DRT มั่นใจผลงานครึ่งปีแรกเติบโตตามแผน

บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT ประเมินผลงาน 5 เดือนแรกยังร้อนแรงต่อเนื่อง รับดีมานด์ลูกค้าโครงการขยายตัวดีขึ้น มั่นใจครึ่งปีแรกเติบโตตามเป้า พร้อมตอกย้ำความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้กลยุทธ์ ‘สวยครบเซตตราเพชรทั้งหลัง’ ผ่าน Diamond Cafe ร้านกาแฟสำเร็จรูป เจาะกลุ่ม SMEs ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ และรับจังหวะ WFH หนุนผู้บริโภคปรับปรุงและต่อเติมที่อยู่อาศัยมากขึ้น

นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูปและบริการหลังการขายภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า ภาพรวมบรรยากาศการซื้อสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่า ช่องทางจำหน่ายลูกค้าโครงการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่ช่องทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ และตลาดส่งออกยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีเช่นกัน

ขณะเดียวกัน การเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ NT-11 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาของ DRT ทำให้มีขีดความสามารถด้านการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์สูงขึ้น ทั้งด้านกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกช่องทาง ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าของ ‘ตราเพชร’ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและคาดว่าผลงานในช่วงครึ่งปีแรก DRT จะยังขยายตัวได้ตามแผน และจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน

นายสาธิต กล่าวว่า บริษัทฯ ยังเห็นเทรนด์กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่ต้องการสร้างร้านกาแฟสำเร็จรูป ร้านอาหารหรือร้านค้า จึงเป็นโอกาสที่ดีของ DRT ในการตอกย้ำ กลยุทธ์ ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ ผ่าน Diamond Cafe ร้านกาแฟสำเร็จรูป โชว์จุดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘ตราเพชร’ สามารถสร้างร้านได้ทั้งหลัง พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ง่ายต่อการติดตั้งในระยะเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ยังตอบโจทย์สำหรับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยอีกด้วย หลังจากผู้บริโภคบางส่วนต้องทำงานที่บ้าน (Work from Home หรือ WFH) จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการต่อเติมห้องทำงานขนาดเล็ก โดยจะสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อสินค้าของ ‘ตราเพชร’ ได้อีกทางหนึ่ง

“Diamond Cafe จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของเรา ที่ตอกย้ำถึงความหลากหลายของสินค้าตราเพชร สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้า และช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของเราเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว

AQ ลุยจัดโปรฯ ฟื้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรม

AQ หรือ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ข่าวเงียบไปพักใหญ่ วันนี้รู้แล้วว่าไม่ได้หายไปไหนแต่เพราะบริษัทกำลังมุ่งมั่งตั้งใจฟื้นทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมอย่างเต็มกำลัง ให้ลุยผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้อย่างราบรื่น โดยล่าสุดออกแคมเปญฮอต #ฉีดโปรเด็ด! กับ 5 โครงการบ้านและคอนโดในเครือ AQ ESTATE ที่เป็นโครงการคุณภาพเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ด้วยทำเลทองพร้อมส่วนกลางแบบจัดเต็ม ทั้งฟิสเนส, คลับเฮาส์ขนาดใหญ่, สระว่ายน้ำ,สนามเด็กเล่น และสวนส่วนกลาง ครบเครื่องทุกด้าน
นอกจากนี้ AQ ยังใจป้ำ เตรียมมอบของแถมกว่า 11 รายการ รวมมูลค่าสูงสุด 2,000,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนวันนี้ เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ ที่ : aqestate.com โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2564 สอบถามรายละเอียดโทร 1636

Mc โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกโตต่อเนื่อง

นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน  บมจ. แม็คกรุ๊ป หรือ MC เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า บริษัทยังคงมั่นใจในผลงานเดินหน้าเติบโตท่ามกลางวิกฤตโควิด 19 และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 60%  ซึ่งตลอดช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาสามารถทำได้มาอย่างต่อเนื่อง และผลงาน งวด 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564   บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 2,709.92 ล้านบาท  ขณะที่กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ทำได้แล้ว 428.72 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่ทำได้ 407.09 ล้านบาท และคาดว่าผลงานไตรมาส 4 จะใกล้เคียงงวดเดียวกันปีก่อน

สำหรับแนวโน้มผลงานในงวดปีบัญชี  2565 ก็จะตั้งเป้ารายได้โต 10-12% อัตรากำไรสุทธิ 14-16% และมั่นใจว่าการเข้ามาร่วมทีมของ  CEO คนใหม่เข้ามาสนับสนุนให้ธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องตามแผนยุทธศาตร์ที่วางไว้เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจ Retail และ FMCG ทั้งในและต่างประเทศมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับกลยุทธ์การตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์โดยวางแผนว่าในปีบัญชี 2565 จะขยายสาขาประมาณ  20 แห่ง  ส่วนออนไลน์ก็จะรุกในการทำตลาดมากขึ้น รวมถึงการหาพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งตั้งเป้าว่ารายได้จากช่องทางขายออนไลน์ จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ  15%  ของรายได้รวมทั้งหมด จาก 12% ในปัจจุบัน

