“คอตโต้” ถอดรหัสเทรนด์ RE desire for life 2022

บริษัท สยามซานิทารีแวร์ จํากัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ชั้นนำภายใต้แบรนด์ “คอตโต้” (COTTO) ขอแนะนำ สุขภัณฑ์กลุ่ม Smart Toilet สุขภัณฑ์ที่ให้มากกว่าความสะอาด เพราะโดดเด่นเรื่องความสมาร์ต และความสวยด้วย เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่และตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการสร้าง Dream Space เพื่อเติมเต็มพื้นที่แห่งความสุขในแบบที่ทุกคนต้องการ โดยสินค้าไฮไลต์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ สุขภัณฑ์อัตโนมัติรุ่นล่าสุด Submarine Series ดีไซน์พิเศษ Two Tone เพิ่มแถบอะคลิลิคสีดำโฉบเฉี่ยวบนฝาปิดสุขภัณฑ์ที่เรียบหรู ดีไซน์ให้หน้ายาวเพื่อความสบายขณะนั่ง ผิวด้านข้างเรียบเป็นผืนใหญ่ด้วยวัตกรรมการผลิตแบบใหม่ที่เรียบและแข็งแรงกว่าเดิม พร้อม ฟังก์ชันอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ฝาที่เปิดปิดเองด้วยระบบเซ็นเซอร์ ระบบอุ่นทั้งฝารองนั่ง ระบบชำระล้างอัตโนมัติ ระบบเป่าลมอุ่น นอกจากนี้ยัง ใส่ใจเรื่องความสะอาด เป็น 2 เท่า ด้วยการเพิ่มสารเคลือบยังยั้งแบคทีเรีย 99% ในตัวโถ และก้านฉีดชำระสแตนเลสที่ผสมสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ระบบฟลัชทรงพลัง ประหยัดน้ำ ควบคุมการทำงานด้วยรีโมตคอนโทรล และยังมีระบบอัตโนมัติอื่น ๆ อีกครบครัน นอกจากนี้ ยังมี สุขภัณฑ์ Touchless Toilet ที่มาพร้อมฟังก์ชันระบบชำระล้างไร้สัมผัส Waving Sensor System ชำระล้างทันทีเพียงใช้มือโบกผ่านเซ็นเซอร์ตัวส่งสัญญาน ที่สามารถติดตั้งได้ง่ายในทุกตำแหน่งที่ต้องการเพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดยไม่ต้องเดินสายไฟฟ้า ใช้เพียงถ่านอัลคาไลน์

โดยสุขภัณฑ์กลุ่ม Smart Toilet ของคอตโต้ทุกผลิตภัณฑ์ใช้ นวัตกรรม Ultra Clean+ สารเคลือบตัวใหม่ หนึ่งเดียวจากคอตโต้ ที่สามารถลดการสะสมแบคทีเรียได้เอง 99% ภายใน 24 ชม. ตลอดอายุการใช้งาน

นอกจากสุขภัณฑ์แล้ว คอตโต้ยังเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้ห้องน้ำด้วย กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย ที่ยับยั้งแบคทีเรียได้มากกว่า 90% ตลอดอายุการใช้งาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม

ผู้สนใจพบกับสุขภัณฑ์กลุ่ม Smart Toilet และสินค้านวัตกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่คอตโต้คัดสรรมาเพื่อห้องน้ำที่สะอาด สมาร์ต และสวยที่ www.cotto.com/virtual-showroom ตัวแทนจำหน่าย COTTO ทั่วประเทศ และ COTTO Bathroom Shop ดอนเมือง ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.facebook.com/cottoofficial หรือ Line @COTTOBathroomShop

OCEAN ประกาศลุยอสังหาฯ เปิดมูลค่าโครงการในมือเกือบหมื่นล้าน

OCEAN ประกาศบุกตลาดอสังหาฯ ขนทัพมาทั้งคอนโดฯ โครงการบ้านเดี่ยว และ Office Building ต้นปี 65 เตรียมเปิดโปรเจคใหม่ THE VALOR โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ย่านรามอินทรา มูลค่า 480 ล้านบาท คาดเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 65 หนุนยอดขายเติบโตแข็งแกร่ง จากปัจจุบันมี Backlog กว่า 500 ล้านบาท ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ธีร ชุติวราภรณ์” เผยโครงการในมือ และโปรเจคในอนาคตรวมมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯพร้อมบุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านเดี่ยว โครงการอาคารสำนักงานให้เช่า เพื่อรองรับการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า (2565-2568) โดยมีมูลค่าโครงการรวมกันเกือบ 1 หมื่นล้านบาท สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการ IKON SUKHUMVIT 77 มูลค่า 1,170 ล้านบาท คาดว่าจะปิดโครงการภายในปี 2565 โดยมี Backlog ที่คาดว่าจะโอนจนจบปี 2564 ยังมีอยู่เกือบ 80 ล้านบาท ซึ่งมีจุดเด่นทำเลที่ตั้ง และตกแต่งครบ ให้กับลูกค้าแบบครบวงจร มาพร้อมกับสโลแกน “ก้าวเดียวถึงห้างใจกลางอ่อนนุช” โครงการมีประตูเชื่อม กับ People Park Community Mall ที่ครบครัน Co-Working Space 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท

โครงการ KON UDOMSUK มูลค่า 600 ล้านบาท เป็นโครงการที่เน้นการดีไซน์ที่แตกต่าง ใช้วัสดุ พรีเมี่ยม ในราคาที่ดีกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะแบบห้องขายดี คือห้อง Loft ที่ Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อย บนทำเลศักยภาพในราคาที่แข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างชนะขาด ทำให้โครงการได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก มียอดจองมากกว่า 80% ภายใต้แรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 โดยปัจจุบันมี backlog อยู่ที่ 478 ล้านบาท คาดการรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2565-2566
โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านรามอินทรา โครงการ THE VALOR มูลค่า 480 ล้านบาท ซึ่งโดดเด่นด้วยความเป็นส่วนตัว เพียง 25 หลัง เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและจะเริ่มโอนในต้นปี 2565

โครงการ V TOWER Office Building ตั้งอยู่บน PRIME Location ติดสถานีรถไฟฟ้า พระโขนง ซึ่งในอนาคตจะเป็น New CBD (Central Business District) เป็น Interchange Station ของรถไฟฟ้า 2 สาย คือ สายสีเทา และสายสีเขียวมูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท โดยแผนจะเริ่มดำเนินกิจการในปี 2566 Office Building พื้นที่เช่า (พื้นที่ขาย) 12,500 ตร.ม. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พื้นที่ให้เช่าของโครงการมีขนาด 450 – 550 ตารางเมตรต่อชั้น ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจของผู้เช่าในเรื่องการเช่าทั้งชั้น ส่งผลให้สามารถปล่อยเช่าได้ทั้งอาคารในระยะเวลาอันสั้น

โครงการ The 38 Sukhumvit มูลค่าโครงการกว่า 1,050 ล้านบาท วางแผนรับรู้รายได้ในปี 2567 ตั้งอยู่ในสุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นซอยที่ทุกคนทราบดีว่าเป็นหนึ่งในถนนที่ดีที่สุดในบริเวณทองหล่อ และห่างจากรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อเพียง 750 เมตรเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ชูจุดเด่นเรื่อง โครงการที่มียูนิตน้อยที่สุดในคอนโดละแวกเดียวกัน เพียง 95 ยูนิตเท่านั้น และราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรไม่เกิน 200,000 บาทซึ่งนับว่าดีกว่าคู่แข่งซึ่งบนทำเลเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วหรือเตรียมเปิดขาย ก็เริ่มต้นที่ราคาสูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร

“การขยายการลงทุนโครงการอสังหาฯในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ OCEAN สอดรับกับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (ALPHAX) ซึ่งหมายถึง “Leader” หรือผู้นำในสิ่งที่ดำเนินการอยู่ อาทิ ธุรกิจอสังหาฯ ในแต่ะโครงการจะมีจุดเด่นที่มีความเป็นผู้นำของโครงการนั้นๆ อาทิ ทำเลที่ตั้ง การออกแบบ-ดีไซน์ การบริหารส่วนกลาง ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในแต่ละจุด และปัจจุบันได้รุกสู่ตลาด Office Building โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัท ซึ่งยังไม่นับรวมแผนรุกสู่ธุรกิจกัญชง-กัญชา ที่คาดว่าจะมีข่าวดีในช่วงปลายปีนี้ และพร้อมส่งออเดอร์ให้กับลูกค้าในปี 2565 ซึ่งจะเข้ามาเสริมทัพ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามแผนงานที่วางไว้” นายธีร กล่าวในที่สุด

EA ไตรมาส 3 กำไรพุ่ง 44% เริ่มรับรู้รายได้จาก E-BUS

EA มั่นใจมาแน่! กระแสรถ EV รัฐบาลจ่อออกมาตรการสนับสนุนใช้รถไฟฟ้า ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและหน่วยงานภาครัฐ รับกระแสลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โชว์ผลงาน Q3/64 ตามนัด กำไรพุ่งแตะ 1,616.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.44% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน บุ๊กรายได้ขายรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ฟาก “อมร ทรัพย์ทวีกุล” มั่นใจแนวโน้มผลงานเติบโตต่อเนื่อง จาก New S-Curve ธุรกิจแบตเตอรี่-ยานยนต์ไฟฟ้า และจากธุรกิจโรงไฟฟ้าที่สร้าง Recurring Income

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างมีเสถียรภาพ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลัก สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ ทั้งในส่วนของโครงการโซลาร์ฟาร์ม และวินด์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิตรวม 664 เมกะวัตต์ และจากธุรกิจแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็น New S-Curve ที่จะทยอยส่งมอบรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้า โดยในส่วนของโรงงานผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังเสร็จครบทั้งหมดจะมีกำลังการผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 3,000 คันต่อปี

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการสนับสนุนใช้รถ EV ทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไป และส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐ เปลี่ยนมาใช้รถ EV เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจใหม่ของกลุ่ม EA เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ จากการขายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับภาคเอกชน และเจาะตลาดหน่วยงานภาครัฐ

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย ในไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 1,616.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 497.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44.44% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิรวม 1,119.00 ล้านบาท ส่วนในงวด 9 เดือน ของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 4,218.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 498.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.39% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,720.48 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ได้รับปัจจัยหนุนจากทั้งจากธุรกิจไบโอดีเซล โรงไฟฟ้า ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่ทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้า ตามแผนงานที่วางไว้