังสือลดน้อยลงไปบ้าง แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ธุรกิจงานพิมพ์จะยังคงอยู่ได้“โกโกปริ้นต์”จึงได้เข้ามาทำตลาดเมืองไทยเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว วางเป้าหมายเจาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ใช้สิ่งพิมพ์ในการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ สินค้าและบริการ ผ่านชิ้นงานสิ่งพิมพ์ประเภทนามบัตร แผ่นพับ โบรชัวร์ โปสเตอร์ โปสการ์ด ใบปลิว แฟ้มเอกสาร ฯลฯ

สาเหตุของการเลือกทำธุรกิจรับงานพิมพ์ออนไลน์ในตลาดเมืองไทย เริ่มต้นจากที่ มร.เดวิด เคยเข้ามาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่สาขาวิชาการบริหารธุรกิจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2554  ประมาณ 2 ปี จากนั้นมีโอกาสได้ทำงานที่เมืองไทยกับบริษัท ซาโลร่าฯ (ZALORA) เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ทางด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าแฟชั่นและความงาม มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ อีก 6 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ทำให้เล็งเห็นช่องทางการทำตลาดออนไลน์

“เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ธุรกิจอีคอมเมิร์ชในเมืองไทยยังไม่แพร่หลายมากนัก จึงสนใจว่า น่าจะมีอนาคตที่ดีเหมือนที่เยอรมัน ในส่วนตัวผมก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง บังเอิญมีเพื่อนไปทำออนไลน์พริ้นติ้งที่ประเทศบราซิล กิจการเติบโตประสบความสำเร็จด้วยดี และยิ่งได้เห็นราคานามบัตรที่พิมพ์ที่เยอรมันเทียบกับไทยพบว่า พิมพ์ที่เยอรมันถูกกว่า ทั้ง ๆ ที่เยอรมันต้องนำเข้ากระดาษ  จึงมองเห็นโอกาสและช่องว่างว่า ถ้าทำธุรกิจการพิมพ์ออนไลน์ที่ไทย น่าจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับเพื่อนที่บราซิล”

สำหรับจุดแข็งที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ งานพิมพ์คุณภาพดีเยี่ยมในราคาย่อมเยา พร้อมทั้งมีการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว ขณะที่ขั้นตอนการสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ซึ่งเป็นหน้าร้านก็ง่ายและสะดวก สามารถสั่งซื้อผ่าน www.gogoprint.co.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นการให้บริการที่ตอบตรงโจทย์ผู้ประกอบการเอ็มเอ็มอี

มร.เดวิด กล่าวว่า ที่ผ่านมา “โกโกพริ้นต์” รุกทำตลาดออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ค กูเกิ้ลแอดและยูทูปเป็นหลัก ภายใต้ทีมงานที่แข็งแกร่งประมาณ 50 คน ประกอบด้วย ทีมดูแลลูกค้า (Customer Service), ทีมเขียนบล็อกเพื่ออัพเดทบริการ รวมทั้งให้ความรู้ทางด้านการพิมพ์แก่ลูกค้าด้วย เช่น การเคลือบมันเคลือบด้าน, อาร์ตเวิร์คที่เหมาะสมสำหรับการพิมพ์ให้ได้คุณภาพ เป็นต้น ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผลตอบรับดีมาก โดยเฉพาะงานพิมพ์นามบัตรและโบว์ชัวร์

“เราได้ผู้ร่วมงานที่ดี ได้โรงพิมพ์ที่ดีมาเป็นพาร์ตเนอร์ มีการคัดเลือกโรงพิมพ์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณสมบัติตามที่เราวางไว้ชัดเจน เรารู้ว่าแต่ละโรงพิมพ์มีจุดแข็งอะไร ถนัดอะไร แล้วก็แบ่งส่งงานให้ตามจุดแข็งและความถนัด ทำให้ลูกค้าได้งานคุณภาพที่ตรงเวลา โดยเรามีทีมงานตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งตรงถึงมือลูกค้าด้วย”

มร.เดวิด กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ถ้ามีโรงพิมพ์ออฟเซ็ตหรือโรงพิมพ์อิงค์เจ็ตที่สนใจเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจออนไลน์ด้วยกัน  ก็ยินดีมาก และไม่อยากให้มองว่า  “โกโกปริ๊นต์”เข้ามาเป็นคู่แข่งโรงพิมพ์ดั้งเดิมในเมืองไทย แต่อยากให้มองว่า เข้ามาทำงานด้วยกัน พัฒนาตลาดให้เติบโตไปด้วยกัน

‘ฟอยล์มาสเตอร์’แบรนด์ไทย สีสันเพิ่มมูลค่าการพิมพ์

                                                                                      ขันติ ลาภณัฐขันติ…. เรื่อง/ภาพ

เทคโนโลยีการพิมพ์ฟอยล์ในตลาดเมืองไทย นับวันยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเพื่อความสวยงามของสิ่งพิมพ์ทั่วไปและการตบแต่งบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า จึงหนุนส่งให้ “ฟอยล์มาสเตอร์”สามารถแจ้งเกิดและยั่งยืนมากว่า 3 ทศวรรษ

คุณชิณโชติ ภัคสุขชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอยล์มาสเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด  ให้ข้อเท็จจริงว่า ตลาดการพิมพ์ฟอยล์ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ มีภาพรวมเติบโตขึ้นอย่างมากจากในอดีต โดยเฉพาะการใช้พิมพ์ฉลากสินค้า  เนื่องจากเจ้าของผลิตภัณฑ์กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนไม่น้อย นิยมใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ฟอยล์มาช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า และเพื่อความสวยงามตามที่ตลาดต้องการ