“Mcเรามีจุดแข็งแกร่งเพราะเป็น cash rich มีเงินสดกว่า 1.7พันล้าน มี strategic asset for growth มี ability to execute และ tech and talent ซึ่งจะสร้างโอกาสในการเติบโตได้ต่อเนื่อง และเรามุ่งมั่นจะขยายสู่อาหารเครื่องดื่มและไลฟ์สไตล มากขึ้น รวมทั้งขยายตลาดสู่สินค้าที่ไม่ใช่ยีนส์อย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากดูตัวเลขสำคัญทางการเงินของ MC เรามีความแข็งแกร่งมาก มีระดับ ROE ระดับ12-13% ขณะที่การจ่ายเงินปันผลก็สูงกว่านโยบายมาตลอดตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยจ่ายในอัตราเฉลี่ย 80% ของกำไรสุทธิ จากนโยบายที่กำหนดจ่ายไม่น้อยกว่า 50%ของกำไรสุทธิ

พาราไดซ์ พาร์ค เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19

ขานรับนโยบายภาครัฐอย่างเต็มสูบ พาราไดซ์ พาร์ค หนุนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วถึง ผนึกกำลัง สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ 8 และ โรงพยาบาลวิภาราม เปิดพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่บริษัทอยู่ในพื้นที่ บางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง เริ่มวันนี้ – 31 ก.ค.นี้ เวลา 08.00-17.00 น. ชั้น 3 โซนบิวตี้ แอนด์ เฮลธ์ (Beauty & Health)

พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค สนันสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ แก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 โดยการสนับสนุนพื้นที่ในการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนได้อย่างครอบคลุมทั่วถึง สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว และกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศชาติให้ขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป โดยร่วมกับ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 และ โรงพยาบาลวิภาราม เปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่บริษัทอยู่ในเขต 8 ได้แก่ บางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง 8 เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้ – 31 ก.ค. 2564 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. บริเวณชั้น 3 โซนบิวตี้ แอนด์ เฮลธ์ (Beauty & Health)

โดยวันแรกของการเปิดหน่วยบริการวัคซีนโควิด-19 ได้รับเกียรติจาก นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นางชณิการ์ โกวะประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 นายวรเศรษฐ์ วิศาลศักดิ์ ผู้อำนวยการเขตประเวศ และนายแพทย์ไพบูลย์ เอกแสงศรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาราม มาตรวจความเรียบร้อยและการดำเนินงานของหน่วยบริการฉีดวัคซีน โดยมีผู้บริหารศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค นางสาวไปรยาภรณ์ แข็งแรง กรรมการผู้จัดการ และนายเอกรัตน์ ชลลัมพี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด ให้การต้อนรับ

สำหรับพื้นที่บริเวณโซนบิวตี้ แอนด์ เฮลธ์ ชั้น 3 (Beauty & Health) ที่จัดเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนนั้น เป็นพื้นที่กว้าง 1,200 ตร.ม. สามารถรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชนที่มารับริการฉีควัคซีนได้มากถึงวันละ 1,000 คน นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกแก่และบุคลากรทางการแพทย์ ระหว่างดำเนินงาน และจัดหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดการดำเนินงาน ขณะเดียวกันผู้ที่มาฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ พาราไดซ์ พาร์ค ขอให้มั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย เพราะศูนย์ฯ ได้ปฏิบัติมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร ภายใต้ 3 มาตรการหลัก คือ คัดกรอง ป้องกัน ปลอดภัย มีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นทั่วทั้งศูนย์ฯ อย่างต่อเนื่อง จัดพื้นที่เว้นระยะห่าง Social Distancing ตามที่ภาครัฐกำหนด ตลอดจนเดินทางที่สะดวก พื้นที่จอดรถกว้างขวาง

นอกจากความพร้อมด้านสถานที่ ความสะอาดและความปลอดภัยขั้นสูงสุด พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับร้านค้าชั้นนำมากมายให้กับผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ผ่าน แคมเปญ THAI SAVE THAI รวมใจฉีดวัคซีน เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน โควิด-19 และบัตรประจำตัวประชาชน รับทันทีส่วนลดของแถมจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. 2564

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เอ็ม บี เค คอนแทคท์เซ็นเตอร์ 1285 พร้อมติดตามกิจกรรม และโปรโมชั่นดี ๆ ของศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ได้ที่ www.paradisepark.co.th หรือเฟซบุ๊กเพจ Paradise Park อินสตาแกรม paradisepark_th และยูทูป paradiseparkchannel

แม็คยีนส์ เปิดตัวแคมเปญ Earth Friendly คอลเลคชั่นใหม่

แม็คกรุ๊ป แบรนด์เครื่องแต่งกาย สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เปิดตัวแคมเปญพิเศษภายใต้คอนเซปต์ Earth Friendly นำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทั้งคอลเลคชั่น Mc Save The World ที่ใช้นวัตกรรม DRY DYE ย้อมผ้าไม่ใช้น้ำเป็นรายแรกในประเทศไทย และคอลเลคชั่น Mc X Toni ที่ได้ “โทนี่ รากแก่น” มาร่วมสร้างสรรค์แฟชั่นสุดฮิป ดีไซน์ด้วยผ้าที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล และผ้าใยกัญชง (Hemp) ที่ทั้งสวมใส่สบาย ดีไซน์สวย พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม

จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบมากขึ้นในปัจจุบัน แม็คยีนส์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว โดยมุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากได้เปิดตัว คอลเลคชั่น Mc Save the World ผลิตภัณฑ์จากขวดพลาสติกรีไซเคิลไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดได้สานต่อความตั้งใจดี เปิดตัวแคมเปญ Earth Friendly ประกอบด้วย 2 คอลเลคชั่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เริ่มด้วยคอลเลคชั่น Mc Save the World ชูนวัตกรรม DRY DYE ย้อมผ้าไม่ใช้น้ำ ครั้งแรกในไทยกับคุณสมบัติเพื่อโลกจากแม็คยีนส์ ประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ทั้งนี้ แม็คยีนส์ ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ใช้นวัตกรรมนี้มาผสานกับแฟชั่น สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เสื้อยืดดีไซน์สวย ที่ผลิตจากกระบวนการย้อมสีที่ไม่ใช้น้ำแม้แต่หยดเดียว โดยเสื้อยืด 1 ตัวสามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 25 ลิตร พร้อมทั้งช่วยประหยัดพลังงานในการผลิต 50% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 50-70% และปราศจากการเติมสารเคมี ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดสารพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังได้ปล่อยอีกหนึ่งคอลเลคชั่นพิเศษในแคมเปญนี้ โดยได้ โทนี่ รากแก่น นักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย มาร่วมสร้างสรรค์คอลเลคชั่น Mc X Toni ด้วยการออกแบบแฟชั่น สไตล์โทนี่ รากแก่น ผสานกับแรงบันดาลใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะรักษาธรรมชาติและทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น โดยผ้าที่นำมาใช้ในคอลเลคชั่นนี้ เป็นผ้าที่มาจากนวัตกรรมการรีไซเคิลขวดพลาสติก PET โดยเนื้อผ้าผ่านนวัตกรรมการผลิตที่ทำให้เนื้อผ้านุ่มสวมใส่สบาย

สำหรับ Mc X Toni ยังมีอีกหนึ่งไอเทมไฮไลต์ นั่นคือกางเกงยีนส์และเสื้อกั๊กที่ผลิตจากผ้าใยกัญชง (Hemp) ที่เป็นพืชที่ประหยัดน้ำในการปลูก แข็งแรงกว่าผ้าฝ้าย ดูดซับความชื้นดีกว่าไนลอน ให้ความอบอุ่นมากกว่าลินิน สีติดทนกว่าผ้าฝ้าย ใส่สบายในหน้าร้อน และให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว ด้วยการออกแบบในสไตล์โทนี่ รากแก่น ผสานกับคุณภาพการตัดเย็บที่ประณีตในแบบฉบับแม็คยีนส์ ออกมาเป็นชุดยีนส์ผ้าใยกัญชงที่ทั้งเท่ สวมใส่สบายและมีความยูนีคไม่เหมือนใครด้วยโลโก้ “Friendly” ซึ่งหมายถึงความเป็นมิตร ด้วยสัญลักษณ์ชูสองนิ้วพร้อมรอยยิ้มที่โทนี่ รากแก่น ตั้งใจดีไซน์เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของคอลเลคชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

กิตติมา วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC

นางสาว กิตติมา วัชโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า เป็นความตั้งใจของแม็คยีนส์ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กับ 2 คอลเลคชั่นที่ใส่ใจธรรมชาติ ทั้ง Save The World กับเสื้อยืดด้วยเนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ผิวสัมผัสเหมือนผ้าคอตตอน กับคุณสมบัติพิเศษที่น้ำหนักเบา แห้งเร็ว ใส่สบาย มีให้เลือกจำนวน 5 ลาย แต่ละลายจะมีความหมายเฉพาะตัวที่สื่อถึงประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน

ส่วน คอลเลคชั่นพิเศษ Mc X Toni ที่ได้ โทนี่ รากแก่น มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น โดยออกแบบเสื้อผ้าสไตล์ที่เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย สวมใส่สบายเหมาะกับคนไทย และดูเป็นกันเอง ในสไตล์ของ “Friendly” ร่วมกับแม็คยีนส์ ซึ่งมีความใส่ใจในขั้นตอนการผลิตเสื้อผ้าที่สามารถ Reuse Reduce Recycle ช่วยลดขยะลดสารพิษที่เกิดขึ้นจากการผลิตแบบปกติ และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ดีไซน์ออกมาเป็นเสื้อยืด เสื้อฮู้ดดี้ กางเกงและหมวก

มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกกับแม็คยีนส์ได้แล้ววันนี้ กับคอลเลคชั่น Save The World และ Mc X Toni ที่ร้านแม็คยีนส์ทุกสาขาหรือช้อปออนไลน์ที่ www.mcshop.com และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/mcjeans

เปิดตัว โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการใหญ่ “โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด” เดินหน้ารับซื้อสินค้าเกษตร ผัก-ผลไม้-สินค้าประมง ผ่านการรับซื้อตรงอย่างต่อเนื่อง หลังลงนามเอ็มโอยูกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ตั้งเป้าหมายรับซื้อเพิ่ม 20%

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่จบลงโดยง่ายและอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ซึ่งได้สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับปัญหาผลผลิตระบายไม่ทัน ล่าสุดแม็คโครจึงได้เปิดตัว ‘โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด’ หลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับซื้อสินค้าเกษตรจากชาวสวนชาวไร่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ผลไม้ตามฤดูกาล ผัก สินค้าประมง พร้อมวางแผนการส่งเสริมการขาย กระตุ้นการบริโภคให้กับลูกค้าทุกกลุ่มผ่านสาขาทั่วประเทศของแม็คโคร

แม็คโคร เรามีทีมพี่เลี้ยงเกษตรกร ประจำภูมิภาคต่างๆ คอยทำหน้าที่ในการลงพื้นที่หาผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยที่มีคุณภาพ และร่วมกันพัฒนาเพื่อให้เกิดการทำเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้หลัก การตลาดนำการผลิต อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคที่เป็นช่องทางสำคัญในการสร้างโอกาสให้เกษตรกรส่งผลผลิตขายโดยตรงมากขึ้น ประกอบกับการประสานงานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ทำให้การแก้ปัญหา สินค้าเกษตรล้นตลาดเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สามารถช่วยเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งคาดว่าในปีนี้เราจะรับซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 20%

