ปั้น GON เป็น ณเดชน์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Licensing Partnership

ฟู้ดแพชชั่น เจ้าของแบรนด์ดัง บาร์บีคิวพลาซ่า, จุ่มแซบฮัท, ฌานา, โภชา และหมูทอดกอดคอ โดย บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น ประกาศเปลี่ยนยุทธวิธีการรบ ครั้งใหม่ สยายปีกเพิ่มพันธมิตรหลัก ควงคู่มากับ เคซีจี ผู้นำธุรกิจเบเกอรี่ของไทย ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 60 ปี โดย ตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด จับมือผนึกกำลังส่ง บาร์บีกอน สะท้อนภาพลักษณ์ และเป็นตัวแทนของผู้คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วย Passion และความมุ่งมั่นอยากก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการในวงการธุรกิจเบเกอรี่ เพื่อส่งเสริม และสนับสนุนการสร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้คนไทย ในช่วงวิกฤตโควิด 19

โดยจัดโครงการ KCG X GON จุดไฟปรุงฝัน ชูจุดแข็งของ เคซีจี ต่อยอดการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบใหม่ พร้อมการเปิดตัวความร่วมมือด้วยไวรัลคลิป รับบทแสดงนำโดย บาร์บีกอน จากบาร์บีคิวพลาซ่า ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากเมื่อต้นปีที่มีการตั้งเป้าปั้น GON ให้เป็น ณเดชน์ และตอกย้ำความสำเร็จการทำกลยุทธ์การตลาด Licensing Partnership กับทุกพาร์ทเนอร์ที่ผ่านมา

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหารฟู้ดแพชชั่น เผยว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ เคซีจี ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของฟู้ดแพชชั่น โดยร่วมเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรหลักใน Category สายเบเกอรี่ จากแวดวงธุรกิจอาหาร และนึกถึงบาร์บีกอนที่เป็นตัวแทนของคนที่มีแพชชั่น สู้ไม่ถอย โดยทางเราก็เล็งเห็นถึงศักยภาพของ เคซีจี ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1 ของการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายวัตถุดิบเบเกอรี่ในประเทศไทย โดยความพิเศษครั้งนี้ คือการผสมผสานที่ลงตัวของสองแบรนด์ที่มีคาแร็กเตอร์แตกต่าง แต่มี Vision หลักสององค์กร ในทิศทางเดียวกันคือ “การสร้างสรรค์ ความรื่นรมย์ให้กับรสชาติอาหาร” และการช่วยเหลือสังคม จึงร่วมมือกันในชื่อแคมเปญ KCG X GON จุดไฟปรุงฝัน ถือเป็นการพลิกเกม การตลาดเชิงรุก สู่กลยุทธ์การตลาดแบบยั่งยืน และรื่นรมย์ ที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดี และการสร้างอาชีพที่ สร้างรายได้ให้แก่ผู้บริโภค มากกว่าการคำนึงถึงยอดขายสินค้าเพียงอย่างเดียว

ตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เราตั้งใจจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม และสนับสนุนคนไทยที่ว่างงาน ทั้งเด็กจบใหม่ คนตกงาน หรือพนักงานบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 ได้สมัครเข้าร่วมคอร์สแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งการรับเซ็ทวัตถุดิบเบเกอรี่ฟรี รับสูตรเบเกอรี่ฟรี รวมทั้งเรียนรู้ธุรกิจออนไลน์ฟรี จากกูรู และผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ เพื่อช่วยเหลือสังคมในวงกว้าง โดยเน้นไปที่ผู้ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด 19 จากสถิติที่มีมากถึง 6 ล้านคน และเชิญชวนทุกท่านติดตามเฟสถัดไปของการร่วมมือในครั้งนี้ จะมีเซอร์ไพรส์ นำเอาวัตถุดิบอาหารซิกเนเจอร์ของบาร์บีคิวพลาซ่ามาครีเอทเป็นเบเกอรี่ โดยใช้วัตถุดิบ และเชฟมากฝีมือของเคซีจี รับรองอร่อยประทับใจแน่นอน

สำหรับภาพรวมตลาดปลายปี 63 ของธุรกิจปิ้งย่าง และเบเกอรี่ ยังครอง Market Share ในส่วน Dine In และ Take Away ประมาณ 30% โดยมีสัดส่วนลดลง แต่ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ในขณะที่สถิติตัวเลขการว่างงานในช่วงเวลาเดียวกันของคนไทย อยู่ที่ 590,000 คน และมีแรงงานเป็นนักศึกษาจบใหม่ช่วงมีนาคม 2564 จำนวน 500,000 คน รวมทั้งยังมีการประเมินจำนวนผู้ว่างงานจากกรณีอื่น ๆ อีกกว่า 300,000 คน KCG X GON จุดไฟปรุงฝัน จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคนตกงาน ซึ่งสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทั้งผู้ที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านเบเกอรี่ ไม่มีอุปกรณ์พื้นฐานเริ่มต้น และมีเงินลงทุนจำกัด หรือผู้ที่มีพื้นฐาน และมีอุปกรณ์เบื้องต้น สอบถาม และดูรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิได้ฟรี คลิ๊กเลยที่ KCG จุดไฟปรุงฝัน

สอบถามรายละเอียดและอัพเดทโปรโมชั่นดี ๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.barbqplaza.com และติดตามกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก GON LIVE ได้ทาง Facebook @Bar B Q Plaza

เปิดตัว “สปอนเซอร์ โก” ตอกย้ำผู้นำเจ้าตลาดสปอร์ตดริ้งค์

กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภค พร้อมตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งตลาดสปอร์ตดริ้งค์ เปิดตัว สปอนเซอร์ โก (Sponsor GO) ขยายตลาดรับเทรนด์ผู้บริโภคแอคทีฟไลฟ์สไตล์ เสริมภาพลักษณ์ทันสมัยด้วยบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ดีไซน์ใหม่ทันสมัย พกพาสะดวก ขนาดใหญ่จุใจ คุ้มค่ากว่าเดิม โดยยังคงความสดชื่นแบบจัดเต็มในรสชาติออริจินัล ในขนาด 420 มล. ราคาเพียง 15 บาท พร้อมส่งออนไลน์แคมเปญ #GOไปได้ทุกที่GOไปได้กับคุณ รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ #เที่ยวทิพย์ สะท้อนไลฟ์สไตล์แอคทีฟในขณะที่ยังไม่สามารถออกไปลุยทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ พร้อมตั้งเป้าดันยอดขายรวมภายใต้แบรนด์สปอนเซอร์โต 7% ภายใน 2021 ปี

นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP

นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า สปอนเซอร์เป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเกลือแร่บรรจุขวดพร้อมดื่มรายแรกในประเทศไทยได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทยมาโดยตลอด จนปัจจุบันครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% เพราะเราเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค พร้อมเสนอทางเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงใจพวกเขาอยู่เสมอเพื่อตอกย้ำการเป็น Trend Setter ในตลาดฯ

“การขยายตลาดของสปอนเซอร์ในครั้งนี้ เพราะเราเล็งเห็นไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมการออกกำลังกาย รวมถึงการทำกิจกรรมที่มีความลุยและแอคทีฟเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ช่วงโควิด-19 ที่ไม่สามารถออกจากบ้านไปลุยกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังสามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่มีความแอคทีฟระหว่างวันอยู่บ้านได้ รวมทั้ง พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าเมื่อเทียบราคากับปริมาณ ดังนั้น “สปอนเซอร์ โก” จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งบรรจุภัณฑ์ใหม่ ดีไซน์ทันสมัย ที่จับกระชับมือ พกพาสะดวก และคุ้มค่ากว่าเดิม คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดการเติบโตของแบรนด์สปอนเซอร์รวม 7% ภายใน 2021 ปี” นางประไพภักตร์ กล่าว

ในขณะที่ สถานการณ์โควิด-19 ทำให้การจัด on ground activity ชะลอตัวแต่ สปอนเซอร์ โก ยังคงสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องด้วยการมุ่งทำการตลาดในช่องทางออนไลน์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ กับแคมเปญออนไลน์ “เที่ยวทิพย์ที่ไหน ต้องมี สปอนเซอร์ โก ไปด้วย” ภายใต้แนวคิด “สปอนเซอร์ โก #GOไปได้ทุกที่GOไปได้กับคุณ” เพื่อสะท้อนแอคทีฟไลฟ์สไตล์ผ่านกระแส #เที่ยวทิพย์ ที่กำลังได้รับความนิยม โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของกิจกรรมได้ที่เพจ Facebook “สปอนเซอร์” พร้อมรับชมคลิปโฆษณา Sponsor GO ใหม่ล่าสุดได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=7DIOYYd7YmE

สปอนเซอร์ โก ขนาดใหม่ ดีไซน์ใหม่ ใหญ่จุใจ คุ้มค่า พกพาสะดวก คงรสชาติความสดชื่นแบบออริจินัล บรรจุในขวดพลาสติก PET ขนาด 420 มล. ในราคาเพียง 15 บาท พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและกิจกรรมความเคลื่อนไหวของ “สปอนเซอร์” และกลุ่มธุรกิจ TCP ได้ที่ www.facebook.com/Sponsorthailand หรือ www.tcp.com

 

“จอมทรัพย์ โลจายะ” ขายบิ๊กล็อต SUPER 3.7%

“จอมทรัพย์  โลจายะ”ผู้ถือรายใหญ่ SUPER ขายบิ๊กล็อต 1.02 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็น 3.7% ให้กองทุนต่างประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง ในระยะยาว แนวโน้มผลงานโตก้าวกระโดด กำลังการผลิตไฟฟ้าปี 65 ทะลุ 2,000 เมกะวัตต์ ตามแผน

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ได้ทำรายการขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (Big lot) จำนวน 1,020,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.7% ให้กับกองทุนชั้นนำต่างชาติ  โดยภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว ยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 37 %

ทั้งนี้ การเข้ามาซื้อหุ้นผ่านกระดานบิ๊กล็อตของกองทุนต่างชาติในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อ SUPER ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยกองทุนต่างชาติเล็งเห็นโอกาสในการเติบโต ซึ่งพิจารณาได้จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 /64 ที่ผ่านมา ซึ่ง SUPER มีตัวเลขผลการดำเนินงานทั้งรายได้ และกำไรเติบโตก้าวกระโดด

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯพร้อมเดินหน้าก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 421 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่ม COD เฟสแรก 30 เมกะวัตต์ ในช่วงปลายปีนี้ส่งผลให้กำลังการผลิตปี 2564 เพิ่มเป็น 1,200-1,300 เมกะวัตต์   ก่อนขยับเป็น 1,900 – 2,000 เมกะวัตต์ ในปี 2565 ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าเติบโตก้าวกระโดด ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ในหลายรูปแบบ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และการเติบโตที่แข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

ธ.กรุงเทพ จับมือประกันสังคม ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

ธนาคารกรุงเทพ จับมือสำนักงานประกันสังคม ปล่อยกู้ต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อสถานประกอบการ ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง หวังให้มีการจ้างงานผู้ประกันตนต่อเนื่อง ลดต้นทุนการเงิน คิดดอกเบี้ยต่ำ คงที่ตลอด 3 ปี แค่ 2.75% ต่อปี กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ 4.75% ต่อปี กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือค้ำประกันโดยบุคคล หรือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) วงเงินรวมทั้งโครงการ 3 หมื่นล้านบาท

สุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม ในโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2563 – 2564) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ เพื่อเพิ่มผลผลิตแรงงาน รักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้

สำหรับโครงการดังกล่าว มีวงเงินสินเชื่อรวมทั้งโครงการ 30,000 ล้านบาท ระยะเวลาสินเชื่อตามโครงการ 3 ปี วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อสถานประกอบการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ต่อปี สำหรับกรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75% ต่อปี กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือค้ำประกันโดยบุคคล หรือใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทั้งนี้ การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร และไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อ Refinance สินเชื่อเดิมได้

ผู้ประกอบการที่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ จะต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม โดยต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และได้รับการรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการจากสำนักงานประกันสังคม ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องรักษาจำนวนผู้ประกันตนในสถานประกอบการให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวนผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ณ วันที่ธนาคารส่งแบบรายงานผลการอนุมัติสินเชื่อให้ประกันสังคม ไว้ตลอดอายุสินเชื่อ

นายสุวรรณ กล่าวอีกว่า โครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ รวมถึงการคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ และคงที่ตลอด 3 ปี เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดยมีเงื่อนไขให้ยังคงรักษาระดับการจ้างงานเอาไว้ เพื่อช่วยให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนยังคงมีรายได้ต่อเนื่อง และบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

“ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจส่วนใหญ่กำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารกรุงเทพเข้าใจและห่วงใยผู้ประกอบการทุกระดับ และพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการส่งมอบความช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการทางการเงินต่าง ๆ รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ผ่านหลากหลายแนวทาง ทั้งมาตรการให้ความช่วยเหลือโดยตรงของธนาคาร และมาตรการที่ธนาคารดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูของธนาคารแห่งประเทศไทย และสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานกับประกันสังคมในครั้งนี้ ซึ่งในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ธนาคารก็พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์” นายสุวรรณ กล่าว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสมัครขอสินเชื่อในโครงการดังกล่าวได้ที่เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ หรือ สำนักธุรกิจของธนาคารกรุงเทพทุกสาขา โดยสามารถยื่นคำขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หรือ เมื่อเงินสนับสนุนตามโครงการครบจำนวนตามที่กำหนด ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนข้อมูลอื่นที่น่าสนใจของธนาคาร ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่ www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

ทรูช้อปปิ้ง รุกออนไลน์ครบวงจรผ่าน True Shopping Official Store

ทรูช้อปปิ้ง ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้งชั้นนำของประเทศ เผยพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ปี 2563 เติบโตถึง 50.4% โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือกลุ่มความงามและสุขภาพ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตทะลุ 3 พันล้านบาท ผงาดขึ้นแท่นกำไรอันดับหนึ่งตลาดโฮม ช้อปปิ้งในปี 2564 เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อครองความเป็นที่หนึ่งในใจนักช้อปชาวไทยอย่างต่อเนื่อง เพิ่มสินค้าฮ็อตฮิตอินเทรนด์เพื่อสุขภาพ พร้อมเน้นระบบการจัดส่งสินค้าด้วยบริการที่เป็นเลิศเชื่อมั่นลูกค้าได้รับสินค้า รวดเร็ว ถูกต้อง ปลอดภัยอย่างแน่นอน อีกทั้งมีกลยุทธ์สำคัญ เพิ่มช่องทางออนไลน์ผ่าน True Shopping Official Store ในแอปพลิเคชัน All Online รวมสินค้าขายดี และ All Korea Shop พร้อมเปิดตัวคู่ค้าธุรกิจรายใหญ่ระดับโลก McDonald’s นำร่อง “Total Solution Services” ครบวงจรเพื่อธุรกิจ SMEs ต่อยอดความสำเร็จจากที่ได้พัฒนาสินค้า “House Brand” หลากหลายให้เลือกช้อป บริการ “Telesales” เป็นเลิศด้วยทีมงานขายตรงมืออาชีพที่เข้าใจทุกความต้องการของลูกค้า สร้างความแข็งแกร่งในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบ “Omni Channel” ดึงศักยภาพพันธมิตรค้าปลีกในเครือทรู และร้านค้าปลีกชั้นนำ คัดสรรสินค้าอินเทรนด์ส่งตรงถึงมือ เร่งปูพรมสินค้าเน้นความงาม แฟชั่น และอาหารเสริม ตอกย้ำแบรนด์กูรูด้านความงามและสุขภาพ “อยากดูดีต้องมาช้อปกับทรูช้อปปิ้ง”

นายองอาจ ประภากมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู จีเอส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง ทรูช้อปปิ้ง (True Shopping) ภายใต้ความร่วมมือกับ จีเอส ช้อป (GS Shop) ผู้นำโฮมช้อปปิ้งอันดับ 1 จากเกาหลี เปิดเผยว่า “ด้วยวิถีนิวนอร์มัลของคนไทยในช่วงโควิด-19 สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ลดการออกนอกบ้าน ใช้ชีวิตอยู่บ้าน หันมาเลือกชมและช้อปผ่านโฮมช้อปปิ้งกันมากขึ้น โดยในปี 2563 ทรูช้อปปิ้ง สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 2,300 ล้านบาท เติบโตกว่า 50.4%

ทั้งนี้ ในปี 2564 นี้ ทรูช้อปปิ้ง ตั้งเป้ายอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท มีกำไรก้าวสู่อันดับ 1 โฮมช้อปปิ้งของไทย พร้อมยังคงความเป็นผู้นำด้านสินค้ากลุ่มความงามและสุขภาพอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เร่งคัดสรรสินค้าที่ดี และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น เครื่องออกกำลังกาย อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และยังคงคุณภาพในการจัดส่งสินค้าที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าถึงบ้านภายใน 1-3 วัน

พร้อมชูกลยุทธ์เจาะกลุ่มคนยุคดิจิทัล เพิ่มความสะดวกให้ช้อปออนไลน์ผ่าน True Shopping Official Store ในแอปพลิเคชัน All Online ศูนย์รวมสินค้าขายดี อาทิ น้ำมันกระเทียมสกัดเย็น ULTIMATE กาลิก ออยล์ หน้ากากอนามัย CUWIN MASK เซตกระทะเกาหลี Dream chef เสื้อยืด ARROW LITE T-Shirt และ All Korea Shop ที่รวบรวมสินค้ายอดนิยม คุณภาพเยี่ยมจากประเทศเกาหลีใต้ ให้ช้อปง่ายในราคาสุดคุ้ม ยิ่งไปกว่านั้น สร้างสรรค์ Total Solution Services ที่ทรูช้อปปิ้งเข้าไปช่วยธุรกิจ SMEs ดำเนินการอย่างครบวงจร ตั้งแต่ระบบบริหารจัดการ ให้คำปรึกษาด้านการตลาดและการจัดจำหน่าย ผลิตคอนเทนต์ วางแผนโปรโมทออกอากาศ รวมถึงจัดทีมคอลล์ เซ็นเตอร์ เพื่อรับออเดอร์ซื้อขาย จัดส่งสินค้า และให้บริการดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

โดย ทรูช้อปปิ้ง ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรธุรกิจระดับโลกอย่าง แมคโดนัลด์ (McDonald’s) เสิร์ฟความอร่อยถึงหน้าบ้านผ่านรายการโฮมช้อปปิ้งเป็นครั้งแรก นับเป็นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มฟู้ดเดลิเวอรี่ที่ส่งผลให้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ผ่านช่องทางนี้สูงถึง 100% นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจ SMEs แบรนด์ดังที่ได้รับการรับรองและการันตีคุณภาพจากรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ คัดสรรสินค้าสกินแคร์, Beauty, เครื่องครัว และของใช้ในบ้าน มาบริหารจัดการแบบครบวงจรรายเดียวในประเทศไทย”

กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ทรูช้อปปิ้งร่วมกับพันธมิตร พัฒนาสินค้า House Brand ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างตรงใจ โดยเน้นสินค้าอินเทรนด์ด้านความงาม แฟชั่น และอาหารเสริม ให้ลูกค้าได้เลือกสรร พร้อมการันตีคุณภาพด้วยพรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียง อาทิ TAKARA COLLAGEN โดย ตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา โทนอัพครีมบำรุง COS NINE จากเกาหลี โดย น้ำชา-ชีรณัฐ ยุสานนท์ ผลิตภัณฑ์แชมพู เซรั่ม Hair2Pro ด้วยความร่วมมือกับ ‘เวิร์คพอยท์’ แนะนำปัญหาสุขภาพผมของคนไทย ผ่านประสบการณ์ใช้จริงของ บอย-พิษณุ นิ่มสกุล อีกทั้ง บริการ “Telesales” ที่เป็นเลิศด้วยทีมงานขายตรงระดับมืออาชีพ เสมือนเป็นกูรูนำเสนอสินค้าที่น่าสนใจ และมอบสิทธิพิเศษแบบ 1-1 ให้ทุกการช้อปได้ง่ายขึ้น และพิเศษเหนือกว่าแบรนด์อื่นในตลาดโฮมช้อปปิ้ง

ทรูช้อปปิ้ง ยังชูความแข็งแกร่งในการผสานพันธมิตรค้าปลีกในเครือ อาทิ CP All (7-Eleven), Lotus’s, Makro และพันธมิตรร้านค้าปลีกชั้นนำ อาทิ Boots, Watsons, L.A.B SOCIETY, Hej Street Beauty, CJ Express จัดเต็มทุกช่องทางการจัดจำหน่าย ผ่านทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ (Omni Channel) เพื่อเติมเต็มความสะดวกให้ทุกการช้อปได้ทุกที่ ทุกเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงเดินหน้าปูพรม นำเสนอสินค้าด้านความงาม แฟชั่น และอาหารเสริม ด้วยความตั้งใจที่จะเห็นทุกคนสวยจากภายในสู่ภายนอก ตอกย้ำความเป็นแบรนด์กูรูด้านความงามและสุขภาพ ภายใต้แนวคิด “อยากดูดีต้องช้อปกับ ทรูช้อปปิ้ง” ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนธุรกิจตามกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ จะสามารถผลักดันให้ทรูช้อปปิ้ง บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังครองความเป็นที่หนึ่งในใจนักช้อปชาวไทยอย่างแน่นอน

เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ชวนแวะช้อปสินค้าราคาย่อมเยา ตลอด มิ.ย.

ถึงเวลาอัพเดทของใช้ และไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ กับบูธสินค้าคุณภาพที่ ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 รวมมาให้ช้อปกันง่ายๆ ที่เดียว ในรูปแบบรักษาระยะห่างอย่างปลอดภัย พร้อมปฏิบัติตามมารตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ตลอดเดือนมิถุนายน นี้

เริ่มจาก อโลฮา มาร์เก็ต (Aloha Market) สินค้าช่วยคนไทยราคาสบายกระเป๋า ในโหมดแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ทั้ง เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ และอาหารทานเล่นเมนูฮิต มากกว่า 30 ร้านค้า ภายใต้การช้อปแบบรักษาระยะห่าง มีมาตรการมาตรการป้องกันโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่วันนี้ถึง 24 มิถุนายน 2564 บริเวณลานเวสต์ วิลเลจ ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9

ต่อด้วยกองทัพเสื้อผ้านำเข้าในงาน เอ็กซ์พอร์ท เอ้าท์เล็ต เซลล์ (Export Outlet SALE) ที่นำมาให้เลือกสรรตามเทรนด์ ไม่ว่าจะสายชิลกับเสื้อผ้าลำลองใส่สบาย และ สายกีฬากับสปอร์ตแฟชั่น เสื้อผ้า ของใช้สำหรับการออกกำลังกายลดราคาพิเศษ พร้อมกันนี้ยังมีงานหนังสือดีๆ สำหรับนักอ่านในงาน “นายอินทร์ โร้ดโชว์” ( Naiin Roadshow) นำหนังสือดัง ราคาพิเศษ มากกว่า 200 สำนักพิมพ์ มาให้เลือกสรรความรู้และความบันเทิงทุกเพศวัย ในราคาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ลดสูงสุดกว่า 80% ตั้งแต่วันที่ 15-29 มิถุนายน 2564 ณ บริเวณ ลานไนน์สแควร์ ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9

ติดตามกิจกรรมและโปรโมชั่นดีๆ ของศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์พระราม 9 ได้ที่ www.thenine.co.th  หรือ เฟซบุ๊กเพจ  The Nine Center Rama 9 และ อินสตาแกรม thenine_rama 9

อเมริกันสแตนดาร์ด เปิดตัวอุปกรณ์ก๊อกน้ำ EasyFLO™ Collection

อเมริกันสแตนดาร์ด เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมที่คิดค้นเพื่อช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ล่าสุดเปิดตัวชุดอุปกรณ์ก๊อกน้ำ EasyFLO™ อีซี่โฟล ง่าย… แค่กด! – JUST PUSH! ซึ่งได้รับการออกแบบให้เพิ่มความสะดวกสบายโดยเฉพาะ พร้อมปุ่มกดเปิด/ปิดที่ใช้งานง่ายเพียงแค่กดเดียว

EasyFLO™ เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การใช้งานก๊อกน้ำในห้องน้ำของครอบครัว โดยเปลี่ยนจากแบบลูกบิดและก้านโยกที่ต้องใช้แรงไปเป็นเทคโนโลยีปุ่มกดที่มาพร้อมดีไซน์แบบมินิมอล ซึ่งดูเรียบเก๋และใช้งานง่ายอย่าง EasyFLO™ โดยผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดน้ำได้ด้วยการกดปุ่ม การออกแบบที่ชาญฉลาดนี้มีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ใช้มือเปียกหรือเลอะฟองสบู่อยู่ หรือขณะที่มือไม่ว่าง ช่วยเจ้าของบ้านประหยัดทั้งแรงและเวลาจากการใช้ก๊อกน้ำบ่อย ๆ ทุกวัน

คุณสมบัติที่ต่างจากก๊อกน้ำทั่วไปก็คือ EasyFLO™ ให้คุณตั้งค่าปริมาณน้ำที่เหมาะสมไว้ที่วาล์วหลักตั้งแต่เริ่มติดตั้ง ทำให้จะได้น้ำที่ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมที่สุดทุกครั้ง ลดการสิ้นเปลืองน้ำ

EasyFLO™ ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์ให้มีดีไซน์เข้ากับบ้าน การตกแต่ง และไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกและจับคู่กับผลิตภัณฑ์ EasyFLO™ ได้อย่างอิสระ ซึ่งเรียกว่า FlexiMatch™ โดยให้ประโยชน์ใช้สอยอันหลากหลาย ซึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอลเลกชันนี้มี 3 รูปแบบมาให้เลือก ได้แก่ ก๊อกอ่างล้างหน้า ฝักบัวอาบน้ำแบบติดผนัง และฝักบัวอาบน้ำแบบฝังผนัง และมี 3 สีคลาสสิกให้เลือก ได้แก่ โครเมียม ขาวมันวาว หรือดำด้าน ทั้งหมดมาพร้อมราคาที่เอื้อมถึง

ปรัชญาของแบรนด์ อเมริกันสแตนดาร์ด มุ่งเน้นให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอรรถประโยชน์ในการใช้สอย EasyFLO™ มีราคาที่สมเหตุสมผลเพื่อให้มีครอบครัวจำนวนมากได้มีโอกาสใช้งานก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีอัดแน่นด้วยนวัตกรรม อีกทั้งยังมอบความสวยงามและการยศาสตร์ที่ดี นอกจากนี้ ก๊อกน้ำอ่างล้างหน้ายังเป็นนวัตกรรมที่ปลอดสารตะกั่ว (zero lead) ช่วยให้มั่นใจเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว

อุปกรณ์ก๊อกน้ำ EasyFLO™ Collection เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับความเรียบเก๋ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งจะเปลี่ยนวิถีการใช้ก๊อกน้ำของคุณเพียงการสัมผัสแค่ครั้งเดียว หรือพูดแบบ ง่าย ๆ ก็คือ อีซี่โฟล ง่าย… แค่กด! Just Push!

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ Facebook : American Standard Thailand หรือโทร. 02-102-2222

DRT มั่นใจผลงานครึ่งปีแรกเติบโตตามแผน

บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT ประเมินผลงาน 5 เดือนแรกยังร้อนแรงต่อเนื่อง รับดีมานด์ลูกค้าโครงการขยายตัวดีขึ้น มั่นใจครึ่งปีแรกเติบโตตามเป้า พร้อมตอกย้ำความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้กลยุทธ์ ‘สวยครบเซตตราเพชรทั้งหลัง’ ผ่าน Diamond Cafe ร้านกาแฟสำเร็จรูป เจาะกลุ่ม SMEs ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ และรับจังหวะ WFH หนุนผู้บริโภคปรับปรุงและต่อเติมที่อยู่อาศัยมากขึ้น

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขายภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ภาพรวมบรรยากาศการซื้อสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่า ช่องทางจำหน่ายลูกค้าโครงการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ช่องทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ และตลาดส่งออกยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีเช่นกัน

ขณะเดียวกัน การเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ NT-11 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาของ DRT ทำให้มีขีดความสามารถด้านการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์สูงขึ้น ทั้งด้านกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกช่องทาง ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าของ ‘ตราเพชร’ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและคาดว่าผลงานในช่วงครึ่งปีแรก DRT จะยังขยายตัวได้ตามแผน และจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน

นายสาธิต กล่าวว่า บริษัทฯ ยังเห็นเทรนด์กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่ต้องการสร้างร้านกาแฟสำเร็จรูป ร้านอาหารหรือร้านค้า จึงเป็นโอกาสที่ดีของ DRT ในการตอกย้ำ กลยุทธ์ ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ ผ่าน Diamond Cafe ร้านกาแฟสำเร็จรูป โชว์จุดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘ตราเพชร’ สามารถสร้างร้านได้ทั้งหลัง พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ง่ายต่อการติดตั้งในระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังตอบโจทย์สำหรับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยอีกด้วย หลังจากผู้บริโภคบางส่วนต้องทำงานที่บ้าน (Work from Home หรือ WFH) จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการต่อเติมห้องทำงานขนาดเล็ก โดยจะสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าของ ‘ตราเพชร’ ได้อีกทางหนึ่ง

“Diamond Cafe จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของเรา ที่ตอกย้ำถึงความหลากหลายของสินค้าตราเพชร สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้า และช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของเราเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว

AQ ลุยจัดโปรฯ ฟื้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม

AQ หรือ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ข่าวเงียบไปพักใหญ่ วันนี้รู้แล้วว่าไม่ได้หายไปไหนแต่เพราะบริษัทกำลังมุ่งมั่งตั้งใจฟื้นทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมอย่างเต็มกำลัง ให้ลุยผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้อย่างราบรื่น โดยล่าสุดออกแคมเปญฮอต #ฉีดโปรเด็ด! กับ 5 โครงการบ้านและคอนโดในเครือ AQ ESTATE ที่เป็นโครงการคุณภาพเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ด้วยทำเลทองพร้อมส่วนกลางแบบจัดเต็ม ทั้งฟิสเนส, คลับเฮาส์ขนาดใหญ่, สระว่ายน้ำ,สนามเด็กเล่น และสวนส่วนกลาง ครบเครื่องทุกด้าน
นอกจากนี้ AQ ยังใจป้ำ เตรียมมอบของแถมกว่า 11 รายการ รวมมูลค่าสูงสุด 2,000,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนวันนี้ เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ ที่ : aqestate.com โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2564 สอบถามรายละเอียดโทร 1636

Mc โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกโตต่อเนื่อง

นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน  บมจ. แม็คกรุ๊ป หรือ MC เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทยังคงมั่นใจในผลงานเดินหน้าเติบโตท่ามกลางวิกฤตโควิด 19 และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 60%  ซึ่งตลอดช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาสามารถทำได้มาอย่างต่อเนื่อง และผลงาน งวด 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564   บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 2,709.92 ล้านบาท  ขณะที่กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ทำได้แล้ว 428.72 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 407.09 ล้านบาท และคาดว่าผลงานไตรมาส 4 จะใกล้เคียงงวดเดียวกันปีก่อน

สำหรับแนวโน้มผลงานในงวดปีบัญชี  2565 ก็จะตั้งเป้ารายได้โต 10-12% อัตรากำไรสุทธิ 14-16% และมั่นใจว่าการเข้ามาร่วมทีมของ  CEO คนใหม่เข้ามาสนับสนุนให้ธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนยุทธศาตร์ที่วางไว้เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจ Retail และ FMCG ทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์โดยวางแผนว่าในปีบัญชี 2565 จะขยายสาขาประมาณ  20 แห่ง  ส่วนออนไลน์ก็จะรุกในการทำตลาดมากขึ้น รวมถึงการหาพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งตั้งเป้าว่ารายได้จากช่องทางขายออนไลน์ จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ  15%  ของรายได้รวมทั้งหมด จาก 12% ในปัจจุบัน

“Mcเรามีจุดแข็งแกร่งเพราะเป็น cash rich มีเงินสดกว่า 1.7พันล้าน มี strategic asset for growth มี ability to execute และ tech and talent ซึ่งจะสร้างโอกาสในการเติบโตได้ต่อเนื่อง และเรามุ่งมั่นจะขยายสู่อาหารเครื่องดื่มและไลฟ์สไตล มากขึ้น รวมทั้งขยายตลาดสู่สินค้าที่ไม่ใช่ยีนส์อย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากดูตัวเลขสำคัญทางการเงินของ MC เรามีความแข็งแกร่งมาก มีระดับ ROE ระดับ12-13% ขณะที่การจ่ายเงินปันผลก็สูงกว่านโยบายมาตลอดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยจ่ายในอัตราเฉลี่ย 80% ของกำไรสุทธิ จากนโยบายที่กำหนดจ่ายไม่น้อยกว่า 50%ของกำไรสุทธิ