OPPO Enco Air ผนึก JOOX ชวนสนุกกับ Live Virtual Concert พรุ่งนี้ (13 ส.ค.)

OPPO แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำในไทย เตรียมมอบความสนุกแบบจัดเต็มผ่านคอนเสิร์ตออนไลน์ Live Virtual Concert ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง OPPO Enco Air หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO และ JOOX มิวสิคสตรีมมิ่งแอปพลิเคชั่น โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ เวลา 17.30-19.00 น. ที่ JOOX และ OPPO Facebook เท่านั้น

OPPO Enco Air และ JOOX ขนทัพนักร้องสุดฮอตมากมาย ที่จะมามอบความสนุก พร้อมส่งต่อกำลังใจให้คนไทยก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปพร้อมกัน นำโดย ศิลปินเจ้าของเพลงฮิตวง Tilly Birds และ ศิลปินเดี่ยวมากความสามารถ Mon Monik ผ่านโชว์พิเศษด้วยบทเพลงฮิตที่ไม่ว่าใครก็ร้องตามได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีวงวัยรุ่นหน้าใหม่ Xmas จากมหาวิทยาลัยมหิดล มาร่วมแสดงพลังสานฝันด้านดนตรีของวัยรุ่นไทยภายในคอนเสิร์ตนี้อีกด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ เพียงกดไลก์และแชร์ ‘Live Virtual Concert’ จาก OPPO Facebook ก็สามารถร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็น OPPO Enco Air หูฟังไร้สายใหม่ล่าสุด จำนวน 3 รางวัล และ JOOX VIP 1 เดือน จำนวน 10 รางวัล

เรียกได้ว่าห้ามพลาด! กับคอนเสิร์ตออนไลน์ ‘Live Virtual Concert’ สนุก มันส์ ครบรส แบบไม่มีสะดุด ไปกับ OPPO Enco Air และ JOOX ได้ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ เวลา 17.30-19.00 น. ที่แอปพลิเคชั่น JOOX และ OPPO Facebook เท่านั้น หรือคลิกเลยที่ OPPO Facebook: www.facebook.com/oppothai หรือสนใจช้อป OPPO คลิกที่นี่เลย!

ช้อปอะไรดี? เมนูใหม่ล่าสุด A&W WAFFZA

วาฟเฟิล ถือเป็นเมนูครองใจของแฟนๆ A&W มาตลอดในทุกยุคทุกสมัย และเป็นเมนูที่พูดได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก ถ้าได้ลองซักคำ จะหลงรักจริงๆ ล่าสุด A&W Thailand ออกเมนูใหม่ล่าสุด A&W WAFFZA (เอ แอนด์ ดับบลิว วาฟซ่า) เมนูลูกผสมระหว่าง แป้งวาฟเฟิลที่กรอบนอกนุ่มใน แค่ได้กลิ่นก็ชวนหิว มาอยู่ในรูปแบบของ พิซซ่า พร้อมดึง มาดามแห่งวงการออนไลน์ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับทุกวงการในขณะนี้ อย่าง “ป้าตือ – สมบัษร ถิระสาโรช” มาร่วมในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของเมนูพิเศษนี้ เสิร์ฟ วาฟซ่า ในแบบว้าวซ่า! ไม่ว่าจะไป A&W สาขาไหน ก็จะเจอ ป้าตือ ในทุกๆ โลเคชั่น

ถือเป็นการฉลอง 102 ปี ที่มาแบบจัดเต็มจริงๆ สำหรับ A&W Thailand เพราะมีเมนูใหม่มาเซอร์ไพรส์กันในทุกๆ เดือน และเดือนสิงหาคมนี้ เรียกว่าเป็นเมนูปลุกความอร่อยให้ทุกคนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ว่าจะสั่งและมารับหน้าร้าน หรือสั่งกลับบ้านผ่านเดลิเวอรี่ ก็จะได้ทาน “A&W WAFFZA” ที่มาใน 2 รสชาติ คือ ฮาวายเอี้ยน และเบคอนชีส ที่เสิร์ฟมาอย่างจัดเต็ม อร่อยแบบชิ้นในราคา 29 บาท หรือจะรับแบบถาด เพียง 109 บาท ที่เชื่อว่าแฟนๆ ที่ชื่นชอบวาฟเฟิลเป็นทุนเดิม ต้องสั่งมาลองซักครั้ง เพราะไม่งั้น พลาดอย่างแรง

แถมในครั้งนี้ “ป้าตือ” ยังมาร่วมงานกับทาง A&W ในฐานะพรีเซ็นเตอร์เมนูพิเศษนี้ที่ครีเอทขึ้นมาเพื่อฉลอง 102 ปี ของ A&W โดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิด VIBE ใหม่ๆ ให้กับแบรนด์ แทนภาพจำเดิมๆ ที่จะเห็นเมนูและพี่หมีรูทตี้ สัญลักษณ์ของ A&W แต่ครั้งนี้มี “ป้าตือ” มาร่วมการันตีความอร่อยในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ แพลตฟอร์มของ A&W และช่องทางหน้าร้านกว่า 24 สาขา และฟู้ดทรัค 4 แห่ง ที่กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

