Doraemon Time Machine Bucket Set เริ่มขาย 11 มิ.ย. นี้

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ต้องบันทึกสถิติใหม่ของการเปิดขายชุด Movie Bucket Set จากผลสำเร็จของการขาย Movie Bucket Set Fast&Furious9 ขายหมดใน 3 วัน หลังจากวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เหล่า Delivery Man และลูกค้าต้องมายืนรอคิวซื้อ ล่าสุดส่ง Doraemon Time Machine Bucket Set ออกมาจำหน่ายต่อในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ แฟนพันธุ์แท้ซื้อด่วนก่อนสินค้าหมด ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขาทั่วประเทศ ซื้อสะสมได้ในราคาเพียง เซ็ทละ 350 บาท ประกอบด้วย

• Doraemon Time Machine พร้อมป๊อปคอร์น ทู โก ในถุงซิปล็อค ขนาด 85 ออนซ์ 1 ถุง
• น้ำอัดลม ขนาด 44 ออนซ์ 1 แก้ว พร้อมรับสิทธิ์ Refill เติมน้ำอัดลมฟรีไม่อั้น สำหรับลูกค้าที่ซื้อที่โรงภาพยนตร์ สามารถเติมน้ำอัดลมได้ไม่อั้นภายในวันที่ซื้อสินค้า โดยนำใบเสร็จมาแสดงที่จุดจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม

แฟนพันธุ์แท้นักสะสมชุด Movie Bucket Set คอลเลคชั่นจากภาพยนตร์ไม่ควรพลาด! เพราะเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้คัดสรร Bucket Set คาแรคเตอร์จากภาพยนตร์ลิขสิทธิ์แท้ ซึ่งเป็นได้ทั้งของสะสม และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกหลากหลาย อาทิ เป็นกระปุกออมสิน, ที่เก็บของเอนกประสงค์ และกระถางใส่ต้นไม้ ได้อีกด้วย

 

Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale กับภารกิจปลดล็อกทองคำ 16 บาท

กลายเป็นโชว์ที่แฟน ๆ นักช้อปตั้งตารอทุกเทศกาลช้อปปิ้งไปแล้วสำหรับกิจกรรมไลฟ์ของลาซาด้า เพราะนอกจากเสิร์ฟความสนุกสุดมันส์ทะลุจอให้ได้ช้อปและฟินกันอย่างเต็มอิ่ม ลาซาด้ายังใจดีแจกทั้งส่วนลดจุใจและรางวัลพิเศษสำหรับผู้ชมแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะแคมเปญ Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale ปีนี้ ลาซาด้าจัดหนักยกทัพดารามาดวลไมค์ร้องเพลงกันในภารกิจวัดใจ ‘Lazada 6.6 Super Battle Show ร้องจบ เราแจก’ ซึ่งเหล่าซุปตาร์ตัวท็อปพร้อมใจกันทุ่มสุดตัวในการพิชิตภารกิจเพื่อปลดล็อกทองคำ 16 บาท มาแจกให้ผู้ชมกันแบบสด ๆ ผ่าน LazLive และลาซาด้ายังขนขบวนสินค้าราคาลดกว่า 90% มาให้ช้อปกันต่อยาว ๆ จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2564 นี้เท่านั้น

จบไปแล้วสำหรับ Lazada 6.6 Super Battle Show กับภารกิจ ร้องจบ เราแจก แต่ความสนุกยังไม่จบ งานนี้ลาซาด้าเก็บภาพบรรยากาศความสนุกสุดฮาจากไลฟ์ปาร์ตี้มาฝากสาวกนักช้อปที่พลาดชม โดยเฉพาะโมเมนต์หล่อ ๆ ของสองหนุ่ม ไบร์ท-วชิรวิชญ์ และ วิน-เมธวิน ที่มาโชว์เสียงร้องเพราะ ๆ ในภารกิจสุดน่ารักที่ทำผลงานได้โดนใจจนพิชิตรางวัลมาให้ผู้ชมได้สำเร็จ และยังมีคู่พระนางสายบู๊อย่าง เข้ม-หัสวีร์ และ การ์ตูน-ณัฐฌา ที่งานนี้ขอพักรบมาจับไมค์ร้องเพลงเอาใจแฟน ๆ โดยหนุ่มเข้มมาในเพลง ‘โปรดส่งใครมารักฉันที’ กับภารกิจกระโดดไปร้องไปสไตล์ขาร็อก และสาวการ์ตูนกับเพลง ‘จะรักหรือจะร้าย’ ที่ถือลูกโป่งร้องเพลงได้น่ารักสดใสจนทำภารกิจสำเร็จเอารางวัลมาแจกให้ผู้ชมทางบ้านได้ทั้งคู่

