Fraction จับมือ 3 ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ เตรียมออกโทเคนดิจิทัล

บริษัท Fraction (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือ Fraction Group กิจการ Fintech ชั้นนำของฮ่องกง ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal License) โดยจะเริ่มประกอบกิจการเมื่อได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต ทั้งนี้ Fraction ได้พัฒนา Platform เพื่อพร้อมให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลครบวงจรขึ้นมาเป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งสามารถให้บริการที่ครอบคลุมอย่างรอบด้านดังนี้

  • บริการแปลงสินทรัพย์ให้อยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT and Asset Digitization) และ การแบ่งซอยสินทรัพย์ออกเป็นส่วนย่อย ๆ (Ownership Fractionalization) อย่างครบวงจร
  • การเสนอขายโทเคนดิจิทัลครั้งแรกให้กับนักลงทุน (“Initial Fraction Offering” หรือ “IFO”)
  • บริการตลาดที่สองเพื่อรองรับการซื้อขายโทเคนดิจิทัลระหว่างผู้ลงทุน
  • การทำหน้าที่ตัวกลางสำหรับบริการอื่นๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าและนักลงทุนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ

ด้วย Platform สำเร็จรูปของ Fraction ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนและพร้อมใช้งานได้ทันที ทำให้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สามารถลงทุน, เสนอขาย, และบริหารการถือครองสินทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าส่วนของความเป็นเจ้าของจะเล็กน้อยแค่ไหน โดยสินทรัพย์นั้นอาจจะอยู่ในรูปของ คอนโดในเมือง, ริสอร์ทริมทะเล, งานศิลปะ  ซึ่งรวมถึงการบริหารกองทุนส่วนบุคคล สินทรัพย์ และ ผู้ลงทุนด้วย

“พวกเรารู้สึกภูมิใจที่จะประกาศว่าเราเป็น platform แบบครบวงจร (unified platform) แรกภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการนำสินทรัพย์ที่มีตัวตนอย่างอสังหาริมทรัพย์มาแปลงสภาพเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และนำมาจดทะเบียนเพื่อซื้อขายในตลาดรองได้อย่างเป็นระบบ เราใช้เวลากว่า 3 ปีในการพัฒนาเทคโนโลยี และเตรียมความพร้อมในแง่โครงสร้างทางกฎหมาย จนทำให้เราได้รับความเห็นชอบจากก.ล.ต. ให้เป็นผู้ให้บริการซื้อขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งจะเป็นหนึ่งในช่องทางที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน โดยการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้” นายเอกภักดิ์ นิราพาธพงศ์พร ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO บริษัท Fraction (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ทั้งนี้ นายเอกภักดิ์ เป็น อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ และพาร์ทเนอร์ ของ บริษัท Lazard (LAZ.NYSE) บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินและการบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก

“Fraction เป็น Platform ที่ได้รับอนุมัติจากก.ล.ต. โดยใช้เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูล (Distributed Ledger Technology: DLT) และ Ethereum Blockchain ในการบริหารจัดการกรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่ถูกซอยย่อยลงมาอยู่ในรูปของโทเคนดิจิทัล พวกเรายินที่ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีทางการเงินการลงทุน และ เทคโนโลยี distributed ledger มาหลอมรวมเข้าด้วยกัน ในขณะที่หลาย ๆ คนได้แค่พูดถึง หรือพยายามที่จะทำสิ่งนี้ แต่เราพัฒนา Platform ของ Fraction จนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ได้ใช้งานเบื้องต้นแล้วในตลาดต่างประเทศ และ เราพร้อมจะนำสินทรัพย์เข้ามาจดทะเบียนใน Platform ของเราได้แล้วด้วย” Shaun Sales ผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO ของ บริษัท Fraction (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ล่าสุด Fraction ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) เพื่อหาแนวทางนำโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของทั้งสามบริษัทมาระดมทุนจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลครั้งแรก (IFO) มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท

ด้วยรูปแบบการลงทุนที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก Fraction และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งสาม ตั้งเป้าหมายจะพลิกโฉมหน้าโลกการลงทุน ด้วยการเปิดโอกาสให้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องใช้เงินทุนมูลค่าสูงได้ ยกตัวอย่างเช่นด้วยเงินลงทุนเพียง 5,000 บาท นักลงทุนก็สามารถมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้า อย่างเช่น

  • ห้อง Penthouse มูลค่า 350 ล้านบาท ของโครงการ Forestias หรือโครงการ Mulberry Grove Sukhumvit ซึ่งมีมูลค่าโครงการหลักหมื่นล้านบาท ของ MQDC
  • รีสอร์ทระดับโลกอย่างศรีพันวา ภูเก็ต หรือ วิลล่า ติดหาด ของ Baba Beach Club ที่หาดนาใต้ ภูเก็ต และ หัวหิน ของชาญอิสสระ
  • โครงการระดับแนวหน้าอย่าง Nirvana Beyond หรือ Nirvana @WORK ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลหลักที่กำลังเติบโตของกรุงเทพ

นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้  จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการร่วมลงทุนกับ Fraction ว่า“เราทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในทำเลชั้นเลิศทั่วประเทศไทย ในสมัยก่อน โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้เปิดให้กับทุกคน แต่ในวันนี้ คนรุ่นใหม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงสินทรัพย์เหล่านี้ได้ในฐานะนักลงทุน”

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า “MQDC มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทาง Fraction ซี่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทค (Fin Tech) โดยความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ MQDC ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของเราที่มุ่งสู่ความเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกของโลกที่นักลงทุนสามารถซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลบน platform แบบรวมศูนย์ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แบบ inclusive ตามแนวคิด Customer-Centric ซึ่งเราเชื่อว่าโมเดลนี้จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และอีกหลาย ๆ อุตสาหกรรมในอนาคตอย่างแน่นอน”

นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึง Fraction ว่า “เราเข้าใจดีว่าโอกาสในการลงทุนที่ถูกจำกัดวงอยู่เฉพาะในกลุ่มคนที่มีฐานเงินทุนจำนวนมาก เป็นสาเหตุให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีคนหลาย ๆ คนออกมาพูดถึงเรื่อง Asset digitization และ Fractionalization ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ แต่เรายังไม่เห็นใครเลยที่ทำสำเร็จหรือพร้อมจะเดินหน้าในเรื่องนี้ไปกับเรา จนวันนี้ Fraction จะทำให้ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นลูกใหม่ในแง่ของการเสริมสร้าง financial inclusion”

ทั้งนี้ การดูแลสภาพคล่องและการซื้อขายในตลาดที่สองมีความสำคัญอย่างมากต่อสภาวะการลงทุนหลังการนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนในตลาด ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่มีการดำเนินการอยู่ในตลาดทุนทั่วโลก โดยในประเด็นนี้ KULAP บริษัทผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. จะเป็นช่องทางหนึ่งในการเป็นผู้กำกับดูแลการซื้อขายในตลาดที่สองในช่วงแรกหลัง IFO ผ่านการเชื่อมโยงกับ Fraction Global Liquidity Pool

หลังจากที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้เริ่มดำเนินการได้แล้ว Fraction จะทำงานร่วมกับ MQDC, ชาญอิสสระ และ NVD เพื่อสรุปโครงสร้างการเสนอขาย และจัดทำเอกสารการเสนอขาย IFO เพื่อยื่นขออนุมัติจาก ก.ล.ต. ต่อไป โดย Fraction คาดว่าจะเริ่มเปิดจอง IFO  ได้ในไตรมาสแรกของปี 2565

แคนนาบิซ เวย์ ส่ง กัญชง CBD สูง เจาะตลาดอาหารเสริม-เครื่องดื่ม-เครื่องสำอาง

บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด ได้ประเดิมทำสัญญาซื้อขายผลผลิตกัญชง CBD สูง ให้กับ 2 พันธมิตรที่แข็งแกร่งคือ บริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยใน บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) (OCEAN) ซึ่งลงทุนเครื่องสกัดคุณภาพสูง และ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอส พี (ประเทศไทยจำกัด (มหาชน) (JP) ผู้ควบคุมคุณภาพสารสกัดกัญชงโดยใช้เทคโนโลยี Isolate CBD Water Soluble ที่ทำให้สารสกัดกัญชงกัญชาละลายน้ำได้ทันที เมื่อนำมาเป็นสารสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารเสริม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีนี้

อุนารินทร์ กิจไพบูลทวี กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง เผยว่า บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด (Cannabiz Way Co.,Ltd.) ผู้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชง-กัญชาอัจฉริยะ Cannabis Smart Farm (CSF) ทำการติดตั้งระบบในพื้นที่ปลูกของบริษัท

บนพื้นที่กว่า 36 ไร่ สร้างเป็นโรงเรือน Green House ครอบคลุมพื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทางบริษัทฯ จับมือกับ ม.นเรศวร นำระบบเทคโนโลยี IOT มาใช้ในการควบคุมชุดปลูกอัจฉริยะ ทักษะความรู้และความพร้อมของทีมงาน ปัจจุบัน แคนนาบิซ เวย์ มีศักยภาพในการปลูกกัญชง-กัญชาคุณภาพได้มากกว่า 250,000 ต้นต่อปี เพื่อให้ได้ผลผลิตนำไปแปรรูปเป็นสารสกัดได้พันกิโลกรัมต่อเดือน และตั้งเป้าเพิ่มผลผลิตการปลูกกัญชา-กัญชงให้ได้กว่า 500,000 – 1,000,000 ต้น/ปี และพร้อมขยายพื้นที่ปลูกไปอีก 1,000 ไร่ ภายในปี 2565 ซึ่งกำลังการผลิตที่มีจำนวนมากและคุณภาพที่ควบคุมได้ จะทำให้บริษัทเป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้า เพราะสามารถ Supply ผลผลิตให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มความต้องการ

