ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I จิ๊กซอว์ตัวล่าสุดจากกรุงศรี ฟินโนเวต

กรุงศรี ฟินโนเวต ผู้นำด้านการสนับสนุนและลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมและสตาร์ทอัพทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค ต่อยอดความสำเร็จและความเชี่ยวชาญ เดินหน้ากลยุทธ์ 3.0 เปิดกองทุนสตาร์ทอัพครั้งแรกในไทย ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I (Finnoventure Fund I) โอกาสการลงทุนเข้าถึงข้อมูลทางธุรกิจ และการร่วมเป็นพันธมิตรกับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เติบโตโดดเด่นในอาเซียน พร้อมเป็นที่ปรึกษานักลงทุนจับมือเดินหน้ารับการเติบโตไปด้วยกัน

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า พัฒนาการของสตาร์ทอัพในประเทศไทยเริ่มต้นมาตั้งแต่ประมาณปี 2558 โดย กรุงศรี ฟินโนเวต ได้คลุกคลีกับการเติบโตของสตาร์ทอัพมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม 1.0 หลายองค์กรที่ต้องการเดินหน้าองค์กรเข้าสู่นวัตกรรมจะจัดทำโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ เพื่อให้ได้เริ่มสัมผัสการทำงานแบบสตาร์ทอัพ จากนั้นพัฒนาไปสู่ยุค 2.0 ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพและการร่วมเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพในการพัฒนานวัตกรรมต่อยอดธุรกิจต่างๆ กรุงศรี ฟินโนเวต ทำให้กรุงศรีกลายเป็นธนาคารที่ทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพกว่า 63 บริษัท กว่า 106 โปรเจ็ค และส่งเสริมการทำงานด้านดิจิทัลของกรุงศรีและบริษัทในเครือถึง 37 หน่วยธุรกิจ วันนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต กำลังเดินหน้าสู่ยุค 3.0 ที่พร้อมจะนำความเชี่ยวชาญของเราต่อยอดไปสู่การลงทุนในระดับกองทุน เพื่อที่จะสร้างโอกาสการเติบโตให้กับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกันก็สร้างผลตอบแทนและการเติบโตทางธุรกิจให้กับนักลงทุนด้วย

กรุงศรี ฟินโนเวต จึงจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพขึ้น ถือเป็นกองทุนสตาร์ทอัพครั้งแรกของไทย ภายใต้ชื่อ “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย และองค์กรที่สนใจลงทุนในสตาร์ทอัพแต่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพได้เข้าลงทุน โดยมีกรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการลงทุนในสตาร์ทอัพเป็นผู้ดูแล นอกจากนั้น นักลงทุนสถาบันที่ลงทุนในกองทุนนี้ ยังมีโอกาสจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจของสตาร์ทอัพที่อยู่ภายใต้กองทุนนี้ เพื่อที่จะต่อยอดการทำธุรกิจนำเสนอสินค้าและบริการที่เป็นนวัตกรรมร่วมกัน โดย “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” เป็นกองทุนขนาด 3,000 ล้านบาท มุ่งเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระดับซีรี่ส์ A ขึ้นไป เน้นลงทุนในกลุ่มฟินเทค อีคอมเมิร์ซ ออโตโมทีฟ (ยานยนต์) และกลุ่มสตาร์ทอัพที่อาจฟื้นตัวเร็วหรือได้รับโอกาสทางธุรกิจในช่วงโควิด-19 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว เป็นต้น หรือที่เรียกว่า Post-Pandemic Boom Startup

ตั้งแต่ปี 2558 สตาร์ทอัพไทยแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยพบการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเติบโตกว่า 3 เท่าจากปกติ ประกอบกับในปี 2564 ประเทศไทยมียูนิคอร์นรายแรกอย่าง Flash Express ที่สะท้อนภาพความสำเร็จ และแนวโน้มว่าสตาร์ทอัพหลายธุรกิจของไทย มีศักยภาพที่จะขยายกิจการจากในประเทศไปยังภูมิภาคได้ ขณะเดียวกันสตาร์ทอัพในภูมิภาคอาเซียนก็เติบโตแบบเท่าทวีคูณ และกำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับสตาร์ทอัพในภูมิภาคนี้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นอุปสรรคของสตาร์ทอัพยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่จะขยายธุรกิจเข้ามาในภูมิภาคนี้ จึงเป็นโอกาสให้สตาร์ทอัพไทยและอาเซียนได้เติบโตอย่างเต็มที่ การมีกองทุนสตาร์ทอัพที่จัดตั้งโดยผู้มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ และเปิดกว้างให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนได้ง่ายขึ้นจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินในการขยายธุรกิจที่มีศักยภาพอยู่แล้วให้ยิ่งขยายตัวเติบโตไปได้เป็นเท่าทวีคูณ

“จากประสบการณ์การลงทุนมานานกว่า 4 ปี ในกว่า 15 กิจการสตาร์ทอัพ รวมเงินลงทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาทของกรุงศรี ฟินโนเวต ประกอบกับความแข็งแกร่งของกรุงศรีและมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก MUFG ที่มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งจะสามารถสร้างความสำเร็จและการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับกองทุน “ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I” จึงขอเชิญชวนนักลงทุนสถาบัน หรือองค์กรธุรกิจ นักลงทุนรายย่อย ประเภทกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ ที่สนใจลงทุน ก้าวเข้าไปในโลกของดิจิทัลและเติบโตไปด้วยกันกับเรา โดยกรุงศรี ฟินโนเวต จะเริ่มเดินสายนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (Roadshow) ในเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป” นายแซม กล่าวทิ้งท้าย

สนใจการลงทุนใน ฟินโนเวนเจอร์ ฟันด์ I ติดต่อได้ที่ [email protected] หรือส่ง inbox มาได้ที่ Facebook: Krungsri Finnovate