แต่โมเมนต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ภารกิจวัดใจของเหล่าซุปตาร์รุ่นใหญ่ บอย-พิษณุ, จียอน, เจนนี่-ปาหนัน และ ซานิ-นิภาภรณ์ ที่งานนี้โดนแกงหม้อใหญ่กับความท้าทายที่ทั้งโหดและฮาจนแทบจะร้องเพลงต่อไม่ไหว เริ่มที่หนุ่มบอยกับเพลง ‘คนใจง่าย’ ที่ตกเป็นเป้านิ่งโดนยิงด้วยลูกบอลต่าง ๆ จนต้องโชว์สเต็ปเทพหลบไปร้องไป แต่แม้จะโดนยิงเต็ม ๆ เข้าที่กลางหลัง เสียงก็ยังดีไม่ตก ส่วนสาวจียอนเจอกับภารกิจร้องเพลงกลางอากาศบนแทรมโพลีนยักษ์กับเพลง ‘LOVE’ กระโดดไปร้องไปจนเสียงสูงเกือบติดเพดาน ด้าน เจนนี่-ปาหนัน มาโคฟเพลง ‘จีนี่ จ๋า’ ผสมกลิ่นอายหนังตะลุงได้เป๊ะทั้งท่าและเสียง แม้เจอกับภารกิจจิตหลุดต้องร้องเพลงแข่งกับระเบิดลูกโป่งมากมาย แต่ก็ไม่สามารถหยุดลีลาสุดแซ่บของสาวใต้คนนี้ได้ และสาวเปรี้ยวคนสุดท้าย ซานิ-นิภาภรณ์ เปิดโชว์ด้วยเพลง ‘Play Girl’ สวย ๆ บนเครื่องหมุนแบบนอนสต็อป งานนี้สาวซ่าโดนจังหวะดี ๆ ไปสิบกว่ารอบก็ออกอาการมึนจนเกือบลืมเนื้อร้องไปเลยทีเดียว แม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่งานนี้เหล่าซุปตาร์ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็สามารถพิชิตภารกิจและนำรางวัลมาแจกให้ผู้ชมได้สำเร็จ ทั้งทองคำ 16 บาท และรางวัลส่วนลดสินค้าราคาพิเศษอีกมากมายที่ลาซาด้าจัดมาให้ช้อปกันกลางโชว์

สำหรับนักช้อปที่พลาดรับชมก็ไม่ต้องเสียใจไป สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่ https://s.lazada.co.th/s.3ahn8 และงานนี้ยังสามารถช้อปสินค้าราคาพิเศษกันต่อได้ในแคมเปญ Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale เซลใหญ่สุดในกลางปี จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2564 นี้ ซึ่งนอกจากสินค้าลดราคาลดกว่า 90% ลาซาด้ายังใจดีแจก Lazada Bonus สูงสุด 3,600 บาท พร้อมคูปองส่งฟรีทั่วไทย รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.lazada.co.th/66-megamidyearsale-2021

เอส แอนด์ พี ร่วมใจสู้ภัย โควิด-19

บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) นำโดย มณีสุดา ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร เดินหน้าส่งกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่สนับสนุนงานด้านโควิด-19 และประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยส่งมอบอาหารกล่องพร้อมทานเอส แอนด์ พี จำนวน 3,300 กล่อง และน้ำดื่ม มูลค่ารวมทั้งสิ้น 383,355 บาท ระหว่างวันที่ 8-24 พฤษภาคม 2564 ภายใต้โครงการ “S&P ร่วมใจสู้ภัย โควิด-19 ปี 2564”