ในอนาคต บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด จะมีบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญต่อยอดความรู้ให้กับเครือข่ายพันธมิตรในทุกภาคส่วน ทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจกัญชง-กัญชาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเริ่มต้นการปลูก การขออนุญาต จนถึงการสร้างรายได้ รวยได้จริงด้วยกัญชงกัญชา ให้กับผู้ที่สนใจ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านกัญชง-กัญชาคุณภาพระดับโลกให้ได้

โดย แคนนาบิซ เวย์ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและจับมือร่วมทำธุรกิจกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน สนใจติดตามและติดต่อทาง  www.facebook.com/cannabizway

SIAM Takashimaya Chat & Shop ส่งตรงจากตลาดปลาญี่ปุ่นถึงบ้าน

สยาม ทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นขนานแท้ ณ ไอคอนสยาม ขานรับนโยบายลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าคนสำคัญด้วยการรวบรวมเมนูเด็ดทั้งซูชิและซาชิมิจากร้าน Nakajima Suisan (นาคาจิมา ซุยซัน) ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงในการขายซูชิและซาซิมิในประเทศญี่ปุ่น เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คัดสรรอาหารทะเลสดใหม่อิมพอร์ตจากตลาดปลาญี่ปุ่นและทั่วโลก ส่งตรงทุกความสด และความอร่อยที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพแบบเต็มคำ พร้อมเสิร์ฟให้คุณและครอบครัวถึงหน้าประตูบ้าน ให้คุณอิ่มอร่อยกับทุกเมนูโปรดที่ปรุงสดใหม่ในทุกวัน มั่นใจได้ในรสชาติ ความสะอาด และปลอดภัยโดยไม่ต้องออกจากบ้าน

หากใครเป็นสายซูชิและซาชิมิ หรือคิดถึงความสดใหม่ของอาหารทะเลสดๆ จากญี่ปุ่น ต้องไม่พลาดกับความอร่อยที่จะช่วยเติมพลังความสุขแบบง่ายๆ ให้กับมื้ออาหารที่บ้านของคุณให้พิเศษยิ่งขึ้นด้วยซูชิและซาชิมิจากร้าน Nakajima Suisan ที่มีต้นกำเนิดจากบริษัททำประมงรายใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องกระบวนการรักษาคุณภาพและการขนส่งอย่างดีเยี่ยม ทำให้อาหารมีความสดใหม่ ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงโด่งดังจนสามารถเปิดขยายสาขาทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 100 แห่ง

สยาม ทาคาชิมายะ และ Nakajima Suisan พร้อมเสิร์ฟความอร่อยกว่า 20 เมนู ทั้งซูชิและซาชิมิที่มีทั้งแบบเป็นคำให้เลือก ราคาเริ่มต้นที่ 10 บาท แบบเซตสุดคุ้ม 16 คำ ราคา 180 บาท เซตหน้าปลาไหล ปลาแซลมอน ฯลฯ พลาดไม่ได้กับเมนูพิเศษที่เชฟแนะนำจากสติ๊กเกอร์ Chef’s Recommend การันตีความสดใหม่ในราคาโดนใจ จัดส่งเมนูความอร่อยด้วยกล่องเก็บอุณหภูมิที่นำเข้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะ เพื่อรักษารสชาติและคุณภาพความสดใหม่ ให้มั่นใจว่าคุณลูกค้าจะได้รับประทานอาหารที่ดีที่สุดเหมือนได้มารับประทานที่ร้าน สั่งง่ายได้ทุกที่ผ่านบริการพิเศษ SIAM Takashimaya Chat & Shop แค่ทักแชทผ่านไลน์ @SIAMTakashimaya แล้วทักแชทแจ้งเมนูกับพนักงาน แล้วรอรับความอร่อยที่หน้าบ้านได้ทันทีอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยเปิดรับออเดอร์ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. และคิดค่าจัดส่งตามระยะทาง 1 – 40 กิโลเมตร ในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี

มาจัดเต็มความสดอร่อยที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นได้แล้ววันนี้ ทั้งนี้ ห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ มีมาตรการเฝ้าระวังและการป้องกันอย่างดีที่สุดตลอดมา โดยเปิดให้ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการโซนซูเปอร์มาร์เก็ต TAKA Marché และร้านขายยา ชั้น G  ในเวลา 10.00 น. – 20.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-011-7500 หรือ Facebook: Siam Takashimaya

ชวนเช็คอิน SIAM Smile Market คืนความสุขและรอยยิ้มให้คนไทย

ไอคอนสยาม  แลนด์มาร์คสำคัญของไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมมอบความสุขและนำรอยยิ้มสยามกลับคืนสู่ประชาชนคนไทยทุกคนอีกครั้ง โดยได้จับมือกับผู้ประกอบการร้านค้าดังกว่า 100 แบรนด์ จัดงาน “SIAM Smile Market” ขนทัพขบวนสินค้ามากกว่า 1,500 รายการ มาลดราคาสูงสุด 80% เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กลับมามีรอยยิ้มและสู้ไปด้วยกันอีกครั้ง โดยงานจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2564 ณ บริเวณเจริญนคร ฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม ภายใต้มาตรการป้องกันขั้นสูงสุดในทุกด้าน ทั้งความสะอาดของสถานที่ พนักงาน และสินค้าที่จัดจำหน่าย