แว่นท็อปเจริญสู้โควิด-19 พลิกกลยุทธ์ตัดแว่น ส่งฟรีถึงบ้าน

แว่นท็อปเจริญ มีความห่วงใยต่อสุขอนามัยและตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกท่านในภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส พร้อมให้ความร่วมมือต่อสังคมเพื่อลดการแพร่ระบาดในทุกพื้นที่ ด้วยการเพิ่มบริการพิเศษ แว่นท็อปเจริญ ตัดแว่น ส่งฟรีถึงบ้าน สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สำหรับลูกค้าที่ไม่สะดวกเดินทางออกจากบ้าน พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

แว่นตา เป็นปัจจัยที่ 5 ของผู้ที่มีปัญหาทางสายตา ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นในการดำรงชีวิตอย่างมาก และจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบให้ลูกค้าบางท่านบางพื้นที่ ไม่สะดวกเดินทางออกจากบ้าน เราจึงได้เพิ่มบริการพิเศษ แว่นท็อปเจริญ ตัดแว่น ส่งฟรีถึงบ้าน ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่สวมแว่นเป็นประจำ นับเป็นการยกระดับการให้บริการด้านสายตาแบบ One Stop Service พร้อมจัดส่งฟรี รวดเร็วทันใจ และปลอดภัย โดยลูกค้าสามารถแจ้งความต้องการ และค่าสายตา (สั้น/ยาว/เอียง/ตัดแว่นเฉพาะบุคคล) ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่

  • Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial
  • Line Official Account : @topcharoen
  • ค้นหาสาขาใกล้บ้าน เพื่อโทรศัพท์แจ้งความต้องการได้ที่ https://topcharoen.co.th/th/store_locator

ส่วนลูกค้าที่ยังต้องการใช้บริการหรือปรึกษาปัญหากับผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาที่ร้านแว่นท็อปเจริญ เราพร้อมเปิดให้บริการลูกค้าทุกวันตามปกติ ภายใต้มาตรการและหลักเกณฑ์ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ศบค. ด้วยมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยขั้นสูงสุด”

ติดต่อนัดจองเวลาเข้ารับบริการตรวจวัดสายตาได้ที่ร้านแว่นท็อปเจริญทุกสาขาทั่วประเทศใกล้บ้านคุณ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook.com/TopCharoenOpticalOfficial เว็บไซต์ www.topcharoen.co.th Line: @topcharoen หรือช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์ได้ที่ https://shoponline.topcharoen.co.th/

ไขกุญแจความสำเร็จสร้างเครือข่ายเอสเอ็มอีไทยฝ่าโควิด-19

สสว. ร่วมกับ ม.ศิลปากร เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งชูการสร้างเครือข่ายเอสเอ็มอีไทยกลุ่มดิจิทัล คอนเทนท์ หนึ่งจิ๊กซอร์สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ  จัดกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ Digital Content ภายใต้โครงการสนับสนุนและพัฒนาคลัสเตอร์ SME ประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 พร้อมเปิดเวที Business Matching เพื่อนำเสนอผลงานต่อนักลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายผู้ประกอบการในคลัสเตอร์อื่น รวมทั้งกลุ่มผู้ซื้อและกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ  คาดเกิดการสร้างรายได้ในอุตสาหกรรมจากกิจกรรมฯ ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทและคาดต่อยอดรายได้ให้กับผู้ประกอบเพิ่มขึ้นอีก

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นการเร่งพัฒนายกระดับเอสเอ็มอีไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างขีดความสามารถทางทำธุรกิจในระดับสากลมาก ซึ่งกลุ่มเอสเอ็มอีนับเป็นฐานเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศที่ทาง สสว. ให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุดได้จัดกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ Digital Content ภายใต้โครงการสนับสนุนและพัฒนาคลัสเตอร์SME ประจำปีงบประมาณ 2564 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศิลปากร เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มดิจิทัล คอนเทนท์ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอร์สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยฝีมือและผลงานคุณภาพระดับสากลของผู้ประกอบการไทยกลุ่มดิจิทัล คอนเทนท์ทำให้สามารถสร้างเม็ดเงินในอุตสาหกรรมฯ ได้ปีละหลายหมื่นล้านบาท อ้างอิงข้อมูลจากการสำรวจและคาดการณ์ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลกับสถาบันไอเอ็มซีมีการคาดการณ์ว่าในปี 2565 มูลค่าอุตสาหกรรม อยู่ที่ 45,094 ล้านบาทและเติบโต 15%  ซึ่งมีการเติบโตทั้งในส่วนแอนิเมชั่น เกมและคาแรคเตอร์

“ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนัก สสว. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อการกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งได้ดำเนินการและใช้แนวคิดในการสนับสนุนและพัฒนาคลัสเตอร์มาเป็นเครื่องมือเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเฉพาะกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มมีความต้องการความช่วยเหลือที่แตกต่างกันจำเป็นต้องมีแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเฉพาะสำหรับเอสเอ็มอีแต่ละกลุ่ม โดยเน้นการกระตุ้นความเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการในคลัสเตอร์ให้มีศักยภาพเพื่อแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมไปถึงการพัฒนาช่องทางการตลาดในเชิงรุกผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ พร้อมกับสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของไทยให้กับ ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยการพัฒนา Digital Content Cluster และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เข้มแข็ง มุ่งให้เกิดการขยายสัดส่วนมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมของเอสเอ็มอีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ  ดังนั้นการสร้างกลุ่มหรือคลัสเตอร์ทำให้เกิดความเข้มแข็งและอยู่รอดได้” นายวีระพงศ์ มาลัย กล่าว