มณีสุดา ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร กล่าวว่า เอส แอนด์ พี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทย โดยเอส แอนด์ พีได้รับการสนับสนุนข้าวกล้องงอก จากคุณหญิงพรรณทอง มณีศิลป์ บริษัท ข้าวแม่ จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรของเอส แอนด์ พี เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารกล่องพร้อมทาน คุณภาพดี มีคุณค่าทางโภชนาการ ในการนี้ เอส แอนด์ พี ได้ส่งมอบอาหารกล่องพร้อมทานหลากหลายเมนู ปรุงสดใหม่ทุกวัน จำนวน 3,300 กล่อง และน้ำดื่มเอส แอนด์ พี เพื่อเป็นกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่สนับสนุนงานด้านโควิด-19 รวมทั้งบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 เพื่อให้อิ่มท้อง และช่วยเติมพลังให้แก่กันท่ามกลางสถานการณ์โควิดระลอกใหม่นี้

เอส แอนด์ พี ส่งมอบอาหารกล่องพร้อมทานให้แก่หน่วยงานต่างๆ เพื่อกระจายความช่วยเหลือรวม 22 แห่ง อาทิ ชุมชนริมคลองวัดสะพาน, ชุมชนแฟลต22, ชุมชนแฟลต23, ชุมชนวัดคลองเตยใน2, ชุมชนวัดคลองเตยใน3 โดยมี พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้แทนรับมอบ รวมทั้งยังกระจายความช่วยเหลือให้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำนักงานประกันสังคม, ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์, โรงพยาบาลบุษราคัม (โดยกระทรวงสาธารณสุข), ฮอสพิเทล โรงแรมข้าวสาร พาเลส (โดยโรงพยาบาลวชิรพยาบาล), โรงพยาบาลสนามจุฬาลงกรณ์ (โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย), ฯลฯ

เอส แอนด์ พี ขอส่งมอบกำลังใจและความห่วงใย ด้วยการสนับสนุนอาหารสะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการแก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ผู้เสียสละ รวมถึงประชาชนไทย เพื่อเป็นพลังให้เราก้าวผ่านวิกฤตนี้อย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน

บสย. ร่วมโครงการจับคู่กู้เงิน

นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข รองผู้จัดการทั่วไป สายงานสนับสนุน นางผกามาศ สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมลูกค้าและพัฒนาผู้ประกอบการ ร่วมพิธีเปิด โครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิด ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์  เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 พร้อมจัดเต็มส่งทีมที่ปรึกษาจากศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs  (บสย.F.A. Center) และ สำนักงานเขตนครหลวง ให้คำปรึกษาการเข้าถึงสินเชื่อ แนะนำโครงการค้ำประกันสินเชื่อต่างๆ ของ บสย. แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้ประกอบธุรกิจ ร่วมกับบูธจาก ธนาคารกรุงไทย SME D Bank ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และ ธนาคารออมสิน  ระหว่างวันที่ 7-20 มิถุนายน 2564

รพ.หัวเฉียว เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 วันแรก!!

โรงพยาบาลหัวเฉียวพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนโคโรนาไวรัส (COVID-19) สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ที่ลงทะเบียนผ่าน Application “หมอพร้อม” โรงพยาบาลฯ สามารถบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้วันละ 600 คน

ทั้งนี้ โรงพยาบาลฯ มีระบบบริหารจัดการด้วยมาตรการความปลอดภัย มีการเว้นระยะห่างไม่แออัด มีการติดตั้งแอลกอฮอล์ในทุกจุดบริการ และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ในบริเวณพื้นที่รับวัคซีนมีทีมบุคลากรการแพทย์ พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ รองรับในกรณีที่มีผู้ป่วยจากการแพ้วัคซีนที่รุนแรง หรือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็ว

โดยทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลหัวเฉียว พร้อมให้บริการด้วยใจ ตามมาตรฐานคุณภาพการรักษาพยาบาล เพื่อให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