บริษัทฯ ได้ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ พ.ศ.2530 โดยเป็นผู้นำเข้าฟอยล์จากหลากหลายแบรนด์ทั่วโลก เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในประเทศไทย ถึงวันนี้ดำเนินการมาได้กว่า 3 ทศวรรษ ทำให้ชื่อบริษัทฯกลายเป็นชื่อแบรนด์“ฟอยล์มาสเตอร์” ที่ทุกคนรู้จักและยอมรับเป็นอย่างดีในฐานะผู้นำตลาดอันดับต้นๆ ของตลาดฟอยล์เมืองไทย

“ปัจจุบันมีผู้ผลิตฟอยล์อยู่ทั่วโลก เราเองต้องคิดว่า เราจะเอาจุดไหนเป็นจุดขาย เลยต้องทำระบบของเราเอง เช่น ควอลิตี้คอนโทรล เป็นห้องแล็บทดสอบคุณภาพ ไม่ใช่แค่ซื้อมาขายไป พวกฟอยล์มีคุณภาพหลากหลาย สินค้าญี่ปุ่น อเมริกาและยุโรป บางครั้งบางยี่ห้อก็ดีเกินความจำเป็น อาจไม่ต้องทนแรงขีดข่วนสูงมาก เอาแค่มีคุณสมบัติตามที่ลูกค้าต้องการและมีราคาเหมาะก็พอ หลักการเดียวกับการเลือกรถไว้ขับบางทีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นรถเบ๊นซ์เสมอไป”

“ฟอยล์มาสเตอร์”มีคาถามัดใจลูกค้า 3 ข้อหลักๆ ด้วยกัน ข้อแรกคือคัดสรรสินค้าที่เหมาะสมตอบโจทย์ตรงตามลักษณะงานที่ลูกค้า  ข้อสองคือควบคุมคุณภาพสินค้าก่อนส่งตรงถึงมือลูกค้าทุกขั้นตอน และข้อสุดท้ายสำคัญมากคือ การรับประกันสินค้าพร้อมรับเคลมภายในระยะเวลาที่กำหนด

ปัจจุบันบริษัทฯ คัดสรรฟอยล์ที่มีคุณภาพสูง และมีคุณสมบัติที่หลากหลายจากทั่วทุกมุมโลกมาจำหน่าย อาทิ กลุ่มประเทศยุโรป, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เกาหลี ฯลฯ สำหรับการใช้งานที่แตกต่างกันของบรรจุภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ มาไว้ที่นี่แล้ว เพื่อการให้บริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น     เมทัลลิกฟอยล์ และโฮโลแกรมฟอยล์ ซึ่งให้ความเงาสะท้อนแสงเสมือนโลหะ หรือพิกเม้นท์ฟอยล์ สำหรับทดแทนการพิมพ์หมึกธรรมดาทั่วไป หรือการพิมพ์สกรีน ซึ่งเหมาะกับการตบแต่งเฉพาะจุด รวมทั้งยังมี โค้ดดิ้ง ฟอยล์ (Coding Foils) ฟอยล์สำหรับพิมพ์วันที่ผลิต,วันหมดอายุคุณภาพสูง ฯลฯ

คุณชิณโชต์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีสินค้าเพื่อใช้ในการป้องกันการปลอมแปลงและช่วยเพิ่มภาพลักษณ์และความแตกต่างให้กับสินค้า โดยมีให้เลือกทั้งแบบ Security Hologram Foil และ Tamper Evident Void ด้วยเทคนิคเฉพาะในการป้องกันการปลอมแปลงมากมาย ทั้งแบบตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่า (Overt Technology) และแบบตรวจสอบได้ด้วยเครื่องมือ (Covert Technology) รวมทั้งเทคโนโลยีเฉพาะในการผลิต Hologram ทำให้มีความสว่าง, ความคมชัด และความชัดเจนสูง  และมีให้เลือกทั้งแบบ Hot Stamping Foil, Cold Stamping Foil, PET Label ตามความต้องการใช้งานของลูกค้า

คุณชิณโชติ ถ่ายภาพกับฟอยล์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์

‘โรงพิมพ์ด่านสุทธา’สู่จุดสูงสุดพร้อมปรับทิศธุรกิจ

                                                                                           ขันติ ลาภณัฐขันติ... เรื่อง/ภาพ

บันไดทางเดินของโรงพิมพ์ด่านสุทธาก้าวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ผ่านร้อนหนาวผจญฝนฟ้ามาแล้วถึง 45 ปี แม้ระหว่างทางเดินจะมีช่วงขั้นบันไดลานกว้างเป็นจุดพักบ้าง แต่ก็ยังคงสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เรื่อย ๆ กระนั้นก็หาใช่ว่า ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ซึ่งก็คงจะเป็นคำกล่าวที่เกินจริง

คุณปฐม สุทธาธิกุลชัย ประธานกรรมการ บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด เรียกว่า ธุรกิจเหมือนน้ำขึ้นน้ำลงปรับตัวตลอดเวลา

บ่อยครั้งที่โรงพิมพ์ด่านสุทธาโตแบบสวนกระแส  บางครั้งหยุดชะงักบ้างตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ดังที่เคยกระทบหนักมาแล้วในยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตกเมื่อปี พ.ศ.2540 แต่ก็ผ่านไปด้วยดีและมีการเติบโตชดเชยก้าวกระโดดคล้อยหลังจากนั้นไม่นาน  ประมาณว่าเป็นจุดสูงสุดของธุรกิจเลยก็ว่าได้

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของการทำธุรกิจโรงพิมพ์ อาจไม่มีเครื่องมือวัดที่ชัดเจน แต่ถ้าถามถึงกำลังการผลิตและความพร้อมขององค์กรก็พอจะตอบได้ว่า ในวันที่ร้อนแรงที่สุดคือ มีเครื่องพิมพ์ขนาด 1 สี, 4 สีและ 5 สี จำนวนมากถึง 11 เครื่อง ส่วนใหญ่เป็นเครื่องไฮเดลเบิร์ก รองลงมาเป็นแมนโรแลนด์ โคโมริและอื่น ๆ มีระบบงานก่อนพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีที่พร้อมสรรพ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ทูเพลท (CTP) เครื่องปรู๊ฟดิจิตอล 3 เครื่อง มีเครื่องจักรในกระบวนการงานหลังพิมพ์เพียงพอ รองรับงานต่อเนื่องได้อย่างไม่ขาดไม่เกิน มีพนักงาน 150 คน และที่สำคัญมียอดขายต่อเดือน 10 ล้านบาทขึ้นไป