A&W WAFFZA มีวางจำหน่ายแบบลิมิเต็ดไอเท็ม เท่านั้น เพราะวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ – 10 กันยายน 2564  ที่หน้าร้านหรือสั่งผ่านเดลิเวอรี่ แพลตฟอร์ม อาทิ GRAB FOOD, ROBINHOOD, FOOD PANDA, LINEMAN และ  TRUEFOOD

ผ่ากลยุทธ์ เกษรวิลเลจ ปรับแผนรับมือช่วงล็อคดาวน์

เกษรวิลเลจ (GAYSORN VILLAGE) เดินหน้าปรับกลยุทธ์ใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ล็อคดาวน์ในปัจจุบันด้วย 4 บริการพิเศษที่จะช่วยเติมเต็มบริการ Gaysorn To You “Bring The Gaysorn Expereince to Your Place” ที่เหนือระดับกว่าเดิม พร้อมเนรมิตทุกประสบการณ์ช้อปปิ้งให้พิเศษ และอุ่นใจขึ้นอีกขั้น เพื่อสอดรับกับมาตรการคุมเข้มด้านการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้

  1. Gaysorn Concierge – Customer Relations พบกับผู้ช่วยช้อปปิ้ง จากเกษรวิลเลจพร้อมอำนวยความสะดวก และให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ทั้งการแนะนำสินค้าและบริการให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเช่น หาของขวัญที่เหมาะกับคนรู้ใจ เช็คโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือให้คำปรึกษาในเรื่องของสินค้าและบริการได้อย่างครบครัน ด้วยขั้นตอนง่ายๆเพียงแอด Gaysorn’s LINE Official Account ใหม่ล่าสุด @GaysornVillage
  2. Gaysorn Luxury Delivery ยกระดับการซื้อสินค้าออนไลน์และส่งถึงมือลูกค้าท่ามกลางความปลอดภัยกว่าที่เคย กับบริการจัดส่งสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยร่วมมือกับ The Black Tie Service ผู้ให้บริการด้าน Lifestyle Experience เพื่อส่งมอบประสบการณ์อันเหนือระดับให้ลูกค้าเกษรวิลเลจถึงบ้าน ด้วยรถตู้ VAN VIP พร้อมมาตรการดูแลด้านความสะอาดปลอดภัยอย่างเข้มงวด เริ่มจากรถทุกคันที่นำมาให้บริการมีการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อทุกครั้ง ด้วยแอลกอฮอล์ก่อนและหลังการให้บริการ การใช้เครื่องฟอกอากาศแบบตัวกรองพิเศษอบโอโซนฆ่าเชื้อในรถ ไปจนถึงพนักงานขับรถที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งตลอดการปฏิบัติงาน และบริการ Same Day Delivery by Gaysorn ที่จัดส่งอาหาร และสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์โดยรถมอเตอร์ไซค์เกษรวิลเลจ จัดส่งทั่วกรุงเทพฯ การันตีความมั่นใจให้ลูกค้าเลือกช้อปปิ้งอย่างไร้กังวล *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
  3. Free Delivery by Kerry Express ในช่วงสถานการณ์ล็อคดาวน์ เกษรวิลเลจอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้า เพิ่มช่องทางในการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม โดยร่วมกับเคอรี่ เอ็กซ์เพรส สาขาเกษรวิลเลจเพื่อจัดส่งสินค้าทั่วประเทศไทยถึงหน้าบ้าน ให้ลูกค้ารอรับสินค้าที่บ้านได้อย่างอุ่นใจ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
  4. Gaysorn Experience to Your Place เอาใจลูกค้าแบบจัดเต็ม กับบริการที่จะช่วยสร้างประสบการณ์สุดพิเศษแบบเหนือระดับ เพียงแจ้งความต้องการซื้อสินค้าผ่าน Gaysorn Concierge – Customer Relations ทางช่องทาง LINE OA ใหม่จากเกษรวิลเลจ นัดวันที่สะดวก ผู้ช่วยช้อปฯ ก็จะเนรมิตสินค้าจากหลากหลายแบรนด์ดัง ไปให้ทุกท่านเลือกสรรถึงบ้าน พร้อมพนักงานให้ข้อมูลสินค้าอย่างละเอียดด้วยขั้นตอนง่ายๆแค่ปลายนิ้วคลิกก็สามารถเลือกซื้อสินค้าได้เสมือนมาช้อปปิ้งเองที่เกษรวิลเลจ

เพิ่มอรรถรสให้การช้อปปิ้งในช่วง Work From Home ไม่น่าเบื่ออีกต่อไปกับบริการ Gaysorn To You “Bring The Gaysorn Expereince to Your Place” ยกระดับการซื้อสินค้าออนไลน์อย่างมั่นใจ ไร้กังวลเหมือนมาช้อปฯเองที่เกษรวิลเลจ ด้วยขั้นตอนง่ายๆเพียงสั่งซื้อสินค้าหรืออาหารจากร้านในเกษรวิลเลจผ่าน Gaysorn Concierge – Customer Relations ทางช่องทางใหม่ Gaysorn’s LINE Official Account @GaysornVillage เปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 กันยายนนี้ โดยสามารถติดตามข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าร่วมรายการเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/GaysornVillage

TTA โชว์ไตรมาส 2 กำไร 530.3 ล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่2/2564 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564

TTA มีรายได้รวมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จำนวน 5,125.8 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 49 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นร้อยละ 52 ร้อยละ 15 ร้อยละ 17 ร้อยละ 11 และร้อยละ 5 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ โดยกำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 191 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,417.3 ล้านบาท ส่วน EBITDA เติบโตร้อยละ 105 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 1,179 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,013.0 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 TTA มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 32,401.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 หรือ 1,371.7 ล้านบาท จากสิ้นปี 2563 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ จากการรับมอบเรือมือสอง จำนวน 1 ลำ ในเดือนมกราคม 2564 เงินสดภายใต้การบริหาร ซึ่งประกอบด้วยเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 7,539.3 ล้านบาท ส่วนโครงสร้างเงินทุนยังคงแข็งแกร่ง เห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E) อยู่ในระดับต่ำที่ 0.06 เท่า ณ สิ้นไตรมาส

ผลประกอบการในรอบครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแรงจากผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจหลักที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ

ในไตรมาสที่ 2/2564 ค่าเฉลี่ยดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) ขึ้นไปแตะระดับที่ 2,322 จุด จากค่าเฉลี่ย 1,512 จุด ในไตรมาสที่ 1/2564 อัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์ขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี โดยขึ้นไปอยู่เหนือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือเรือซุปราแมกซ์เฉลี่ยในไตรมาสที่ 2/2564 เท่ากับ 25,538 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน โทรีเซน ชิปปิ้ง มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นด้วยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) เฉลี่ยอยู่ที่ 18,330 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน โดยมีกำไรทั้งจากเรือที่โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของและเรือเช่า ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง โดยเมอร์เมด มาริไทม์ มีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างมาก และมีแนวโน้มธุรกิจในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งมีมูลค่างานให้บริการที่รอส่งมอบ (orderbook) ทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่ที่ 286 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส และมี EBITDA กลับมาเป็นบวก ขณะที่กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องจากการเติบโตของปริมาณขายปุ๋ยในประเทศเวียดนามและจากราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้น

หากไม่รวมรายการขาดทุนพิเศษจำนวน 122.6 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าก็ตาม กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติส่วนที่เป็นของ TTA ในไตรมาสที่ 2/2464 ยังมีจำนวนถึง 652.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA เท่ากับ 530.3 ล้านบาท นับว่าปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 180 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 320 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า “ตลาดบริการขนส่งสินค้าแห้งเทกองฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ต้นปี 2564 และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสต่อไป นอกจากนี้ยังคาดการณ์กันว่า ปริมาณการค้าสินค้าแห้งเทกองจะเติบโตร้อยละ 4.6 ในหน่วยตัน-ไมล์ ในขณะที่การขยายตัวของกองเรือยังมีจำกัดและอาจจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 3.3 ในหน่วยเดทเวทตัน ทั้งนี้ ความต้องการสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถ่านหิน และแร่เหล็ก จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนให้ตลาดสินค้าแห้งเทกองเติบโตได้ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3/2564 และระดับค่าระวางเรือและรายได้จากอัตราค่าระวางเรือก็จะสร้างสถิติใหม่ อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเรือเทกองยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 โดยคาดการณ์การเติบโตของปริมาณการค้าสินค้าแห้งเทกองอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 เทียบกับการขยายตัวของกองเรือที่ร้อยละ 1.4 ซึ่งทางโทรีเซน ชิปปิ้ง ยังครองตำแหน่งในผู้ให้บริการเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองชั้นนำระดับโลก ที่มีผลการบริหารต้นทุนดีเยี่ยมต่อเนื่องตลอดมา สำหรับธุรกิจบริการนอกชายฝั่งนั้น คาดว่างานติดตั้งและรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมและท่อขนส่งปิโตรเลียมในแถบอ่าวไทยจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในช่วง 10 ปีต่อจากนี้ และทางเมอร์เมดฯ มีทีมงานบุคลากรชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่พร้อมจะให้บริการงานวิศวกรรมก่อสร้างและงานปฏิบัติการนอกชายฝั่งแก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยและในภูมิภาค อย่างไรตาม สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มของเศรษฐกิจในประเทศไทยและระดับโลกยังคงมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนเช่นกัน”

ผลการดำเนินงานของรายกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : รายได้ค่าระวางของกลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง ในไตรมาสที่ 2/2564 อยู่ที่ 2,689.5 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 56 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 141 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากค่าระวางเรือที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่2/2564 อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ย ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 61 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 144 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 18,330 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน โดยอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าประกอบไปด้วย อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสำหรับเรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของที่ 16,713 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และกำไรจากเรือเช่า (chartered-in vessel) ที่ 1,617 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสำหรับเรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้บริการให้เช่าเรือตามราคาปัจจุบัน (spot rate) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีอัตราการใช้ประโยชน์สูงถึงร้อยละ 100 โดยมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าสูงสุดอยู่ที่ 37,748 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ด้านค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ (OPEX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 4,168 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 4,503 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 7 ด้วยเหตุนี้ กำไรขั้นต้นจึงปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 875.6 ล้านบาท ส่วน EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 132 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 361 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 823.0 ล้านบาท

ในไตรมาสที่ 2/2564 โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 671.6 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 227 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 1,358 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นเจ้าของเรือจำนวน 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ จำนวน 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ จำนวน 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 13.2 ปี ณ สิ้นไตรมาส

กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : รายได้ของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จากัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด มาริไทม์ ในไตรมาสที่ 2/2564 อยู่ที่ 760.9 เพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 49 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมีสาเหตุมาจากอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่สูงขึ้นและรายได้จากงานที่ไม่ใช้เรือที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีสาเหตุมาจากอัตราค่าเช่าต่อวันของเรือที่ปรับตัวสูงขึ้นและรายได้จากงานที่ไม่ใช้เรือที่เพิ่มขึ้นทั้งที่มีอัตราการใช้ประโยชน์เรือลดลง ทั้งนี้ อัตราการใช้ประโยชน์เรือ (performing vessel utilization) ในไตรมาสที่ 2/2564 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 67 และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากร้อยละ 71 โดยมีกำไรขั้นต้นเป็นบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 นับจากไตรมาสที่ 3/2563 และปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ร้อยละ 130 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 232 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 122.6 ล้านบาท ส่วนงานวางสายเคเบิ้ลใต้ทะเลมีความคืบหน้าต่อเนื่องและมีอัตรากำไรที่ดี ขณะที่ EBITDA กลับมาเป็นบวกอยู่ที่ 13.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2/2564 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2563 จำนวน (194.0) ล้านบาท

โดยสรุป เมอร์เมด มาริไทม์ รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวดไตรมาสที่ 2/2564 จำนวน 98.7 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 58.6 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบแตะระดับ 286 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดใหม่ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564

 กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร รายได้ของบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA ในไตรมาสที่ 2/2564 อยู่ที่ 896.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 72 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 41 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุมาจากปริมาณขายปุ๋ยภายในประเทศเวียดนามและราคาขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ปริมาณขายปุ๋ยรวมในไตรมาสที่ 2/2564 เพิ่มขึ้นเป็น 56.4 พันตัน โดยปริมาณขายปุ๋ยภายในประเทศเวียดนามทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 49.9 พันตัน เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและการบริหารสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงปัจจัยตามฤดูกาล ส่วนการส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศไทย และประเทศกัมพูชา ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศแอฟริกาถูกจำกัดด้วยภาวะการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มดีขึ้นในไตรมาสนี้ จึงส่งผลให้ปริมาณการส่งออกปุ๋ยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 336 จากไตรมาสก่อน เป็น 6.6 พันตัน

ในไตรมาสที่ 2/2564 รายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นเป็น  12.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายในไตรมาสนี้

โดยสรุป PMTA รายงานผลกำไรสุทธิสำหรับงวดในไตรมาส ที่ 2/2564 จำนวน 31.0 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 21.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 106 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 249 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 172 สาขา ทั่วประเทศ

ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 10 สาขา ทั่วประเทศ

กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำ และโลจิสติกส์

บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 83.75 เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 66.7

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 22,782 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม 2564 รวม 22,782 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 22,407 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 375 ราย ผู้ป่วยสะสม 810,908 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 23,649 ราย ผู้หายป่วยสะสม 596,375 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ผู้ป่วยกำลังรักษา 209,028 ราย ผู้เสียชีวิต 147 ราย

มิวเซียมสยาม ชวนเรียนรู้ นิทรรศการเปิดตำนานพ้อต่อเมืองภูเก็ต

มิวเซียมสยาม ร่วมกับ เทศบาลนครภูเก็ต ชวนเรียนรู้เรื่องราวของประเพณีพ้อต่อที่ชาวภูเก็ตยึดถือปฏิบัติมานับ 100 ปี ผ่านนิทรรศการ เปิดตำนานพ้อต่อเมืองภูเก็ต The Legend of Ghost Festival Phuket ทั้งนี้ จากตำนานดังกล่าว ในช่วงเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีนซึ่งตรงกับเดือนสิงหาคม – กันยายน ของทุกปี ชาวภูเก็ตเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ประตูนรกจะเปิดออก เพื่อปลดปล่อยเหล่าผีให้กลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์เป็นเวลาหนึ่งเดือน ชาวไทยเชื้อสายจีนภูเก็ต จึงมีการจัดพิธีกรรมเซ่นไหว้อุทิศบุญกุศลให้กับบรรพบุรุษ และ ผีไร้ญาติ ที่เรียกว่า โฮ่เฮียตี่ หรือ เพื่อนที่แสนดี ในศูนย์กลางของชุมชน โดยมีการส่งเสริมการเรียนรู้ความเป็นมาของประเพณีพ้อต่อผ่านตำนานและเรื่องเล่าใน 6 โซนด้วยกัน เรื่องราวความสำคัญในนิทรรศการ มีดังนี้

โซนที่ 1 กำเนิดประเพณีพ้อต่อเมืองภูเก็ต: เรื่องราวความเป็นมาของประเพณีพ้อต่อ ประเพณีที่ชาวจีนปฏิบัติมาแต่โบราณและกลายเป็นประเพณีที่ชาวจีนโพ้นทะเลยึดถือปฏิบัติกันอย่างเข้มแข็ง

โซนที่ 2 ตำนานผ้อต่อก้ง : เปิดตำนานความเชื่อของชาวภูเก็ตเกี่ยวกับ “ผ้อต่อก้ง” ผู้ควบคุมเหล่าผีให้อยู่ในความเรียบร้อย

โซนที่ 3 เซ่นไหว้อะไร ดี ? : สำรับอาหารคือเครื่องมือสื่อสารกับโลกวิญญาณและเป็นส่วนสำคัญในพิธีกรรมการเซ่นไหว้ในประเพณีพ้อต่อ เซ่นไหว้อะไร ดี ? คำตอบอยู่ในแผ่นถอดรหัส

โซนที่ 4 ถอดรหัสเต่าแดง : เรียนรู้ที่มาและความหมายที่ซ่อนอยู่ใน “เต่าแดง” ของไหว้ที่ขาดไม่ได้ในประเพณีพ้อต่อผ่านตำนานโบราณ 5 เรื่อง

โซนที่ 5 พ้อต่อเมืองภูเก็ต: นำเสนอเรื่องราวตลอดหนึ่งเดือนของเทศกาลพ้อต่อเมืองภูเก็ต ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร หาคำตอบผ่านปฏิทินแผ่นยักษ์

โซนที่ 6 เกมเขาวงกตเปิดตำนานประเพณีพ้อต่อ: ในช่วงประเพณีพ้อต่อชาวจีนเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ประตูนรกเปิดออกเพื่อปลดปล่อยบรรดาผีให้กลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์เป็นเวลา 1 เดือน เดือนนี้มีความเชื่อข้อห้ามข้อควรปฏิบัติมากมายเรียนรู้ผ่านเกมเขาวงกต

นอกจากนี้ มิวเซียมสยาม มุ่งหวังให้พื้นที่เมืองภูเก็ตแห่งนี้เป็น City Museum ที่มีชีวิตและยกระดับไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และด้วยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทางนิทรรศการเปิดตำนานพ้อต่อเมืองภูเก็ต ได้กำหนดมาตรการ การป้องกัน เพื่อดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ อุทยานการเรียนรู้นครภูเก็ต (PK Park) 090 523 3997 โดยนิทรรศการเปิดตำนานพ้อต่อเมืองภูเก็ต เริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันนี้ถึง 6 กันยายน 2564 ณ อุทยานการเรียนรู้นครภูเก็ต (PK Park) หรือ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเรียนรู้ด้านอื่นๆ ของพิพิธภัณฑ์ นิทรรศการ และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ได้จาก บัตรไทยแลนด์มิวเซียมพาส บัตรเดียวเที่ยวพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ทั่วไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 02 225 2777 ต่อ 529

บราเดอร์ ยืนราคาขาย แม้ต้นทุนชิ้นส่วนและค่าขนส่งพุ่งสูงขึ้น

นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลพวงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้ธุรกิจไอทีทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบ จนทำให้ต้องปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ บราเดอร์ เลือกที่จะคงราคาขายไว้เพื่อให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าของบริษัทฯ ในราคาเดิม เพราะเล็งเห็นว่าผู้บริโภคต่างได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ด้วยเช่นกัน เห็นได้จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่ายอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาสแรกของปี 2564 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.5% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18 ปี  และจะเพิ่มขึ้นตลอดปีนี้

“ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้หลายค่ายไอทีต้องปรับเพิ่มราคาคือ ต้นทุนชิ้นส่วนที่ปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนบางชิ้นส่วนเช่น เซมิคอนดักเตอร์ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด, ปัญหาด้านการขนส่งเพราะปัจจุบันตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งยังมีการปรับเพิ่มค่าระวางที่สูงขึ้น และที่สำคัญคือผลกระทบจากภาวะค่าเงินบาทอ่อนตัวทำให้ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-6% โดยอัตโนมัติ” นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ อธิบายถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนของธุรกิจไอที

ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน บราเดอร์ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ มาโดยตลอด ทำให้ ณ ปัจจุบันแม้เกิดปัจจัยที่กระทบต่อโครงสร้างต้นทุน แต่บราเดอร์ก็ยังรับมือกับสถานการณ์ได้เพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระสู่ผู้บริโภค “brother at your side เป็นปรัชญาที่บราเดอร์ทั่วโลกยึดถือในการดำเนินธุรกิจ เราให้ความใส่ใจและพร้อมจะอยู่เคียงข้างผู้บริโภคในทุกช่วงเวลา เพื่อให้สินค้าคุณภาพทุกชิ้นและบริการหลังการขายของเรา ได้เข้าไปมีส่วนช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินชีวิตและดำเนินธุรกิจได้อย่างดีที่สุดแม้ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 และบราเดอร์ขอส่งกำลังใจให้กับทุกท่านให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันได้อย่างดีที่สุด” นายธีรวุธ กล่าวสรุป

“ก๊อต-จิรายุ” คว้าพรีเซ็นเตอร์ สเปรย์ฉีดผ้าลดรอยยับ Mrs. WoW คนล่าสุด

ออร่าความเท่ ไม่มีแผ่ว ทำสาวๆหรือใครๆเห็นแล้วอยากจะขยับเข้าใกล้ ล่าสุดพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงสามีแห่ง “ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล” ขึ้นแท่นรับตำแหน่งเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ “สเปรย์ฉีดผ้าลดรอยยับ Mrs. WoW” คนใหม่ล่าสุด ด้วยคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนครบทุกด้าน สื่อถึงผู้บริโภครุ่นใหม่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ตัวช่วยให้การทำงานบ้านในการรีดผ้าโดยเฉพาะผู้ชายเป็นเรื่องที่ง่าย ประหยัดแรง ประหยัดเวลา ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสำหรับคนรักผ้าเรียบแค่ฉีดแล้วลูบก็ทำให้ผ้าเรียบโดยไม่ต้องใช้เตารีด พร้อมมีสารแอนตี้แบคทีเรีย ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าไปถึงโครงสร้างของเนื้อผ้า และคุณสมบัติพิเศษให้ผ้าหอมยาวนานตลอดทั้งวัน

“ผมว่ามันเวิร์คมากและเหมาะมากๆสำหรับคนที่ไม่มีเวลารีดผ้า โดยเฉพาะเหล่าคุณผู้ชายที่จะต้องมีตัวช่วยแบบนี้ไว้ติดบ้าน เพราะวิธีใช้งานง่าย สะดวกสบาย แค่ฉีดแล้วลูบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผ้าเรียบและมีกลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยเรื่องการระงับกลิ่น ฆ่าเชื้อโรค และยังช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตจากเนื้อผ้ากับผิวได้ดีอีกด้วย ทำให้เราฟีลกู๊ดไปได้ทั้งวัน”

เตรียมพบกับโปรเจ็กต์พิเศษพร้อมกิจกรรมให้ร่วมสนุก ให้แฟนๆ ได้ฟิน และมีส่วนร่วมกับแบรนด์และพรีเซ็นเตอร์“ก๊อต-จิรายุ”ตลอดทั้งปี รอติดตามได้ในเร็วๆนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mrswow-thailand.com/

ออร่าความเท่ ไม่มีแผ่ว ทำสาวๆหรือใครๆเห็นแล้วอยากจะขยับเข้าใกล้ ล่าสุดพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงสามีแห่ง “ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล” ขึ้นแท่นรับตำแหน่งเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ “สเปรย์ฉีดผ้าลดรอยยับ Mrs. WoW” คนใหม่ล่าสุด ด้วยคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนครบทุกด้าน สื่อถึงผู้บริโภครุ่นใหม่เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ตัวช่วยให้การทำงานบ้านในการรีดผ้าโดยเฉพาะผู้ชายเป็นเรื่องที่ง่าย ประหยัดแรง ประหยัดเวลา ด้วยนวัตกรรมที่เหมาะสำหรับคนรักผ้าเรียบแค่ฉีดแล้วลูบก็ทำให้ผ้าเรียบโดยไม่ต้องใช้เตารีด พร้อมมีสารแอนตี้แบคทีเรีย ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าไปถึงโครงสร้างของเนื้อผ้า และคุณสมบัติพิเศษให้ผ้าหอมยาวนานตลอดทั้งวัน

“ผมว่ามันเวิร์คมากและเหมาะมากๆสำหรับคนที่ไม่มีเวลารีดผ้า โดยเฉพาะเหล่าคุณผู้ชายที่จะต้องมีตัวช่วยแบบนี้ไว้ติดบ้าน เพราะวิธีใช้งานง่าย สะดวกสบาย แค่ฉีดแล้วลูบ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผ้าเรียบและมีกลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยเรื่องการระงับกลิ่น ฆ่าเชื้อโรค และยังช่วยป้องกันไฟฟ้าสถิตจากเนื้อผ้ากับผิวได้ดีอีกด้วย ทำให้เราฟีลกู๊ดไปได้ทั้งวัน”

เตรียมพบกับโปรเจ็กต์พิเศษพร้อมกิจกรรมให้ร่วมสนุก ให้แฟนๆ ได้ฟิน และมีส่วนร่วมกับแบรนด์และพรีเซ็นเตอร์“ก๊อต-จิรายุ”ตลอดทั้งปี รอติดตามได้ในเร็วๆนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mrswow-thailand.com/

SVT รุกขยายเครื่องเวนดิ้ง แมชชีน เจาะแหล่งชุมชน

บมจ.ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี หรือ “SVT” เดินหน้าขยายติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในช่วงล๊อคดาวน์ เจาะแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย ระบบขนส่งมวลชน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคว นอร์มอล สะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ลดสัมผัสระหว่างบุคคลช่วงวิกฤตโควิด-19

นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT ผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (เวนดิ้ง แมชชีน :Vending Machine) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING”  เปิดเผยว่า จากวิกฤตการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยระลอกใหม่ที่มีความรุนมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก  ทำให้รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์ในจังหวัดพื้นที่เสี่ยง จำกัดเวลาการเปิด-ปิด ร้านค้าและสะดวกซื้อ พร้อมขอความร่วมมือให้มีการทำงาน     ที่บ้านมากที่สุด (Work From Home) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯจึงมองว่าเป็นโอกาสในการขยายให้บริการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติไปยังสถานที่ต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย ระบบขนส่งมวลชน เป็นต้น ทั้งในรูปแบบที่บริษัทฯลงทุนเอง จำหน่ายหรือให้เช่าเครื่องกับลูกค้าทั่วไป

นางอาภัสรา กล่าว่า สำหรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในปัจจุบัน ถือว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคนิว นอร์มอล   (New Normal) ที่ต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน หรือ โซเชียล ดิสแทนส์ซิ่ง (Social Distancing) เนื่องจาก เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัตินั้นสามารถลดการสัมผัสระหว่างบุคคลได้   เป็นเหมือนร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ที่สามารถซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งยังสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home)  

ทั้งนี้ปัจจุบันเครื่องจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ ติดตั้งกระจาย ครอบคลุม 26 จังหวัด อยู่ในพื้นที่ต่างๆ อาทิ โรงงานอุตสาหกรรม, ห้างสรรพสินค้า, ระบบขนส่งมวลชน, ชุมชน, สถานศึกษา, อาคารสำนักงาน และปั๊มน้ำมัน ฯลฯ  มากกว่า 13,500 เครื่อง ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และให้ความสะดวกสบายสำหรับ    ผู้ที่ต้องการใช้บริการ

“บริษัทฯแบ่งประเภทเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติออกเป็น 4 รูปแบบ คือ 1. เครื่องจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องดื่ม (Can & Bottle) 2. เครื่องจำหน่ายสินค้าแบบบานกระจก ( Glass Front ) 3. เครื่องจำหน่ายสินค้าประเภทถ้วยแบบร้อนเย็น (Cup Hot and Cold) 4. เครื่องสำหรับขายอาหารกึ่งสำเร็จรูป ( Noodle) สินค้าที่จำหน่ายผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เครื่องดื่ม, ขนมขบเคี้ยว,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,ขนมปังเบอเกอรี่,อุปกรณ์เสริมสำหรับมือถือ ฯลฯ รวมถึงสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และในอนาคต อย่าง หน้ากากอนามัย, น้ำยาฆ่าเชื้อ,  เจลแอลกอฮล์ ตามห้างสรรพสินค้า, สถานี BTS และ MRT เป็นต้น  ใช้พื้นที่ในการติดตั้งเพียง 1 ตร.ม. ต่อเครื่อง รวมแล้วมีสินค้าที่จำหน่ายในเครื่องมากกว่า 650 รายการ” นางอาภัสรา กล่าว

นางอาภัสรา กล่าวถึง เป้าหมายหลังจากที่บริษัทรุกขยายฐานให้บริการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย ระบบขนส่งมวลชน มากขึ้น โดยคาดว่าจะช่วยผลักดันให้สัดส่วนลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มโรงงาน  ซึ่งปีนี้มีแผนที่จะเพิ่มการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติใหม่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีเครื่องอัตโนมัติ มากกว่า 13,500 เครื่อง

นอกจากนี้บริษัทฯตั้งเป้าที่จะมีเครื่องจำหน่ายสินค้าแบบ Smart จำนวน 15,000 เครื่อง ในปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นตู้ที่สามารถเช็คยอดขายออนไลน์, เช็คยอดการใช้บริการของลูกค้า (Transaction), เพิ่มการบริหารจัดการเครื่องได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นและรับชำระค่าสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพย์เม้นท์ได้หลายช่องทางมากขึ้น  เช่น  QR Prompt Pay, Line pay, Shopee pay และ True money Wallet ฯลฯ  โดยลูกค้าที่สนใจทำธุรกิจให้บริการผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center  เบอร์โทร  02-026-3805 บริษัทฯมีบริการติดตั้งให้ฟรี  และยังมีทีมงานให้บริการหลังการขายที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษากับลูกค้าด้วย

“ในช่วงที่มีการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนักในช่วงนี้ บริษัทฯ ได้ตระหนักในด้านมาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ โดยมีเจลแอลกอฮอล์ติดอยู่บริเวรณเครื่องเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ทำความสะอาดมือหลังสัมผัสเครื่อง และมีหน่วยบริการเช็ดทำความสะอาดเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในทุกครั้งที่เข้าให้บริการเติมสินค้าด้วย” นางอาภัสรา กล่าว

สำหรับ SVT ถือเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ในประเทศไทยมากว่า 20 ปี โดยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ธุรกิจขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (ทรัพย์สินของ SVT) เป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเวนดิ้งแมชชีน 2. ธุรกิจขายและให้เช่าเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและ,3. ธุรกิจบริการพื้นที่โฆษณาบนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ มีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบ  (Refurbishment) เครื่องอัตโนมัติ และมีสาขากระจายสินค้า 10 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 26 จังหวัด และมีแผนที่จะขยายสาขาและการกระจายสินค้าเพิ่มอีก 3 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ, ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น

STGT โชว์ Q2 ทำรายได้รวม 12,967.7 ล้าน

บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ทำรายได้รวม 12,967.7 ล้านบาท หนุนภาพรวมรายได้ครึ่งปีแรกโดดเด่น แม้ปิดโรงงานตรังและสุราษฎร์ธานีชั่วคราวหลังพบพนักงานติด COVID-19 จากการปรับแผนรองรับอย่างรวดเร็ว ด้านบอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล อัตราหุ้นละ 1.25 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 สิงหาคมนี้ พร้อมจ่ายปันผลอีกไม่น้อยกว่า 1.25 บาทต่อหุ้น ในเดือนธันวาคม ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง คาดรับผลดีจากความสามารถผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้น หลังเปิดโรงงานสุราษฎร์ธานี 2 และสุราษฎร์ธานี 3 แล้ว เตรียมทยอยเปิดโรงงานอีก 2 แห่งในจังหวัดตรังและอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามแผน

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีการปิดโรงงานตรังและโรงงานสุราษฎร์ธานีชั่วคราวในช่วงก่อนหน้านี้เนื่องจากพบพนักงานติด COVID-19 โดยมีรายได้รวม 12,967.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 7,280.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 590.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 กันยายน 2564 และอีกไม่น้อยกว่า 1.25 บาทต่อหุ้น ที่จะจ่ายในเดือนธันวาคม ภายหลังการอนุมัติงบไตรมาส 3/2564 ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2564 ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 28,401.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 227.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17,331.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,068.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ถุงมือยางในตลาดโลกที่มีอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่จากไวรัสกลายพันธุ์ และใช้เพื่อการฉีดวัคซีน ประกอบกับบริษัทฯ ได้เดินเครื่องจักรโรงงานสุราษฎร์ธานี 2 เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลดีต่อกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะได้รับผลดีจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผานมาได้เดินเครื่องจักรโรงงานสุราษฎร์ธานี 3 เป็นที่เรียบร้อย และจะทยอยเดินเครื่องจักรโรงงานใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และโรงงานตรัง ภายในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 36,000 ล้านชิ้นต่อปี จากเดิม 33,000 ล้านชิ้นต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน โดยการจัดหาวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์มแก่พนักงานทุกคน ความคืบหน้าล่าสุดได้ฉีดวัคซีนทางเลือกดังกล่าวแก่พนักงานครบ 2 เข็มทุกคนแล้ว และได้เพิ่มมาตรการด้านสุขอนามัยภายในโรงงานร่วมกันไปด้วย