ทางด้าน ผศ.ดร. ณัฐพร กาญจนภูมิ คณบดี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.ศิลปากร กล่าวว่า ม.ศิลปากร เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านศิลปะและการออกแบบ มีนโยบายในการส่งเสริมสนับสนุน และประสานความร่วมมือด้านงานบริการวิชาการระหว่างหน่วยงาน องค์กร เพื่อถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ระหว่างบุคลากรทางสายวิชาการและสายวิชาชีพ เพื่อให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน  ซึ่ง ม.ศิลปากร ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและสร้างเครือข่ายดิจิทัลคอนเทนต์ ร่วมกับ สสว. ในกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ Digital Content ครั้งนี้ นับเป็นบทบาทที่สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งในฐานะภาคการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมดิจิทัล คอนเทนท์  สำหรับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาบุคลากรทางด้านดิจิทัล คอนเทนท์มากว่า 17 ปี โดยมีความเชื่อมั่นว่าการสร้างบุคคลากรที่สามารถบูรณาการความรู้ด้านการออกแบบและสร้างสื่อ เทคโนโลยีด้านดิจิทัลและธุรกิจการตลาดผสมผสานเข้าด้วยกันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมฯ ได้

สำหรับการจัดกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ Digital Content ภายใต้โครงการสนับสนุนและพัฒนาคลัสเตอร์ SME ปี 2564 ถือเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างความร่วมมือของหน่วยงานรัฐสองหน่วยงาน ระหว่าง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กับ มหาวิทยาลัยศิลปากร รวมถึงการไปร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก อาทิ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT)  สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA)  รวมทั้งพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ได้นำผลงานของผู้ประกอบการในเครือข่ายดิจิทัลคอนเทนต์ไปต่อยอด ทั้งด้านการผลิต และการจัดจำหน่ายอี-คอมเมิร์ซ  ทั้งนี้การดำเนินงานจัดกิจกรรมประจำปีนี้เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนและจะมีต่อเนื่องจนถึงกันยายนนี้ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันองค์ความรู้ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการ 3 เครือข่าย ประกอบด้วย

  1. เครือข่ายผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการออกแบบและซื้อขายลิขสิทธิ์ และสินค้าตัวละคร (Character Design, Licensing and Merchandising)
  2. เครือข่ายผู้ประกอบการด้านการสร้างคอนเทนท์แอนิเมชั่น การรับผลิตแอนิเมชั่น และให้บริการด้านคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ (Animation IP, Animation & CG Service)
  3. เครือข่ายผู้ประกอบการด้านภาพกราฟฟิกเคลื่อนไหวและสื่อใหม่ (Motion Graphics and New Media)

นอกจากนี้กิจกรรมพัฒนา คลัสเตอร์ Digital Content ยังประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ร่วมกันแบบบูรณาการของ 3 คลัสเตอร์ การเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการ ส่งเสริมผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการไปสู่ตลาดต่างประเทศให้มีโอกาสในการนำเสนอสินค้า เป็นต้น

“กลุ่มคลัสเตอร์ Digital Content จึงเป็นกลุ่มคลัสเตอร์หนึ่งที่ทาง สสว. ให้ความสำคัญและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในการพัฒนาศักยภาพเอสเอ็มอีและคลัสเตอร์ดิจิทัล คอนเทนท์ให้มีความเข้มแข็งจะต้องอาศัยการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานภาคีต่างๆ หลายหน่วยงาน ซึ่งที่ผ่านมากิจกรรมนี้ได้สนับสนุนให้ประกอบการในคลัสเตอร์ดิจิทัล คอนเทนท์ ได้มีเวทีและโอกาสในการนำเสนอผลงานต่อนักลงทุน สื่อ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงไปยังเครือข่ายผู้ประกอบการในคลัสเตอร์อื่น รวมทั้งกลุ่มผู้ซื้อและกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่กิจกรรม Business Matching ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสามารถกระตุ้นและต่อยอดให้เกิดมูลค่าในอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท” นายวีระพงศ์ มาลัย กล่าวปิดท้าย

แรงบันดาลใจ….จากชีวิตเมืองสู่ Studio S Bath Collection

อเมริกันสแตนดาร์ด หนึ่งในแบรนด์สุขภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดและเป็นแบรนด์ภายใต้กลุ่มบริษัทลิกซิล (LIXIL) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเผยโฉม Studio S Collection ซึ่งประกอบไปด้วย โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวดีไซน์แบบไร้ถังพัก (Studio S Low-Profile One-Piece Toilet) และอ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ (Studio S Above Counter Sinks) ดีไซน์ทรงรี ให้ความรู้สึกโมเดิร์น

Studio S Collection ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปลักษณ์อันทันสมัยและดีไซน์สุดเท่ของพื้นที่ในเขตเมือง โดยรายละเอียดและรูปลักษณ์แนวโมเดิร์นถูกออกแบบมาให้มีความโดดเด่น สร้างความน่าสนใจ และสวยงามสะกดทุกสายตา ซึ่งแน่นอนว่าจะสร้างความประทับใจไปพร้อมกับมอบความสบายขณะใช้งาน นับตั้งแต่องค์ประกอบทุกอย่างที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระบบระเบียบสำหรับกิจวัตรในตอนเช้า ไปจนถึงการผ่อนคลายหลังจากปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องยาวนานมาทั้งวัน โดยชิ้นส่วนแต่ละชิ้นถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสะท้อนถึงวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง

อเมริกันสแตนดาร์ด รู้ดีว่าทุกครอบครัวเริ่มต้นวันใหม่และสิ้นสุดภารกิจแต่ละวันในห้องน้ำ และมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สึกสบายและปลอดภัยมาให้แก่สมาชิกทุกคนในบ้านทุก ๆ วัน

อเมริกันสแตนดาร์ดยึดมั่นในหลักการ Consumer Centricity หรือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เป็นหัวใจสำคัญของทุกการสร้างสรรค์และนำเสนอผลิตภัณฑ์ เรารวบรวมข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเพื่อเข้าใจความต้องการลูกค้า พัฒนาสินค้าและบริการให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด หรือเพิ่มความประทับใจให้มากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีและมีคุณค่าที่ลูกค้ามองหาจากสินค้าและบริการของเรา เราเล็งเห็นความสำคัญของสุขอนามัยมาโดยตลอดและเรามีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีรูปลักษณ์สวยงามและตอบโจทย์การใช้งาน เพื่อปกป้องสุขภาวะที่ดีให้ดำรงอยู่กับทุกครอบครัว ออดรีย์ โหย่ว ลีดเดอร์ บริษัท ลิกซิล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการใช้น้ำเอเชียแปซิฟิก (LWT APAC) กล่าว