“เรื่องขนาดโรงพิมพ์ใหญ่ไม่ใหญ่ผมว่าไม่สำคัญหรอก สำคัญอยู่ที่เราทำงานให้ลูกค้าพอใจได้ไหม ทั้งเรื่องบริการ ราคาและคุณภาพ ซึ่งเป็น 3 สิ่งที่ได้ยึดถือมาตลอด และพิมพ์งานมาแล้วเป็นล้าน ๆ ชุด มีทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนให้ความไว้วางใจใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง และที่ภูมิใจที่สุดคือ มีโอกาสได้รับงานพิมพ์จากสำนักพระราชวัง, สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์แห่งชาติ, สำนักนายกรัฐมนตรี  โครงการสารานุกรมไทย สำหรับเยาวชน และจัดพิมพ์งานพระราชนิพนธ์ของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์”

คุณปฐมระบุว่า สถานการณ์ของโรงพิมพ์ด่านสุทธา ขึ้นกับกระแสเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงทางสังคมเช่นเดียวกันกับโรงพิมพ์หรือธุรกิจอื่น ๆ เปรียบได้กับน้ำขึ้นน้ำลง ต้องมีการปรับตัวตลอดเวลา ดังเช่นล่าสุด ต้องเผชิญกับ Digital Disruption การรุกคืบของเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียทำให้การบริโภคงานพิมพ์ลดลง ส่งผลให้มีงานพิมพ์ส่วนหนึ่งหายไป จึงต้องปรับทิศทางธุรกิจเล็กน้อยคือ เพิ่มการให้บริการงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์มากขึ้นด้วย

“การปรับทิศทางธุรกิจด้วยการพิมพ์บรรจุภัณฑ์นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และถือเป็นความโชคดีกว่าโรงพิมพ์ที่เริ่มต้นใหม่ เพราะเรามีบุคลากร เครื่องพิมพ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ รองรับได้อยู่แล้ว โดยเพียงแต่เพิ่มเครื่องหลังการผลิตมาทางบรรจุภัณฑ์มากขึ้น และพัฒนาองค์ความรู้ด้านบรรจุภัณฑ์ให้แก่บุคลากรเท่านั้น”

ปัจจุบันหลังจากโรงพิมพ์ด่านสุทธา เพิ่มให้บริการงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์แล้ว 3 ปี สามารถทำยอดขายได้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10 % ของยอดขายรวม และมีท่าทีที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกเช่นกัน

ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 แก่สังคมแวดล้อมโรงพิมพ์ในซอยลาดพร้าว 87

โรงพิมพ์‘คอนติเนนตัล’ ผู้นำบรรจุภัณฑ์กระดาษ

                                                                                          ขันติ ลาภณัฐขันติ….เรื่อง/ภาพ

เอ่ยถึงโรงพิมพ์คุณภาพระดับชั้นนำของเมืองไทย ชื่อโรงพิมพ์บริษัท คอนติเนนตัล บรรจุภัณฑ์(ไทยแลนด์) จำกัด ดีดเด้งขึ้นมาอยู่ในระดับชั้นนำในทันที เพราะความมีชื่อเสียงและเป็นเจ้าตลาดด้านการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษ ต่างเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ด้วยคุณภาพของตัวผลิตภัณฑ์การพิมพ์เองไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค หรือแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ขวดเหล้า ฯลฯ และมีรางวัลต่าง ๆ การันตีมากมายหลายวาระและโอกาสด้วยกัน

หนึ่งในนั้นคือรางวัล PM AWARD 2016 : Prime Minister’s Export Award 2016 ซึ่อถือเป็นปีแรกที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยมีชื่อเข้ารับรางวัลนี้ และโรงพิมพ์คอนติเนนตัลฯ ที่มีอาจารย์มานิตย์ กมลสุวรรณ อาจารย์ใหญ่ของอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยเป็นผู้ขับเคลื่อน ได้เป็นหนึ่งในผู้รับเกียรติครั้งแรกนี้

รางวัล PM AWARD ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดให้มีพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบโล่รางวัล “ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2559 หรือ  โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้มอบให้คุณอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ขณะนั้น ไปเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบโล่รางวัลแทน เนื่องจากติดภารกิจการแถลงนโยบายครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล เมื่อบ่ายวันที่ 15 กันยายน 2559 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ปีนั้นมีคัดเลือกผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกดีเด่นเข้ารับรางวัลสูงสุดของรัฐบาล จำนวน 43 บริษัท รวม 50 รางวัล โดยในส่วนสาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ในประเภทรางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม ซึ่งทำการคัดเลือกและมอบรางวัลเป็นปีแรก ปรากฏว่า มีโรงพิมพ์ได้รับ 2 รางวัลคือ บริษัท คอนติเนนตัล บรรจุภัณฑ์(ไทยแลนด์) และบริษัท ทีพีเอ็น เฟล็กซ์แพค จำกัด

การได้รับรางวัล PM AWARD ถือเป็นผู้ที่สร้างชื่อเสียงแก่สินค้าและบริการของประเทศให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสร้างกระแสบริโภคนิยมสินค้าและบริการไทย เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการไทยได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง อีกทั้งจะนำความคิดสร้างสรรค์ และองค์ความรู้ที่มีอยู่ มาช่วยพัฒนาต่อยอดสินค้าและบริการไทย เพื่อสร้างความได้เปรียบในเวทีการค้าโลก

อาจารย์มานิตย์ กมลสุวรรณ และคุณภาวิมาส กมลสุวรรณ

 

11 เหตุผลที่สำนักพิมพ์จะไม่ตีจากโรงพิมพ์ ในมุมมอง‘คุณจรัญ หอมเทียนทอง’

                                                ขันติ ลาภณัฐขันติ...เรื่องและภาพ

ไม่ว่าครั้งไหน ๆ บรรยากาศของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ, งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ รวมทั้งงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย   ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็จะพบเห็นความคึกคัก ผู้คนล้นหลามหลั่งไหลไปเลือกซื้อหาหนังสือ และที่สำคัญคือ มีหนังสือทั้งปกใหม่ปกเก่า จัดพิมพ์ออกมาจำหน่ายกันอย่างมากมายหลากหลาย..นับวันนับปีมีแต่เพิ่มขึ้น!!

แต่ในภาคของการผลิตหนังสือซึ่งก็คือโรงพิมพ์  กลับมีเสียงพร่ำบ่นเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเสมอ ๆ ทุกฤดูกาลว่า “งานหาย..ลูกค้าหด และสำนักพิมพ์ตีจาก” ซ้ำร้ายบางรายถึงกับม้วนเสื่อกลับบ้านเลิกกิจการไปเลยก็มี  จึงเป็นปรัศนี?ที่มีความขัดแย้งกันในตัวว่า งานพิมพ์ลดน้อยหดหายจริงหรือ ? หากไม่จริงโดยอ้างอิงกับบรรยากาศงานสัปดาห์หนังสือฯ ก็จะมีคำตอบกลับกลายเป็นว่า ลูกค้าและสำนักพิมพ์เป็นฝ่ายตีจากไปเสียเอง..บางโรงพิมพ์จึงไม่มีงาน

 แล้วทำอย่างไร?? เพื่อไม่ให้ลูกค้าสำนักพิมพ์ตีจากหรือหนีหายไปไหน แบบที่ภาษาการตลาดเรียกว่า “ภักดีแบรนด์”  จึงขอนำเสนอคำตอบ ด้วยการสัมภาษณ์แนวคิดและมุมมองของคุณจรัญ หอมเทียมทอง อดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย และอดีตประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ ในฐานะตัวแทนสำนักพิมพ์ และคำตอบที่ได้จำนวน 11 เหตุผล แม้บางเหตุผลจะ “แรง ๆ” สักนิด แต่หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า เป็นการสะท้อนมุมมองของลูกค้า และล้วนมีคุณประโยชน์ต่อโรงพิมพ์ที่ต้องการพัฒนาตนเองได้เป็นอย่างดี

เหตุผลข้อที่ 1 ที่สำนักพิมพ์จะไม่หลีกหนีตีจากไปไหนนั้น คุณจรัญระบุว่า โรงพิมพ์จะต้องให้การบริการที่ดี มีการดำเนินการแบบวันสต็อปเซอร์วิส ให้บริการตั้งแต่การทำเพลท การพิมพ์ เข้าเล่มและอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดทำหนังสือ ซึ่งข้อแรกนี้อาจจะเป็นคำตอบที่กว้างไปหน่อย แต่ก็คงจะทำให้เห็นภาพเบื้องต้นได้ว่า พื้นฐานงานบริการในฐานะโรงพิมพ์ควรเป็นอย่างไร

เหตุผลข้อที่ 2 คุณจรัญใช้คำว่าโรงพิมพ์ต้องซื่อสัตย์ ซึ่งที่ผ่านมี 2 ประเด็นที่ไม่ซื่อสัตย์และสำนักพิมพ์ยอมรับไม่ค่อยได้คือ  ประเด็นที่ 1 โรงพิมพ์เอากระดาษที่สำนักพิมพ์จัดส่งให้ไปใช้ก่อน ซึ่งสมาชิกพบเห็นเยอะแยะมากและร้องเรียนว่า โรงพิมพ์เอากระดาษเขาไปใช้ด้วยการเอาไปหมุนเวียนก่อน

“ระหว่างที่สำนักพิมพ์ส่งกระดาษไปให้เพื่อรอพิมพ์งาน เขาจะเอากระดาษไปใช้พิมพ์ให้คนอื่นก่อน แล้วก็อ้างว่าทำไม่ทันและเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ เหตุที่สำนักพิมพ์จับได้เพราะว่า หนังสือที่ผลิตออกมามีกระดาษเป็นคนละสี ซึ่งเป็นไปได้ยากที่กระดาษล็อตเดียวกันจะเป็นคนละสี

ความไม่ซื่อสัตย์ประเด็นที่ 2  คือ นอกจากเอากระดาษไปหมุนเวียนใช้ก่อนแล้ว เมื่อถึงเวลาพิมพ์จริงให้ลูกค้าเจ้าของงาน กลับพบว่า กระดาษที่นำมาพิมพ์ให้ใหม่กลายเป็นแกรมที่ต่ำกว่า หรือเรียกให้ชัดว่า  เป็นการหลอกลูกค้าเรื่องแกรมกระดาษ

เหตุผลข้อที่ 3 คือเรื่องคุณภาพการพิมพ์ อันนี้เข้าใจว่า โรงพิมพ์ก็เหมือนกับร้านทำผม บางแห่งก็ทำผมสวย แต่บางแห่งก็ทำไม่สวย โดยเหตุที่ทำไม่สวยส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่างไม่มีฝีมือ ประสบการณ์น้อยหรือขาดความชำนาญอะไรก็ตาม  แต่ที่พบบ่อยก็คือ โรงพิมพ์ส่วนใหญ่จะอาศัยเด็กว่างงานจากต่างจังหวัดแล้วนำมาฝึกเป็นช่างพิมพ์แบบพี่สอนน้อง จึงขาดทักษะความเชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ คุณภาพก็ต้องเสียไป งานพิมพ์ออกมาไม่ดี เหตุผลข้อนี้ ร้อยทั้งร้อยลูกค้าก็อยากเปลี่ยนโรงพิมพ์ใหม่