รับสมัคร 15 สตาร์ทอัพนักนวัตกรรมไทยบินโชว์ผลงานใน CES 2022

บริษัท โซเชียลแล็บ จำกัด ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สมาคมไทยไอโอที พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผนึกกำลังร่วมกันเฟ้นหา 15 สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการเทครุ่นใหม่ ที่พร้อมนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้าน Hardware ที่สร้างสรรค์ออกสู่เวทีโลก และประกาศความพร้อมติดสปีดอุตสาหกรรมดิจิทัลเดินหน้า ผลักดันนวัตกรรมไทยให้ตอบโจทย์ธุรกิจสู่เวทีโลก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Thailand Pavilion” ในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก   งาน Consumer Electronics Show (CES) 2022 เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม 2564 ซึ่งสตาร์ทอัพทั้ง 15 คนที่ได้รับการคัดเลือก จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดจากความร่วมมือของ Gadget Accelerator หรือ GAX ผู้สนับสนุนจากทั้ง ภาครัฐ และเอกชน เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญจากวงการนักประดิษฐ์ รวมถึงนักออกแบบ ที่จะช่วยเตรียมความพร้อมและบ่มเพาะสตาร์ทอัพทุกคนให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปแสดงผลงาน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสตาร์ทอัพไทยที่จะได้เรียนรู้ เข้าใจเทรนด์โลกเทคโนโลยีแห่ง อนาคต พัฒนาช่องทางขยายตลาด สร้างเครือข่ายกับพันธมิตรต่างประเทศ และโอกาสในการต่อยอดธุรกิจกับนักลงทุนรายใหญ่

ผู้สนใจที่อยากจะร่วมเป็น 1 ใน 15 สตาร์ทอัพนักนวัตกรรมไทย ที่บินไปโชว์ผลงานไกลถึงงาน CES 2022 ณ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถสมัครส่งผลงานได้ที่ shorturl.asia/RG6Hk ตั้งแต่วันนี้ – 22 มิถุนายน 2564

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล [email protected], Facebook: Gax Community และ Facebook: Ceemeagain

นักลงทุนคาดหวังฉีดวัคซีน Covid-19 ช่วยฟื้นตัวเศรษฐกิจ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤษภาคม 2564 พบว่า “ดัชนีฯ  ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 126.40 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% จากเดือนก่อน ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 เป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด  รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการไหลเข้าของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกสามในไทย รองลงมาคือความขัดแย้งระหว่างประเทศ และผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง.

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนพฤษภาคม 2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (สิงหาคม 2564) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120 -159) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 40
  • ความเชื่อมั่นนักลงทุนเกือบทุกกลุ่มอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ยกเว้นความเชื่อมั่นนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)
  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ แผนการกระจายวัคซีนเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19
  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ระลอกสาม

“ผลสำรวจ ณ เดือนพฤษภาคม 2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 3% อยู่ที่ระดับ 125.37 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% อยู่ที่ระดับ 150.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 26% อยู่ที่ระดับ 118.75 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติคงตัวที่ระดับ 120.00

ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 SET index ผันผวนอยู่ระหว่าง 1,548.13 —1,593.59 โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในสัปดาห์แรก ตามแรงหนุนของตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรป และความคาดหวังที่จะได้จำนวนวัคซีนเพิ่มขึ้นจากการร่วมมือของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างหนักในช่วงกลางเดือน เนื่องจากนักลงทุนกังวลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มสูงเกิดคาด ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมถึงอาจลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดการไว้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งปัจจัยในประเทศซึ่งพบคลัสเตอร์การระบาดใหม่หลายแห่งในกรุงเทพ  จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 2 พันรายต่อวัน การพบไวรัสสายพันธุ์อินเดียในประเทศไทย และความล่าช้าของการกระจายวัคซีน โดยมีปัจจัยบวกคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาลมูลค่ารวม 2.5 แสนล้านบาท ส่งผลให้ SET index ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม ปิดที่ 1,593.59 จุด

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และยุโรป จากการทยอยเปิดประเทศหลังจากประชาชนจำนวนมากได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งจะทำให้ภาคการส่งออกไทยได้อานิสงส์ไปด้วย การติดตามผลการประชุมธนาคารกลางในยุโรป สหรัฐ  ญี่ปุ่นและอังกฤษ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการเฝ้าระวังการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านที่อาจส่งผลกระทบต่อไทย อาทิ มาเลเซีย เวียตนาม ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การสรรหาและแจกจ่ายวัคซีนในประเทศให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ ผลการพิจารณา พรก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท และผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้”

ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมิถุนายน 2564

ผลจากดัชนีสะท้อนการคาดการณ์ของตลาดที่คงมุมมองเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว ว่า กนง. จะรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และอายุ 10 ปี คาดการณ์ว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงนักจากวันที่ทำการสำรวจ (21 พ.ค. 64) โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นที่คาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และ 10 ปีอาจไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่อาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น และการออก พรก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของ COVID-19 และความไม่แน่นอนของการฉีดวัคซีนที่อาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวลงได้เช่นกัน

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมิถุนายน 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. รอบเดือนกุมภาพันธ์นี้อยู่ที่ระดับ 47 ไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งที่แล้วและยังอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)” สะท้อนมุมมองของตลาดที่คาดว่าการประชุม กนง. ในเดือนมิถุนายนนี้ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.5 เนื่องจาก เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าลงจากการระบาดของ COVID-19 ระลอก 3 และ ธปท. ได้ทำการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจและ SME ต่างๆ ความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงลดลง
  • ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปีและ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanged)” โดยดัชนีปรับตัวลดลงจากครั้งก่อนจากการมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากขึ้นคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนจะไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปี และ 10 ปี ณ สิ้นไตรมาส 2 น่าจะไม่แตกต่างไปจากวันที่ทำการสำรวจ (21 พ.ค. 64) ที่ระดับ 1.06% และ 1.86% ตามลำดับ  โดยปัจจัยที่มีผลต่อการคาดการณ์ ได้แก่ อุปสงค์และอุปทานในตลาดตราสารหนี้ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลก รวมถึง เศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก

LPN เปิดตัว 2 โครงการใหม่ไตรมาสสอง

LPN รุกเปิดตัว 2 โครงการใหม่ไตรมาส 2 ทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านระดับ Premium มูลค่า 5,500 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “Balance is More” คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ฉลาดเลือก และ “Simply Luxury” บ้านอยู่อาศัยที่มีความเรียบหรู สง่างาม เป็นส่วนตัว เชื่อกระตุ้นยอดขายในไตรมาสสองของปี 2564 ทะลุ 3,000 ล้านบาท

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะยังคงมีอยู่ โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ใน 2 ทำเล ย่านจรัญสนิทวงศ์-สามแยกไฟฉาย และแจ้งวัฒนะ ในไตรมาสสองของปี 2564 มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท

ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย

โครงการแรกที่เปิดตัวเป็นโครงการคอนโดมิเนียม “ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย” มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 3 อาคาร บนทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพในย่านฝั่งธนบุรี ที่สามารถเดินทางเข้า-ออกสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบายทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีจรัญ 13 และสถานีไฟฉาย ออกแบบภายใต้แนวคิด “Balance is More : การใช้ชีวิตที่มากกว่า” อย่าง “พอดี” กับการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต ราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ห้องละ 1.5 ล้านบาท โดยเปิดตัวในเฟสแรก มูลค่า 960 ล้านบาท

ลุมพินี วิลล์ จรัญฯ-ไฟฉาย

“ทำเล จรัญฯ-ไฟฉาย เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีศักยภาพของฝั่งธน เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก เป็นทำเลที่ยังมีความต้องการของตลาด จากผลการสำรวจพบว่า ทำเล “จรัญสนิทวงศ์” มีจำนวนอาคารชุดเหลือขายเพียง 965 หน่วย มีอัตราการขายเฉลี่ย 5% ต่อเดือน โดยมีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 89,700 บาทต่อตารางเมตร โดยในปี 2563 คอนโดมิเนียมในย่านจรัญฯ มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (capital gain) จากการซื้อมาและขายออกไปเฉลี่ยอยู่ที่ ที่ 8% ต่อปี ในขณะที่ผู้บริโภคในทำเลนี้มีกำลังซื้อสูง ทำให้ LPN ตัดสินใจเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลนี้ ในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable Price) พร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถมีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น” นายโอภาส กล่าว

