SYS ได้รับการรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจประจำปี 2564

บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS ผู้ผลิตเหล็กเอชบีม ไวด์แฟลงก์มานานกว่า 25 ปีได้รับการคัดเลือกมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ ประจำปี 2564 ประเภทธุรกิจที่ได้รับการต่ออายุหนังสือรับรอง และก้าวเข้าสู่การเป็นธุรกิจธรรมาภิบาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยยกให้เป็นต้นแบบธุรกิจสีขาวที่จะเป็นแบบอย่างให้ธุรกิจอื่นๆต่อไป

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกาศรายชื่อธุรกิจที่ได้รับการคัดเลือกมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ ประจำปี 2564 ซึ่งธุรกิจที่ผ่านการประเมิน จะได้รับหนังสือรับรองและตราเครื่องหมายรับรอง “มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ” จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรอง เป็นระยะเวลา 3 ปี นอกจากนี้ ยังจะได้รับสิทธิในการระบุข้อความรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจบนหนังสือรับรองนิติบุคคล ซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้า อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ธุรกิจรายอื่น

นายเจษฎา ปลั่งมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด หรือ SYS เผยว่า SYS ได้ดำเนินธุรกิจมานานมากกว่า 25 ปี ด้วยความโปร่งใส ยึดหลักนิติธรรม และคุณธรรมในการบริหารงาน โดยปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ อย่างเคร่งครัด มีการกำหนดเรื่องของธรรมาภิบาลเป็นนโยบายหลักขององค์กร เพื่อให้พนักงานทุกคนยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นอกจากนี้ SYS ยังได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

“ขอขอบคุณกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้จัดกิจกรรมการรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ อย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ภาคธุรกิจมุ่งมั่นที่จะบริหารกิจการด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งหากทุกธุรกิจยึดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงาน ก็จะเป็นพลังสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ส่อง Budweiser กระเป๋า Bud Tote Bag รุ่นลิมิเต็ด

Budweiser หนึ่งในแบรนด์เบียร์ชั้นนำที่บริษัท บริวเบอรี่ จำกัด นำเข้าและจัดจำหน่ายภายใต้การบริหารงานของ จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ผู้ก่อตั้งและประธาน เป็นแบรนด์ที่มีอายุยาวนานกว่า145 ปี เปิดตัวคอนซูเมอร์โปรโมชั่นใหม่ล่าสุดกระเป๋าสุดเท่ที่มีชื่อว่า Bud Tote Bag ภายใต้หลัก Concept ของ Multitasking Bag ที่ทาง Bud เล็งเห็นว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่มีพลังงานในการขับเคลื่อนสูง lifestyle มีหลากหลายของกิจกรรมที่ต้องทำในหนึ่งวัน ทั้งไปทำงาน ช้อปปิ้ง ออกกำลัง ทั้งโดยสาร BTS หรือซ้อนมอเตอร์ไซด์ Budweiser จึงได้ออกสินค้าแพ็คพิเศษ Bud tote Bag ที่สามารถปรับรูปทรงการใช้งานของกระเป๋าได้หลากหลายวิธีเข้ากับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน  #Budtotebag #BeABUD #Multitasking และเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ Bud Bag ทั้งสองเวอร์ชั่นที่เปิดตัวจัดจำหน่ายมาก่อนหน้านี้และได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม

Budweiser นั้นตอกย้ำความเป็นตัวตนที่มีเอกลักษณ์ว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ iconic ของโลกที่มีมานานกว่า 145ปี เป็นแบรนด์ที่ยังคงพัฒนาและมีวิวัฒนาการของตัวเองอยู่ตลอดให้เข้ากับโลคยุคใหม่ มีจุดเด่นในด้าน แฟชั่นที่สนับสนุนให้ทุกคนกล้าที่จะแตกต่างในแบบของตัวเอง กล้าออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ จึงสะท้อนออกมาเป็นกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุด Bug Tote Bag ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์หลักเรื่องการใช้งานได้อย่างหลากหลาย (Multitasking) และนำเสนอด้วยสีแดงสีหลักสำคัญของแบรนด์ Budweiser โดย Bud Tote Bag นั้นจับกลุ่มเป้าหมาย Unisex สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย เพียงแค่มีไลฟ์สไตล์เป็นคนลุยๆ มี energy ชอบทำกิจกรรมหลากหลายและชอบความเป็นลิมิเต็ดอิดิชั่น กระเป๋า Bud Tote Bag ตัวนี้ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

Bud Tote Bag มากด้วยฟังก์ชั่นและประโยชน์ใช้งานได้ถึง 4 รูปแบบด้วยกันได้แก่ Cross Body, Backpack, Shopping Bag, Shoulder Bag โดยสามารถเป็นเจ้าของ Limited Edition ชิ้นนี้ในราคาเพียงใบละ 599 บาท สินค้าถูกผลิตและจำหน่ายในจำนวนจำกัด มีวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 64 ถึง 31 ตุลาคม 64 ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเครือของ The Mall group, Siam Paragon, EmQuartier, Villa Supermarket และในช่องทางออนไลน์ที่ Wishbeer, Beercareful และ HOBS