 หตุผลข้อที่ 4 คือเรื่องเวลาหรือกำหนดงานแล้วเสร็จ แต่ถึงเวลากลับไม่เสร็จ อย่างเช่น กำหนดส่งมอบงานวันที่ 1 เพื่อลูกค้าจะนำไปแจกในงานเปิดตัววันที่ 2 แต่พอถึงเวลาส่งมอบกลับทำไม่ได้ อันนี้ ลูกค้าก็เสียหาย ซึ่งเหตุผลข้อนี้ก็นำไปสู่เหตุผลข้อที่ 5 คือ  รับปากโดยไม่รับผิดชอบ

โดยคุณจรัญระบุว่า เหตุผลข้อที่ 5 นั้น มีที่มาจากการที่โรงพิมพ์หลายแห่งมักจะรับปากได้ทุกอย่าง จะเอาเวลาไหนได้หมด เพื่อให้ได้งานหรือไม่ต้องการให้งานนั้น ๆ หลุดไป   แต่เมื่อทำงานจริงและถึงเวลาส่งมอบงาน กลับมีการอ้างสารพัดไปเรื่อยว่า ทำไม่เสร็จเป็นเพราะอะไร  ซึ่งคุณจรัญมองว่า เป็นผลเสียของโรงพิมพ์มากกว่า เพราะยิ่งกลัวงานหลุดด้วยการรับปากไปทุกเรื่อง งานก็หลุดไปจริง ๆ ตรงกันข้าม หากรู้ว่า งานไหนจะทำไม่ทัน ก็ควรจะบอกลูกค้าตรง ๆ เพื่อร่วมหาทางแก้ไข  หรือแม้กระทั่งในส่วนของโรงพิมพ์เอง ก็อาจต้องใช้พันธมิตรมาร่วมผลิตก็ได้  ซึ่งอันนี้ ก็อยู่ที่ว่าโรงพิมพ์จะบริหารตัวเองอย่างไร

เหตุผลข้อที่ 6 คือเรื่องการเงิน โดยปัจจุบันมีโรงพิมพ์ใหญ่ปล่อยเครดิตยาว ๆ ซึ่งเป็นความต้องการของลูกค้าสำนักพิมพ์ทุกราย เช่น โรงพิมพ์กลุ่มทุนใหญ่ให้เครดิต 3 เดือน แต่โรงพิมพ์ขนาดกลางและเล็กให้ไม่ได้ แถมมีการไปเร่งให้ชำระหนี้บ้างจุกจิกอะไรบ้าง คุณจรัญย้ำว่า เหตุผลข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญและเกิดขึ้นจริงแล้ว จะไปโทษลูกค้าสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้ เพราะต่างก็ใช้ระบบเงินหมุนเวียนทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม เหตุผลข้อนี้ก็เห็นใจโรงพิมพ์ที่สายป่านสั้นเช่นกัน โดยเฉพาะโรงพิมพ์ขนาดกลางหรือเล็กที่ไม่สามารถหมุนเงินแบบยาว ๆ ได้ แต่ก็ไม่สามารถชี้ทางออกอะไรให้ได้ เพียงแต่ต้องการบอกให้รู้ว่า ปัจจุบันมีแบบนี้แล้ว และบังเอิญว่าสำนักพิมพ์กลุ่มหนึ่งก็อยากได้แบบนี้ ส่วนโรงพิมพ์จะนำไปพิจารณาบริหารจัดการอย่างไร หรือจะใช้จุดแข็งอะไรมาใช้เป็นกลยุทธ์แก้ปัญหาข้อนี้ก็ว่ากันไป

เหตุผลข้อที่ 7 คือโรงพิมพ์อื่นครบวงจรกว่า เช่น มีบริการทั้งการทำเพลทและเป็นโรงพิมพ์ด้วย บางแห่งก็ให้บริการไสกาวเข้าเล่มด้วย ใครที่รับจ้างพิมพ์อย่างเดียว ก็คงมีตลาดและอยู่ได้ในแบบหนึ่ง แต่ถ้าถามใจสำนักพิมพ์ ก็คงอยากทำที่เดียวให้เสร็จไปเลย  ซึ่งเหตุผลข้อที่ 7 ก็มีผลสืบเนื่องไปเป็นเหตุผลข้อที่ 8 ได้ว่า เป็นความไม่สะดวกของสำนักพิมพ์ เพราะใช้ทำงานแล้วไม่สะดวก ต้องย้ายกระดาษไปพิมพ์ที่นั่น แล้วขนไปไสกาวที่อื่นฯลฯ

เหตุผลข้อที่ 9 คือหนังสือหายและหนังสือเกิน  เช่น สั่งพิมพ์ 3,000 เล่ม แต่ส่งจริง 2,500 เล่ม แล้ว 500 เล่มหายไป ส่วนหนึ่งที่หายไปเพราะใช้ทดลองพิมพ์ตอนตั้งเครื่องพิมพ์มากไปหน่อยกว่าจะเข้าที่  คุณอ้างลองแท่น 200 แผ่น ขณะที่คนอื่นเขาลองแท่น 50 แผ่น  คุณก็ไม่ไหวแล้ว บางแห่งไม่บอกด้วยว่าหนังสือหายไป ถ้าลูกค้าไม่นั่งนับอย่างละเอียดก็ไม่สามารถรู้ได้

กรณีการพิมพ์เกินจากที่สั่งพิมพ์ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยคุณจรัญระบุว่า ในวงการโรงพิมพ์อาจพูดถึงน้อย แต่สำหรับวงการสำนักพิมพ์มีการพูดถึงมาก เพราะหนังสือบางปกพิมพ์ออกมาแล้ว ก็ไปเจอตามตลาดนัดหรือตลาดหนังสือบางแห่งที่ไม่อยู่ในแผนงานของสายส่ง เห็นแล้วก็ได้แต่งงว่า หลุดมาได้ไง? มิหนำซ้ำยังขายต่ำกว่าราคาปกอีกด้วย ทั้งที่เป็นหนังสือใหม่และเป็นหนังสือขายดี