การใช้วัสดุคุณภาพสูงช่วยให้ผู้ใช้มีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ที่ให้อายุการใช้งานที่ยาวนานและเชื่อถือได้ ทั้งในแง่รูปทรงและฟังก์ชันการทำงาน รวมทั้งให้ประสิทธิภาพการใช้งานระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งบรรดาเจ้าของบ้านต่างคาดหวังจากผลิตภัณฑ์ของอเมริกันสแตนดาร์ด ทั้งนี้ด้วยประสบการณ์มากกว่า 140 ปีในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนขณะใช้ห้องน้ำ อเมริกันสแตนดาร์ดได้ออกแบบทุกผลิตภัณฑ์โดยใส่รายละเอียดเพื่อให้การใช้ชีวิตมีความง่ายและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น

ออดรีย์ กล่าวเสริมอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมานี้เราพบว่าผู้บริโภคใช้เวลาอยู่ที่บ้านเป็นเวลานานและต้องการ   อัปเกรดห้องน้ำของพวกเขาเพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินกับ ช่วงเวลาส่วนตัวผลิตภัณฑ์ของเราภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Studio S เหนือกว่าในทุกรายละเอียด สะดวกสบายสะท้อนไลฟ์สไตล์คนเมือง ทันสมัย โดดเด่นทุกมุมมอง เพื่อดีไซน์ห้องน้ำสวยไม่ซ้ำใคร ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุดเพราะมาช่วยเติมเต็มความต้องการด้านการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค

โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวมาพร้อมดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ผนวกกับเทคโนโลยี PowerFlo™ ซึ่งให้ผลการชำระล้างที่เงียบและทรงพลังยิ่งขึ้น เส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตาและรูปทรงที่ทันสมัยทำให้โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวนี้ดึงดูดสายตา โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ด้านข้างที่โฉบเฉี่ยว ให้ทั้งประสิทธิภาพการชำระล้างที่สูงและช่วยประหยัดน้ำ โดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ ทั้งยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความสบาย ความสูงและความกว้างเท่ากับระดับเก้าอี้มาตรฐาน ช่วยให้ลุกนั่งสะดวก พร้อมฝารองนั่งที่เปิดปิดได้อย่างนุ่มนวล

เพราะเป็นที่นั่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบ้านรวมทั้งสมาชิกทุกคนในบ้านต้องใช้งานกันตลอด ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก Studio S จึงได้ผสมผสานการออกแบบที่เน้นความสวยงามผสานกับฟังก์ชันที่ลงตัวที่สุดให้กับผู้ใช้งาน

Studio S Collection วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่บุญถาวร ทุกสาขาทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ americanstandard.co.th สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : American Standard Thailand หรือโทร.     02-901-4455

ทำความรู้จัก Dietz Home Isolation ตัวช่วยยุคโควิด-19

ไดเอทซ์ (DietZ) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) สำหรับ สถานพยาบาล และองค์กร ผนึกกำลังพันธมิตร เปิดบริการใหม่ Dietz Home Isolation แบบครบวงจร สำหรับสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน ช่วยจัดการข้อมูลผู้ป่วยโควิดในการดำเนินงานดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation) ได้ง่ายขึ้น สามารถเบิกจ่ายสปสช.และประกันสุขภาพเอกชนได้ และลดภาระและความเสี่ยงให้บุคลากรทางการแพทย์ ชู 5 บริการเด่นด้วย ระบบติดตามผู้ป่วยผ่าน Dietz Covid Tracker ให้บริการแชทและพบแพทย์ออนไลน์ด้วย Telemedicine, คอลเซ็นเตอร์ติดตามอาการ, บริการจัดหาอาหารให้ผู้ป่วย, วิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ปอดอย่างแม่นยำผ่านระบบ AI, และบริการตรวจโควิดนอกสถานที่

นายพงษ์ชัย เพชรสังหาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีซีชั่น ไดเอทซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผู้ป่วยสะสมโควิด-19 มากกว่า 1,000,000 คน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากขึ้น แนวทางการทำ Home Isolation จึงกลายมาเป็นวิธีการสำคัญที่โรงพยาบาลจะเลือกใช้ ดังนั้น ไดเอทซ์ จึงร่วมมือกับพันธมิตรในการเปิดให้บริการ Dietz Home Isolation โดยมีจุดประสงค์หลักในการช่วยสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนจัดการผู้ป่วยโควิด ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงจัดการเรื่องระบบประกอบการเบิกจ่ายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. และประกันสุขภาพเอกชน ได้อย่างครบถ้วน

Home Isolation Total Solution ประกอบไปด้วย 5 บริการ ได้แก่

1. ระบบ Dietz Covid Tracker สำหรับการติดตามอาการผู้ป่วยที่บ้าน ผู้ป่วยบันทึกผลได้ด้วยตนเอง จำแนกอาการอัตโนมัติ สามารถแชตและวีดีโอคอลผ่านระบบได้ และเอกสารเบิกจ่ายได้ตามระเบียบสปสช. และประกันสุขภาพเอกชน

2. บริการโทรศัพท์ติดตามอาการ (Call Center) ช่วยโรงพยาบาลในการตามข้อมูลคนไข้ในแต่ละวัน เพื่อติดตามระดับออกซิเจนในเลือด อุณหภูมิ อาการ นำลงระบบประกอบการเบิกจ่าย

3. รับจัดหาอาหารให้ผู้ป่วย 3 มื้อต่อวัน และจัดส่งอาหาร ในอัตราการเบิกจ่ายของทางราชการ โดยให้บริการในพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี โดยครัวเคลมดิ

4. บริการตรวจโควิด-19 นอกสถานที่ พร้อมรถบริการตรวจแบบ ATK และ RT-PCR โดย MeDiSeeและพันธมิตร ให้บริการด้วยคุณภาพการบริการ ร่วมกับ บีทีแล็บ ซึ่งผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน LA จากสภาเทคนิคการแพทย์

5. บริการระบบ AI อ่านฟิล์มเอกซเรย์จาก Perceptra การวิเคราะห์ภาพเอ็กซ์เรย์ปอดที่แม่นยำ ความเร็วสูง ช่วยลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ ปัจจุบันให้บริการกว่า 80 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ด้วยส่วนลดพิเศษ

ปัจจุบัน Dietz Home Isolation เปิดให้โรงพยาบาลรัฐเข้ามาใช้บริการฟรี ส่วนโรงพยาบาลเอกชนจะคิดค่าบริการในการติดตั้งระบบตามจำนวนผู้ป่วย ซึ่งบริษัทจะนำรายได้จากการให้บริการซอฟต์แวร์เอกชนมาใช้อุดหนุนการให้บริการฟรีกับทางโรงพยาบาลภาครัฐ นอกจากนี้ ยังคาดว่าภายหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น โรงพยาบาลรัฐจะปรับมาใช้เป็นระบบเทเลเมดิซีนเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคทั่วไปในอนาคต และระบบการติดตามคนไข้โรคเรื้อรัง

ไดเอทซ์ จึงขอเชิญชวนโรงพยาบาลรัฐ ที่มีอยู่ประมาณ 1,000 แห่ง โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเอกชนทั่วประเทศ เข้ามาใช้ระบบดังกล่าวในการดูแลคนไข้โควิด-19 โดยทีมงานติดตั้งระบบได้ภายในระยะเวลา 1-2 วัน และสามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลหลายแห่งกำลังนำบริการนี้ไปใช้ดูแลผู้ป่วยจำนวนประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้ป่วยในระบบราว 20,000 คน สำหรับสถานพยาบาลที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/Dietz.asia หรืออีเมล  [email protected]

เปิดแผน ซิตี้ เรดดี้เครดิต ดึง ทรูมันนี่ วอลเล็ท ขยายตลาดบัตรกดเงินสด

หลังจากที่ ซิตี้กรุ๊ป ประกาศปรับกลยุทธ์องค์กรออกจากกลุ่มธนกิจบุคคลระหว่างประเทศ (Global Consumer Banking) ในประเทศไทย พร้อมกับประเทศอื่น ๆ อีก 12 แห่งในสองภูมิภาคเอเชียและยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา (EMEA) โดยจะคงเหลือการดำเนินธุรกิจผ่าน Global Wealth Management Center ใน 4 แห่ง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เท่านั้น

ทำให้ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ออกมาประกาศแจ้งผู้ใช้บริการในประเทศไทยยังคงดำเนินการให้บริการทุกประเภทธุรกรรมตามปกติ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารทั้งในส่วนบัตรเครดิตและบริการทางการเงิน รวมถึงสิทธิประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ลูกค้ายังคงใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม

จากนั้นมา ซิตี้แบงก์ มีความเคลื่อนไหวเขย่าตลาดบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ให้สามารถแลกคะแนนสะสมเป็นยอดเครดิตคืนเข้าบัญชีสำหรับรายการใช้จ่ายผ่านบัตร เพื่อแลกคะแนนสะสมเพื่อเป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นผ่านบัตรเครดิต การขอเพิ่มวงเงินสินเชื่ออัตโนมัติ รวมทั้งการสมัครบัตรเครดิตใบที่ 2 หรือบัตรเสริมได้ผ่านซิตี้ โมบายแอพ การวางกลยุทธ์รับยุคดิจิทัลรุกผนึกแกร็บเปิดแลกพอยต์เป็นรีวอร์ดเรียลไทม์

ล่าสุดตอกย้ำความเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์ประเภทบัตรกดเงินสดและวงเงินสินเชื่อพร้อมใช้ ซิตี้แบงก์ ผู้นำนวัตกรรมดิจิทัลแบงก์กิ้ง ผนึกกำลังกับ ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำร่วมสร้างมิติใหม่ครั้งแรกในไทยกับการเติมเงินเข้า ทรูมันนี่ วอลเล็ท ด้วยบัตรกดเงินสดซิตี้ เรดดี้เครดิต มอบความสะดวกในการเติมเงิน และใช้จ่ายผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ทได้ทันทีโดยไม่ต้องไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม และใช้เงินสด ปลอดภัยจากความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโควิด-19 โดยไม่รู้ตัว พร้อมส่งแคมเปญสุดเร้าใจ! รับเงินคืน 100 บาททันที เมื่อผูกบัญชีซิตี้ เรดดี้เครดิตพร้อมเติมเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท เข้าบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ท เป็นครั้งแรก เริ่ม 1 กันยายน 2564

มร.ปราติ๊ก บัตตาชาร์จี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า นับแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการสัมผัสธนบัตรโดยตรง ส่งผลให้มีปริมาณผู้ที่ใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งในรูปแบบบัตรเครดิต อีวอลเล็ท พร้อมเพย์ โมบายล์เพย์เม้นท์ต่าง ๆ  มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วนหนึ่งเห็นได้จากข้อมูลการใช้บัตรเครดิตซิตี้ในประเทศไทย เราเห็นจำนวนในการทำธุรกรรมผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 690% โดยมียอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 302% ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดการร่วมมือระหว่างซิตี้แบงก์ และทรูมันนี่ในครั้งนี้ เพื่อสร้างบริการที่แตกต่างแก่บัตรซิตี้ เรดดี้เครดิตให้เป็นรายแรกและรายเดียวที่ใช้บัตรกดเงินสดในการผูกบัญชีอีวอลเล็ท เพื่อเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งต่างจากค่ายอื่น ๆ ที่ต้องใช้ผูกบัญชีเงินฝากไปที่ร้านค้าที่รับเติมเงิน ตู้เติมเงิน หรือใช้คูปองเท่านั้น โดยสามารถเติมเงินได้สูงสุด 90,000 บาทต่อวัน ซึ่งบริการนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้จ่ายในร้านค้าต่าง ๆ ที่รับ ทรูมันนี่ วอลเล็ทได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้จ่ายให้แก่สมาชิกบัตรซิตี้ เรดดี้เครดิต จำนวน 6 แสนคน ที่ใช้บริการผ่านทรูมันนี่ วอลเล็ท ทั้งยังเป็นการสนับสนุนสังคมไร้เงินสดให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐอีกด้วย