ไอคอนสยาม จัดงาน SIAM Smile Market งานออกร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาย่อมเยาว์ โดยได้ร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้านำสินค้าแบรนด์ดัง อาทิ เครื่องสำอาง, เครื่องหนัง, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ, รองเท้า, เครื่องใช้ภายในบ้าน, ชุดเครื่องนอน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก, สินค้าสปาความงาม, หน้ากากอนามัย, สเปรย์แอลกอฮอล์ และสินค้าอีกมากมาย จำนวนกว่า 1,500 รายการ มาจัดจำหน่ายให้กับประชาชนราคาลดพิเศษ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชนทั่วไปได้มาจับจ่ายสินค้าคุณภาพในราคาลดพิเศษสุด ทั้งยังบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ช่วยลดภาระค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  พร้อมคืนความสุขให้กับประชาชนคนไทยทุกคนที่กำลังก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ ให้กลับมามีรอยยิ้มด้วยกันได้อีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยให้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 25 กันยายน – 4 ตุลาคม 2564 ไอคอนสยามยังได้เปิดพื้นที่ลานเมือง 1 เมืองสุขสยาม ชั้น G ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าชุมชน โดยเปิดโอกาสให้ร้านค้าจากชุมชนใกล้เคียงย่านคลองสานและธนบุรี มาเปิดบูธขายสินค้าของดีของดังย่านฝั่นธนฯ อาทิ ขนมฝรั่งกุฎีจีน ขนมถ้วยสูตรชาววัง หมูกระจก น้ำพริกกากหมู กล้วยฉาบ เผือกฉาบ น้ำอ้อยเกล็ดหิมะ น้ำสมุนไพร น้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว ขนมจีบต้ม ซาลาเปา กรือโป๊ะ แคปกุ้ง แคปปลา และสินค้าอุปโภคขึ้นชื่อ อาทิ บ้านเรือนไทยจำลอง รองเท้าทำมือ  เครื่องประดับทำมือ น้ำมันนวดสมุนไพรไทย เสื้อผ้าผ้าไทย กระเป๋าผ้าไทย เพื่อให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคได้โดยตรง และเพื่อช่วยลดผลกระทบและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยมาร่วมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีราคาพิเศษ ภายในงาน SIAM Smile Market ได้ระหว่างวันนี้ – 30 กันยายน 2564 ณ บริเวณเจริญนคร ฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร ภายใต้มาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยในทุกมิติอย่างสูงสุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1338

RBF มั่นใจรายได้ปี 64 โตตามเป้า 10-12%

RBF ฉายภาพธุรกิจครึ่งปีหลังโตโด่ดเด่น มั่นใจรายได้ปี 64 โตตามเป้า 10-12% จากทุกธุรกิจเดิมหนุน-พร้อมลุยธุรกิจกัญชงเต็มสูบ หวังส่งผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชงไปตลาดต่างประเทศ หนุนจุดแข็งให้กลุ่มบริษัทฯ แข็งแกร่งในอนาคต

ดร.สมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย พญ.จัณจิดา รัตนภูมิภิญโญ กรรมการบริษัท และ นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ร่วมให้ข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 และทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังกับนักวิเคราะห์ เพื่อสร้างความมั่นใจในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในกิจกรรม Analyst Meeting ผ่านระบบออนไลน์

โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 788.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.37 ล้านบาท หรือ 12.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 108.44 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนแนวโน้มยอดขายในครึ่งปีหลัง 2564 มีทิศทางสูงขึ้นกว่าในครึ่งปีแรก จากยอดออเดอร์ที่สั่งซื้อส่วนประกอบอาหารและเครื่องดื่มของกลุ่มลูกค้า

ขณะที่การลงทุนในตลาดในอาเซียน RBF ยังคงเน้นการขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในเวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออก ส่วนที่อินโดนิเซียโรงงานในขณะนี้ สามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มกำลังแล้วและบริษัทฯ เตรียมก่อสร้างโรงงานเฟส 2 ขึ้น ในปี 2565

สำหรับผลิตภัณฑ์กัญชง หลังบริษัทฯได้รับใบอนุญาตโรงสกัดสาร CBD-THC รายแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงใบอนุญาตผลิต (ปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง และใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 บริษัทฯ ได้เริ่มเซ็นสัญญารับคำสั่งซื้อกับผู้ผลิตรายใหญ่แล้วและยังมีลูกค้ารายสำคัญอื่นๆที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญากับบริษัทฯต่อเนื่องในทุกประเภทสินค้า ทั้งอาหาร, เครื่องดื่ม, สมุนไพร, อาหารเสริม ฯลฯ