“หนังสือแปลแนวเวทมนตร์พ่อมด ๆ ที่เป็นวรรณกรรมขายดีที่สุดในโลก”นี่ล่ะ เป็นตัวอย่างของการพิมพ์หนังสือที่ต้องเปลี่ยนโรงพิมพ์บ่อย เพราะหนังสือของเขาหาย แล้วไปโผล่ที่สวนจตุจักรบ้างตามตลาดนัดบ้าง แม้ไม่ได้มีการประเมินว่าเสียหายวงเงินเยอะหรือไม่ แต่ได้ทำให้เกิดความเสียหายและเสียความรู้สึกกับโรงพิมพ์แล้วเหตุผลข้อที่ 10 เป็นปัญหาทั่วไปที่รวมตั้งแต่ข้อที่ 1-9 คือปัญหาการจัดการภายในของโรงพิมพ์ กล่าวคือ  โรงพิมพ์ต้องมีระบบการจัดการที่ดี จะต้องมีคนรับงาน คนดูแลงาน คนที่ติดต่อและตามงานได้   แต่โรงพิมพ์ส่วนใหญ่ถ้าถามว่า จะตามงานกับใครได้ ก็ต้องตามกับเถ้าแก่ “เฮีย”ไม่อยู่คนเดียว ตามงานไม่ได้เลย

แถมเหตุผลข้อ 11 อีกข้อหนึ่ง คือโรงพิมพ์อื่นมาเซลล์งาน หรือมาเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น คุณเคยได้รับเงื่อนไขอะไร คู่แข่งมาให้ดีกว่านั้น  ประเด็นนี้ แม้แต่โรงพิมพ์เองก็มีการพูดถึงมากเช่นเรื่องตัดราคา เขาทำได้เพราะมีการบริหารต้นทุนและการจัดการที่ดี  เป็นเรื่องที่สำนักพิมพ์ได้ประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้แนะนำว่าโรงพิมพ์จะต้องตัดราคากันเสมอไป เพราะเรื่องราคาเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ที่พิจารณาเท่านั้น แต่อยากบอกว่า โรงพิมพ์ควรจะเป็นผู้นำเสนอสิ่งดี ๆ ให้แก่สำนักพิมพ์ตลอดเวลา

 การประมวลเหตุผลทั้ง 11 ข้อมานี้ ขอย้ำว่า เป็นการสะท้อนมุมมองส่วนหนึ่งของลูกค้า โดยผ่านการสัมภาษณ์คุณจรัญ หอมเทียนทอง อดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่า มุมมองนี้ถือเป็นปัญหาของโรงพิมพ์ส่วนน้อยที่มีวิธีการดำเนินการที่ผิดบ้างถูกบ้าง และ 11 เหตุผลที่นำเสนอ ถือเป็นคำแนะนำเชิงตักเตือนว่า สุดท้ายโรงพิมพ์ที่ไม่พัฒนาการให้บริการ และประเภทที่เข้าข่ายละเมิดลูกค้าจะไม่สามารถอยู่ได้

แต่ทั้งนี้ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า โรงพิมพ์ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในขอบเขตของ 11 เหตุผลที่สำนักพิมพ์จะไม่หลีกหนีตีจากไปไหน ดังจะเห็นได้จาก มีหลายร้อยพันสำนักพิมพ์ก็ยังคงใช้บริการของโรงพิมพ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนก็เปลี่ยนน้อยที่สุด และส่วนหนึ่งก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนการใช้บริการของโรงพิมพ์นั้น ๆ เลยทีเดียว เพียงแต่เพิ่มการใช้บริการโรงพิมพ์ใหม่เข้ามาเสริม เพราะนับวัน ๆ จะมีผู้อ่านเพิ่มจำนวนมากขึ้น ตามโครงการส่งเสริมการรักการอ่าน และมีการพิมพ์ปกหนังสือเพิ่มมากขึ้น ตามที่เห็นเป็นรูปธรรมและกลายเป็นที่มาของประเด็นการนำเสนอในวันนี้คือ บรรยากาศงานสัปดาห์หนังสือฯ ที่มีความคึกคัก ผู้คนแห่ซื้อหนังสือล้นหลาม และมีปริมาณและยอดการพิมพ์หนังสือเพิ่มขึ้น

โรงพิมพ์ที่สามารถปฏิบัติได้ตามเหตุผล 11 ข้อ จึงไม่น่าเป็นห่วงที่จะต้องพบคำว่า “งานหด ลูกค้าหาย และสำนักพิมพ์ตีจาก” อีกต่อไป!!

      

“โรงพิมพ์ด่านสุทธา”นำทีมช่วยวัดพระบาทน้ำพุสู้ภัยโควิด-19

บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด โดยคุณปฐม สุทธาธิกุลชัย จัดโครงการ “คาราวานน้ำใจต้านภัยโควิด-19 สู่วัดพระบาทน้ำพุ” ทำการเชิญชวนและรวบรวมเงินบริจาค ข้าวสารอาหารแห้งและเครื่องอุปโภคบริโภคจากผู้มีน้ำใจ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมการพิมพ์ไทย สมาคมไหหน่ำด่านเกเต้ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย และกลุ่มเพื่อน ๆ เพื่อมอบให้ท่านเจ้าคุณอลงกต หรือพระอุดมประชาทร ( อลงกต ติกฺขปญฺโญ ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ สู้ภัยในสถานการณ์โควิด-19 ช่วยบรรเทาทุกข์ผู้ป่วยเอชไอวี. รวมเป็นจำนวนมูลค่า 415,232 บาท แบ่งเป็นเงินสด 254,232 บาท และข้าวของอุปโภคบริโภคคิดเป็นมูลค่า 161,000 บาท
คุณปฐมกล่าวว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้ผู้เดินทางไปทำบุญที่วัดพระบาทน้ำพุมีจำนวนน้อยลง โดยที่วัดยังคงต้องดูและผู้ป่วยเอชไอวี คนชราและเด็กผู้ยากไร้จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง และรอรับความช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธาและใจบุญอยู่ตลอดเวลา จึงได้เชิญชวนเพื่อน ๆ ช่วยกันบริจาคเงินทำบุญหรือสิ่งของที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพในสถานการณ์ปัจจุบัน อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ไก่ไข่เป็ด แอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย ฯลฯ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

“แคนนอน”เปิดตัว imagePROGRAF GP Series เครื่องพิมพ์ใหม่พร้อมหมึกสีสะท้อนแสง

แคนนอนเปิดตัวเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง imagePROGRAF GP Series 4 รุ่นใหม่ เพื่อรองรับการใช้งานของนักออกแบบกราฟิก ครีเอทีฟเอเจนซี่ และงานพิมพ์ที่ใช้ภายในองค์กร ประกอบด้วย imagePROGRAF GP-540 (44 นิ้ว) และ GP-520 (24 นิ้ว) ที่ใช้น้ำหมึก 10 สี และหมึกพิมพ์สีชมพูสะท้อนแสง อีกทั้งยังมี imagePROGRAF GP-5300 (36 นิ้ว) และ GP-5200 (24 นิ้ว) ที่ใช้น้ำหมึก 5 สี พร้อมด้วยหมึกพิมพ์สีชมพูสะท้อนแสง

เครื่องพิมพ์ซีรีส์นี้มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง “Radiant Infusion” ที่ได้รับการพัฒนาหมึกพิมพ์สีชมพูสะท้อนแสงขึ้นมาใหม่พร้อมกับหมึกอื่นๆ ที่ใช้สำหรับการพิมพ์บนพื้นผิวกระดาษ ซึ่งจะมอบสีที่มีความสดใสและนุ่มนวลให้งานพิมพ์ ในขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับ “PosterArtist Lite” ซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งานในคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ใช้ที่มีความเชี่ยวชาญน้อยก็สามารถสร้างสรรค์โปสเตอร์อันสวยงามสะดุดตาได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ imagePROGRAF GP-540 และ GP-520 ยังมีหมึกสีแดง สีส้ม สีเขียว และสีม่วง ที่ช่วยขยายขอบเขตการสร้างสีสันให้เป็นไปได้มากขึ้น เพื่อให้ได้ช่วงสีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง imagePROGRAF

นอกจากนี้ รุ่น GP-540 และ GP-520 ยังสามารถใช้งาน “PANTONE FORMULA GUIDE Solid Coated” ได้ครอบคลุมถึง 99% เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การพิมพ์และการออกแบบ มาพร้อมหมึกสีแดง สีส้ม สีเขียว สีม่วง และสีชมพูสะท้อนแสงที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ โดยหมึกพิมพ์ใหม่เหล่านี้ขยายขอบเขตการใช้สีที่เป็นไปได้ให้มากขึ้น สามารถเพิ่มขีดความสามารถของ imagePROGRAF ซีรีส์ล่าสุดด้วยช่วงสีที่กว้างที่สุดในปัจจุบัน และช่วยให้ภาพที่พิมพ์ออกมาใกล้เคียงกับสีบนจอภาพมากที่สุด

 

“ฟูจิฟิล์ม”นำเสนอ Revoria Press PC1120 เครื่องพิมพ์ใหม่ไฮเอนด์

บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น จำกัด บุกตลาดเครื่องพิมพ์ระดับโปรดักชั่นรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ Revoria คือ Revoria Press PC1120 เครื่องพิมพ์สีเพื่อตลาดงานพิมพ์มืออาชีพระดับไฮเอนด์  ภายใต้แบรนด์ใหม่ได้นำเสนอโซลูชั่นการพิมพ์ระดับโปรดักชั่นให้แก่ลูกค้า ซึ่งครอบคลุมเครื่องพิมพ์โปรดักชั่น เซิร์ฟเวอร์งานพิมพ์ และซอฟต์แวร์ประมวลผลการพิมพ์ ช่วยโรงพิมพ์ขยายธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพงานพิมพ์ด้วยคุณสมบัติใหม่, เทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ ระบบป้อนกระดาษ Air Suction Feeder และอุปกรณ์กำจัดไฟฟ้าสถิต Static Removal Device ช่วยให้การป้อนกระดาษมีความเสถียรสูงและรองรับกระดาษหลากหลายชนิด เช่น กระดาษที่เป็นขุย กระดาษเคลือบ และฟิล์ม

ข้อมูลภาพจะถูกจำแนกออกเป็น 5 สีโดยอัตโนมัติ ได้แก่ สีฟ้าอมเขียว สีแดงอมม่วง สีเหลือง สีดำ (CMYK) และสีชมพู โดยหมึกพิมพ์สีชมพูชนิดเรืองแสงจะช่วยขยายขอบเขตของสีได้มากขึ้น ส่งผลให้งานพิมพ์ออกมามีชีวิตชีวา โดยเฉพาะภาพผู้คน ด้วยสีสันสดใสและโทนสีผิวที่นุ่มนวลขึ้นเทคโนโลยี AI ช่วยปรับสีภาพอัตโนมัติ โดยจุดที่ไม่ชัดเจนในภาพจะได้รับการปรับปรุงโดยอัตโนมัติ เช่น การปรับภาพที่มืดหรือสว่างเกินไป การปรับแสงด้านหลังที่สว่างเกินไป การปรับโทนสีผิว และการปรับเฉดสีท้องฟ้าให้สดใส

ความสามารถพิมพ์ด้วยความเร็วสูง 120 หน้าต่อนาที (ขนาด A4 แนวนอน) โดยยังคงได้งานพิมพ์คุณภาพสูงและความละเอียดสูงถึง 2,400 dpi ด้วยผงหมึก Super EA-Eco ซึ่งมีละอองหมึกละเอียดที่สุดในอุตสาหกรรม ระบบป้อนกระดาษสามารถรองรับกระดาษที่มีความหนาแตกต่างกัน ตั้งแต่บาง 52 g/m2 ไปจนถึงหนา 400 g/m2 และถาดใส่กระดาษสามารถรองรับกระดาษได้หลากหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กเพียง 98 x 148 มม. ไปจนถึงกระดาษยาว 330 x 1,200 มม. ในโหมดพิมพ์หน้าเดียว หรือ 330 x 729 มม. ในโหมดพิมพ์สองหน้า ระบบหลังการพิมพ์ในตัวเครื่องทำงานได้หลากหลาย โดยสามารถพับกระดาษ เข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคา ตัดขอบกระดาษสามด้าน และเข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคาพร้อมไสกาว

โดยแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ Revoria นั้น มาจากการผสมคำว่า “revolution” (การปฏิวัติ) กับคำต่อท้าย “-ia” ซึ่งหมายถึงประเทศหรือดินแดน โดยบริษัทได้ปฏิวัติการพิมพ์ระดับโปรดักชั่นเพื่อสร้าง “ดินแดน” ใหม่และสร้างมูลค่าที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ ชื่อแบรนด์ยังรวมคำว่า “reborn” (การกำเนิดใหม่) “renew” (การสร้างใหม่) และ “refine” (การปรับปรุงใหม่) ดังนั้น การสะกด Revo”r”ia ด้วยตัว “r” แทนที่จะเป็น Revo”l”ia ด้วยตัว “l” จึงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะถือกำเนิดบนเวทีใหม่ ส่วนโลโก้ของแบรนด์ที่เป็นภาพนกสยายปีกบินข้ามดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ไปสู่อาทิตย์อุทัย หมายความว่าลูกค้าของเราจะโบยบินไปสู่ความสำเร็จร่วมกับฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น ต่อไป

‘บราเดอร์’เป็นเลิศงานบริการ คว้าอีก 7 รางวัลการประกวด TCCTA 2021

นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ รักษาการผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การประกวด TCCTA Contact Center Awards 2021 ได้จัดขึ้นโดยสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย (TCCTA : Thai Contact Center Trade Association) เพื่อส่งเสริมบุคลากรในอุตสาหกรรมคอนแทคเซ็นเตอร์ของประเทศไทย ได้แก่ ระดับผู้บริหาร หัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์และระดับองค์กร ซึ่งเป็นการผลักดันการพัฒนาธุรกิจ ขับเคลื่อนบริการคอนแทคเซ็นเตอร์ให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภค อันจะส่งผลให้บริการในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมาของการจัดประกวด บราเดอร์ สามารถคว้ารางวัลในหมวด The Best Customer Satisfaction Contact Center มาโดยตลอด

ในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ 6  บราเดอร์ โชว์ศักยภาพอีกขั้น ด้วยการคว้า 7 รางวัลอันทรงเกียรติมาครองได้อย่างสมภาคภูมิ ทั้งจากประเภทองค์กร (Corporate) รวม 4 รางวัล ได้แก่ The Best Human Care Contact Center ระดับ Gold, The Best Social Media Contact Center ระดับ Gold, The Best Effective Technology Contact Center ระดับ Silver และ The Best Customer Satisfaction Contact Center ระดับ Bronze และจากประเภทบุคคล (Individual) รวม 3 รางวัล ได้แก่ The Best Agent Contact Center of the Year รางวัลดีเด่น, The Best Manager Contact Center of the Year รางวัลดีเด่น และ The Best Supervisor Contact Center of the Year รางวัลชมเชย

‘ปฐม สุทธาธิกุลชัย’ สร้างสะพานบุญชักชวนหมู่มิตร ไถ่อิสรภาพโค-กระบือ 19 ชีวิต

คุณปฐม สุทธาธิกุลชัย ประธานกรรมการ บริษัท ด่านสุทธาการ พิมพ์ จำกัด อาสาเป็นสะพานบุญเชื่อมเพื่อนพ้องมวลหมู่มิตรที่ใกล้ชิดสนิทกันเชิญชวนร่วมบริจาคเงิน จัดกิจกรรมไถ่ชีวิต-กระบือ และปันน้ำใจให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้ ตามโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 อันได้แก่ ธนาคารโค-กระบือ

ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อร่วมอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย คิดเป็นจำนวนเงิน 532,850.11 บาท สามารถไถ่อิสรภาพได้ 19 ชีวิต แบ่งเป็นโค 14 ชีวิต(ตัวละ 27,000 บาท) กระบือ 5 ชีวิต(ตัวละ 30,000 บาท)   และได้นำไปทำพิธีมอบแล้วที่ศูนย์ไถ่ชีวิตโค-กระบือ โรงฆ่าสัตว์บริษัทวัฒนามีท โปรดักส์  จำกัด อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เมื่อเร็ว ๆ นี้

คุณปฐม ในฐานะประธานโครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือในครั้งนี้ กล่าวว่า ในช่วงที่สังคมไทยประสบชะตากรรมกับสงครามเชื้อโรคโควิด-19 เช่นเดียวกันกับคนทั่วโลก และอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีงานลดน้อยถอยลงอย่างมาก จึงได้ถือโอกาสที่มีเวลาว่างคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งคำถามให้ตัวเองว่า เราได้ทำความดีอะไรให้กับผู้อื่นหรือสังคมแล้วหรือยัง ซึ่งสิ่งที่คิดได้คือ นอกเหนือการบริจาคเงินและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวแก่ผู้ยากไร้โดยตรงแล้ว ยังคิดว่า สามารถอาสาเป็นสะพานบุญเชื่อมมวลหมู่มิตรเพื่อเพิ่มการช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ได้มากขึ้นด้วย