ทำความรู้จักแพลตฟอร์ม 10X1000 Tech for Inclusion

10X1000 Tech for Inclusion แพลตฟอร์มที่รวบรวมการอบรมและการเรียนรู้ด้านฟินเทคได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรผู้นำด้านฟินเทค นักลงทุน และอุตสาหกรรมด้านการเงินการลงทุนจากทั่วโลกเพื่อนำเสนอหลักสูตรที่จะให้องค์ความรู้ ให้แนวคิดเกี่ยวกับฟินเทคและได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของผู้นำองค์กรระดับนานาชาติ

10X1000 ได้รับความร่วมมือจาก IFC หรือ International Finance Corporation หนึ่งในสมาชิกของ World Bank Group และ Alipay ในปี 2018 ร่วมนำเสนอหลักสูตรที่มีชื่อว่า “Flex” ตั้งเป้ารับสมัครผู้อบรมที่มีคุณสมบัติและผ่านการคัดเลือกเข้าจำนวน 1,000 รายจากทั่วโลก ซึ่งเตรียมเปิดการอบรมในเดือนตุลาคม 64 โดยหลักสูตรดังกล่าวนี้จะเป็นการเรียนการสอนออนไลน์เต็มรูปแบบ

ผู้เข้าอบรม 1,000 รายชื่อจากทั่วโลกในหลักสูตร Flex จะมาจากการคัดเลือกของกลุ่มพันธมิตร เช่น IFC, United Nations Development Programme, United Nations Economic Commission of Africa, SME Final Forum, Dubai International Financial Centre, Malaysia Digital Economy Corporation, KPMG และสมาคมฟินเทค แห่งฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ ประเทศไทย

นายชลเดช เขมะรัตนา นายกสมาคมฟินเทคประเทศไทย (TFA) กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรจากทั่วโลก ในการนำเสนอหลักสูตรของ 10X1000 และเชื่อว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมฟินเทคในประเทศไทย จะสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีบุคลากรด้านฟินเทคอยู่ในวงที่จำกัดมาก ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีในการสร้างรากฐานความรู้ด้านฟินเทคให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ผ่านการเรียนรูปแบบออนไลน์โดยตรงกับผู้เชี่ยวชาญด้านฟินเทคระดับสากล ซึ่งเป้าหมายของ 10×1000 นั้น ตรงกับเป้าหมายและแผนงานที่ TFA ได้วางไว้ ในเรื่องการเสริมความรู้ด้านฟินเทค ทั้งในระดับพื้นฐาน และเชิงลึกให้ครอบคลุมมากที่สุด จึงถือได้ว่าการร่วมมือในครั้งนี้เป็นการนำร่องในการพัฒนาความรู้ด้านฟินเทคให้แก่คนไทย ก่อนที่จะก้าวไปเรียนรู้ด้านฟินเทคในเชิงปฏิบัติการจากประสบการณ์จริง ซึ่ง TFA มีแผนที่จะเปิดตัวหลักสูตรในช่วงต้นปี 2565 หากสถานการณ์โควิดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

หลักสูตร Flex เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานด้านฟินเทค หรืออยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมนี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ความพิเศษของหลักสูตรนี้คือการได้เรียนกับตัวจริงระดับโลก เน้นสอนผ่าน Case Study ด้วยการเชิญผู้นำในองค์กรด้านการเงินและเทคโนโลยี ที่ประสบความสำเร็จมาแบ่งปันความรู้ด้านฟินเทค ผ่านการเรียนที่ค่อนข้างยืดหยุ่นต่อผู้เรียน เพราะเป็นการเรียนรูปแบบออนไลน์ที่ผู้เรียนสามารถเลือกได้ว่าต้องการเริ่มเรียนในช่วงไหน ระหว่าง 11 ตุลาคม 64, 25 ตุลาคม 64, 1 พฤศจิกายน 64 หรือ 8 พฤศจิกายน 64 โดยจะเรียนในวันเวลาไหนก็ได้ แต่ต้องเรียนผ่านวีดีโอ 8 บทเรียน และทำแบบทดสอบ 3 ชุด ให้เสร็จภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อรับ Certificate ของหลักสูตร ซึ่งในโปรแกรมจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษ และภายในเนื้อหาจะครอบคลุมทั้งในเรื่องเทคโนโลยีและการเงิน รวมไปถึงกลยุทธ์การต่อยอดและขยายธุรกิจด้วย โดยการเรียนจะเน้นให้ผู้เรียนมี Mindset ที่ถูกต้อง มีความรู้ และได้ฝึกทักษะที่จำเป็นด้านฟินเทค เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้และต่อยอดกับธุรกิจของตนเองได้

