แกะรอย.. หนังโฆษณา สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์

Island

ชื่อเรื่อง                           : Island

ความยาว                         : 30 วินาที

เจ้าของผลิตภัณฑ์               : บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทตัวแทนโฆษณา          : บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์         : บริษัท เดอะ ฟิล์ม แฟคตอรี่ จำกัด

ผู้กำกับภาพยนตร์               : ศิริ อำนวยพุทธเมธ

วัตถุประสงค์ในการโฆษณา

สื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ว่า สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ คือเครื่องดื่มรังนกแท้ สูตรที่ดีที่สุดจาก สก๊อต รังนกแท้

แนวความคิด

สื่อสารจุดเด่นของ สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ ผ่านจุดขายที่เป็น Uniqueness นั่นคือมีเพียง สก๊อต เท่านั้นที่มีเกาะรังนกในท้องทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งของรังนกแท้สีเหลืองทองวัตถุดิบของ    สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ เพื่อย้ำให้เห็นว่าทำไม สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ จึงเป็นสูตรที่ดีที่สุดของ สก๊อต รังนกแท้ และสื่อสารถึงจุดขายหลักดังกล่าวของ สก๊อต รังนกแท้ สุพรีมโกลด์ อย่างง่ายๆตรงไปตรงมาผ่านการนำเสนอของพรีเซนต์เตอร์ ติ๊ก เจษฏาภรณ์ ผลดี

เนื้อเรื่องย่อโฆษณา

บนเกาะรังนกแห่งหนึ่งในท้องทะเลทางภาคใต้ ติ๊ก เจษฏาภรณ์ ถามคำถามกับผู้ชมว่า “อะไรทำให้สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ เป็นสูตรที่ดีที่สุด จากสก๊อต รังนกแท้” และเรื่องราวทั้งหมดหลังจากนั้นคือคำตอบของคำถามดังกล่าวโดยเราจะพบกับคำตอบแรกด้วยภาพของเกาะรังนกหลายๆเกาะที่เป็นของสก๊อตซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในท้องทะเลที่ใสสะอาดและลงไปถึงใต้น้ำเห็นฝูงปลาฝูงใหญ่สื่อให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์จากนั้นกล้องจะพาเราเข้าไปภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับไปทั่วทั้งถ้ำ เราจะพบกับ ติ๊ก เจษฏาภรณ์ อีกครั้ง เขาโหนตัวอยู่กับเถาวัลย์ชี้ให้เราเห็นรังนกแท้สีเหลืองทองที่เกาะอยู่ทั่วทั้งถ้ำรอบตัวเขาก่อนที่รังนกแท้สีเหลืองทองทุกๆรังจะกลายเป็นขวด สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์

รับชม ภาพยนตร์โฆษณา คลิก https://youtu.be/C1pAolI2FO4

JR ติดโผ FTSE Micro Cap มีผล 18 มิ.ย.นี้

JR ปลื้ม! ขึ้นทำเนียบ FTSE All World Index กลุ่ม Micro Cap ดีเดย์ 18 มิ.ย. 64 นี้ ส่งผลอยู่ในโฟกัสนักลงทุนสถาบัน-กองทุนไทย-เทศ จ่อเพิ่มน้ำหนักลงทุน บิ๊กบอส “จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ”ประกาศพร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจโปรเจคยักษ์ “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2” มาตามนัด หนุน Backlog ปีนี้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ดันผลงานโตก้าวกระโดด

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี FTSE All World Index ซึ่ง JR จัดอยู่ในกลุ่ม FTSE Micro Cap จะมีผลบังคับใช้หลังราคาปิดของวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป จะทำให้หุ้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น

“การที่หุ้น JR ถูกดึงเข้าคำนวณใน FTSE Micro Cap ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงหุ้นที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายและมั่นใจว่าหลังการเข้าคำนวณดัชนีดังกล่าว จะทำให้หุ้น JR อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนสถาบันและกองทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินมีความมั่นคง และมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาว”

นายจรัญ กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง และในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสได้งานโครงการใหญ่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือพุ่งแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

BEAUTY เปิดตัวสกินแคร์ใหม่ ไอเท็มรักษาสิว!

บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Beauty Buffet ออกสินค้าใหม่ BEAUTY BUFFET ACNE CLEAR ประกอบด้วย 3 ผลิตภัณฑ์หลัก เจลล้างหน้า โทนเนอร์ เจลแต้มสิว ออกแบบมาเพื่อรักษาสิวทุกประเภท ด้วยส่วนผสมทั้ง 6 อย่าง ได้แก่ LHA, PHA, HYALURON, VITAMIN B3, TRI X CLEAR และ Nordihydroguaiaretic acid แก้ปัญหาสิวแบบองค์รวม ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง เนียนนุ่ม เพิ่มความชุ่มชื้น ถือเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างผิวที่ได้มากกว่าแค่การรักษาสิว และยังช่วยดูแลให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ราคาคุ้มค่า เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ในช่องทางสินค้าอุปโภค (Consumer Product)  ร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์ความงามรายใหญ่-รายย่อย มากกว่า 16,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

JKN โกยรายได้จากกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์

‘บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ ตอกย้ำผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน โชว์ความสำเร็จขยายตลาดต่างประเทศ หลังปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้กับประเทศอียิปต์และประเทศบรูไนเพิ่ม หนุนมูลค่างานในมือเพิ่มต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามแผน

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากลเปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ตามแผน จากจุดแข็งด้านความหลากหลายของลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มี 8 กลุ่ม ครอบคลุมทุกความบันเทิงและสาระความรู้ ได้แก่ ซีรีส์จีน ซีรีส์อินเดีย ซีรีส์ฟิลิปปินส์ และสารคดีจากแบรนด์ดังระดับโลก จึงทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้าเลือกซื้อลิขสิทธิ์ไปออกอากาศผ่านช่องทีวีดิจิทัล รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดต่างประเทศมีอัตราการเติบโตด้านคอนเทนต์อย่างก้าวกระโดด และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการสร้างรายได้ของกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งนอกเหนือจากคอนเทนต์ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของสิทธิ์แล้ว บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากช่อง 3 ให้เป็นตัวแทนนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยระดับคุณภาพออกไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศใน CLMV ก่อนขยายตลาดไปยังประเทศอาเซียน และทวีปอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงได้รับความเชื่อมั่นจากช่อง 8 และช่อง PPTV ให้ JKN เป็นตัวแทนทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา JKN ส่งออกลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปมากกว่า 20 ประเทศ เช่น มาเลเซีย บังคลาเทศ ภูฎาณ ศรีลังกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ แอฟริกาใต้ ดันรายได้สร้างเม็ดเงินรายได้ถึง 665 ล้านบาท

ไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในตลาดต่างประเทศของ JKN ยังเติบโตถึง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ซึ่งล่าสุด JKN ปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศอียิปต์ และประเทศบรูไนได้เพิ่มเติม รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มขึ้น จึงช่วยสนับสนุนมูลค่างานในมือสูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งเกร่งแก่กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในปีนี้ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนของ JKN ได้เป็นอย่างดี

“กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่างประเทศ แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำตลาดและปิดการขายคอนเทนต์ในประเทศใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น รวมถึงฐานลูกค้าเดิมก็ยังไว้วางใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ JKN ได้เป็นอย่างดี” จักรพงษ์ กล่าว

เปิดตัว Neigene Evolution ชะลอริ้วรอยแห่งวัย

บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดูแลสุขภาพผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผิวอย่างล้ำลึกด้วย Neigene Evolution ทั้ง 8 ผลิตภัณฑ์ ที่ผสมผสานคุณสมบัติสุดพิเศษ ซึ่งจะมอบผลลัพธ์ที่ผิวของคุณต้องการโดยเฉพาะ ผิวสุขภาพดีจะประกอบด้วยความชุ่มชื้นประมาณ 70% โปรตีน 20% และไขมัน 10% โดย PENTA-2S ActivatorTM เป็นส่วนผสมที่ยูนิซิตี้คัดเลือกเฉพาะ เพื่อมอบองค์ประกอบของผิวสุขภาพดี ขั้นสูงสุด 5 ประการ ได้แก่ ความชุ่มชื้น โปรตีน ไขมัน ไมโครไบโอมหรือจุลินทรีย์ธรรมชาติบนผิวที่มีสุขภาพดี พร้อมสารอาหารสำคัญอย่างวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

โดยผลิตภัณฑ์ Neigene Evolution จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม จำนวน 8 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่

กลุ่มชำระล้างคราบเครื่องสำอาง จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์
1. Neigene Evolution Lip & Eye Remover
2. Neigene Evolution Makeup Remover Oil
3. Neigene Evolution Foaming Cleanser