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อนุญาตให้ใช้ CBD ได้สูงสุด 75 mg/k ถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะและเพียงพอที่จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย ทั้งนี้ RBF วางเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้า เมื่อต้นทุนวัตถุดิบ (ราคาต้นกัญชง) ลดลง จะส่งออกผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชงออกสู่ตลาดต่างประเทศ

สำหรับการปลดล็อกพืชกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษ ประชาชนสามารถมีไว้ครอบครองและซื้อ-ขายได้นั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล หากตลาดมีความต้องการ บริษัทฯ ก็มีความพร้อมที่จะเดินหน้าธุรกิจดังกล่าวต่อไป เนื่องจากมีประสบการณ์ในฐานะผู้ผลิตสารปรุงแต่งมาก่อนและมีโรงสกัดที่พร้อม

อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทฯ ยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 จะยังคงเติบโตตามเป้า 10-12% จากยอดออเดอร์สั่งซื้อส่วนประกอบอาหารและเครื่องดื่ม, รายได้จากธุรกิจธุรกิจกัญชง ที่ทยอยรับรู้รายได้ช่วงปลายไตรมาส 4/2564 หรือในต้นปี 2565

SSP แดดแรงหนุนปริมาณผลิตไฟเพิ่ม – รับรู้รายได้โครงการ Yamaga

บมจ. เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น(SSP) รายงานผลการดำเนินงานใน Q2/64 กำไรจากการดำเนินงานแตะ 235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น13%จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะที่ EBITDA โต 21% การรับรู้รายได้จากโครงการ Yamaga ที่ญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตตามสัญญา 30 เมกะวัตต์เต็มไตรมาส ส่งผลให้โรงไฟฟ้าในมือในต่างประเทศ มีปริมาณผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ฟากซีอีโอ “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” ระบุ ครึ่งปีหลังเดินหน้า COD เพิ่ม ล่าสุดกดปุ่มโซลาร์ฟาร์มโครงการ LEO1 กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์เรียบร้อยแล้ว รับรู้รายได้ทันที คาดไตรมาส 4/64 วินด์ฟาร์มเวียดนาม พร้อมจ่ายไฟ ดันกำลังผลิตไฟฟ้าสิ้นปีนี้ทะลุเป้า 200 เมกะวัตต์ 

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมทั้งหมด 568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  21%

ทั้งนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท) จำนวน 240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่นนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง

สำหรับกำไรหลักจากการดำเนินงานจำนวน 235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วนกำไรหลักจากการดำเนินงาน 41 % ของรายได้รวม

“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานอยู่ในทิศทางที่ดี แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญา 30 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการระหว่างปี 2563 และจะรับรู้เต็มปีในปี 2564 ขณะเดียวกันเป็นฤดูกาลของความเข้มข้นของแสงแดดอยู่ในระดับสูงทำให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าอยู่ในระดับที่ดีขึ้นด้วย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่าแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจาก ล่าสุดได้จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD)ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 ขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว  ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน  177 เมกะวัตต์  และคาดว่าจะรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่ในไตรมาส 3/2564 ขณะที่โครงการพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาด 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถ COD ภายในไตรมาส 4/2564 ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศภายในปีนี้ทะลุ 200 เมกะวัตต์

นอกจากนี้แผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯเตรียมขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในปี 2565 จะ  COD ประมาณ 16 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ โดยอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566  ทั้งนี้ บริษัทฯวางเป้าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์

GEL ฟื้นแรง! โชว์กำไรสุทธิ Q2/64 พุ่ง 140.15%

บมจ. เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEL) ฟื้นชัด! ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 กำไรสุทธิพุ่งแตะ 20.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.15% จากงวดเดียวกันปีก่อน อานิสงส์ควบคุมต้นทุนได้ดี หลังปรับโครงสร้างองค์กร ฟากซีอีโอ “ธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์” ระบุแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง เน้นกลยุทธ์ควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้กว่า 2,900 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้ยาวถึงปีหน้า มั่นใจช่วยผลักดันผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์ ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ได้แน่นอน   

นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.15% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุนเท่ากับ 51.65 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีผลขาดทุนเท่ากับ 102.16 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการบริษัทฯ มีกำไรพิเศษ รวมถึงการควบคุมต้นทุนสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และระบบการควบคุมงบประมาณที่ดี ส่งผลให้เกิดต้นทุนต่อหน่วยลดลง ขณะที่การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรสามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และการบริหารให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“การดำเนินธุรกิจในครึ่งแรกของปี 2564 มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และสามารถมีกำไรเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากภายหลังจากการปรับโครงสร้างองค์กร ทำให้บริษัทฯมีความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิต และต้นทุนค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเริ่มรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนของบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ของภาครัฐที่มีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้าง ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง Q4/2564 เนื่องจากปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) อยู่แล้ว กว่า 2,900 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2565 ทำให้มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2565 จะสามารถฟื้นเทิร์นอะราวด์ได้อย่างชัดเจน จากปริมาณงานในมือกว่า 2,900 ล้านบาท และโดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะทำให้ในส่วนของโครงการภาครัฐ และเอกชนจะกลับมาขยายการลงทุนได้อีกครั้ง