ลุมพีนี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด เพื่อชีวิตที่ “พอดี” อย่างเช่นห้องสตูดิโอที่มีขนาด 25 ตารางเมตร มากกว่าห้องสตูดิโอมาตรฐาน (24 ตร.ม.) ที่สามารถปรับฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งพื้นที่ทำงาน และพักผ่อน (Working & Relaxing Space) และห้องขนาด 1 ห้องนอน ถูกออกแบบให้รองรับกับการใช้ชีวิตที่บ้านที่มากขึ้นทั้งการทำงาน และการพักผ่อน (Work & Life Balance) พร้อมกับออกแบบหน้าต่างให้มีขนาดที่กว้างขึ้นเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ เพิ่มความโปร่งโล่ง ให้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในอาคาร

การออกแบบโครงการคำนึงถึงรูปแบบการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายผ่านการออกแบบโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมในแบบ “Passive Design” ให้แต่ละอาคารมีโครงสร้างเป็น “L-Shape” และออกแบบภูมิสถาปัตย์ฯ ให้แต่ละอาคารไม่ทับซ้อนกัน เพื่อเปิดมุมมองให้ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นทัศนียภาพภายนอกอาคารได้ทุกห้อง และทำให้เกิดทิศทางลมระหว่างอาคาร ช่วยประหยัดการใช้พลังงานในอาคารอีกด้วย

นอกจากนี้ ตัวโครงการยังถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวภายใต้แนวคิดของ “Playground” ขนาดใหญ่ ให้สามารถใช้งานได้จริงโดยแบ่งพื้นที่เป็น สวนสำหรับการออกกำลังกาย สวนพักผ่อน สวนผักและผลไม้แบบ Organic เพื่อส่งเสริมกิจกรรมและอาหารเพื่อสุขภาพ สวนที่อยู่เหนือชั้นอาคารจอดรถที่ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร และติดตั้ง Solar Cell เพื่อใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนสำหรับระบบไฟฟ้าในพื้นที่สวนของโครงการ เป็นส่วนที่ “มากกว่า” อย่าง “พอดี” สำหรับทุกคนในแต่ละมุมของโครงการ

บ้าน 365 เมืองทอง
บ้าน 365 เมืองทอง

และปลายเดือนมิถุนายน 2564 LPN มีแผนเปิดตัวโครงการ “บ้าน 365 เมืองทอง” มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ที่ระดับราคาเริ่มต้นที่ 9-19 ล้านบาท “บ้าน 365 เมืองทอง” เป็นบ้านในระดับ Premium บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองทองธานี ติดทางด่วนและรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่ออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก “Simple Luxury” เรียบหรู สง่างาม เป็นส่วนตัว ผสมผสานการออกแบบของสถาปัตยกกรรมสไตล์ Modern บนการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ทุก Lifestyle การใช้ชีวิต ใน Concept “A Place of My Crafted Life” ประกอบด้วย ทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น บ้านแฝดสูง 3 ชั้น และโฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น รวมทั้งสิ้น 190 หลัง

“ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 จะยังคงมีอยู่ แต่ด้วยมาตรการการดูแลผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Healthy) ลดการสัมผัส (Touchless) และการเว้นระยะห่าง(Social Distancing) โดยการนัดหมายล่วงหน้า รวมถึงการเยี่ยมชมโครงการโดยใช้ Virtual Visit ที่ลูกค้าสามารถขอชมห้องตัวอย่างออนไลน์เพื่อการตัดสินใจเบื้องต้นได้ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสสองของปี โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท ในไตรมาสสองของปี 2564 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาทในปี 2564 นี้ และในช่วงไตรมาสสามของปี 2564 เรามีแผนที่จะเปิดโครงการบ้านพักอาศัยอย่างต่อเนื่องในอีกหลายทำเล อาทิ ลาดพร้าว 101 และ บางบัวทอง เพื่อตอบโจทย์ความ ต้องการของผู้บริโภค” นายโอภาส กล่าว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LPN Call Center 02-689-6888 หรือ Facebook : LPN Connect หรือแอพพลิเคชั่น LINE OA ที่ @LPNConnect http://bit.ly/PR-LPN-2020

 