กลุ่มบำรุงผิวอย่างล้ำลึก จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์
1. Neigene Evolution Toning Lotion
2. Neigene Evolution Line Correction Day Care Night Care
3. Neigene Evolution Expert Ampoule
4. Neigene Evolution Intense Care
5. Neigene Evolution Rich Care

Neigene Evolution ปฏิวัติวงการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ประกอบด้วย PENTA-2S ActivatorTM ส่วนผสมล่าสุดที่คัดเลือกโดย Unicity Science มีองค์ประกอบสำคัญอันทรงคุณค่า ซึ่งได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก โปรตีนจากถั่วเหลือง และ นม รวมถึงกรดไขมันไม่อิ่มตัวจากน้ำมันเมล็ดพืช โดยวิทยาการล่าสุดด้านการบำรุงผิวพิสูจน์แล้วว่า ไมโครไบโอมของผิวหรือจุลินทรีย์ธรรมชาติที่พบบนผิวสุขภาพดีเป็นปัจจัยสำคัญต่อผิวที่อ่อนเยาว์ PENTA-2S ActivatorTM จึงประกอบด้วย พรีไบโอติกและโพรไบโอติก (จากแล็คโตบาซิลลัส) ที่สนับสนุนการทำงานของไมโครไบโอมของผิว นอกจากนี้ แร่ธาตุจากเกลือทะเลและสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามินเอ ซีและอี ยังช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์อย่างที่คุณต้องการ PENTA-2S ActivatorTM จึงเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการดูแลผิว ซึ่งตอบสนองหลากหลายความต้องการของผิวในแบบที่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปมักมองข้าม

ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ทุกสูตรจะผ่านการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับตามความต้องการเฉพาะของผิว แต่ยังได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าสามารถให้ผลลัพธ์ในการชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ การมีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ซึ่งหลายผลิตภัณฑ์ใช้แล้วอาจเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว แต่ Neigene Evolution ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ระคายเคืองโดยผ่านการทดสอบทางด้านผิวหนังจากประเทศเกาหลีใต้ จึงทำให้สามารถใช้ Neigene Evolution ได้อย่างมั่นใจเพราะอ่อนโยนต่อผิวและให้ผลลัพธ์เพื่อผิวอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และมอบความประทับใจมากที่สุด

สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (สำนักงานใหญ่) ช่องทางออนไลน์ และศูนย์ DSC  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.unicity.com หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-092-6777

เช็คอิน-โพสต์ท่าถ่ายรูปสุดชิค Rainy Season ที่ เดอะ สตรีท รัชดา

ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา ไลฟ์สไตล์มอลล์วิถีคนเมือง ใจกลางถนนรัชดา เชิญชวนสายแชะ-แชร์-โพสต์ มาทำท่าสวย ๆ ถ่ายรูปสุดชิค รับหน้าฝน Rainy Season ใจกลางเมืองกันให้สุดเหวี่ยงไปกับธีม  Smile like a Rainbow” ยิ้มอย่างสดชื่นต้อนรับฤดูฝนนี้ …พบกับบรรยากาศสุดคิ้วท์ และพร็อพถ่ายรูปจัดเต็มหลากหลายสีสัน ที่ใครเห็นแล้วก็ต้องร้องว้าว บริเวณชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา

งานนี้ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นแก็งค์ก็ได้รูปสุดชิคกันถ้วนหน้า ถ่ายรูปเสร็จก็เติมท้องให้อิ่มไปกับอาหารอร่อยแบรนด์ดังหลากหลายสัญชาติกันต่อ หรือจะช้อปสินค้ากันเพลิน ๆ เรียกได้ว่ามาที่เดียวคุ้ม ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย.64 ลูกค้าที่ช้อปครบ 700 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ และลูกค้าสมาชิกเดอะ สตรีท พอยท์ ที่ช้อปครบ 600 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ รับฟรีแก้วน้ำ “Happy Fruit Glass Collection” 1 ใบ โดยลูกค้าสมาชิกเดอะ สตรีท พอยท์ สามารถนำ 300 คะแนน มาแลกรับ The Street Umbrella ฟรี 1 คัน อีกด้วย

มาเช็คอินกันแบบชิค ๆ ในวิถีนิวนอร์มอล ได้ที่ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมของศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดาเพิ่มเติมได้ทาง www.thestreetratchada.com หรือเฟสบุ๊ก www.facebook.com/TheStreetRatchada หรือ โทร. 02-232-1999

GPI ชูงานรับจ้างพิมพ์และธุรกิจใหม่เติมรายได้ครึ่งปีหลัง

บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI รุกขยายงานในช่วง COVID-19 เร่งสร้างรายได้ต่อเนื่องในช่วง ครึ่งปีหลัง ชูกลุ่มธุรกิจงานรับจ้างพิมพ์ได้รับงานใหม่ พร้อมรุกเข้าสู่ธุรกิจซื้อรถสะสมและรถแข่งนำมาปรับแต่งให้อยู่ในสภาพดีเพื่อจำหน่ายแก่ผู้ที่สนใจ ชี้เป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงและแทบไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ 

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิง ที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรค COVID-19 ในปัจจุบัน ที่มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจในวงกว้าง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะขยายการรับงานและมองโอกาสขยายธุรกิจใหม่ที่จะสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างรายได้จากธุรกิจเดิมและมองโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจที่น่าสนใจเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ล่าสุดกลุ่มธุรกิจงานรับจ้างพิมพ์ได้รับงานพิมพ์ใหม่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการและทยอยส่งมอบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมรายได้ของบริษัทฯ 

พีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มองโอกาสนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์ ต่อยอดสู่ธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ล่าสุดได้รุกเข้าสู่ธุรกิจซื้อขายรถสะสมซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในตลาด เช่น รถคลาสสิก, รถหายาก เป็นต้น โดยบริษัทฯ ซื้อรถดังกล่าวมาปรับแต่งให้อยู่ในสภาพดีและจำหน่ายให้แก่กลุ่มคนที่มีความชื่นชอบ ปัจจุบันได้ลงทุนซื้อรถสะสมแล้ว 6-7 คัน และอยู่ระหว่างดำเนินการปรับแต่งใหม่  

ขณะเดียวกัน ได้ขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจซื้อขายและปรับแต่งรถแข่ง โดยลงทุนซื้อรถเพื่อนำมาปรับแต่งเป็นรถแข่ง ปัจจุบันมีรถที่อยู่ระหว่างดำเนินการกว่า 20 คัน จากที่มีผู้สนใจจองแล้วประมาณ 30 คัน นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาการขยายธุรกิจดังกล่าวสู่รถประเภทอื่นๆ เช่น การตกแต่งรถแคมป์ปิ้ง เป็นต้น 

“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว แต่บริษัทฯ มองโอกาสลงทุนเพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่ากลุ่มคนที่เล่นรถสะสม รถแข่ง จัดเป็นลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูงและแทบไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ จึงยังมีความต้องการซื้อรถกลุ่มดังกล่าวและพร้อมตัดสินใจซื้อทันที หากเป็นรุ่นที่ชื่นชอบหรือกำลังเป็นที่นิยม”นายพีระพงศ์ กล่าว           

ยอดขายวันแรก Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale โตกว่า 620%

ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เผยสถิติล่าสุด Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale ยอดขายในวันแรกของแคมเปญโตกว่า 620% ผู้ขายหน้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยังมีผู้ขายเข้าร่วมแคมเปญและสร้างรายได้มากกว่าหลายแสนราย ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและยังสะท้อนพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ยังแรงต่อเนื่องในยุค New Normal

นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ลาซาด้ามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในยุค New Normal เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้น ลาซาด้าจึงออกแคมเปญและโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี เพื่อช่วยให้คู่ค้าและร้านค้ารายย่อยมีรายได้อย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในขณะเดียวกันถือเป็นการตอบแทนนักช้อปที่สนับสนุนเราตลอดมาด้วยดีลที่คุ้มค่าคุ้มราคาในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การมอบคูปองส่วนลดค่าน้ำค่าไฟให้กับนักช้อปทุกท่าน ถือเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญและโครงการใหม่ ๆ ที่เราริเริ่มนั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง สำคัญที่สุดคือการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้”