Eric Jing ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ant Group เจ้าของแพลตฟอร์มด้านการเงิน Alipay กล่าวว่ารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับสมาคมฟินเทคประเทศไทย เพื่อให้ 10×1000 เติบโตไปอีกก้าวหนึ่งผ่านการร่วมมือกันในครั้งนี้ โดยเราตั้งเป้าหมายร่วมกันลดช่องว่างทางความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Digital Skills Gap ในประเทศไทย โดย 10×1000 นั้นมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างบุคลากรและผู้นำด้านเทคโนโลยีและการเงิน ปีละ 1,000 คน เป็นเวลา 10 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายด้าน SDGs หรือการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN) ทั้งในเรื่องการศึกษา การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลดความเหลื่อมล้ำ โดยเรามั่นใจว่าผู้ที่จบหลักสูตร Flex ของ 10×1000 จะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้และพัฒนาระบบนิเวศน์ด้านการเงิน และฟินเทคในประเทศของตนเองได้ ซึ่งถ้าทำได้ดังนี้จริงก็จะช่วยให้ 10×1000 สามารถเข้าใกล้เป้าหมายด้าน SDGs ได้มากขึ้นเช่นกัน

นายชลเดช ทิ้งท้ายว่า สมาคมฟินเทคประเทศไทย จะคัดเลือกผู้เรียนจากผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุด 100 ที่นั่ง ซึ่งจะเลือกจากรายชื่อผู้สมัครที่เป็นสมาชิกของ สมาคมฟินเทคประเทศไทย และต้องมีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับฟินเทคหรือสาขาที่เกี่ยวข้องมาเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี โดยวางแผนเปิดรับสมัครในวันที่ 20 กันยายน 64 – 4 ตุลาคม 2564 ผ่านทาง www.thaifintech.org และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าเรียนในวันที่ 8 ตุลาคม 64 ผ่านทางอีเมลที่สมัครมา

กรมการพัฒนาชุมชน เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP

กรมการพัฒนาชุมชน จัดการอบรมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) ให้มีคุณภาพมาตรฐาน ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ประกอบการสินค้าโอทอป กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ได้เสริมทักษะทางด้านการตลาด สามารถนำความรู้ไปพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมสนับสนุนสินค้าโอทอปให้ผ่านการรับรองมาตรฐาน ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ โดยมีผู้ชำนาญการเฉพาะด้านเป็นผู้ออกแบบหลักสูตรการอบรม และให้เกียรติมาเป็นวิทยากรแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 244 ราย

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าโอทอป ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา (Quadrant D) ลงทะเบียนผ่านระบบทั้งสิ้น 19,248 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าสินค้าโอทอปของกลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ประสบปัญหาด้านคุณภาพ และมาตรฐาน รวมถึงรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้สินค้าขาดศักยภาพในการเข้าไปแข่งขันในตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ

นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศ มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ทำให้กรมฯ มีความกังวลใจในเรื่องความปลอดภัยของผู้ประกอบการ หากแต่การอบรมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน จึงมีการตัดสินใจปรับรูปแบบการอบรมมาเป็นระบบออนไลน์แทน เพื่อให้ผู้ประกอบการยังสามารถเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการสินค้าโอทอป กลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร เนื่องจากประชาชนกำลังมีความตื่นตัวหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ด้วยการเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายจากสมุนไพร จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นออกสู่ตลาด ซึ่งมีข้อได้เปรียบในเรื่องเอกลักษณ์ที่โดดเด่น มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจอยู่แล้ว แค่เสริมทักษะด้านการตลาดเข้าไป ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเข้าสู่ระบบตลาดได้หลากหลายช่องทาง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตจากฐานรากได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดยหลักสูตรของการอบรมครั้งนี้ มีเนื้อหาที่ครอบคลุมและครบทุกมิติ ผู้ประกอบการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้าได้ตลอดทั้งกระบวนการ แบ่งออกเป็น ด้านการตลาด เน้นการสร้างแบรนด์ วิเคราะห์ วางกลยุทธ์ทางการตลาดต่าง ๆ ด้านดิจิทัล มีเป้าหมายในการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ ด้านการออกแบบ เพื่อสร้างภาพจำให้กับสินค้า และ ด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาศักยภาพสินค้าโอทอป ให้ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โครงการนี้ นับเป็นการจัดอบรมในรูปแบบออนไลน์ครั้งแรก แต่ก็ถือว่าได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

“กรมการพัฒนาชุมชนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอบรมครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มศักยภาพในเชิงพาณิชย์ให้กับผลิตภัณฑ์โอทอปกลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนา ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ให้สามารถขยายช่องทางการขายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้เติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งหลังจากนี้ ทางโครงการฯ จะมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยการลงพื้นที่เพื่อช่วยตรวจสอบการผลิตสินค้าให้ถูกต้องตามขั้นตอน และกระบวนการที่ได้มาตรฐาน” นายสุรศักดิ์ กล่าว

“ออฟ-กัน” ชวนถ่ายคลิปดูเอทลง IG

บริษัท แลคตาซอย จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลือง “ซังซัง” ส่งพรีเซนเตอร์คู่จิ้น “ออฟ-กัน” ขอท้าสาวกซังซังและบรรดาแฟนคลับ มาถ่ายคลิปลง IG ในลีลาสุดมันส์และสร้างสรรค์ พร้อมรายงานตัวว่าคุณอยู่ทีมไหน “ทีมกล่อง vs ทีมขวด” โดยผู้ที่ร่วมสนุกทำตามกติกา ดังนี้

  • เเชร์โพสต์กิจกรรมนี้ เเบบสาธารณะ
  • ถ่ายคลิปดูเอทกับ ออฟ-กัน ในลีลามันส์หลุดโลกแล้วเข้าไปที่ IG SangSangSoymilk กดเลือก reels (tap ที่ 2)
  • เลือกคลิปเเล้วกดที่เมนู #ทีมขวด คลิปออฟถือกล่อง หรือ #ทีมกล่อง คลิปกันถือขวด
  • จากนั้นเลือก remix this reel และอัดวีดีโอ สามารถโพส challenge ได้ที่ reels หรือ หน้า feed IG
  • เเชร์คลิปใส่  #SangSangDuet #SangSangSoymilk #SangSangxOffGun
  • แคปหน้าจอที่ร่วมกิจกรรมมาคอมเมนต์ใต้โพสต์ เพื่อยืนยันเข้าร่วมกิจกรรม

สำหรับผู้ที่ร่วมสนุกลุ้นรับ Gift Set ซังซัง พร้อมกระเป๋า tote bag Limited 10 รางวัล ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ก.ย. 64 คัดเลือกโดยตัดสินผู้ได้รับรางวัลจากคนที่ทำตามกติกาพร้อมคลิปที่โดนใจที่สุด วันที่ 4 ต.ค.64 ณ บริษัท เเลคตาซอย สำนักงานใหญ่ ประกาศผลวันที่ 5 ต.ค.64 ทาง FB SangSangSoymilk ยืนยันสิทธิ์ภายใน 10 ต.ค.64 รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3w0PQ5o และติดตามกิจกรรมดี ๆ ของซังซังได้ทาง FB : SangSang  หรือ Line : @SangSangSoymilk

ผ่าทางตันการศึกษาไทย Unlock TCAS65

การสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นอีกก้าวสำคัญของจุดเริ่มต้นในการเลือกเส้นทางอาชีพของตนเอง และจากกระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงระบบ TCAS65 เป็นอีกความท้าทายของ Dek65 ในการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมเป็นอย่างมาก

ในงานเสวนา ผ่าทางตันการศึกษาไทย Unlock TCAS65 ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 24 เป็นการเปิดเวทีให้เหล่าบรรดาติวเตอร์สถาบันกวดวิชาชั้นนำได้มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความเห็นพร้อมกับช่วยปลดล็อกให้น้อง ๆ Dek65 ได้รู้ทันว่า TCAS65  มีการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน มีแนวข้อสอบอย่างไร เพื่อช่วยให้น้อง ๆ ได้เตรียมรับมือได้อย่างถูกทาง

อ.นพ.วีรวัช เอนกจำนงค์พร หรือ ครูพี่วิเวียน จาก OnDemand กล่าวว่า “ข้อจำกัดของหลักสูตรคณะแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัช มีความชัดเจนว่า หากน้อง ๆ ยืนยันสิทธิ์คณะแพทย์ในรอบ1 และ2 ไปแล้ว จะไม่สามารถไปใช้สิทธิ์ในรอบ3 ของมหาวิทยาลัยรัฐ แต่สามารถข้ามหลักสูตรไปเลือกคณะเภสัชหรือทันตแพทย์ได้ ซึ่งเป็นระบบที่ไม่เอื้อกับการเผื่อเลือกมหาวิทยาลัย และต้องการเอื้อให้กับคนที่ตั้งใจเข้าเรียนจริง ๆ และเลือกเป้าหมายชัดเจนเท่านั้น  การเรียนการสอนในทุกมหาวิทยาลัยแพทย์เรียนหลักสูตรเดียวกัน อยากให้น้อง ๆ ไม่ยึดติดกับสถาบัน โดยในส่วนข้อสอบความถนัดแพทย์มีการบีบเวลาให้กระชับ โครงสร้างแนวข้อสอบไม่เคยเปลี่ยนแต่จะมีการเติมไม้ตายใหม่ ๆ เข้าไปทุกปี หากน้อง ๆ แก้จุดไม้ตายได้ก็จะรอด ตัวข้อสอบจะเล่นกับเหตุการณ์ปัจจุบันและประเด็นสังคมค่อนข้างเยอะและสอดแทรกความเป็นแพทย์ในเนื้อความของข้อสอบ โดยข้อสอบจริยธรรมจะมีความยากที่สุดเพราะอิงกับวุฒิภาวะและทัศนคติของมนุษย์ สำคัญคือ มุมมองของผู้ใหญ่กับมุมมองของเด็กไม่เหมือนกัน ดังนั้นขอให้เรียนรู้และทำความเข้าใจให้ดี

อ.สุรเชษฐ์ พิชิตพงศ์เผ่า หรือ ครูพี่ยู จาก We by The Brain กล่าวว่า “มี 3 ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ  ได้แก่ ประเด็นการเปลี่ยนมาใช้เกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัยแทนการใช้เกณฑ์กลาง ทุกคนต้องรอติดตามข่าวและเตรียมพร้อมอย่างหนักที่สุด เนื่องจากคะแนนสอบจะมีความสำคัญมากขึ้น หากมีการประกาศว่า G-PAT ไม่ได้ใช้เลย ส่วนประเด็นการไม่ใช้คะแนน O-NET มีทั้งข้อดีทำให้น้อง ๆ ลดความกังวลในการเตรียมบททบทวนไป1สนาม จะสอบหรือไม่นั้นอยู่ที่วิจารณญาณของน้อง ๆ แต่มีข้อที่น่าเสียดายในมุมDek65และเด็กซิ่ว จะไม่สามารถพึ่งพาคะแนน O-NET ได้เลย ต้องไปทุ่มเทให้สนามอื่นที่เหลือ นอกจากนี้ในประเด็นการจัดการสิทธิ์เป็นเรื่องใหม่ที่ทุกคนต้องเพิ่มสติในการตัดสินใจ เน้นทำให้ถูกต้อง ครบถ้วนทุกขั้นตอน เพียงเท่านี้น้อง ๆ ก็จะทรงพลังแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อสอบ GAT เชื่อมโยงของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) หากอนุมานว่ายังคงออกเนื้อหารูปแบบเดิม การปรับแนวคำถามในบางวิชา เน้นที่การคิดและนำไปใช้  ซึ่งข้อสอบ GAT เชื่อมโยงของ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.) ก็เน้นการคิดวิเคราะห์เช่นกัน นับว่าตรงตามแนวทางเดียวกัน การเอาข้อสอบเก่ามาทำยังคงมีประโยชน์ เพียงแต่เราต้องไปดูการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ซึ่งต้องอ่านคำชี้แจงในวันสอบให้ดี  ส่วนภาษาไทยแนวคำถามจะเน้นที่การคิดวิเคราะห์และนำไปใช้ แนวคำถามการวัดความรู้ความจำอาจจะปรับตัดออก ดังนั้นอยากให้น้อง ๆ มีความรอบคอบให้มากที่สุด และคอยติดตามข่าวที่จะออกมาในช่วงต้นเดือนธันวาคมปีนี้”

อ.กรกฤช ศรีวิชัย หรือ ครูติ่ง จาก KRU CLUB กล่าวว่า “ระบบการสอบมีการเปลี่ยนแปลงมาทุกยุคทุกสมัย ถ้าคนที่เตรียมความพร้อมให้กับตนเองตลอดเวลา ไม่ว่าระบบการสอบจะเป็นอย่างไร เชื่อว่าน้อง ๆ จะมีการปรับตัวและสามารถผ่านไปได้ สำหรับวิชาวิทยาศาตร์ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยน O-NET มาเป็นวิชาสามัญเท่ากับไม่เปลี่ยน เพราะจุดแข็งของวิชาวิทยาศาสตร์คือ เรามีแบบเรียนของ สสวท.ที่ตายตัวและใช้เหมือนกันทั้งประเทศ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานกระบวนการเรียนรู้ ความรู้ ความเข้าใจ การประยุกต์ใช้ การวิเคราะห์ องค์ความรู้ของวิชาวิทยาศาสตร์คือข้อเท็จจริง ดังนั้น คนที่จำได้ เข้าใจได้ วิเคราะห์ได้ ทำได้ ซึ่งข้อสอบวิชาวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่จะอยู่ในหลักสูตร  สิ่งที่นักเรียนมักจะหลงกลตั้งแต่เริ่มแรกคือ จำไม่ได้ตั้งแต่กระบวนการแรก และตามมาด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้ประยุกต์ใช้ไม่เป็น”

อ.สุวคนธ์ อินป้อง หรือ ครูเลดี้เก๋เก๋ กล่าวว่า “การปรับยกเลิกเกณฑ์แอดมิชชั่น2 น้อง ๆ อาจจะเตรียมตัวลำบากขึ้นเนื่องจากในแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีเกณฑ์เฉพาะ แต่ระบบใหม่นี้จะดีสำหรับน้อง ๆ ที่มีคณะหรือมหาวิทยาลัยในใจอยู่แล้วทำให้เราได้รู้เกณฑ์อย่างชัดเจน ในส่วนของภาษาอังกฤษอัตราการออกสอบวิชาสามัญจำนวนข้อสอบจะเยอะมากในเวลาที่เท่ากัน วิชาสามัญจะยากกว่าในเรื่องของ Reading ที่มีจำนวนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น GAT หรือ วิชาสามัญ มีหลักการง่าย ๆ หัดทำข้อสอบเยอะ ๆ จะช่วยได้  ดังนั้นอยากให้กำลังใจกับน้อง ๆ ถึงเกณฑ์จะเปลี่ยนแต่ถ้าน้อง ๆ เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ต้องปัง ๆ ฟาดคะแนนได้แน่นอนค่ะ”

นับเป็นมุมมองและคำแนะนำดี ๆ ในการช่วยปลดล็อกให้กับน้อง ๆ ได้เตรียมพร้อมและรับมือกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยนอกจากการเสวนาดังกล่าวแล้ว ยังมีการเปิดตัว โครงการสหพัฒน์แอดมิชชั่น ครั้งที่ 24 อีกด้วย

ชัยลดา ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงการจัดโครงการสหพัฒน์แอดมิชชั่น ครั้งที่ 24 ว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศไทย ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะคลี่คลายเมื่อใด แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สหพัฒน์ โดยผลิตภัณฑ์ มาม่า บิสชิน มองต์เฟลอ และริชเชส ยังคงให้ความสำคัญต่อการศึกษาของเยาวชนไทย โดยในปีนี้เราได้จัดโครงการสหพัฒน์แอดมิชชั่น ครั้งที่ 24 เป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เข้าถึงการเตรียมความพร้อมและทบทวนความรู้เข้าสู่มหาวิทยาลัยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ  นับเป็นครั้งที่ 2 ที่เราจัดให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเป็นการติวสดออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Sahapat Admission มีการติวสดทั้งหมด 6 วันเต็ม โดยติวเตอร์ชั้นนำของประเทศ ครอบคลุม 11 วิชา มีการจำลองบรรยากาศห้องเรียนให้เหมือนจริง น้อง ๆ สามารถโต้ตอบกับติวเตอร์ได้ทาง Live Chat นอกจากนี้ยังมีการแนะแนวเพิ่มความเข้าใจระบบสอบ TCAS65 และเพิ่มเติมให้เข้มข้นขึ้นปีนี้จะมีการจำลองทดสอบออนไลน์ฟรีและรู้คะแนนทันทีหลังการสอบ พร้อมดูคลิปเฉลยจากติวเตอร์ จึงขอเชิญชวนน้อง ๆ เข้ามาสมัครติวสดออนไลน์ เพื่อให้น้อง ๆ ได้ทบทวนและทดสอบความรู้หลังจากที่ได้เรียนไปแล้ว”

โครงการ “สหพัฒน์แอดมิชชั่น” ครั้งที่ 24  ติวสดออนไลน์จัดเต็ม 6 วัน ในรูปแบบ “Live Streaming Class” บนเว็บไซต์ Sahapat Admission  ด้วยระบบทันสมัยเหมือนติวอยู่ในห้องเรียนจริง มีติวเตอร์ชื่อดังระดับประเทศมาถ่ายทอดความรู้ วิชาสามัญ GAT และ PAT พร้อมแนะแนวระบบสอบ TCAS65 รูปแบบใหม่ เพิ่มเติมด้วยการจำลองทดสอบออนไลน์ฟรีและรู้คะแนนทันทีหลังการสอบ พร้อมใบรายงานผลการสอบ โดยน้อง ๆ นักเรียนที่สนใจสมัครได้ที่ www.sahapatadmission.com และสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง FB : Sahapat Admission https://www.facebook.com/SahapatAdmission หรือ โทร. 061-163-3449, 061-851-8646

แอปพลิเคชัน CaltexGO ชู สมาร์ท จ่ายไว ไร้สัมผัส รับโปรสุดปัง

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันคุณภาพระดับโลกภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” จัดโปรโมชั่นปัง ๆ เพิ่มความคุ้มค่าทุกการจับจ่าย เพียงลูกค้าคาลเท็กซ์ใช้บริการเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ (ยกเว้น ดีเซล B20) ที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ (เฉพาะในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี) ตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป (ครบ 5 ครั้ง) และชำระค่าน้ำมันด้วยแอปพลิเคชัน CaltexGO  รับทันทีคูปองอิเล็กทรอนิกส์ (E-Coupon) ส่วนลดต่าง ๆ มูลค่ารวมสูงสุด 180 บาท อาทิ ส่วนลดที่ร้าน MK Restaurants, ร้าน Starbucks หรือรับส่วนลดค่าน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ

ลูกค้าคาลเท็กซ์สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CaltexGO ได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับระบบปฏิบัติการ IOS สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store และสำหรับระบบปฏิบัติการ Android สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store โดยสามารถรับสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2564 หรือจนกว่าจะครบ 10,000 สิทธิ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.caltex.com/th/motorists/rewards-and-offers/promotions/caltexgopromoaug2021.html หรือ ศูนย์บริการลูกค้าน้ำมันคาลเท็กซ์ โทร 02 081 4123 หรืออีเมล [email protected] (เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น.) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโปรโมชั่นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นดี ๆ จากคาลเท็กซ์ได้ที่ www.caltex.co.th และ LINE official : @iLoveCaltex

ช้อปอะไรดี? คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน® โปรดีเอส™ ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน® แนะนำผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องใหม่ สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ฮาโวลีน® โปรดีเอส ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่ (Havoline® ProDS Fully Synthetic Eco) SAE 0W-20 / 5W-30 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% ได้มาตรฐาน API SP / ILSAC GF-6A มีวางจำหน่ายในขนาด 4 ลิตร และ 1 ลิตร สูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรถอีโค่ คาร์ เครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า 1,300 ซีซี เครื่องยนต์ไฮบริด และระบบฉีดตรง (GDI) ช่วยปกป้องการสึกหรอของทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์อย่างสมบูรณ์แบบ ลดแรงเสียดทาน จึงช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์รวมไปถึงระบบฉีดตรงแบบเทอร์โบชาร์จ สามารถทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ ตอบโจทย์การใช้งานและเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ภายใต้แนวคิด Smart Product เติมเต็มประสบการณ์แห่งความสุขในการขับรถอย่างลื่นไหลเต็มพลัง

ปกป้องเครื่องยนต์เบนซิน อย่างเหนือชั้น พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับ ฮาโวลีน® โปรดีเอส ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่ SAE 0W-20 / 5W-30 ตั้งแต่วันนี้ ที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ และตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ทั่วประเทศ พร้อมจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ Lazada และ Shopee สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ได้ที่ โทร.02 081 4492 ติดตามข้อมูลข่าวสารพร้อมกิจกรรมดี ๆ จากคาลเท็กซ์ได้ที่  www.caltex.co.th และ www.facebook.com/CaltexThailand  แอดไลน์ @iLoveCaltex หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้า โทร. 02 081 4123

ทำความรู้จัก Liquid Biopsy นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผย โรคมะเร็งหากตรวจพบเร็ว เท่ากับช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาได้มากขึ้น ชี้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งยังสูง เนื่องจากตรวจเจอในระยะลุกลาม และระยะเวลารอคอยในการตรวจรักษาที่นาน ชูนวัตกรรมการแพทย์ Liquid Biopsy ตรวจหาและวิเคราะห์มะเร็งจากเลือดของผู้ป่วยได้รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดชิ้นเนื้อ ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตจากมะเร็ง สามารถระบุตำแหน่ง พร้อมผลการรักษาที่รวดเร็ว เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที ตามอาการของผู้ป่วยระหว่างการรักษา ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสรักษาหายเมื่อตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น 

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยว่า Liquid Biopsy (ลิควิด ไบออฟซี่) นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด ในขั้นตอนที่สะดวกและรวดเร็วเพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลง การกลายพันธุ์ หรือความผิดปกติของยีนมะเร็ง นำไปสู่การวิเคราะห์ที่ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า 90% ภายในระยะเวลาเพียง 12 วัน และนำผลการตรวจที่บ่งบอกได้ก่อนการรักษา ถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ของผู้ป่วย รวมทั้งช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม ถูกตำแหน่ง ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบพุ่งเป้า ทำลายเฉพาะเชื้อมะเร็ง จึงช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง ในขณะที่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายผู้ป่วยน้อยที่สุด นอกจากนี้ Liquid Biopsy ยังสามารถใช้ในการตรวจซ้ำกับผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็งแล้วกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย

“Liquid Biopsy เป็นอีกทางเลือกใหม่สำหรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งในวงการแพทย์ หลังจากการตรวจพื้นฐานและประเมินระยะของมะเร็งในปัจจุบันผ่านวิธีการซักประวัติและตรวจร่างกาย การ X-Ray หรือการ CT Scan รวมทั้งการผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์ ปัจจุบัน Liquid Biopsy เป็นนวัตกรรมทางเลือก มีขั้นตอนการตรวจที่ง่าย รวดเร็ว แม่นยำกว่า 90% และสามารถช่วยลดความเสี่ยงหลายประการ เพียงเจาะเลือดจากผู้ป่วย และวินิจฉัยจากดีเอ็นเอ (DNA) เป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ตรวจพบแล้วว่าเป็นมะเร็ง และต้องการวางแผนการรักษาที่รวดเร็ว ผู้ป่วยมะเร็งพบชิ้นเนื้อซ้ำทั้งจุดเดิม หรือแพร่กระจายไปยังจุดอื่นในร่างกาย ผู้ป่วยมะเร็งที่มีโรคประจำตัว และผู้ป่วยสูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด ด้วยตำแหน่งของมะเร็งที่อยู่บริเวณอวัยวะสำคัญ ผ่าตัดชิ้นเนื้อได้ยาก เกิดกังวลในการผ่าตัด เพราะหากตัดออกมาแล้วอาจทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บ หรือได้รับอาการข้างเคียงที่รุนแรง” นายแพทย์ธนุตม์ อธิบาย

ข้อดีของการตรวจวินิจฉัยมะเร็งด้วยวิธี Liquid Biopsy คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เพราะพยาบาลหรือแพทย์สามารถเจาะเลือดของผู้ป่วยได้เองจากที่ไหนก็ได้ รวมทั้งเป็นวิธีที่สามารถตรวจผู้ป่วยซ้ำได้ มีผลข้างเคียงน้อย ในด้านของการแปลผลสามารถบอกได้ว่ามะเร็งมีการกลายพันธุ์หรือไม่ และเป็นการวินิจฉัยที่แม่นยำ ช่วยให้สามารถเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะ

“อย่างไรก็ดี Liquid Biopsy นวัตกรรมการแพทย์ทางเลือกที่ช่วยให้การตรวจพบ และการรายงานผลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยจากมะเร็งได้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะหายเป็นปกติได้ และช่วยในการติดตามผลการรักษาว่าเซลล์มะเร็งจะกลายพันธุ์ไปหรือไม่ อย่างไร เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในวงการแพทย์เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ลดอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคมะเร็งได้ในปัจจุบันและอนาคต” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

มัดใจขาช้อปสายห้าง ซิตี้ รวมโปรสุดปัง!

ผ่อนคลายกับบรรยากาศการช้อปปิ้งที่กลับคืนมาให้เพลิดเพลินใจอีกครั้ง! บัตรเครดิตซิตี้ จับมือ ศูนย์การค้าชั้นนำ ได้แก่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, ดิ เอ็มโพเรียม,  ดิ เอ็มควอเทียร์สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, ไอคอนสยาม และเดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา ทุ่มโปรจัดหนัก จัดเต็มให้เหล่าช้อปเปอร์ชอบเดินห้างได้ชื่นมื่นกับการจับจ่าย กิน ดื่ม ให้หายคิดถึง พร้อมมอบอภิสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่สมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ ที่ศูนย์การค้าสุดโปรด ดังนี้

  • Central Embassyช้อปแบบเจิดจรัสกับแคมเปญ Bringing You Back on Stage พร้อมรับสิทธิ์แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้คะแนนซิตี้รีวอร์ดเท่ากับยอดซื้อสินค้า ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตั้งแต่ 6 กันยายน – 31 ตุลาคม 2564 
  • The Emporium & The EmQuartierหวนคืนสู่บรรยากาศแสนสนุกของนักช้อปกับ Shoppers Reunion! สำหรับยอดใช้จ่ายทั้งที่ศูนย์การค้าและช่องทางแชท แอนด์ ช้อป พร้อมรับ 2 สิทธิประโยชน์  1) รับบัตรกำนัลศูนย์การค้าฯ มูลค่าสูงสุด 4,000 บาท เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไข 2) รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ดเท่ากับยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่ 1 – 30 กันยายน  2564
  • ONESIAM and ICONSIAMมอบอภิสิทธิ์ให้ช้อปอย่างเพลิดเพลินใจกับ Credit Card Days! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% สำหรับยอดใช้จ่ายที่ศูนย์การค้า และช่องทางแชท แอนด์ ช้อป เมื่อใช้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด เท่ากับยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ที่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และ ไอคอนสยาม ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2564
  • The Mall Shopping Centerทุกสาขา ฉลองการกลับมาจับจ่ายแบบสุดคุ้มกับ Shoppers Return พร้อมมอบ 2 สิทธิพิเศษให้เหล่าช้อปเปอร์อย่างจุใจ รับสูงสุด 2,400 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ภายในศูนย์การค้า 1) รับบัตรกำนัลศูนย์ฯ และ E-Coupon ส่วนลดร้านอาหาร สูงสุด 800 บาท ทุกวัน เมื่อใช้จ่าย ที่ร้านค้า, ร้านอาหารในศูนย์การค้า และ Gourmet Eats ที่ร่วมรายการ 2) รับบัตรกำนัลศูนย์ฯ มูลค่าสูงสุด 1,600 บาท เมื่อใช้จ่าย และสะสมยอดช้อป ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เฉพาะเสาร์-อาทิตย์  ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา ตั้งแต่ 8 กันยายน – 28 ตุลาคม 2564

ติดตามโปรโมชั่นสุดพิเศษกว่าใคร เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้เท่านั้นได้ทางเว็บไซต์www.citibank.co.th