นางสาวณัฐวดี แซ่เอี้ย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมทางธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่ในฐานะผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์ เพย์เมนท์ ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับบัตรกดเงินสด ซิตี้ เรดดี้เครดิตครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้บริการ ทรูมันนี่ วอลเล็ทกว่า 19 ล้านคน ได้รับความคล่องตัวในการใช้จ่ายในยุคสังคมไร้เงินสดที่ไม่จำเป็นต้องกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มอีกต่อไป เพียงมีบัตรซิตี้ เรดดี้เครดิต และแอป ทรูมันนี่ วอลเล็ท และ   ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ก็สามารถใช้จ่ายสินค้าชำระค่าบริการต่าง ๆ ในขีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ตอบรับวิถีชีวิตแบบนิวนอร์มอลในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าจาก 7-Eleven และ 7-Delivery, ช้อปปิ้งหรือสั่งอาหารออนไลน์, ซื้อดิจิทัลคอนเท้นต์, เติมเน็ตมือถือ, หรือจ่ายบิลค่าน้ำ-ค่าไฟ เป็นต้น

พิเศษ! สมัครบัตรซิตี้ เรดดี้เครดิตวันนี้ รับฟรี กระเป๋า Premium Trolley bag มูลค่า 5,890 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 64 อัพเดตแคมเปญดี ๆ ที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าซิตี้ เรดดี้เครดิต ได้ทางเว็บไซต์ www.citibank.co.th หรือ www.facebook.com/CitiThailand หรือ Line: CitiThailand

เผยโฉมชุดแข่งเหย้า สโมสรฉลามชล ฤดูกาลล่าสุด 2021

ไนกี้ หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักด้านอุปกรณ์กีฬาของ สโมสรฟุตบอลชลบุรี (Chonburi Football Club หรือ CFC) เปิดตัวชุดแข่งเหย้า ประจำฤดูกาล 2021 อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งแฟนๆ ฉลามชล สามารถรับชมงานเปิดตัวชุดแข่งของสโมสรฯ แบบสดๆ และย้อนหลังได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chonburi Football Club

สำหรับชุดแข่งขันเหย้าของ สโมสรฉลามชล ประจำฤดูกาลใหม่ล่าสุดนี้มาในคอนเซ็ปต์ คลื่นเขี้ยวฉลาม ที่สื่อถึงเกลียวคลื่นแห่งศรัทธา ของขุนพลฟ้า-น้ำเงิน ที่พร้อมคว้าชัยในทุกแมทช์แข่งขัน กลับไปให้แฟนๆ สโมสรฟุตบอลชลบุรีได้เฮกันถ้วนหน้า ทั้งนี้ ในฤดูกาลล่าสุดสโมสรฟุตบอลชลบุรียังคงผลักดันและสนับสนุนนักเตะเยาวชนหลายๆ รายที่ทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง

โดยได้โอกาสในการลงสนามสู้ศึกไทยลีก ซึ่งสโมสรฯ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นเป็นอย่างมากในการปรับแต่งทีมให้คงความสด เต็มไปด้วยพละกำลัง ที่พร้อมห้ำหั่นของนักเตะเยาวชน โดยชุดแข่งขันในบ้าน (เหย้า) ได้รับการออกแบบให้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของเหล่าฉลามนักเตะในสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ จากรอยเขี้ยวฉลามที่กัดไม่ยั้งในฤดูกาล 2020 สร้างแรงกระเพื่อมในเกลียวคลื่น จนกลายเป็นลวดลายคลื่นน้ำจากเขี้ยวฉลามในฤดูกาล 2021 นี้

ทั้งนี้ ลวดลายของคลื่นน้ำได้วางในตำแหน่งบริเวณแถบคาดหน้าอกที่มีลักษณะเป็นตัว V ที่ล้อไปกับรูปทรงของคอเสื้อ และเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ (Victory) สำหรับลายเฉียงบนเสื้อนั้นได้มีการเลือกใช้วัสดุพิเศษ Hologram UV ให้เล่นกับแสง เปรียบเสมือนแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์บนผืนนน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับ สื่อถึงความหวังในวันข้างหน้าที่สโมสรฯ เชื่อมั่นในแนวทางการสร้างอคาเดมี่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ในส่วนของเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำหน้าในชุดแข่งขันใหม่ประจำฤดูกาลนี้ของทีมฉลามชล อัดแน่นไปด้วยสุดยอดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ล้ำหน้า และเปี่ยมด้วยคุณภาพ เพื่อผลักดันสมรรถนะของผู้เล่นทีมชลบุรีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ เนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Dri-Fit ช่วยระบายเหงื่อให้ผู้เล่นรู้สึกแห้ง และสบายตัวตลอด 90 นาทีในสนาม และทรงเสื้อเข้ารูปแบบ Performance Fit ที่ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง รวดเร็ว และว่องไว ซึ่งที่แขนเสื้อไร้รอยตะเข็บบริเวณหัวไหล่เพื่อช่วยให้เคลื่อนไหว ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดของบริเวณตะเข็บด้านนอกคอเสื้อ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ถูกปิดทับไว้ เพื่อลดการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับรอยตะเข็บอีกด้วย รวมถึงดีไซน์ของรอยผ่าแบบไร้กระดุมที่คอเสื้อ ให้ความรู้สึกสไตล์วินเทจได้อย่างมีเอกลักษณ์