B52 ย้ายหุ้นเทรดหมวดพาณิชย์ ประเดิม 11 มิ.ย.นี้

บมจ.บี-52 แคปปิตอล (B52) ติดปีกบิน หลังตลาดหลักทรัพย์อนุมัติ ย้ายหุ้นเทรดจากกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดธุรกิจแฟชั่น ไปอยู่กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ ประเดิมวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ฟาก “นราวดี วรวณิชชา”ซีอีโอ ระบุการย้ายหุ้นเทรดหมวดพาณิชย์ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เดินหน้าขยายธุรกิจเครือข่ายค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 120,000 ร้านค้า ผ่านแพลตฟอร์ม “ทันใจดี”เต็มสปีด พร้อมลุยธุรกิจออนไลน์ และดิจิทัล หนุนผลงานปีนี้เทิรน์อะราวด์ ผลักดันอนาคตเติบโตยั่งยืน

นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี-52 แคปปิตอล หรือ B52 เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดแนวทางในการทบทวนและปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน โดยพิจารณาจัดตามประเภทธุรกิจที่สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้บริษัทเป็นสำคัญ และจะทบทวนความเหมาะสมของกลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนทุกบริษัทเป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้ จากการพิจารณาโครงสร้างรายได้ และลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัท ประกอบกับข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2563 (แบบ 56-1) และงบการเงินประจำปี 2563 แล้ว พบว่ามีบริษัทที่โครงสร้างรายลักษณะการประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ปรับย้ายบริษัทให้อยู่กลุ่มอุตสาหกรรม และหมวดธุรกิจที่เหมาะสมยิ่งขึ้น โดย บมจ.บี-52 แคปปิตอล (B52) มีรายได้หลักจากธุรกิจการให้บริการทางพาณิชย์ จัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท จึงปรับย้ายจากกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) หมวดธุรกิจแฟชั่น (Fashion) ไปยัง กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (Services) หมวดธุรกิจพาณิชย์ (Commerce) และการปรับย้ายกลุ่มอุตสาหกรรม และหมวดธุรกิจให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

“การย้ายหุ้น B52 เข้าไปซื้อขายในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการหมวดพาณิชย์ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน หลังจากที่บริษัทฯได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อให้มีรายได้และกำไรเติบโตได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกันหมวดพาณิชย์ เป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน  ดังนั้น หุ้นของบริษัทน่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีด้วยเช่นกัน”

นางสาวนราวดี กล่าวอีกว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี2564 บริษัทวางเป้าหมายกลับมาเทิร์นอะราวด์ หลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ซึ่งมีเป้าหมาย และแนวทางที่ชัดเจน มุ่งเน้นการทำธุรกิจในเครือข่ายค้าปลีกทั่วประเทศกว่า 120,000 ร้านค้า ผ่านแพลตฟอร์ม “ทันใจดี” ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal ซึ่งจะทำให้ร้านค้าปลีกมีความเข้มแข็ง และเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท B52 อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบริษัทกำลังดำเนินงานธุรกิจผ่านร้านค้าปลีกในเครือข่าย เช่น การให้บริการทางการเงินกับพันธมิตรแก่ร้านค้า (B2B) และ แก่ลูกค้าของร้านค้า (B2C) ผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทฯ เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอี สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นต้น รวมทั้งบริษัทได้เพิ่มรูปแบบการให้บริการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ผ่านร้านค้าปลีกทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทกำลังดำเนินงานขยายธุรกิจออนไลน์ และดิจิทัล ผ่านบริษัท วันดิจิตอลเน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ B52 ที่มีฐานลูกค้ากว่า 2 ล้านคนในแต่ละเดือน หรือ 24 ล้านคนในแต่ละปี โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทได้เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย

NDR จ่อส่งมอบรถ EV ล็อตแรก 30 คัน ภายในมิ.ย.นี้

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา (ที่ 3 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ  บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ NDR, นายสรณัญซ์ ชูฉัตร (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด  และ นายภัทรวิน มหัธนสกุล (ที่ 2 จากซ้าย) Cluster Manager จาก Robinhood เดินหน้าโปรเจ็ค EV ลงพื้นที่ดูโรงงานประกอบ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทฯมีแผนส่งมอบรถล็อตแรกจำนวน 30 คันภายในเดือนมิถุนายน จากนั้นจะส่งมอบอีก 70 คันในเดือนกรกฎาคม 2564  โดยมี นาย กรกฤช จุฬางกูร (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี ให้การต้อนรับและนำทีมพาเยี่ยมชมไลน์การประกอบ ณ บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา