“ท็อปส์” ฉลองครบรอบ 25 ปี รางวัลนี้…ได้เลือกได้ลุ้น

ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย  ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้า จัดแคมเปญจากอินไซด์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซื้อสินค้าต้องคุ้มค่าคุ้มราคา และโปรโมชั่นต้องตอบโจทย์ความต้องการเลือกได้ด้วยตนเอง ฉลองครบรอบ 25  ปีสุดยิ่งใหญ่ “รางวัลนี้…ได้เลือกได้ลุ้น” (Celebrate as You Wish)  ของรางวัลที่ลูกค้าเลือกลุ้นได้ตามความต้องการ ให้ทุกการช้อปสนุกยิ่งกว่าที่เคย ยิ่งช้อปมากยิ่งมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดีเลือกลุ้นรับของรางวัล ได้แก่ รถยนต์ Mercedes Benz, สร้อยคอทองคำ, คะแนนเดอะวัน และ ท็อปส์ กิฟท์ คาร์ด รวมกว่า 1,602 รางวัล  มูลค่ารวมกว่า 6.96 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ มิถุนายน-27 กรกฎาคม  2564  พร้อมรับเพิ่มคูปองส่วนลดทั้งแบรนด์ 25% เพื่อใช้เป็นส่วนลดซื้อสินค้าโดยไม่มีขั้นต่ำ

สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด

นายสเตฟาน คูม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 25 ปี ของการดำเนินธุรกิจ ท็อปส์พร้อมยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์ มุ่งมั่นนำเสนอสินค้าคุณภาพและบริการชั้นเลิศ มอบความคุ้มค่า คุ้มราคาในทุกการจับจ่าย พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการทำวิจัยและสำรวจพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคมาโดยตลอด เราไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาแม้แต่วันเดียว เพื่อนำผลลัพธ์ที่ได้มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สามารถตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และเพื่อแสดงความขอบคุณให้กับทุกความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้ท็อปส์มาตลอด 25 ปี เราได้สร้างสรรค์แคมเปญสุดพิเศษซึ่งเกิดขึ้นจากการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มลูกค้าตัวอย่างของท็อปส์พบว่าร้อยละ 60  ชื่นชอบโปรโมชั่นแบบลุ้นรางวัลมากที่สุด และต้องการเลือกของรางวัลที่ตัวเองต้องการ จึงเป็นที่มาของแคมเปญลุ้นรางวัลครั้งยิ่งใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “รางวัลนี้…ได้เลือกได้ลุ้น” (Celebrate as You Wish)  โดยท็อปส์จัดเตรียมของรางวัลกว่า 1,602 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 6.96 ล้านบาท มอบเป็นของขวัญให้ลูกค้าเลือกลุ้นเป็นเจ้าของรางวัลที่ตนเองชื่นชอบให้ตรงกับความต้องการ นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์โปรโมชั่นทางการตลาดที่สอดคล้องกับเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่นอกจากเลือกซื้อสินค้าที่สามารถแสดงความเป็นตัวตนแล้ว การมอบประสบการณ์เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นคนพิเศษก็ยิ่งทำให้เกิดความประทับใจมากยิ่งขึ้น 

รางวัลนี้…ได้เลือกได้ลุ้น (Celebrate as You Wish) สำหรับสมาชิกเดอะวัน รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัล เมื่อ ช้อปครบทุก 100 บาท ขึ้นไป / ใบเสร็จ ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์  เดลี่,  เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์,         แฟมิลี่มาร์ท, มัทสึโมโตะ คิโยชิ, ลุคส์ และเฮลธิฟูล ทุกสาขา พิเศษ! รับ 2 สิทธิ์ลุ้นรางวัล เมื่อช้อปผ่าน Tops Application หรือ www.tops.co.th  ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมรายการที่เดอะวัน แอปพลิเคชั่น และใช้สิทธิ์ลุ้นรางวัลที่ไลน์ Tops Thailand หรือ FamilyMartThailand  เพื่อเลือกลุ้นรางวัลได้ด้วยตัวเอง รวมของรางวัลจำนวน 1,602 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 6.96 ล้านบาท ได้แก่ 

  • รถยนต์ Mercedes Benz รุ่น A200 Progressive มูลค่ารางวัลละ 1,990,000 บาท จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่า 3,980,000 บาท
  • สร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ มูลค่ารางวัลละ 13,425 บาท (ราคา ณ วันที่ 28 เม.ย. 2564) จำนวน 100 รางวัล รวมมูลค่า 1,342,500 บาท
  • คะแนนเดอะวัน 10,000 คะแนน มูลค่ารางวัลละ 1,250 บาท จำนวน 500 รางวับ รวมมูลค่า 625,000 บาท
  • ท็อปส์ กิฟท์ คาร์ด มูลค่ารางวัลละ 1,000 บาท จำนวน 1,000 รางวัล รวมมูลค่า 1,000,000 บาท

นอกจากนั้นยังเพิ่มความคุ้มค่า รับฟรี! แพ็คคูปองส่วนลดทั้งแบรนด์ 25% จาก 25 แบรนด์ชั้นนำ เมื่อช้อปสินค้าครบตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 2-29 มิถุนายน 2564 สำหรับใช้เป็นส่วนลดเมื่อซื้อสินค้าแบรนด์ที่ร่วมรายการโดยไม่มีขั้นต่ำ และ ตลอดเดือนมิถุนายนสมาชิกบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย รับส่วนลดรวมสูงสุด 30% เมื่อชำระค่าสินค้าผ่านบัตรที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา

ช้อปแบบคุ้มค่า พร้อมลุ้นรางวัลพิเศษแทนคำขอบคุณจากใจท็อปส์ ที่นักช้อปเลือกลุ้นของรางวัลได้เองตามความต้องการ ตรวจสอบรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th, เฟซบุ๊ก TopsThailandFamilyMartThailand หรือ แอปพลิเคชั่นไลน์ @TopsThailand, @FamilyMartThailand

มงลง! แฟลช กรุ๊ป ขึ้นแท่นเป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย

แฟลช ปิดดีลใหญ่ระดมทุนจาก Buer Capital และ SCB 10X พร้อมด้วย eWTP -โออาร์-เดอเบล- กรุงศรี ฟินโนเวต ลงเพิ่ม ซีรีย์ E มูลค่ารวมกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร และเป็นบริษัทแม่ของ แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการด้านขนส่งเอกชน ปิดดีลยักษ์จากการระดมทุนรอบซีรีย์ D+ และ ซีรีย์ E คว้ากลุ่ม Buer Capital Limited และ SCB 10X ร่วมทุน พร้อม eWTP -โออาร์-เดอเบล-กรุงศรีฟินโนเวต ลงเพิ่มได้เม็ดเงินรวมไปกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,700 ล้านบาท ประกาศขึ้นเป็นขนส่งเอกชนอันดับ 1 ด้วยตัวเลขจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น ทะยานสู่ยูนิคอร์นตัวแรกของไทย

นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการ E-Commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากการระดมทุนรอบซีรีย์ D+ ที่ได้ผู้ร่วมทุน รายใหม่อย่าง SCB 10X พ่วงด้วย บริษัทจันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้พริ้นท์ติ้ง จำกัด เข้าสนับสนุน โดยในส่วนของ ซีรีย์ E ก็ยังคว้า Buer Capital กลุ่มทุนจากสิงคโปร์ ร่วมด้วย SCB 10X ที่ให้การสนับสนุนทั้งซีรีย์ D+ และ E ตามด้วยผู้ลงทุนเดิมอย่าง eWTP, บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์, บริษัท เดอเบล จำกัด (Durbell) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP, บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด (Krungsri Finnovate) ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป ที่ตบเท้าลงเพิ่มในซีรีย์ E ซึ่งดีลใหญ่นี้ทำให้กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) สามารถระดมทุนไปได้สูงถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,700 ล้านบาท โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนจะถูกกระจายไปในหลายสัดส่วนทั้งด้านการบริหาร และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ครอบคลุมไปถึงการลงทุนในด้านแพลตฟอร์ม eCommerce ที่จะตอบโจทย์ และสร้างความแตกต่างให้แก่ตลาด รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขาย ขยายบริการ และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ

กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิด การเป็นผู้ให้บริการ E-commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร โดยได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มนักลงทุนหลายอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมสนับสนุน ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมธุรกิจในเครือหลากหลายประเภท อาทิ Flash Express ผู้ให้บริการขนส่งแบบครบวงจร ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นหัวใจหลักในการบริหารจัดการด้านระบบขนส่ง โดยปัจจุบัน Flash Express มียอดจัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น นอกจากนี้ยังมีบริการ Flash Fulfilment คลังสินค้าแบบครบวงจร ที่มีบริษัทชั้นนำเป็นพันธมิตร และใช้บริการมากมาย รวมถึงบริษัทใน

เครืออีกหลายบริษัทที่สอดคล้องกับธุรกิจ E-commerce และรูปแบบตลาดของประเทศไทย รวมไปถึงบริการใหม่ที่เตรียมขยายออกสู่กลุ่มประเทศใน SEA ซึ่งรอการเปิดเผยหลังจากนี้

“ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจของทีมงานแฟลชทุกคน ที่ทำให้ผู้ลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพของเรา โดยจากนี้บริษัทฯ จะทยอยประกาศความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มธุรกิจแฟลช กับผู้ลงทุน ซึ่งแน่นอนว่ากลยุทธ์หลักของแผนการทำงานยังคงมุ่งไปที่การเป็นผู้ให้บริการแบบ One stop service สำหรับ E-Commerce ทั้งในประเทศไทย และสากล รวมไปถึงการเร่งขยายบริการออกสู่ต่างประเทศโดยยึดความตั้งใจเดิม คือ เริ่มจากกลุ่มประเทศในแถบ SEA แม้จะมีอุปสรรคในช่วงสถานการณ์ Covid19 แต่แผนการทำงานของ แฟลช กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าต่อไป ซึ่งคาดว่าภายใน Q4 ของปีนี้น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น จากการทยอยเปิดให้บริการบางส่วนใน SEA” นายคมสันต์ กล่าว

มร.เหลียง จี้ ผู้อำนวยการ กลุ่ม Buer Capital (Buer) ในฐานะนักลงทุนเชิงกลยุทธ์รายหลักของซีรีย์ E กล่าวว่า Buer เป็นนักลงทุนที่มุ่งเน้นเรื่องการเปลี่ยงแปลงโครงสร้างด้านการบริโภค Buer มีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจขนส่งเป็นหนึ่งในระบบสาธารณูปโภคหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เมื่อระบบขนส่งถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ และยกระดับขึ้นไปอีกขั้นจะทำให้มีการเปลี่ยนแนวคิด space-time ของธุรกิจค้าปลีก รวมถึงมีความมั่งคั่ง รวดเร็ว และประหยัด ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับกลยุทธ์การลงทุนของแฟลชทั้งในด้านเทคโนโลยี และด้านบริหาร รวมไปถึงศักยภาพในด้านฐานข้อมูล (Data base) ที่จะช่วยผลักดัน และพัฒนาธุรกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆในตลาดได้อย่างระยะยาว

มร.เจียง ดาเหว่ย พาร์ทเนอร์และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายของเงินของ eWTP Capital อีกหนึ่งนักลงทุนรายใหญ่ในรอบซีรีย์ E กล่าวว่า “นับตั้งแต่วันแรกของการก่อตั้ง แฟลช กรุ๊ป (Flash Group) ทีมงานทุกคนได้แสดงให้ผมเห็นถึงวิสัยทัศน์ของการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ในธุรกิจ พร้อมทั้งสามารถขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการบริหารงานด้านโลจิสติกส์ได้อย่างลงตัว ประกอบกับความทุ่มเทอย่างแน่วแน่ในการทำงาน สามารถสร้างความเข้าใจ และตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลัก สิ่งนี้ได้ยกระดับให้พวกเขากลายเป็นผู้เล่นชั้นนำในธุรกิจ last-mile logistics ของประเทศไทย เรายินดี และยังคงเฝ้ามองความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของพวกเขา รวมถึงการเติบโตในอนาคต พร้อมๆ กับการขยายธุรกิจและบริการด้านอื่น ๆ ต่อไป ”