สถิติที่น่าสนใจใน Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale ได้แก่

  • 6 อันดับสินค้าที่มียอดค้นหามากที่สุด ได้แก่ กระเป๋าสะพายผู้หญิง รองเท้าผู้หญิง เสื้อผ้าผู้หญิง หูฟังบลูทูธ กางเกงผู้หญิง รองเท้าผ้าใบ
  • Top spender ของลาซาด้า ประเทศไทย มียอดช้อปเฉียด 500,000 บาท (ยอดคำสั่งซื้อสูงสุดของนักช้อป 1 ราย)
  • แบรนด์ LazMall ยอดฮิต 6 อันดับ ได้แก่ MamyPoko, BabyLove, Nivea, L’Oréal Paris, Sabina และ 3M
  • สินค้าที่มียอดสั่งซื้อเยอะที่สุด 6 อันดับในช่วงโควิด ได้แก่ ชุดชั้นใน โทรศัพท์มือถือ หน้ากากอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก เครื่องประดับแฟชั่นผู้หญิง และ อาหารและขนมแมว
  • เทรนด์ฮิตสินค้ามาแรงในช่วงอยู่บ้าน
    • สินค้าตกแต่งบ้านมียอดขายกว่า 900,000 ชิ้น
    • อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัวมียอดขายกว่า 500,000 ชิ้น
    • อุปกรณ์ออกกำลังกายมียอดขายกว่า 400,000 ชิ้น
  • นักช้อปเก็บ Lazada Bonus มากถึง 70 ล้านครั้ง
  • นักช้อปเก็บคูปองส่วนลดค่าน้ำค่าไฟมากกว่า 85,000 คน

เปิดใจ “ดร. สิริกานต์ อ้นสนกราน” ผู้คว้าลิขสิทธิ์คนใหม่ MISS EARTH THAILAND 2021

“สร้างสรรค์ความงามทรงคุณค่า เพื่อขับสิ่งแวดล้อมไทย” สำหรับเวที มิสเอิร์ธไทยแลนด์ (MISS EARTH THAILAND) เพื่อค้นหาตัวแทนสาวงามประเทศไทยร่วมประชันความงามชิงมงกุฎแห่งเกียรติยศบนเวทีนางงามระดับโลก มิสเอิร์ธ (MISS EARTH)

โดยปีนี้ ดร.น้อง หรือ ดร.สิริกานต์ อ้นสนกราน หญิงเก่งมากประสบการณ์และประสบความสำเร็จในแวดวงนางงามร่วม 10 กว่าปี นำพาสาวไทยครอบครองมงกุฎระดับนานาชาติมาแล้ว เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์คนใหม่! ในการจัดประกวด มิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2564 (MISS EARTH THAILAND 2021) เพื่อค้นหานางงามตัวแทนประเทศไทยไปประชันความงามชิงมงกุฎแห่งเกียรติยศบนเวที มิสเอิร์ธ 2564 (MISS EARTH 2021) ที่ประเทศฟิลิปปินส์

ทั้งนี้ ดร.น้อง หรือ ดร.สิริกานต์ อ้นสนกราน ผู้ถือลิขสิทธิ์และประธานการจัดงานประกวด MISS EARTH THAILAND กล่าวว่า การจัดประกวดฯ ในปีนี้ ชูแนวคิด THE DETERMINATION ตามพันธกิจของกองประกวดฯ ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ 3 ประการหลัก ประกอบด้วย ประการแรก คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการจัดประกวด MISS EARTH THAILAND 2021 ให้ดีที่สุด เพื่อเดินหน้าเฟ้นหาสาวงามที่จะไปคว้ามงกุฎ MISS EARTH ให้จนสำเร็จ ประการสอง คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้เข้าประกวดที่มีฝันอยากจะเป็นนางงาม เพื่อใช้พื้นที่ตรงนี้สานต่อเป้าหมายของตนให้จนสำเร็จ ทั้งในเรื่องของการเป็นนางงาม รวมไปถึงความมุ่งหวังในการทำประโยชน์เพื่อสังคม และ ประการสาม คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนใส่ใจและรับผิดชอบกับการดำรงชีวิตของตนเพื่อไม่ให้เกิดการทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับจุลภาคที่สามารถเริ่มได้ที่ตัวเรา จนมุ่งไปถึงระดับสังคม ระดับประเทศ และระดับโลก

พร้อมกันนี้ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์การจัดประกวดนางงามอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย ทาง กองประกวดฯ จึงได้จับมือร่วมกับ ผู้อำนวยการมงกุฎ (Director of the Crown) 4 มงกุฎแห่ง ดิน น้ำ ลม และไฟ ได้แก่ ผู้อำนวยการมงกุฎแห่งดิน คือ คุณดาวเรือง แซ่กอ CEO of Unique Care Station ผู้นำด้านสุขภาพ Health & wellness ทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์และบริการทางด้านกายภาพบำบัดฟื้นฟู ผู้อำนวยการมงกุฎแห่งน้ำ คือ พญ.วลีรัตน์ ทวีบรรจงสิน ผู้ก่อตั้ง Waleerat Clinic และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการปรับรูปหน้าและเวชศาสตร์ชะลอวัย ผู้อำนวยการมงกุฎแห่งลม คือ คุณกฤติยาณี พรมแพง กรรมการผู้จัดการใหญ่ KPPM Global และ ผู้อำนวยการมงกุฎแห่งไฟ คือ อังคนางค์ ชากีร่า บำรุงสรณ์ (มาดามพลังงาน) CEO แห่ง REGEN Solution & Distribution Co.,Ltd ผู้นำนวัตกรรมในการประหยัดพลังงาน

ขอเชิญชวนสาวงามจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่สนใจเป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่บนเวทีการประกวดนางงามระดับนานาชาติอย่าง มิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2564 (MISS EARTH THAILAND 2021) และร่วมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญบนเวที มิสเอิร์ธ 2564 (MISS EARTH 2021) ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกคนมีความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนร่วมรณรงค์เชิญชวนให้อนุรักษ์และความรับผิดชอบต่อสังคม ง่ายๆ เพียงกรอกใบสมัคร ผ่านทาง https://docs.google.com/…/1aC14tpsVS892zFXM…/viewform… เริ่มแล้ววันนี้ถึง 31 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ผู้ชนะเลิศจะได้ครอบครองมงกุฎแห่งเกียรติยศประจำตำแหน่ง มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมด้วยรางวัลอีกมากมาย อาทิ รางวัลชนะเลิศ Miss Earth Thailand ได้รับมงกุฎประจำตำแหน่ง มูลค่า 10,000,000 บาท เงินรางวัล 500,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ Miss Earth Thailand of Land, Miss Earth Thailand of Water, Miss Earth Thailand of Wind, Miss Earth Thailand of Fire ได้รับมงกุฎประจำตำแหน่ง มูลค่า 2,000,000 บาท เงินรางวัล 100,000 บาท รางวัลชนะเลิศ Best Fashion Design (From Trash to Treasure) ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท และ ผู้ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท

สามารถรับชมถ่ายทอดสดรอบการตัดสินทั่วประเทศทางสถานีโทรทัศน์ PPTV HD ช่อง 36 และสามารถติดตามกิจกรรมของกองประกวดได้ที่  Facebook : Miss Earth Thailand, Instagram: missearththailand ซึ่งกองประกวด MISS EARTH THAILAND ย้ำชัดประกาศรุดหน้าตามเจตนารมณ์ที่พร้อมจะ “มุ่งมั่น” ตั้งใจคว้ามงแรกให้สำเร็จจนได้ !

ดร.น้อง หรือ ดร.สิริกานต์ อ้นสนกราน ผู้ถือลิขสิทธิ์และประธานการจัดงานประกวด MISS EARTH THAILAND

รีวิว : ไฮเออร์ (Haier) ตู้แช่ 3 รุ่น 3 แบบ

หากกำลังมองหาตู้แช่เย็นดีๆ สักเครื่อง สำหรับเก็บวัตถุดิบ หรืออาหารให้คงความสดใหม่ หรือแช่เครื่องดื่มที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิความเย็นให้คงที่ ไฮเออร์ (Haier) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 12 ปีซ้อน แนะนำตู้แช่ 3 รุ่น 3 แบบ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของแต่ละบ้าน หรือร้านค้าได้อย่างตรงใจ!

ไฮเออร์ ตู้แช่อเนกประสงค์แนวตั้ง 2 ระบบ รุ่น BD-151C

ตุนของสด แช่นมให้ลูกน้อย ต้องตู้แช่อเนกประสงค์แนวตั้ง 2 ระบบ รุ่น BD-151C ดีไซน์หรูหรา ปรับการใช้งานได้ทั้งแช่แข็ง หรือแช่เย็นได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับใช้ภายในบ้าน และตอบโจทย์กลุ่มคุณแม่ที่ต้องการจัดเก็บน้ำนมเพื่อสำรองไว้ให้ลูกน้อย นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตู้เก็บอาหารแช่แข็ง อาหาร สำเร็จรูป หรือปรับฟังก์ชั่นให้เป็นตู้แช่เย็นปกติได้อีกด้วย

ตู้แช่แนวตั้งรุ่นนี้ โดดเด่นด้วยตัวเครื่องสีทอง ขนาดความจุ 5.4 คิว ใช้พื้นที่เพียง 0.3 ตารางเมตร มีคุณสมบัติในการทำความเย็นตั้งแต่ 5 ถึง 24 องศาเซลเซียส พร้อมด้วยฟังก์ชั่นเร่งแช่แข็งอย่างรวดเร็ว Super Freeze เพียงปุ่มเดียว รวมทั้งมีระบบ No Frost Technology ละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ

สำหรับช่องแช่แบ่งเป็นสัดส่วนแยกลิ้นชักใส สะดวกต่อการใช้งาน พร้อมหลอดไฟส่องสว่าง LED ประหยัดพลังงาน พร้อมควบคุมอุณหภูมิ Smart Digital Control ผ่านจอ LED สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้อุณหภูมิภายในตู้ยังสม่ำเสมอด้วยระบบลมหมุนเวียน 3D ไม่เกิดเกล็ดน้ำแข็ง พร้อมภายในตู้มีระบบ Anti-Bacteria ช่วยรักษาคุณภาพและความสดของอาหาร ในราคา 12,990 บาท

ไฮเออร์_ตู้แช่ไวน์ รุ่น JC-360

เอาใจสายไวน์แบบอยู่หมัด ด้วยตู้แช่ไวน์ รุ่น JC-360 ขนาดความจุ 13 คิว ดีไซน์เรียบหรู เหมาะสำหรับร้านอาหาร หรือใช้ในบ้าน สามารถทำความเย็นตั้งแต่ 5 ถึง 20 องศาเซลเซียส เก็บได้ทั้งไวน์แดงและไวน์ขาว จุได้ถึง 171 ขวด มี 7 ชั้นวาง วางซ้อนขวดได้ ประตูกระจกนิรภัย 3 ชั้น ลดการสูญเสียความเย็น การเกาะของหยดน้ำ และป้องกันรังสี UV เพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติของไวน์ไว้แบบต้นตำรับ คอมเพรสเซอร์นำเข้าจากยุโรป ลดแรงสั่นสะเทือนได้ดีเยี่ยม

นอกจากนี้ยังมีจอสัมผัสสั่งงานผ่านหน้าจอ LED ใช้งานง่าย ควบคุมอุณหภูมิแม่นยำด้วยระบบ Electronic Thermostat รักษาคุณภาพและรสชาติของไวน์ พร้อมไฟ LED ส่องสว่างภายในตู้ หยิบจับได้อย่างสะดวกสบาย ชั้นวางทำจากไม้บีช หรูหรามีระดับ และเพิ่มความปลอดภัย ด้วยกุญแจล็อค ในราคา 28,990 บาท

แช่เย็นจัดและจุสะใจกับ ตู้แช่แข็ง 2 ระบบ รุ่น HCF-350 DP ตัวเครื่องสีขาว ขนาดความจุ 10.6 คิว เหมาะสำหรับร้านค้า ใช้แช่อาหารสดหรือเครื่องดื่ม ทำความเย็น 10 ถึง -30 องศาเซลเซียส เลือกแช่เย็นหรือแช่แข็ง สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ โดดเด่นด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ Digital control พร้อมจอแสดงอุณหภูมิ มีระบบเร่งแช่แข็งอย่างรวดเร็ว เพียงปุ่มเดียว และเพิ่มแผงคอยล์เย็นรอบทิศทาง 5 ด้านทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว ส่วนผนังตู้เสริมฉนวนกันความร้อน ความหนาแน่นสูง ช่วยเก็บความเย็นได้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมทั้งประหยัดพลังงาน ขอบตู้ไร้รอยต่อ ความเย็นไม่รั่วไหล มีไฟส่องสว่างภายใน LED รวมทั้งมีกุญแจล็อคเพิ่มความปลอดภัย และเคลื่อนย้ายได้สะดวกด้วยล้อเลื่อน ในราคา 12,990 บาท

เลือกรุ่นที่ใช่ในแบบที่ชอบ พร้อมรับประกันคอมเพรสเซอร์ 5 ปี และประกันตัวเครื่อง 3 ปี ที่ร้านตัวแทนหน่ายไฮเออร์และไฮเออร์แบรนด์ช็อปทุกสาขา ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.haier.com/th และอัพเดตข่าวสาร และโปรโมชั่นใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้ทางเฟซบุ๊ค : HaierThailand