ขณะที่ชุดแข่งเยือน (away) ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ทางสโมสรเปิดเผยว่าจะมีความเท่ และดุดันไม่แพ้กับชุดเหย้าอย่างแน่นอน ให้แฟนๆ ฉลามชลรอติดตามกันได้เลย

ปกป้อง ตวงทอง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไนกี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เรายังคงได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 จากสโมสรชลบุรี การได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาเพื่อร่วมขับเคลื่อนสุดยอดศักยภาพของนักเตะทุกคนในทุกสนามที่กำลังจะมาถึงให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้อย่างเต็มศักยภาพเป็นสิ่งที่ไนกี้ภาคภูมิใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปีนี้บรรดานักเตะรุ่นใหม่ๆ จะสามารถนำพาสโมสรฯ และแฟนๆ ไปถึงฝั่งฝัน และคว้าชัยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองไปด้วยกันอย่างยิ่งใหญ่ในเร็วๆ นี้

เสื้อแข่งขันเหย้าของสโมสรฟุตบอลชลบุรี ประจำฤดูกาล 2021 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในราคา 1,200 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ร้านชลบุรี เอฟซี สโตร์ และในช่องทางออนไลน์ สโมสรชลบุรี เอฟซีที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chonburi FC Online Store, ร้านค้าในแอปฯ Shopee Chonburi Football Club และเฟซบุ๊กแฟนเพจ VIP by Marut

เปิดตัวแล้ววันนี้! OPPO Reno6 Pro 5G

OPPO เปิดตัว OPPO Reno6 Pro 5G อย่างเป็นทางการ มอบประสบการณ์ความเร็วแรงในระดับแฟล็กชิพ พร้อมให้คุณสัมผัสทุกช่วงอารมณ์ความรู้สึกด้วยภาพและวิดีโอพอร์ตเทรตที่สวยงามกว่าใคร โดยจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ (Online Exclusive) ในราคาเพียง 22,990 บาท

สมาร์ทโฟนสำหรับถ่ายวิดีโอพอร์ตเทรตที่โดดเด่นกว่าใคร OPPO Reno6 Pro 5G มาภายใต้แนวคิด “อารมณ์ไหน ก็พอร์ตเทรต” ให้คุณบันทึกอารมณ์และความรู้สึกในทุกช่วงเวลาสำคัญ ด้วยกล้องหลังถึง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 50MP ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX766 ระดับแฟล็กชิพจาก OPPO และ Sony มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่สวยงามในสถานการณ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพื่อการถ่ายพอร์ตเทรตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bokeh Flare Portrait เพิ่มลูกเล่นของภาพและวิดีโอให้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ด้วยการปรับพื้นหลังให้เป็นดวงไฟโบเก้ที่สวยงามไม่เหมือนใครทั้งกลางวันและกลางคืน โดยสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รวมถึง Portrait  Beautification Video ฟีเจอร์ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเพิ่มความสดใสและโดดเด่นให้กับบุคคลในวิดีโออีกด้วย

เร็วแรงด้วยขุมพลังระดับแฟล็กชิพ สัมผัสกับประสบการณ์ความเร็วแรงที่เหนือกว่าด้วย Qualcomm Snapdragon 870 ระดับเฟล็กชิพ พร้อมด้วยแบตเตอรี่ 4,500 mAh และเทคโนโลยีชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 ชาร์จแบตเตอรี่ 100% ในเวลาเพียง 31 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที ดูวิดีโอได้นานถึง 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมาพร้อม RAM 12GB + ROM 256GB และเทคโนโลยี RAM Expansion มอบประสิทธิภาพการใช้งานที่ลื่นไหลกว่าที่เคย รวมถึง X-axis Linear Motor & 4D Vibration ระบบการสั่นในขณะเล่นเกมเอาใจสายเกมเมอร์ เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงมากยิ่งขึ้น

ดีไซน์ระยิบระยับจาก OPPO Reno Glow นอกจากประสิทธิภาพการถ่ายพอร์ตเทรตและความเร็วแรงที่เหนือกว่าแล้ว ในด้านดีไซน์ของ OPPO Reno6 Pro 5G ก็ดีไม่แพ้กัน โดย OPPO Reno6 Pro 5G มาพร้อมดีไซน์บางเบา จับถนัดมือ มาในสีที่สวยงามไม่เหมือนใครด้วยสี Lunar Grey ที่ออกแบบด้วยเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง OPPO Reno Glow ให้ผิวพื้นผิวสีเงินเมทัลลิกที่ระยิบระยับสะกดทุกสายตา

พิเศษ! เป็นเจ้าของ OPPO Reno6 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟนพอร์ตเทรตพร้อมสัมผัสความเร็วแรงระดับแฟล็กชิพได้ก่อนใคร ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้มมากมาย สนใจช้อปทาง และ หรือ

ร.ต.ท.หญิง ภัทรศยา ฤกษ์รัตน์ หรือผู้หมวดไวกิ้ง – โดดเด้งทะลุแมสก์

ดังชั่วข้ามคืน! หลังปรากฏภาพสะดุดตา.. สะดุดใจ.. กระตุกต่อมอยากรู้เธอคือใคร? ผู้ขโมยซีนการแถลงข่าวจับกุม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้

สำหรับตำรวจสาวรายหนึ่งที่นั่งคุกเข่ากับพื้นอยู่ข้างๆ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพราะรับหน้าที่นำโทรศัพท์มือถือจ่อไมค์ให้เสียงปลายสายของ ผู้กำกับโจ้ ดังเพิ่มขึ้น ระหว่างตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชนเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ส.ค. 64)

เธอผู้นี้คือ ร.ต.ท.หญิง ภัทรศยา ฤกษ์รัตน์ ชื่อเล่น ไวกิ้ง จบนักเรียนนายร้อยรุ่น 72 มีความสามารถพูดได้ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ และ จีน และความสามารถพิเศษด้านการร้องเพลง ปัจจุบันเป็นนายตำรวจติดตาม พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สามารถติดตามเธอได้ที่ Facebook : Patarasaya Rerkrut(Viking), IG: @patarasayaa และ YouTube: VikkiPatara