ด้าน SCB 10X ผู้ร่วมทุนรายใหม่ที่ให้การสนับสนุนทั้งรอบซีรีย์ D+ และ ซีรีย์ E โดยนางปิติพร พนาภัทร์ Chief Business Development and Financial Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจหลักของ SCB 10X คือ มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั่วโลก รวมถึงสนับสนุนและผลักดันสตาร์ทอัพไทยที่มีศักยภาพให้สามารถเติบโตและก้าวสู่เวทีโลกได้ ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจแฟลช ที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงเป้าหมายในการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้ร่วมลงทุนหลักในการระดมทุนรอบ Series D+ และลงทุนเพิ่มเติมต่อเนื่องในรอบ Series E ร่วมกับนักลงทุนชั้นนำ นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์และกลุ่มธุรกิจแฟลช ยังมีแผนในการต่อยอดความร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาโซลูชันและบริการทางการเงิน ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) และสร้างประสบการณ์การเงินรูปแบบใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าในอนาคตอันใกล้

นายศิระ ศรีสุกใส ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ คนที่ 3 จากซ้ายมือ ผู้ลงทุนหลักจากรอบซีรีย์ D เผยถึงการตัดสินใจลงทุนเพิ่มในซีรีย์ E การร่วมลงทุนและการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง โออาร์ และแฟลช จะเป็นการเสริมศักยภาพซึ่งกันและกันเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านขนส่งและพลังงาน อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ ของโออาร์ เชื่อมต่อธุรกิจแบบ Online to Offline เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคตที่มีไลฟ์สไตล์ปรับตัวสู่โลกออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริม Startup ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ปัจจุบัน โออาร์ และ แฟลช ได้มีความร่วมมือทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจหลักของทั้งสองบริษัท เช่น การที่โออาร์ให้บริการน้ำมันแก่รถที่ใช้ในการขนส่งของ Flash Express หรือการที่ Flash Express เริ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ของ โออาร์ และยังมีแผนเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจ ทั้งความร่วมมือในการทดลองเปิดให้บริการจุดรับส่งพัสดุของ Flash Express ภายในร้าน Café Amazon บางสาขา และการวางแผนในการพัฒนาพื้นที่ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น บางแห่ง เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าของ Flash Express เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในความร่วมมือทางธุรกิจเพิ่มเติมในประเทศต่าง ๆ ผ่านบริษัทย่อยในต่างประเทศของกลุ่มโออาร์ตามแผนการขยายธุรกิจของแฟลชอีกด้วย

บริษัท เดอเบล จำกัด (Durbell) ผู้นำด้านการกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ในประเทศไทย ในเครือกลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนเงินทุนแก่แฟลชทั้งรอบ ซีรีย์ D และE โดยนางสาวนุชรี อยู่วิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจขนส่งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศในแถบ

SEA สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal นี้ และแฟลช กรุ๊ปก็สามารถตอบรับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยมแม้ในสภาพการแข่งขันที่ดุเดือด ด้วยบริการขนส่งพัสดุครบวงจรที่ก่อกำเนิดมาจากความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงและระบบปฏิบัติงานที่แข็งแกร่ง รวดเร็ว ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานเดียวกันกับบริษัท เดอเบล จำกัด บริษัทกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ในเครือกลุ่มธุรกิจ TCP ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำของโลกและประเทศไทย เช่น กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ และอื่นๆ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงทุนและเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของแฟลช กรุ๊ปในทั้ง 2 ซีรีส์

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต ในเครือกรุงศรี กรุ๊ป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผู้สนับสนุนเงินทุนแก่ แฟลช ทั้งในรอบ ซีรีส์ D และ E กล่าวว่า เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้ลงทุนไทยกลุ่มแรกที่ได้ร่วมลงทุนในแฟลชตั้งแต่รอบซีรีส์ D ในปี 2020 ด้วยเพราะความเชื่อมั่นในศักยภาพที่โดดเด่นและเป้าหมายที่ชัดเจนของแฟลช และการลงทุนเพิ่มในรอบซีรีส์ E ครั้งนี้ตอกย้ำถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างกัน โดยที่ผ่านมา เราต่างต่อยอดความสำเร็จจากความเชี่ยวชาญและจุดแข็งที่มี ผลักดันความร่วมมือระหว่างกันซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะในการร่วมกันสร้าง eCommerce Ecosystem ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนานวัตกรรมการเงินที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าผู้ใช้บริการแฟลช นอกจากนี้ การลงทุนในแฟลชยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกรุงศรี ฟินโนเวต ที่ต้องการเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการช่วยผลักดันให้เกิดยูนิคอร์นสัญชาติไทย ซึ่งการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและก้าวกระโดดของแฟลชในวันนี้ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญ และเรายังเชื่อว่าการส่งเสริมระบบขนส่งที่ดีจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

แฟลช กรุ๊ป (Flash Group) นับเป็น Startup ไทยรายแรกที่สามารถระดมทุนรวมได้มากที่สุดในระยะเวลาเพียงแค่ 3 ปี ซึ่งทำให้ธุรกิจมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 30,000 ล้านบาทไทย

 

“ไทยวาโก้” มอบอุปกรณ์จำเป็นให้แพทย์และชุมชนสู้โควิด-19

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบอุปกรณ์การแพทย์ อาทิ เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ถุงมือทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย และวาโก้ถุงปันสุขจาก นางสาวการุณี สุหร่าย กรรมการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งต่อให้กับโรงพยาบาลสนามบุษราคัม สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ภายใต้โครงการ Wacoal We Care โดยมีคณะผู้บริหาร บมจ.ไทยวาโก้ เข้าร่วมเป็นเกียรติในงาน ณ อาคาร 1 ตึกสำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุข

ซึ่งก่อนหน้านี้โครงการ Wacoal We Care ได้มอบเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว หน้ากากอนามัย วาโก้ถุงปันสุข และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ให้กับโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ และมอบผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในวาโก้ให้กับประชาชนในชุมชนบางคอแหลม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 1,000 ชุด รวมมูลค่าอุปกรณ์และสิ่งของบริจาคทั้งสิ้น 627,000 บาท

คุ้มจุกๆ Food Legends By MBK เสิร์ฟโปรแรง

เอาใจสายกินอย่างต่อเนื่อง ศูนย์อาหารฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค (Food Legends By MBK) ฉลองเปิดสาขาใหม่ เดอะ ไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ รวม 5 โปรเด็ด เสิร์ฟโปรแรง แบบคุ้มจุก ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

เริ่มต้นกับ โปรรองท้อง ร้านเจ๊ติ้งซาลาเปาทับหลี (ระนอง) อีกหนึ่ง OTOP ของดีเมืองระนอง สูตรต้นตำรับกว่า 80 ปี ที่มีให้เลือกหลายไส้ อาทิ หมูสับ ครีม หมูแดง มันม่วง เป็นต้น พิเศษ ซื้อซาลาเปา 10 ลูก ฟรี 1 ลูก ต่อด้วย โปรอิ่มคุ้ม ร้านโยเนะ ซูชิ มาฟินกับซูซิเต็มคำ กับวัตถุดิบคุณภาพ กับโปรพิเศษ ซื้อซูชิ 10 ชิ้น ฟรี 1 ชิ้น ตั้งแต่วันนี้ -19 มิ.ย. 64

อยากเพิ่มสารอาหารให้ร่างกาย ต้องโดนกับ โปรเพิ่มวิตามินในร่างกาย กับ ร้านสวนผลไม้คุณยายวิว พบกับ บุฟเฟ่ต์ผลไม้รวม 99 บาท อาทิ อะโวคาโด เสาวรส เงาะ ลิ้นจี่ มะม่วง ฝรั่ง เป็นต้น ตั้งแต่วันนี้ – 20 มิ.ย. 64 และส่วนใครที่ชื่นชอบทุเรียนต้องห้มพลาด พบกับทุเรียนภูเขาไฟเกรดคัดพิเศษ ราคาโปรโมชั่น 190 บาท (เดิมราคากิโลกรัมละ 250 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 20 มิ.ย. 64

เหมือนร่างกายต้องการน้ำตาลแต่ถ้าทานมากไม่ดี แนะนำ โปรเพิ่มความสดชื่นแบบเฮลตี้ ที่ ร้าน Coconut Monkey มิติใหม่ของวงการน้ำมะพร้าว เจ้าแรกที่ใช้หญ้าหวานแทนน้ำเชื่อม อร่อยแบบสุขภาพดี และเจ้าเดียวที่มี Topping ให้เลือกกว่า 20 รายการ เมื่อซื้อน้ำมะพร้าวน้ำหอมปั่นไข่มุก หรือชานมมะพร้าวน้ำหอมไข่มุก แถมฟรี ชาผลไม้ 1 แก้ว ตั้งแต่วันนี้ -30 มิ.ย. 64

ปิดท้ายกับ โปรดับร้อน เพียงซื้อแก้วพรีเมี่ยม พร้อมน้ำอัดลม ราคาพิเศษ 35 บาท นำกลับมาเติมน้ำอัดลมได้ในราคา 15 บาท (ซื้อแก้วพรีเมียมได้ ตั้งแต่วันนี้ – 20 มิ.ย. 2564 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) และสามารถนำแก้วพรีเมียม กลับมา รีฟิล 15 บาท/ครั้ง ตั้งแต่วันนี้ – 31 ก.ค. 2564

มาฝากท้อง อิ่มคุ้ม พร้อมบรรยากาศการตกแต่งที่ร่มรื่นสบายตา เห็นวิวสนามกอล์ฟ บางกอก กอลฟ์ คลับ กันได้ที่ ศูนย์อาหารฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค (Food Legends By MBK) เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ บริเวณชั้น 1 North Zone (นอร์ธ โซน) ที่ยกขบวนอาหารอร่อยระดับตำนาน และร้านชื่อดัง ทั้งจากในกรุงเทพฯ ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งผลไม้ประจำฤดูที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี มาให้อิ่มจุใจไว้ที่นี้ ขณะเดียวกันทางศูนย์อาหาร ยังคงรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด – 19 อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ โดยเปิดให้นั่งรับประทานอาหาร 25% ของพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงมีบริการซื้อกลับบ้านและแบบเดลิเวอรี่อีกด้วย

“ผ่าตัดปลอดภัย มั่นใจนครธน” มอบสิทธิฟรี 5 รายการ

โรงพยาบาลนครธน ย่านพระรามที่ 2 ที่มุ่งให้บริการทางการแพทย์ที่ดีและเข้าถึงง่าย แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้วางแผนการผ่าตัด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หากจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดมดลูก ผ่าตัดส่องกล้อง ผ่าตัดลำไส้ ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ฯลฯ “ความปลอดภัย และความปลอดเชื้อ” ถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของโรงพยาบาลนครธน จึงเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้ารับบริการที่ต้องได้รับการผ่าตัด ด้วยมาตรการการดูแลสูงสุด พร้อมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายมอบสิทธิพิเศษ ฟรี 5 รายการ เพื่อช่วยให้คุณฝ่าวิกฤตสุขภาพไปด้วยกันดังนี้

ตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด มูลค่า 4,000 บาท (ไม่รวมค่าแพทย์ ค่าตรวจ MRI และ CT Scan) กรณี มีส่วนเกิน หรือแพทย์พิจารณาไม่สามารถผ่าตัดได้ คิดค่าใช้จ่ายตามจริงตรวจโควิด-19 ก่อนการผ่าตัดด้วยวิธี RT-PCR (สำหรับผู้เข้ารับการผ่าตัด)
ค่าห้องคืนแรก และส่วนลดค่าห้อง 50% เฉพาะหมวดค่าห้อง ประเภท ห้องซูพีเรียหรือดีลักซ์คูปองส่วนลดค่ายา 20% สำหรับกรณีนัดตรวจติดตามหลังผ่าตัด ภายใน 31 สิงหาคม 2564 บัตรสมาชิก NKT Family Club (อายุบัตรสมาชิก 1 ปี) สามารถมอบสิทธิ์ให้ผู้อื่นแทนได้ รับสิทธิ์ส่วนลด OPD และ IPD ในครั้งต่อไปหลังจากการผ่าตัด

ท่านที่วางแผนการผ่าตัดสามารถใช้โปรโมชั่นนี้ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31กรกฎาคม 2564 เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามที่รพ.กำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3v3H7jb หรือสามารถ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2450-9999 พร้อมด้วยบริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และออนไลน์แพลตฟอร์ม ทางเว็บไซต์ www.nakornthon.comสามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทาง และบริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital

LEO ลุยขยาย Self Storage และ Container Depot

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายมานพ ปัจวิทย์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO นำเสนอข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 1/2564 และแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/2564 แนวโน้มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราค่าระวางทั้งทางเรือ ทางอากาศ ยังคงอยู่ระดับสูง และคาดว่าจะยืนสูงถึงครึ่งแรกของปีนี้ พร้อมเดินหน้าขยายพื้นที่ LEO Self Storage และ Container Depot รวมถึงขยายบริการกับ China Post พันธมิตรรายใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจขนส่งสินค้า E-commerce ระหว่างประเทศ หนุนผลงานปีนี้ทำสถิติสูงสุด โดยงานดังกล่าว จัดขึ้น ณ ห้องประชุมสำนักงานใหญ่ พระรามกรุงเทพฯ

TPIPP เสนอขายหุ้นกู้ 7-9 มิ.ย.นี้

เป็นโอกาสดีของผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ บมจทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP ผู้นำอันดับหนึ่งด้านโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดสีเขียวที่ช่วยกำจัดขยะให้ประเทศ พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปในวันที่ 7-9 มิถุนายนนี้ อายุ 2 ปี 6 เดือน ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี วงเงินรวมไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อันดับความน่าเชื่อถือโดยทริสเรทติ้งที่ “BBB+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” สอบถามข้อมูลได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 11 ราย ได้แก่ บล.เอเซีย พลัสบล.เคทีบีเอสทีบล.กรุงไทย ซีมิโก้บล.ไอร่าบล.โนมูระ พัฒนสินบล.หยวนต้า (ประเทศไทย)บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)บล.คันทรี่ กรุ๊ปบล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย)บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์การลงทุนความเสี่ยงต่ำที่นักลงทุนไม่ควรพลาด

WICE มองแนวโน้ม Q2/64 ทำนิวไฮต่อ

WICE คาด Q2/64 ทำนิวไฮต่อเนื่อง เพิ่มปริมาณบริการขนส่งธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม วางแผนขยายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลากหลาย เตรียมเปิดคลังสินค้าใหม่รองรับงานกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มั่นใจเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 20%  

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (WICE )       ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจไตรมาส 2/64 คาดว่าจะทำนิวไฮต่อเนื่อง เนื่องจากมีแนวโน้มปริมาณงานขนส่งทุกประเภทของธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม ทั้งการขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และคลังสินค้า มากขึ้นตามความต้องการใช้งานโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดประเทศจีนมีแนวโน้มปริมาณงานสูงขึ้นจากการนำเข้าและส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการขนส่งทางอากาศของอุปกรณ์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการขนส่งของบริษัทยังมีดีมานด์ต่อเนื่องและมีมาร์จิ้นที่สูง

โดยบริษัทเตรียมเพิ่มปริมาณงานบริการทุกประเภท พร้อมแผนขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมหลากหลายที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จากการรองรับ 5G ที่ขยายตัวมากในเอเชีย และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากความต้องการเพิ่มขึ้น หลังค่ายรถยนต์ปรับโมเดลใหม่ รองรับระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวไปยังตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีความต้องการการขนส่งสินค้ากลุ่ม Home Appliance มากขึ้น หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลาย  ตลอดจนอัดงบประมาณช่วยฟื้นฟูตลาดงาน มุ่งหน้าสู่การฟื้นฟูประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจเต็มที่

ส่วนธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Services) ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้บริษัททยอยลงทุนสั่งซื้อตู้คอนเทนเนอร์เพิ่ม 200 ตู้ ซึ่งปัจจุบันทยอยรับมอบตู้แล้วกว่า 100 ตู้  และคาดว่าจะรับมอบครบภายในกลางปีนี้ เพื่อรองรับต่อความต้องการที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทเดินหน้าขยายการให้บริการเพิ่มโซลูชั่นแพ็คเกจขนส่งต้นทางถึงปลายทางให้มากขึ้น โดยเน้นให้บริการขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (LTL) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีปริมาณของไม่มาก เพิ่มช่องทางสร้างรายได้และอัตรากำไรสุทธิ สำหรับรองรับงานขนส่งข้ามพรมแดนที่มีดีมานด์เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับ WICE Supply Chain Solutions Co.,Ltd. (บริษัทย่อย) ให้บริการด้าน Supply Chain ครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ มีแนวโน้มที่ดี จากการขยายตัวของปริมาณงานบริหารจัดการคลังสินค้า และการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมเปิดคลังสินค้าให้เช่าแห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายงานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ในอนาคต โดยคลังสินค้าดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในช่วงไตรมาส 2 นี้

“แม้ในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แต่บริษัทมีการบริหารจัดการ งานขนส่งโลจิสติกส์ตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 1/64 เป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้จำนวนลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดในจีนและสหรัฐฯ ประกอบกับแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้ เชื่อมั่นว่าในช่วงไตรมาส 2/64 ผลประกอบการจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโต 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายชูเดช กล่าว

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 1/ 64  มีรายได้รวม 1,287.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 656.62 ล้านบาท จำนวน 630.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 96.06% และมีกำไรสุทธิ 81.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  30.27 ล้านบาท จำนวน51.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 169.58%

“อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” ชี้ทางรอดโควิดระลอก 3

การระบาดของโควิด-19 ในระลอก 3 ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหาร ถูกยกระดับจากความท้าทาย มาเป็นการดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด แม้แต่ธุรกิจอย่าง  “ดีลิเวอรี่” ก็เกิดกระทบหนัก และถ้ามองอีกมุมกับธุรกิจใกล้ชิดอย่างร้านกาแฟ ที่แม้จะมีตัวเลือกเปิดกว้างมากกว่า แต่ใช่ว่าจะรอดร้อยเปอร์เซ็นต์หากไม่ศึกษาทางเลือกอื่น บทความนี้จะร่วมพูดคุยถึงทรรศนะของ “สุภาภรณ์ อังศรีสุรพร” จาก อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ถึงการใช้เครื่องมือใหม่ๆ รวมถึงจุดแข็งที่มีในมือของอินฟอร์มาฯ อย่าง “งานแสดงสินค้าระดับโลก” เพื่อนำไปสู่ทางรอดในสถานการณ์ที่ต้องทำมากกว่าการปรับตัว

 นางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ หนึ่งในผู้นำธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก และ ผู้จัดงานฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิดในระลอก 3 ไม่ได้เป็นความท้าทายของบรรดาร้านอาหารอีกต่อไป แต่กลับเป็นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดเสียมากกว่า ความรุนแรงของสถานการณ์ทำให้ภาครัฐยกระดับการควบคุมร้านอาหาร ทั้งพื้นที่และเวลาเปิดปิด ดังนั้นผู้ประกอบจึงมุ่งเป้าแต่เพียงการปรับตัวไม่ได้ แต่จำเป็นต้องบริหารสภาพคล่องและประเมินความเสี่ยงควบคู่กันไป ทั้งยังต้องคาดเดาพฤติกรรมการใช้เงินของกลุ่มลูกค้ามาเป็นตัวแปรในการบริหารจัดการอีกด้วย

 “ปัญหาของผู้ประกอบการคือร้านของพวกเขาอยู่ในพื้นที่ควบคุม แน่นอนว่าในเมื่อจำนวนลูกค้าภายในร้านถดถอย จำนวนเวลาเปิดบริการลดน้อยลง การปรับตัวของร้านอาหารส่วนใหญ่คือหันไปพึ่งบริการ ‘เดลิเวอรี่’ กันตั้งแต่การระบาดระลอกแรก แต่นั่นคือการแก้ไขในระยะสั้น พอเวลาผ่านมาจนปัญหาลุกลามในระลอก 3 บริการเดลิเวอรี่เริ่มไม่ตอบโจทย์การอยู่รอด เนื่องจากร้านต้องแบกรับค่า GP (Gross Profit) จากแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงการแข่งขันด้านเดลิเวอรี่ก็มีสูงขึ้น ทั้งผู้ตัวบริโภคก็ต้องประเมินสถานะการเงินของตนเอง จนไม่สามารถใช้จ่ายกับค่าอาหารถี่ๆ ได้”

นางสาวสุภาภรณ์ มองว่าถ้าต้องการเอาตัวรอดจากจุดวิกฤตนี้ คือบริการ ‘Delivery & Go’ เพื่อสร้างประสิทธิภาพของการบริการที่ดีกว่าเดิม “โดยทั่วไปร้านอาหารจะให้บริการเดลิเวอรี่ผ่านแพลตฟอร์มรายใหญ่ ข้อดีคือพวกเขาสามารถเข้าหากลุ่มผู้บริโภคได้เป็นจำนวนมาก ข้อเสียคือคู่แข่งในแพลตฟอร์มเดียวกันก็มีมากเช่นกัน ทั้งยังเสียค่า GP ขั้นต่ำราว 30-35% รวมถึงค่าจัดส่ง ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจต่อผู้บริโภคอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการหลายรายถึงหันมาใช้วิธี ‘Delivery & Go’ หรือขายของผ่านช่องทางของร้านเอง”

Delivery & Go เป็นเทคนิคที่มีผู้ประกอบการหลายรายหันมาใช้มากขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งร้านจะใช้วิธีสอบถามความต้องการหรือรับออเดอร์ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของตัวเอง อย่าง Facebook, Line หรือ Instagram ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะให้บริการจัดส่งโดยกำหนดพื้นที่ หรือบางร้านจะใช้วิธีเปิดรับออเดอร์เป็นเส้นทางยาว แล้วจัดส่งตามลำดับอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ข้อดีของเทคนิคนี้คือการไม่ต้องแบกรับต้นทุน อย่างค่า GP และสามารถลดต้นทุนค่าจัดส่ง โดยอาศัยการส่งสินค้าพื้นที่ใกล้เคียงกันในครั้งเดียว เพียงแต่วิธีนี้อาจไม่สามารถจัดส่งได้ในทันที หรือต้องใช้วิธีพรีออเดอร์ล่วงหน้า ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าในทันทีได้

“เราจะเห็นได้ว่าเชนร้านอาหารขนาดใหญ่หลายรายเริ่มมีแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เป็นของตัวเอง เพื่อลดต้นทุนต่างๆ ที่ไปผูกกับแพลตฟอร์มรายอื่น ซึ่ง Delivery & Go ถือเป็นเทคนิคที่มีความคล้ายคลึงกันและเหมาะกับผู้ประกอบการระดับเล็กถึงกลางมากกว่า อีกทั้งวิธีนี้ยังมีข้อดีในด้านการสต็อกวัตถุดิบ ให้สดใหม่-ไม่คงค้าง ได้สินค้ามีคุณภาพดีก่อนถึงมือลูกค้า ช่วยคุมต้นทุนและลดความเสี่ยงได้ไปในตัว และยังทำให้เกิดความประทับใจในแบรนด์ มีโอกาสนำไปสู่การซื้อซ้ำ หรือร้านอาจใช้เพิ่มความน่าดึงดูด โดยการสอดแทรกโปรโมชั่นและการตลาดเพิ่มเข้าไปในแพลตฟอร์ม Delivery & Go ของตัวเอง ก็เป็นหัวข้อที่น่าสนใจเช่นกัน” นางสาวสุภาภรณ์ กล่าวเสริม

แม้ธุรกิจร้านอาหาร จะถูกผลกระทบในการระบาดระลอก 3 ทว่าธุรกิจเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงกันอย่าง “ธุรกิจกาแฟ” กลับเป็นตลาดที่มีความได้เปรียบจากเซกเมนต์ที่หลากหลาย แม้ร้านกาแฟจะถูกผลกระทบไม่ต่างจากร้านอาหาร แต่ด้วยการปรับตัวที่ยืดหยุ่นกว่า ไม่จำเป็นต้องยึดกับการชงสดเพียงอย่างเดียว เมื่อรวมกับทางเลือกแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อีกด้าน จึงทำให้ผู้ประกอบการร้านกาแฟลอยตัวสวนกระแส และมีเซกเมนต์ให้เลือกเล่นมากกว่าร้านอาหารอย่างเห็นได้ชัด

นางสาวสุภาภรณ์ ให้ข้อมูลว่า “แน่นอนว่าธุรกิจกาแฟเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกนี้ไปไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้กลับมาตั้งลำได้เร็วกว่าธุรกิจร้านอาหาร คือเซกเมนต์ที่ตอบต่อโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนดื่มกาแฟ ที่มองกาแฟเป็นมากกว่าเครื่องบริโภค แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ต้องทำอยู่ทุกวัน อีกทั้งเซกเมนต์เหล่านี้ยังมีความหลากหลายกว่า เพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจตามแนวทางที่ตัวเองถนัดได้ง่ายกว่าด้วย เช่น กาแฟพร้อมดื่มที่โดดเด่นไม่แพ้กาแฟสด หรือจะเป็น กาแฟชนิดพิเศษและอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่เข้ามาเสริมให้กาแฟสดมีความโดดเด่นน่าซื้อยิ่งขึ้น”

กาแฟพร้อมดื่ม (Ready-to-Drink Coffee) คือธุรกิจกาแฟที่กำลังอยู่ในตลาดขาขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ อย่างกาแฟสกัดเย็น หรือ Cold Brew วิธีการชงด้วยน้ำเย็น ให้รสสัมผัสที่ละมุน ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ และสำหรับธุรกิจกาแฟสด ได้มีการตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วย กาแฟชนิดพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีเอกลักษณ์ทั้งกลิ่น รส หรือสตอรี่ต่างๆ ที่ดึงเอาสนใจจากผู้บริโภคได้ดี รวมไปถึงการใช้ อุปกรณ์ชงกาแฟแก้วเดียว (Single-Cup Coffee) อย่าง อุปกรณ์กาแฟดริป, หม้อต้ม Moka Pot มาเป็นจุดขายเรื่องกรรมวิธีชง หรือแม้แต่ทำเป็นธุรกิจขายอุปกรณ์โดยตรง ต่างก็มีแนวโน้มเติบโตด้วยดี

นอกเหนือไปจากกลุ่มตลาดร้านอาหารแล้ว อีกหนึ่งตลาดที่อยู่ในวงการอาหารและได้รับผลกระทบจากโควิดไม่แพ้กัน คือ “ธุรกิจงานจัดแสดงสินค้า” หรืออาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจในมือของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ก็กำลังเผชิญกับการเอาตัวรอดอย่างหนักอยู่เช่นกัน ทว่าสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า คืออินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กำลังจะจัดงาน “ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021” ในเดือนกันยายนนี้ และสำหรับมุมมองของอินฟอร์มา  มาร์เก็ตส์แล้ว

“ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021 คือโอกาสในการสร้างทางรอดของธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟรวมถึงธุรกิจด้านการบริการและงานแสดงสินค้าไปได้พร้อมๆ กัน”

นางสาวสุภาภรณ์ ให้ข้อมูลว่า “ทางเราเล็งเห็นว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่มีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น และธุรกิจกลับมาเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง งานแสดงสินค้าถือเป็นทางเลือกสำคัญในการที่จะฟื้นฟูภาคธุรกิจ ประกอบกับเนื้อหาในงานสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารร้านกาแฟรวมถึงธุรกิจด้านการบริการได้ เราก็เชื่อมั่นว่างานจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าการจัดงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ก็มีการปรับตัวหลายด้านไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆแม้แต่น้อย สิ่งแรกที่เราทำคือการหันมาใช้รูปแบบของ ไฮบริด (Hybrid Edition) ประกอบด้วย การจัดงานในรูปแบบปกติ (Physical Exhibition)  และการจัดแสดงงานในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Exhibition) ดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมโยงการค้าแบบบีทูบี และเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าชมงานจะพบปะผู้ประกอบการจากต่างประเทศในรูปแบบ ไฮบริด พาวิลเลียน (Hybrid Pavilion) เป็นงานแสดงสินค้าผ่านบูทเสมือนจริง (Virtual booth) ที่พร้อมอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมงานทั้งในและต่างประเทศ ที่ช่วยให้การทำธุรกิจเกิดได้อย่างไร้ข้อจำกัด”

“ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021” เป็นงานแสดงสินค้าที่เกิดจากความร่วมมือขององค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือ ของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร การค้า และการบริการ โดยมีการจัดแสดงสินค้าจาก 6 โซนหลัก อย่าง อาหารและเครื่องดื่ม, ชาและกาแฟ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไวน์, อุปกรณ์และเครื่องใช้ในครัว, อุปกรณ์และเครื่องใช้สำหรับธุรกิจโรงแรม, สินค้าเทคโนโลยีและบริการสำหรับธุรกิจโรงแรมและค้าปลีก และยังมีไฮไลท์ 2 โซว์ใหม่ อย่าง ร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) รวมถึงโซนกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand)

รวมถึงมีการเปิดตัว “สลัดเพลท” (Saladplate) ดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมโยงการค้าแบบบีทูบี (B2B) สู่รองรับฐานข้อมูลของงานฟู้ดแอนด์โฮเทลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โชว์รูมสินค้าออนไลน์ ที่แสดงรายละเอียดทั้งภาพและวิดีโอชัดเจน, ระบบนัดหมายเพื่อเจรจาการค้า บริการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ช่วยให้ผู้ค้าและผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถเชื่อมต่อและทำธุรกรรมร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ตอบโจทย์แนวโน้มของธุรกิจยุค New Normal ทั้ง ธุรกิจออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ หรือเดลิเวอรี่ ได้เป็นอย่างดี

นางสาวสุภาภรณ์ เผยว่า “งานฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ ในปี 2021 นี้ จะมีความพิเศษเป็นอย่างมาก เนื่องจากการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวกันครั้งแรกของผู้ประกอบการชั้นนำ นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ขึ้น ตัวงานจะเต็มไปด้วยไอเดีย แนวโน้ม หรือโซลูชั่นล่าสุด ที่สามารถนำมาใช้ประกอบธุรกิจได้จริง ให้ผู้ประกอบการได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และยังมีความรู้ในแง่มุมต่างๆ จากการสัมมนาออนไลน์และเวิร์คช็อป อีกทั้งแพลตฟอร์มตัวใหม่อย่าง สลัดเพลท จะเข้ามาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่สามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการ จากอีเว้นท์ฟู้ดแอนด์โฮเทลทั่วโลกเข้าด้วยกัน และเครือข่ายขนาดใหญ่นี้คือจุดหมายที่จะมาเปลี่ยนแปลงทั้งธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ การบริการ หรือแม้แต่งานจัดแสดงสินค้า ให้มองเห็นทางรอดจากโควิดระลอก 3 ไปได้พร้อมๆ กันในท้ายที่สุด”

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน “ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021” สามารถติดตามรายละเอียดการจัดงานฯ และกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.foodhotelthailand.com

 

รักบ้านเกิด เผยวิสัยทัศน์ใหม่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 21

บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด ผู้สร้างสรรค์สื่อดิจิทัลและธุรกิจเกษตรสร้างสรรค์สู่ความยั่งยืน ถือเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้กับเกษตรกร โดยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา รักบ้านเกิดได้เชื่อมโยงเกษตรกรและคนเมืองเข้าไว้ด้วยกัน โดยให้การส่งเสริมและสนับสนุนความรู้ด้านการเกษตร พร้อมข่าวสารเทรนด์การทำธุรกิจเกษตรที่เป็นประโยชน์เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้สำนึกรักบ้านเกิดของตน

พิรชัย เบญจรงคกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด

ในปี 2021 นี้ ภายใต้การบริหารของ นายพิรชัย เบญจรงคกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นตั้งใจไว้ว่า “รักบ้านเกิด มีหัวใจหลักสำคัญคือ การส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรไทยให้ได้รับทั้งความรู้ข่าวสารและโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ พร้อมกับขับเคลื่อนด้วยแรงบันดาลใจและผสานนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพตามหลักมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน”

รักบ้านเกิด ถือเป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิดในจิตใจของคนรุ่นใหม่ สร้างต้นแบบเกษตรกร พร้อมปลุกกระแสเกษตรอินทรีย์เชิงสร้างสรรค์ สร้างการรับรู้และขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มเกษตรกร สร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ส่งผลให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีแผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน ซึ่งรักบ้านเกิดในปีนี้เองได้เดินทางมาครบ 20 ปีบริบูรณ์ พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 โดยในปี 2021 นี้ มีภารกิจสำคัญเพื่อสร้างความยั่งยืนภายใต้แนวคิด “เกษตรสร้างสรรค์ สุขยั่งยืน” กับ 21 โครงการที่จะนำไปสู่ 5 สร้าง ดังนี้

  1. สร้างแรงบันดาลใจ – รักบ้านเกิดนำเอา 21 เรื่องราวแรงบันดาลใจจากคนต้นแบบที่เป็นเกษตรกรทั้ง 21 คน มาถ่ายทอดความรู้และแชร์ประสบการณ์เพื่อเปิดโลกทางการเกษตรใหม่ๆ พร้อมก้าวหน้านำเทรนด์เกษตรสร้างสรรค์ไปสู่ความยั่งยืน
  2. สร้างเครือข่ายและพัฒนาเกษตรกร – รักบ้านเกิดพร้อมสร้างชุมชนต้นแบบวิถีเกษตรอินทรีย์สร้างสรรค์ ผ่านการจัดกิจกรรมอบรมสัมมนาและพัฒนาความรู้ทางด้านเกษตร เกิดเป็นชุมชนเกษตรสร้างสรรค์ พร้อมเชื่อมโยงคนปลูกและคนเมืองให้ได้ใกล้ชิดกันภายใต้การเป็นสมาชิกครอบครัว “RAKBANKERD FAMILY CLUB”
  3. สร้างรายได้ กระจายสู่ชุมชุน – รักบ้านเกิดสวนกระแสโควิด พร้อมสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนด้วยการส่งมอบวัตถุดิบเกษตร คัดสรรพืชผักผลไม้สดใหม่ ส่งตรงจากไร่ถึงมือคุณ ผ่านการสร้างตลาดสินค้าเกษตรแบบไร้ร้อยต่อเชื่อมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผสานกันไว้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้คนเมืองได้ช้อปสินค้าสุขภาพดีแบบวิถีคนยุคใหม่
  4. สร้างกิจกรรมเพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม – รักบ้านเกิดชวนทุกคนมาสร้างสรรค์การเรียนรู้ ปลูกปัญญาแห่งความยั่งยืน พร้อมท่องเที่ยววิถีใหม่ ในเส้นทางความสุขสีเขียวผ่านกิจกรรมพิเศษต่างๆ ทั้งกิจกรรม GREEN JOURNEY และ GREEN ACADEMY พร้อมคัดสรรของดีสี่ภาคตามฤดูกาลของไทย มอบเป็นของขวัญพิเศษ ที่อิ่มใจทั้งผู้ให้และสุขใจทั้งผู้รับ
  5. 5. สร้างอาหารปลอดภัยเพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืน – รักบ้านเกิดเชิญชวนเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งการช้อปปิ้งสินค้าสุขภาพออนไลน์ผ่านร้าน RAKBANKERD Selected กับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกต่างๆ จากเกษตรกรไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าวคุณภาพดี กาแฟคุณภาพเยี่ยมและผักผลไม้ออร์แกนิก เพื่อให้คุณมีสุขภาพดีได้อย่างมั่นใจ

นายพิรชัย ยังได้กล่าวต่อว่า “ด้วยภารกิจทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สอดคล้องกับเทรนด์รักสุขภาพโดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองที่บริโภคสินค้าออร์แกนิกมากขึ้น  ส่งผลให้ตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งรักบ้านเกิดตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2564 ว่าจะสามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายสินค้าของเกษตรกรไทยให้เติบโตขึ้นได้ 30% จากปี 2563 พร้อมทั้งผลักดันให้ทุกคนหันมาบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้น เพื่อเป็นโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทย และสร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ รักบ้านเกิด ยังเป็นสื่อดิจิทัลเกษตรยุคใหม่ ที่ให้ความรู้และข้อมูลข่าวสารต่างๆทางการเกษตร ทั้งรายงานความเคลื่อนไหว อัปเดตราคาสินค้าเกษตรประจำวันและจุดรับซื้อสินค้าเกษตร ผ่านทางสื่อเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์รักบ้านเกิดเอง ที่เป็นคลังความรู้ด้านการเกษตร เป็นประโยชน์ทั้งต่อเกษตรกรและคนรุ่นใหม่ที่สนใจด้านการเกษตรและวิถีชีวิตอินทรีย์ ส่งต่อคอนเทนต์ต่างๆให้เข้าถึงสังคมได้ง่ายขึ้นด้วยคอนเซปต์ “กินสร้างสุข ปลูกสร้างสรรค์ สุขยั่งยืน” ที่จะชวนคนปลูก คนกิน มาร่วมกันสร้างสุขภาพและสังคมที่ดีไปพร้อมกัน

สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ ของรักบ้านเกิด ได้ที่  www.rakbankerd.com, www.facebook.com/rakbankerd  และ  IG: rakbankerd  หรือแอดไลน์มาพูดคุยกันได้ที่  Line@ : @rakbankerd