SSP กางแผนครึ่งปีหลังจ่อ COD วินด์ฟาร์มเวียดนาม 48 MW

บมจ. เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดแผนธุรกิจครึ่งปีหลังเดินหน้ารับรู้รายได้จากโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นโครงการ  Leo 1 กำลังผลิตขนาด 20 เมกะวัตต์ ได้เต็มที่หลังจ่ายไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 3/64  และเตรียม COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามอีก 48 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 4/64 รวมทั้งจะเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าชีวมวล UPT 9.9 เมกะวัตต์ ฟาก ซีอีโอ”วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” ระบุแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่น ปัจจัยหนุนเพียบ รุกขยายการลงทุนโซลาร์ รูฟท็อปในอินโดนีเซีย ดันกำลังผลิตแตะ 400 เมกะวัตต์ในอีก 3-5 ปี  

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากในไตรมาส3/2564 ได้จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 มีกำลังการผลิตขนาด 20 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่ในไตรมาส 3/2564 ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวม 177 เมกะวัตต์

สำหรับโครงการพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาด 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 4/2564 ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงบริษัทฯ จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลังผลิต 9.9 เมกกะวัตต์ หลังจากได้ทำรายการซื้อหุ้นของบริษัทยูนิ พาวเวอร์ เทค จำกัด (UPT) จากกลุ่มผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ทำให้มั่นใจว่าในปี 2564 บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศทะลุ 200 เมกะวัตต์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

“แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงรักษาการเติบโตได้เป็นอย่างดี แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทุกอย่างยังเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ดังนั้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่าสำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯเตรียมขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในปี 2564 จะ COD ได้ประมาณ 16 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566 โดยบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายไว้จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มไปถึงระดับ 400 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

BIZ ส่งซิกโค้งหลังผลงานโตสนั่น

บมจ.บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) ประเมินผลงานครึ่งปีหลังของปี 64 ยังเติบโตได้ดี เหตุเตรียมส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษาโรคมะเร็ง ให้กับโรงพยาบาลภาครัฐที่เป็นคู่สัญญาภายในไตรมาส3/64 พร้อมทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือตุนไว้กว่า 1.9 พันล้านบาท ฟากซีอีโอ”สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์” ระบุแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังสดใสต่อเนื่อง เดินหน้าประมูลงานใหม่กว่า 800 ล้านบาท มั่นใจผลักดันผลงานปีนี้ทุบสถิตินิวไฮต่อเนื่อง   

นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ เปิดเผยว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี2564 บริษัทฯมั่นใจว่าจะยังรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง จากเตรียมส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งให้กับโรงพยาบาลภาครัฐที่เป็นคู่สัญญาภายในไตรมาส3/2564  โดยได้มีการทดสอบระบบการใช้งานไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลทดสอบออกมาเป็นที่น่าพอใจ และพร้อมจะส่งมอบได้ตามกำหนด ขณะเดียวกันมีงานในมือรอรับรู้รายได้(backlog) ประมาณ 1.9 พันล้านบาท น่าจะช่วยผลักดันให้ผลงานในปี2564 สามารถทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างเนื่อง

“ในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดี จากงานในมือที่ตุนไว้แล้ว รวมทั้งบริษัทฯมีแผนจะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มอีกประมาณ 800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีโอกาสได้งานสูง เนื่องจากบริษัทฯมีศักยภาพ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำให้มีคู่แข่งไม่มาก และผลงานที่ผ่านมาก็น่าจะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯมีโอกาสได้งานมากขึ้นด้วย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี  ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 65%นั้น ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเปิดแผนก “กัญชาทางการแพทย์” เพื่อต้องการจะใช้ต่อยอดรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งจากวิธีการฉายรังสี และเคมีบำบัด ควบคู่กับการรักษาร่วมกับการรักษามาตรฐาน รวมทั้งจะเร่งผลักดันให้เป็นศูนย์กลาง เพื่อพัฒนาด้านการรักษาผู้ป่วย หวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 348,310% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 0.032 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 627 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 708.61% จากงวดเดียวกันปีก่อน

สำหรับงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 193.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,162% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 15.3 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 1,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247.79% จากงวดเดียวกันปีก่อน

มัดรวมไอเทมบิวตี้เด็ด ให้สาวๆ สวยครบจบ

ช่วงคลายล็อกดาวน์นี้ สาวๆ หลายคนเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันบ้างแล้ว ลาซาด้า ไม่รอช้างัดดีลเด็ดพร้อมจัดโปรโมชั่นปังๆ ขนบิวตี้ไอเทมมาเอาใจนักช้อปให้ออกมาสวยเฉิดฉายกับ แคมเปญ Beauty All-In-One สวยครบจบปังที่ลาซาด้า ตอกย้ำแพลตฟอร์มแห่ง Lifestyle Destination พบสินค้าลดสูงสุด 80% พร้อม Magic Hour ที่สาวๆ ห้ามพลาด ทุก 10.00 น. แจกคูปองส่วนลด คูปองส่งฟรีทั่วไทย เพิ่มความคุ้มค่า แจกส่วนลดจุกๆ ถึง 5 ต่อ ระหว่างวันที่ 21 – 23 กันยายน 2564 นี้เท่านั้น เรียกได้ว่าสวยครบจบปังได้ที่ลาซาด้าที่เดียวจริงๆ

งานนี้ ลาซาด้า ร่วมกับแบรนด์สินค้าชั้นนำจาก LazMall ที่การันตีแบรนด์แท้ราคาดี ส่งฟรีถึงบ้าน พร้อมรับประกันคืนสินค้าภายใน 15 วัน มามอบดีลและโปรโมชั่นสุดพิเศษ มากถึง 5 ต่อ ต่อแรก รับคูปองส่วนลดทันที 300 บาท สำหรับ 10 ออเดอร์แรกในช่วงเวลาทอง Magic Hour ต่อที่สอง รับคูปองส่วนลดฟ้าผ่าจากลาซาด้ามูลค่าสูงสุด 150 บาท ถัดมากับต่อที่สาม รับคูปองส่วนลดสูงสุด 20% จากร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำ ต่อที่สี่และต่อที่ห้ารับ คูปองส่งฟรีทั่วไทย และใช้ร่วมกับโค้ดส่วนลดจากพันธมิตรได้แบบจัดเต็ม สาวกบิวตี้ห้ามพลาด ลดหลายต่อแบบคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ส่องไอเทมเด็ดแล้วรีบกดสินค้าเข้ารถเข็นเตรียมไว้เลย!

1. ที่สุดแห่งความคุ้มสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกาย (Skincare Product) พูดถึงเรื่องความสวยความงาม หนึ่งในไอเทมยอดฮิตอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่ถือเป็นพื้นฐานความงามที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม นอกจากจะเป็นตัวช่วยชูโรงผิวสุขภาพดีแล้ว ยังเป็นยาอายุวัฒนะชั้นดีสำหรับผู้หญิงทุกคน มากไปกว่านั้นทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการบำรุงผิว ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน เช่น ควรลงสกินแคร์หลังจากอาบน้ำเสร็จทันทีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด การมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวดีๆ ก็ตอบโจทย์สำหรับผู้หญิงยุคนี้ งานนี้สาวสายบิวตี้คนไหนกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ในราคาที่คุ้มค่า ก็ตามไปช้อปกันได้เลย

Olay Regenerist Anti-Aging Day+ Night Micro-Sculpting Cream Moisturizer Bundle Set 50G + 50G

ครีมบำรุงผิวหน้าขายดีอันดับหนึ่งทั้งกลางวันและกลางคืน Olay Regenerist Anti-Aging Day+ Night Micro-Sculpting Cream Moisturizer Bundle Set 50G + 50G ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิวนุ่มฟูและคงความอ่อนเยาว์ในช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในราคาเพียง 1,199 บาท จากราคาปกติ 1,998 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/2YV50hF

La Roche Posay EFFACLAR

เซรั่ม La Roche Posay EFFACLAR รวมพลังสามโมเลกุลช่วยสลายสิวอุดตัน คิดค้นจากแรงบันดาลใจจากศาสตร์ทางการแพทย์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ขนาด 30ml ในราคาโปรโมชันเพียง 999 บาท จากราคาปกติ 1,300 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3tCeg5m

Garnier Light Complete Booster

เซรั่ม Garnier Light Complete Booster ตัวซิกเนเจอร์ช่วยให้ผิวกระจ่างใสปรับเม็ดสีผิวให้ดูสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น ขนาด 30ml กับราคาโปรโมชันเพียง 519 บาท จาก ปกติ 798 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3hxcbTI

Sulwhasoo Concentrated Ginseng Rescue Ampoule

Sulwhasoo Concentrated Ginseng Rescue Ampoule ขนาด 20g บำรุงผิวหน้าและช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วแห่งวัยพร้อมฟื้นฟูกู้ผิวสวยได้อย่างรวดเร็ว ในราคาเพียง 3,230 บาท จากราคาปกติ 3,800 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3k5RfEO

สลีปมาส์ก Huxley

สลีปมาส์ก Huxley ขนาด 120g ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังของน้ำมันสกัดจากเมล็ดกระบองเพชรพริคลีย์ แพร์ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและช่วยยกกระชับผิวให้ดูเนียมนุ่ม อิ่มน้ำ คืนความชุ่มชื่นให้กับผิว สองชิ้นในราคาเพียง 599 บาท จากราคาปกติต่อชิ้นอยู่ที่ 1,500 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/2VFOIYL

2. ที่สุดแห่งความคุ้มสำหรับผลิตภัณฑ์ของใช้ และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Personal and Hair Care Product) ถัดมาสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ความงามและของใช้อื่นๆ ที่จัดมาให้พร้อมอัพความงามทุกส่วน ไม่ว่าผม ปาก รวมไปถึงผิวพรรณ สิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลผิวให้มีสุขภาพดีคือการทำความสะอาด เพราะจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้ผิวแข็งแรงขึ้น รวมถึงการเตรียมผิวสำหรับการบำรุงและปกป้องมลภาวะต่างๆ รอบตัว และในช่วงการทำงานแบบ Work From Home ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างวัน การใช้ครีมกันแดดยังช่วยเป็นเกราะป้องกันจากแสงสีฟ้าได้อีกด้วย นักช้อปสายบิวตี้คนไหนกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ของใช้มาเติมสวยตั้งแต่หัวจรดเท้าในช่วงนี้ ลาซาด้าได้รวบรวมมาให้เลือกแล้ว

The Body Shop British Rose Shower

The Body Shop British Rose Shower เจลทำความสะอาดผิวกาย เจล ออร์แกนิค ให้ความชุ่มชื้นสู่ผิวพร้อมกลิ่นหวานละมุนจากดอกกุหลาบ ในราคาโปรโมชันเหลือเพียง 173 บาท จากราคาปกติ 315 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/2VCPe9K

Moleculogy by Diamond Grains – Sunscreen SPF50+ PA++++

ครีมกันแดดตัวฮิตในหมู่คนรุ่นใหม่อย่าง Moleculogy by Diamond Grains – Sunscreen SPF50+ PA++++ ขนาด 30g ช่วยปกป้องผิวจากรังสีแดดทุกประเภท พร้อมช่วยบำรุงชั้นผิวให้แข็งแรงจากมลภาวะ ที่สำคัญสามารถเติมระหว่างวันได้ทุก 3-4 ชั่วโมง ในราคาเพียง 550 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3C6mXYM

Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF 50+ PA++++

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ครองใจสาวๆ ทั้งไทยและญี่ปุ่น มาเป็นเวลานานอย่าง Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF 50+ PA++++ ขนาด 50g ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Micro Defense เกลี่ยง่ายไม่เป็นคราบ พร้อมกันน้ำและกันเหงื่อได้เป็นอย่างดี ลดเหลือ 299 บาทเท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3nt4Wjp

Veldent

สเปร์ยระงับกลิ่นปาก Veldent ขนาด 18ml. ช่วยเพิ่มความสดชื่นและความมั่นใจระหว่างวัน ยิ่งช่วงนี้ใส่แมสก์ตลอดทั้งวัน อาจเกิดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ มาสร้างลมหายใจหอมสดชื่น และเพิ่มความชุ่มชื้นในลำคอ ในราคาเพียง 99 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3nw83Ha

Pantene 3 Minute Miracle Keratin

ปล่อยผมยุ่งอยู่บ้านในช่วง Work Form Home มานาน ได้เวลากลับมาดูแลเส้นผมให้สวยสุขภาพดีไปกับครีมนวดผมแพนทีน Pantene 3 Minute Miracle Keratin ขนาด 300 มล. ในแพค 6 หลอด ช่วยบำรุงผมอ่อนแอแห้งเสียรุนแรง พร้อมอุดมไปด้วยวิตามินอีกเพียบ สาวนักช้อปคนไหนกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบคุ้มและดี รีบจัดเลยในราคาโปรโมชันเพียง 636 บาท จากราคาปกติ 954 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/3kanvXG

3. ที่สุดแห่งความคุ้มสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำหอม (Fragrance Product) ปิดท้ายความสวยแบบครบเครื่องด้วยน้ำหอมที่เหล่านักช้อปทราบกันอยู่ดีแล้วว่าช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพ และบ่งบอกถึงคาแรคเตอร์เฉพาะตัวแต่ละคน มากไปกว่านั้น กลิ่นของน้ำหอมยังมีประโยชน์มากกว่าที่ทุกคนคิด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยผ่อนคลายความเครียด การสร้างสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานหรือการเรียน หรือแม้กระทั่งช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจต่างๆ ใครชอบกลิ่นน้ำหอมของแบรนด์ไหน เตรียมตัวช้อปกับแคมเปญ Beauty All-In-One จากลาซาด้าได้เลย

CALVIN KLEIN One Gold EDT

CALVIN KLEIN One Gold EDT น้ำหอมที่ใช้ได้ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย กับกลิ่นหอมที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์แบบมีสไตล์อย่างเหนือระดับ พร้อมความหอมอันอบอุ่น เติมเต็มความมีชีวิตชีวา ในราคาโปรโมชันเพียง 1,400 บาท จากราคาเต็ม 2,000 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/2YWbsoz

ลาซาด้าขนดีลสุดพิเศษมาให้ขนาดนี้แล้ว สายบิวตี้ทั้งหลายมารวมกันให้พร้อมกับแคมเปญ Beauty All-In-One สวยครบจบปังที่ลาซาด้า ระหว่างวันที่ 21 – 23 กันยายน 2564 นี้เท่านั้น สาวกบิวตี้ตัวจริงห้ามพลาด! รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/2YPccM2