ส่องราคา ฮอนด้า ซีอาร์-วี BLACK EDITION ใหม่

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำกระแสความนิยมและตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถสปอร์ตอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ (L-SUV) ของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดในเซกเมนต์ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 กว่า 60.1% ด้วยการยกระดับความสปอร์ตอีกขั้นของพรีเมียมเอสยูวีไอคอน แนะนำ ฮอนด้า ซีอาร์-วี BLACK EDITION ใหม่ เผยตัวตนความสปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ ด้วยดีไซน์ภายนอกโทนสีดำแบบเอกซ์คลูซีฟรอบคัน ครั้งแรกกับราวหลังคาสีดำใหม่ (Roof Rail) แข็งแกร่งในทุกมิติด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำแบบสปอร์ต กระจังหน้าโครเมียมรมดำ กันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต พร้อมคิ้วตกแต่งโครเมียมรมดำ และกันชนหลังสีดำแบบสปอร์ต เสริมเอกลักษณ์ความแกร่งด้วยสัญลักษณ์พิเศษ BLACK EDITION เปิดมุมมองใหม่ด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) มาพร้อมสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ความเรียบหรูในดีไซน์ โทนสีดำ มาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้สีดำและสีดำ Piano Black ตอกย้ำความพิเศษด้วยเบาะหนังปักโลโก้ BLACK EDITION มาพร้อมเบาะโดยสารแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ครบครันด้วยฟังก์ชันระดับพรีเมียม อาทิ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ขับเคลื่อนอย่างทรงพลังด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT ด้วยระบบขับเคลื่อนสองล้อ (2WD) โดยรุ่น 2.4 BLACK EDITION ราคา  1,467,000 บาท รวมค่าสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 1.99% หรือข้อเสนอ Double Smile ดาวน์ 0 บาทหรือผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 20,000 บาท พร้อมให้สัมผัสได้ที่โชว์รูมฮอนด้า ตั้งแต่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตเข้มเหนือระดับ สะกดทุกสายตาในสไตล์สีดำแบบเอกซ์คลูซีฟรอบคัน

  • ครั้งแรกกับราวหลังคาสีดำแบบสปอร์ต (Roof Rail) ที่ติดตั้งมากับตัวรถ
  • เผยมุมมองใหม่ด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิดปิดแบบ One-Touch
  • เสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรมดำ กันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ตพร้อมคิ้วตกแต่งโครเมียมรมดำ และกันชนหลังสีดำแบบสปอร์ต
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบสปอร์ต มาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential และไฟท้ายแบบ Full LED
  • คิ้วตกแต่งประตูข้างแบบโครเมียมรมดำ
  • กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต
  • เติมความสปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ ด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำแบบสปอร์ต
  • ตอกย้ำความเอกซ์คลูซีฟด้วยสัญลักษณ์ BLACK EDITION ที่ด้านท้าย
  • สีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เติมเต็มอารมณ์ความสปอร์ตเข้มด้วยดีไซน์โทนสีดำ ครบครันด้วยฟังก์ชันระดับพรีเมียม

  • ดีไซน์ภายในห้องโดยสารเรียบหรู มาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้สีดำและสีดำ Piano Black
  • เสริมเอกลักษณ์ความพิเศษของเบาะโดยสารคู่หน้าด้วยเบาะหนังพร้อมสัญลักษณ์พิเศษ BLACK EDITION มาพร้อมเบาะโดยสารแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง มอบพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายที่กว้างขวาง
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) มอบความสะดวกสบายในการใช้งาน
  • พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน ด้วยฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า
    พร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate)
  • เชื่อมต่ออย่างสะดวกสบายในทุกการเดินทาง ด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

นอกจากนี้ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ระบบล็อกรถอัตโนมัติ เมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) อีกทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมท) (Auto Foldable Side Door Mirror) กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) เป็นต้น

ฮอนด้า ซีอาร์-วี BLACK EDITION ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุดถึง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ
ต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มอบการตอบสนองที่ทันใจ รองรับพลังงานทางเลือก E85 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อ (2WD)

ฮอนด้า ซีอาร์-วี รุ่น 2.4 BLACK EDITION ใหม่ ราคา 1,467,000 บาท รวมค่าสีภายนอก สีดำคริสตัล (มุก) มาพร้อมข้อเสนอพิเศษเพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 – 30 กันยายน 2564 รับดอกเบี้ย 1.99% หรือเลือกรับข้อเสนอ Double Smile ดาวน์ 0 บาท หรือผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 20,000 บาท

ทั้งนี้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี มีจำหน่ายใน 2 ขุมพลังทางเลือก ได้แก่

  • เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดถึง 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายกับเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และมั่นใจในทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING โดยมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD)
  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาทีด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ให้การตอบสนองที่ทันใจ พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 มาพร้อมตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) และสองล้อ (2WD) มีให้เลือกทั้งรุ่น เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ได้แก่

เครื่องยนต์ดีเซล

  • รุ่น DT-EL 4WD ราคา 1,759,000 บาท

เครื่องยนต์เบนซิน

  • รุ่น 2.4 EL 4WD ราคา 1,579,000 บาท
  • รุ่น 2.4 ES 4WD ราคา 1,529,000 บาท
  • รุ่น 2.4 BLACK EDITION ราคา 1,467,000 บาท
  • รุ่น 2.4 E ราคา 1,419,000 บาท
  • รุ่น 2.4 S ราคา 1,369,000 บาท

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น DT-EL 4WD รุ่น 2.4 EL 4WD และรุ่น 2.4 ES 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

สัมผัสความสปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี BLACK EDITION ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้า ตั้งแต่วันนี้เนต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้า หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th  หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร. 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/crv