แม็คโคร ได้วางแผนการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยในหลายมาตรการ ประกอบด้วย

1. ขยายการรับซื้อและกระจายสินค้าสู่ทุกสาขาทั่วประเทศเพิ่มจาก 170,000 ตันในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะรับซื้อเพิ่มขึ้นอีก 20% หรือ 204,000 ตันในปีนี้

2. แผนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภูมิภาคต่างๆ 6 แห่ง เพิ่มโอกาสในการรับซื้อตรง (Direct sourcing) ให้เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ โดยเปิดแห่งแรกแล้วที่จังหวัดเขียงใหม่

3. การพัฒนามาตรฐานการเพาะปลูกร่วมกับเกษตรกร ด้วยการจับมือกับหลายหน่วยงาน อาทิ ส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนามาตรฐาน GAP ให้เกษตรกร จาก 1,200 ราย เพิ่มเป็น 1,500 รายในปี 2564

4. โครงการจับคู่ธุรกิจ Business Matching ตามภูมิภาคต่างๆ เพิ่มโอกาสเกษตรกรได้เข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงอย่างแม็คโคร

5. การส่งเสริมสภาพคล่อง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการชำระสินค้า (Credit Term) ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30 วัน

สำหรับผลผลิตที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาล้นตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้ ประกอบด้วย ฟักทอง จากเกษตรกรกว่า 200 ครัวเรือนในภาคเหนือและภาคใต้จำนวน 303 ตัน, เผือก จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เผือกหอม อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่มีสมาชิก 100 ครัวเรือน จำนวน 200 ตัน, หน่อไม้หวาน จากกลุ่มเกษตรกร จ.สระแก้วและ จ.ฉะเชิงเทรา 150 ครัวเรือน จำนวน 208 ตัน, พริกสด จากกลุ่มเกษตรกร จ.พัทลุง 50 ครัวเรือน จำนวน 30 ตัน, สับปะรดปัตตาเวีย จากกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรด อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 100 ครัวเรือน จำนวน 18,000 ผลต่อเดือน, สละอินโด จากเกษตรแปลงใหญ่ ต.ตะดละทรายทอง อ.ไม้แก่น และเกษตรแปลงใหญ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 100 ครัวเรือน จำนวน 16 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีสินค้าประมง อาทิ ปลานิล จาก จ.นครพนม จ.โคราช จ.สงขลา 199 ครัวเรือน ซึ่งในระยะเวลาสองอาทิตย์ รับซื้อไปแล้วมากกว่า 3 ตัน และยังมีโครงการรับซื้ออย่างต่อเนื่อง ฯลฯ

นางศิริพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน เรามีเกษตรกรรายย่อยที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโคร มากกว่า 7,000 ราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ยังมีเกษตรกรอีกมากมายที่กำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเราไม่เพียงแค่รับซื้อ แต่ยังวางแผนการพัฒนาร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรรายนั้นๆ ได้เป็นคู่ค้าถาวร มีตลาดที่มั่นคงยั่งยืน ผ่านการกระจายผลิตผลไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่สำคัญของแม็คโคร รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้าจากเกษตรกรไทยสู้ภัยโควิดอย่างต่อเนื่อง

ทำสปาที่บ้านง่าย เริ่มต้นราคาหลักร้อย By รายามณี

อยากเพิ่มความสวยความสุขภาพดีให้ผิว อยากผ่อนคลายราวกับอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ อยากชิลประหนึ่งกำลังจิบชาละมุนอยู่ในคาเฟ่ อยากคุ้มกับความสวยตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าในราคาเริ่มต้นหลักร้อย ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพและเคล็ดลับดี ๆ จากร้าน รายามณี (Rayamanee) ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าคนไทย ต่างชาติทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง จะมาเป็นผู้ช่วยสำคัญในการปรนนิบัติผิวของคุณด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมีทุกสิ่งครบครันพร้อมจะเนรมิตที่อยู่อาศัยของคุณเป็นสปาชั้นเลิศได้ง่ายนิดเดียว จะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย

เปลี่ยนห้องน้ำเป็นสปาสุดหรู

เริ่มจากสร้างบรรยากาศในห้องน้ำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายด้วย น้ำมันหอมระเหย (Aroma Oil) หยดใส่เตาเทียน เตาไฟฟ้า เครื่องพ่นควัน หรือหยดใส่อ่างน้ำนอนแช่ตัวเพลินๆ รับสัมผัสกลิ่นหอม

หลังจากอาบน้ำชำระผิวด้วยสบู่หรือเจลอาบน้ำแล้ว ต่อด้วยการขัดสีฉวีวรรณผิวให้สบายตัวด้วย เกลือขัดผิว Body salt scrub in oil หรือจะใช้ ครีมขัดผิว Body cream scrub ครีมสครับ เนื้อนุ่มละเอียดไม่ทำร้ายผิว เม็ดสครับที่มีกลิ่นหอมอโรม่าจากธรรมชาติและกลิ่นดอกไม้ให้ความรู้สึกสดชื่น อาทิ อัลมอนด์ ใยบวบ สารสกัดมะขาม สารสกัดแตงกวา สารสกัดฝรั่ง กลิ่นหอมจากอัญชัน มีให้เลือกตามความชอบ ซึ่งเคล็ดลับการขัดผิวให้ขจัดเซลล์ผิวหนังและสิ่งสกปรกออกไปได้ดีก็คือการขัดผิวไปในทิศทางขึ้น แถมยังช่วยกระตุ้นในเรื่องของระบบหมุนเวียนเลือดได้ดี จากนั้นนวดวนเป็นวงกลมในบริเวณที่ต้องการกระชับสัดส่วนที่มีการสะสมของไขมัน เช่น บริเวณต้นขา หรือหน้าท้อง

สปาหน้าฟื้นบำรุงผิวออร่ากระจาย

ฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาชุ่มชื่นด้วยเจลมาส์กหน้าว่านหางจระเข้ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากแตงกว่าเข้มข้น ทาไว้ก่อนนอนทิ้งไว้ทั้งคืน หรือจะใช้สูตรโคลนพอกหน้าที่มีสารสกัดนำเข้าจากญี่ปุ่นผสมสารสกัดแตงกวาเข้มข้น พอกทิ้งไว้ 10-15 นาทีพอโคลนเริ่มแห้งรีบล้างออก เช็ดหน้าให้สะอาดและตามด้วยเจลมาส์กหน้าอโรเวร่าบำรุงผิวให้หน้าสวยฉ่ำเด้ง

สปามือให้เนียนนุ่มน่าสัมผัส

ถนอมผิวมือง่าย ๆ หลังจากล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือเจลล้างมือ ขั้นตอนที่ 1 ใช้บอดี้ครีมสครับหรือเกลือสครับผิวตัวขัดวนเบา ๆ โดยเฉพาะตามซอกมือและเล็บ รวมทั้งฝ่ามือ แล้วล้างน้ำเปล่า ขั้นตอนที่ 2 เลือกแช่มือให้เนียนนุ่มได้หลากวิธี เช่น แช่มือในน้ำอุ่นผสมน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกทิ้งไว้ 15-30 นาที หรือ จะแช่ด้วยน้ำนมบำรุงผิว (Milk Bath) ผสมน้ำอุ่น หรือ จะมาส์กมือด้วยเจลที่ใช้กับผิวหน้าก็สามารถเอามาใช้กับมือได้ทั้งแบบล้างออกและไม่ต้องล้าง ขั้นตอนที่ 3 ทาบำรุงผิวด้วยแฮนด์ครีมและนวดเบา ๆ ให้ครีมบำรุงซึมเข้าผิวมากที่สุด ถ้ามีถุงมือแนะนำมาสวมและเข้านอน ตื่นเช้ามามือจะนุ่มชุ่มชื่น บอกลาผิวแห้งกร้าน รายามณีมีครีมบำรุงมือหลายกลิ่นให้เลือก อาทิ ลาเวนเดอร์ (Lavender) ,ตะไคร้ (Lemongrass) ,อัญชัน (Butterfly pea) ,กุหลาบ (Rose) ,มะพร้าว (Coconut) ,มะลิ (Jamine rice) ,มะม่วง (Mango) ,พีช(Peach) ,ดอกบัว (Lotus) ,ลีลาวดี (Frangipani) เป็นต้น

สปาเพื่อสุขภาพและผ่อนคลายเท้า

เดินมาทั้งวัน ถ้าได้สปาเท้าช่วยให้เลือดไหลเวียนดีลดความปวดเมื่อยตึงน่องและขา ลดการเกิดเส้นเลือดขอด โดยแช่น้ำอุ่นกับเกลือทำให้เท้านุ่มและลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่น จากนั้นใช้สครับขัดผิวเท้า แช่ครีมน้ำนมบำรุงผิว หรือจะใช้โลชั่นหรือแฮนด์ครีมบำรุงมือที่มีก็สามารถนำมาใช้นวดเบาๆ ใส่ถุงเท้าสวมขณะนอน ตื่นเช้ามาเท้าจะนุ่มรู้สึกสบาย

จิบชาดอกไม้ กรุ่นกลิ่นหอมละมุนจากธรรมชาติ

ช่วงนี้ WFH ระหว่างวันหรือบ่าย ๆ จัดชาอุ่น ๆ จิบไปทำงานไปเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า รายามณีแนะนำ ชาดอกไม้ออร์แกนิคเลอดี (LERDEE) เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เลือกสรรค์ดอกไม้นานาพันธุ์จากฟาร์มเกษตรอินทรีย์บนดอยสูงของประเทศไทยคุณภาพส่งออกประเทศอังกฤษ กลิ่นหอมอโรม่าจากดอกไม้ธรรมชาติ รสชาติละมุน ทำให้รู้สึกสดชื่น อาทิ ชาดอกอัญชัญ ชาดอกเก๊กฮวย ชาดอกกุหลาบ ชาดอกมะลิ ชาดอกลาเวนเดอร์ ชาดอกบัว และ ชากุหลาบ จะชงอุ่น ๆ ค่อยๆ จิบ หรือ เติมน้ำผึ้ง หรือ น้ำมะนาว ก็จะได้เครื่องดื่มเย็น ๆ ชื่นใจ ช่วยให้ผ่อนคลาย และยังดูแลผิวพรรณให้สดใส บำรุงสุขภาพช่วยระบายอ่อน ๆ อีกด้วย ล่าสุดยังจัดโปรโมชัน ดังนี้ แบบซองราคา 129 บาท ยิ่งซื้อยิ่งคุ้ม 3 ซอง 350 บาท 6 ซอง 699 บาท นอกจากนี้ยังมีแบบเซตชุดชาพร้อมชงให้ได้ฟินทั้งบรรยากาศและรสชาติ โดยไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์ให้ยุ่งยากเพราะในเซตมีครบทั้งกาชงชา ฐานอุ่นเทียนชารูปหัวใจ ถ้วยชา เทียนไร้ควัน และชารสชาติต่าง ๆ ในหลากหลายราคาให้เลือก

เรียกว่าครบเครื่องทุกเรื่องสปา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ถึงช่วงนี้ต้องอยู่บ้านก็ผ่อนคลายได้ ใครที่สนใจและกำลังมองหาผลิตภัณฑ์อโรม่าตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย แวะมาได้ที่ ร้าน รายามณี (Rayamanee) ชั้น 3 ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

เฮงเค็ล ตอกย้ำก้าวสู่ระดับโลกด้านฟุตพริ้นท์ในจีน

เฮงเค็ล ได้ประกาศว่าจะมีการก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีกาวแห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้ ด้วยงบลงทุนมากกว่า 60 ล้านยูโร (500 ล้านหยวน) ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้จะเปลี่ยนโฉมโรงงานที่จางเจียงในปัจจุบันของเฮงเค็ลให้กลายเป็นศูนย์นวัตกรรมสำหรับจีนและเอเชียแปซิฟิก ศูนย์นวัตกรรมใหม่นี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ลในการให้บริการในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและพัฒนาผลิตภัณฑ์กาว ซีลแลนท์ และวัสดุเคลือบผิวชั้นนำสำหรับลูกค้าในภูมิภาคนี้

“ที่เฮงเค็ลนั้น นวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมองค์กรของเรานับตั้งแต่ก่อตั้ง เรามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะเร่งพัฒนานวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของลูกค้าและผู้บริโภค” มาร์ค ดอร์น ประธานเฮงเค็ลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและหัวหน้าฝ่ายช่างฝีมือ งานก่อสร้างและมืออาชีพระดับโลกของเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล กล่าว “ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเสาหลักสำคัญของเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลกของเรา เสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจของเราในประเทศจีนในขณะที่ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งด้านนวัตกรรมระดับภูมิภาคสร้างแรงผลักดันสำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตในประเทศจีนและ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“ประเทศจีนเป็นตลาดหลักสำหรับเฮงเค็ล และการตัดสินใจลงทุนของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับโอกาสทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนวัตกรรม เทคโนโลยี และพนักงานที่มีความสามารถอีกด้วย การลงทุนของเราสอดคล้องกับทิศทางของแผน 5 ปีฉบับที่ 14 ของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมของเราในประเทศจีนและสนับสนุนการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ” ราชาต อกาวาล ประธานของเฮงเค็ลประเทศจีน กล่าว “การก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมของเราในเซี่ยงไฮ้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับประเทศจีนและทั่วโลก

เทคโนโลยีล้ำหน้า พัฒนาด้านความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์

  • ศูนย์นวัตกรรมล้ำสมัยตั้งเป้าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2566 มีพื้นที่รวม 32,000 ตารางเมตร รวมทั้งห้องปฏิบัติการประมาณ 9,000 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงาน 4,000 ตารางเมตร เมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ของเฮงเค็ลมากกว่า 400 คนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สนับสนุนธุรกิจและการให้บริการของเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล

กระชับความสัมพันธ์กับลูกค้า

  • สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นสูงจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและการแบ่งปันความรู้ ด้วยนวัตกรรมการทำงานร่วมกันกับลูกค้า การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญของเฮงเค็ลโดยตรง และพอร์ตโฟลิโอของแอปพลิเคชัน สิ่งอำนวยความสะดวกนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้ประกอบด้วย infinity room ที่จะยกระดับประสบการณ์ด้านดิจิทัลของลูกค้า บันไดไม้วิศวกรรมที่รวบรวมความมุ่งมั่นของเฮงเค็ลในด้านความยั่งยืน และพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการที่จัดแสดงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดและแนวทางเฉพาะด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเฮงเค็ล

ส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมและความหลากหลาย

  • ศูนย์นวัตกรรมในเซี่ยงไฮ้ได้รับการออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งจะมีพนักงานที่หลากหลาย ขับเคลื่อนวัฒนธรรมด้านนวัตกรรม โดยจะมีห้องปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นพร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน และมาตรฐานความปลอดภัยและความยั่งยืนระดับโลก ตลอดจนเครื่องมือดิจิทัลขั้นสูงและห้องปฏิบัติการอัตโนมัติสำหรับการทดสอบและการกำหนดสูตร พื้นที่แยกย่อยที่เปิดกว้างและสร้างแรงบันดาลใจจะช่วยขับเคลื่อนวิธีการทำงานใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์และกำหนดเส้นทางที่หลากหลายไปสู่แนวคิดการทำงานร่วมกันระหว่างเพื่อนร่วมงานและกับลูกค้าของเรา
บันไดไม้ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและความมุ่งมั่น
พื้นที่ใช้สอยต่างๆ ตั้งอยู่ภายใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มเพื่อให้พนักงานและผู้มาเยือน
Infinity room ของศูนย์นวัตกรรมแห่งใหม่เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางด้านดิจิทัล

ยลโฉมแบบบ้านใหม่ French Colonial สไตล์ฝรั่งเศส

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ อวดโฉมแบบบ้านใหม่ ‘French Colonial’ สไตล์ฝรั่งเศส เน้นฟังก์ชันตอบโจทย์ WFH ที่สุดของความสมบูรณ์แบบของการอยู่อาศัย

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ พลิกโฉมดีไซน์แบบบ้านใหม่ในปี 2564 สานต่อความงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสโดยประยุกต์เข้ากับการครีเอทฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สังคมเมือง รองรับการทำงานแบบ Work from home ที่กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนไทยในยุคปัจจุบัน ต่อยอดกระแสนิยมจาก Le Corbusier กับแนวคิดแบบบ้านสไตล์ Modern Geometry พัฒนาสู่สไตล์ French Colonial ผสานแนวคิดบ้านนวัตกรรม iL- Lalin Innovation for Living เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่แห่งการอยู่อาศัย

ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า จากการริเริ่มพัฒนาแบบบ้านในสไตล์ฝรั่งเศสที่เน้นความสวยงามควบคู่กับฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยในปี 2563 จนเกิดเป็นกระแสนิยมต่อเนื่องมาในปี 2564 โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาแบบบ้านใหม่ที่รวมความความโดดเด่นด้านดีไซน์และพัฒนาสู่บ้านนวัตกรรมด้วยแนวคิด iL- Lalin Innovation for Living สะท้อนสู่สัญลักษณ์แห่งการใช้ชีวิตอย่างมีระดับ ภายใต้แบบบ้านดีไซน์ใหม่ในสไตล์ French Colonial

“ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ร่วมมือกับทีมออกแบบ เพื่อนำข้อมูลความต้องการที่ได้จากกลุ่มเป้าหมายมาวิเคราะห์และระดมความคิดเพื่อพัฒนาแบบบ้านที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการได้อย่างแท้จริง ทำให้เราพบปัจจัยหลัก 3 ประการที่ต้องมีอยู่ในบ้านของคนไทยในยุคปัจจุบัน ประกอบด้วย ด้านดีไซน์เน้นความสวยงามทั้งภายในและภายนอก นอกจากนี้ยังมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มคลับเฮ้าส์ Co-working Space และฟิตเนสวิวสวน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการ การคิดเผื่อให้แก่ลูกค้าในเรื่องฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่วันนี้บ้านไม่ได้เป็นแค่บ้าน แต่ต้องสามารถปรับพื้นที่ส่วนต่างๆ ของบ้าน ให้กลายเป็นมุมทำงานหรือมุมกิจกรรมครอบครัวได้อย่างลงตัวตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุค New Normal และสุดท้ายการเสริมความสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยอาศัยนวัตกรรมเข้ามาเป็นตัวเชื่อมก็เป็นเรื่องที่ผู้บริโภคยุคปัจจุบันให้ความสำคัญเช่นกัน ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จึงได้นำ 3 ความต้องการหลักดังกล่าว มาพัฒนาจนกลายเป็นแบบบ้านที่รวมทุกความสมบูรณ์แบบของการดีไซน์ในสไตล์ French Colonial” นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงที่มาของการพัฒนาแบบบ้านใหม่ในปี 2564

ทั้งนี้ แบบบ้าน French Colonial ได้สะท้อนเสน่ห์แห่งสถาปัตยกรรมในสไตล์ฝรั่งเศสออกมาได้อย่างทรงคุณค่า เก็บรายละเอียดของประวัติศาสตร์เรื่องราวที่ยาวนานมาถ่ายทอดออกเป็นแบบบ้านได้อย่างลงตัวพร้อมทั้งเพิ่มความเป็นบูทีคเข้าไป เพื่อส่งมอบคาแรกเตอร์แบบบ้านดีไซน์แนวใหม่เสนอสู่ตลาดบ้านของไทย มอบประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครให้แก่กลุ่มเป้าหมายได้สัมผัส “French Colonial ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความเป็นอยู่ที่มีสไตล์อันทรงคุณค่า เก็บรายละเอียดความงดงามของศิลปะฝรั่งเศสมาปรับให้เข้ากับวิถีการอยู่อาศัยของคนไทยอย่างมีเอกลักษณ์เพื่อพัฒนาสู่สังคมคุณภาพ ให้สมาชิกในครอบครัวอยู่รวมกันอย่างมีความสุข ตอบสนองการใช้งานได้อย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดการออกแบบ 6 มิติ ประกอบด้วย

• Upper Class Design Approach ฟังก์ชันดีไซน์ให้ตอบรับกับทุกช่วงวัยอย่างมีระดับ
• Finest Quality Material ใส่ใจมากกว่าในทุกคุณภาพวัสดุ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน สะท้อนรสนิยมทันสมัย
• Connected Life เชื่อมชีวิตสู่ทุกจุดหมายการเดินทางบนทำเลศักยภาพ
• 24/7 Security System ระบบรักษาความปลอดภัย พร้อมกล้อง CCTV ตลอด 24 ชม.
• Experiencing Smart Living ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้กว้างขวาง พร้อมคลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ฯลฯ
• Luxury Green Design เพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสวยและซุ้มทางเข้า-ออก

โครงการสไตล์ French Colonial หรูหราท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น โดยเราได้เริ่มใช้แบบบ้านดังกล่าวแล้วกับทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มเป้าหมายที่เข้าเยี่ยมชมโครงการเป็นอย่างดี” นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป

สอบถามและชมข้อมูล ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1778 หรือ www.lalinproperty.com

France Colonies ทาวน์โฮม
France Colonies บ้านแฝด
France Colonies บ้านเดี่ยว

Silverman เพิ่มฟีเจอร์ FoQus ประชุมและโหวตได้จากทั่วโลก

Silverman ชูจุดเด่นในการเป็นระบบที่ทำให้การบริหารจัดการงานนิติบุคคลเป็นเรื่องง่าย แก้ปัญหาและตอบโจทย์นิติบุคคลและลูกบ้าน โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทั้งหมู่บ้าน คอนโด อาคารสำนักงาน และหอพัก เลือกใช้กว่า 300 โครงการ รวมกว่า 100,000 หลังคาเรือน อีกทั้งยังคว้ารางวัลระดับประเทศด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ล่าสุดจับมือกับพันธมิตร ควิดแล็บ (Quidlab) เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ FoQus ที่ทำให้กรรมการและลูกบ้านสามารถประชุมและลงคะแนนเสียงได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ระบบแรกในไทย

นายธนิท วิรุฬห์กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พอร์ต 80 จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Silverman กล่าวว่า Silverman เป็นนวัตกรรมระบบบริหารจัดการงานนิติบุคคลยุคดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Smart Property Solution เพื่อทำให้งานนิติบุคคลเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยได้นำเทคโนโลยี AI มาช่วยแก้ปัญหา ลดความผิดพลาด และตรวจสอบการทำงานของนิติบุคคลได้ละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อรองรับทุกความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกรูปแบบทั้งหมู่บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และหอพัก

“กรรมการและลูกบ้านหลายคนอาจเคยประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น  โครงการขาดสภาพคล่อง เพราะเรียกเก็บค่าส่วนกลางได้ไม่ครบ ไม่เพียงพอต่อการนำมาบริหารทรัพย์สิน ไม่ทราบว่าเงินค่าส่วนกลางถูกนำไปใช้ทำอะไร องค์ประชุมไม่ครบไม่สามารถจัดประชุมใหญ่ได้ หรือมีปัญหาว่าบริษัทบริหารนิติส่งมอบข้อมูลลูกบ้านและเอกสารบัญชีไม่ครบเมื่อหมดวาระ ซึ่ง Silverman สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้ทุกอย่างง่ายและสะดวกขึ้น” นายธนิท กล่าว

Silverman ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย โดยผู้ใช้งานที่เป็นนิติบุคคลจะมี ระบบบริหารจัดการสำหรับนิติบุคคล ที่ทำให้เห็นสถานะงานทั้งหมดเพื่อจะได้วางแผนการทำงานได้ครบถ้วน สามารถบันทึกข้อมูลและทะเบียนประวัติโดยข้อมูลไม่มีวันหมดอายุและค้นหาง่าย และที่โดดเด่นคือมีการบริหารจัดการบัญชีและการเงินที่ใช้ระบบโปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งความทันสมัยของระบบบัญชีนี้คือทุก Transaction ที่เกิดขึ้นจะมีการลงบันทึกบัญชีแยกประเภทให้โดยอัตโนมัติ ทำให้มีข้อมูลที่เป็น Real-Time จึงสามารถออกงบแสดงรายรับ-รายจ่าย และงบการเงินได้แบบ Real-Time โดยมี AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้องในกรณีที่ลูกบ้านแจ้งชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ลูกบ้านได้รับใบเสร็จโดยอัตโนมัติ ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของนิติบุคคล นอกจากนี้ Silverman ยังมีแอปพลิเคชันที่ทำให้นิติบุคคลติดต่อกับลูกบ้านง่ายขึ้นผ่านสมาร์ตโฟน เพื่อรับเรื่องร้องเรียน รับแจ้งซ่อม แจ้งบิล ส่งแจ้งเตือนพัสดุให้กับลูกบ้าน เป็นต้น ทางด้านผู้ใช้งานที่เป็นลูกบ้านจะมี แอปพลิเคชันสำหรับลูกบ้าน ที่มีระบบแชทให้สามารถแจ้งซ่อม ร้องเรียน ติดตามสถานะได้แบบเรียลไทม์ รับข่าวสาร รับแจ้งเตือนเมื่อพัสดุมาถึงโครงการ ตอบแบบสอบถาม รวมทั้งดูข้อมูลรายรับ-รายจ่ายของโครงการ รับแจ้งชำระบิลออนไลน์ และยังมีช่องทางให้ลูกบ้านเลือกชำระผ่านบัตรเครดิต หรือ Cross Bill Payment ซึ่งมั่นใจได้ว่าบัญชีผู้ใช้งานและข้อมูลส่วนตัวจะปลอดภัยบนระบบคลาวด์

“ด้วยจุดเด่นของ Silverman ทำให้เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำกว่า 300 โครงการ โดยมีลูกบ้านใช้งานมากกว่า 100,000 หลังคาเรือน อาทิ เอพี แสนสิริ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ออริจิัน พฤกษา   ศุภาลัย เมเจอร์ อนันดา คิวเฮ้าส์ เป็นต้น ซึ่งจากการสำรวจการใช้งาน Silverman จำนวน 148 โครงการ พบว่านิติบุคคลสามารถจัดเก็บค่าส่วนกลางได้ตรงเวลาถึง 98.51% และลูกบ้านพึงพอใจต่อคณะกรรมการบริหารงานนิติบุคคลสูงสุดถึง 98.44% เนื่องจากมั่นใจในระบบที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้ และ Silverman ยังได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ ระดับประเทศ อาทิ ใบรับรองระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม จาก สวทช. และรางวัล Thailand ICT Awards 2020 จากสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย และแม้ว่า Silverman จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่เรายังได้เดินหน้าพัฒนา Silverman อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท ควิดแล็บ จำกัด นำฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า FoQus มาใช้ เพื่อทำให้กรรมการและลูกบ้านสามารถประชุมและลงคะแนนเสียงได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก” นายธนิท กล่าว

Mr.Kamal Dua ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควิดแล็บ จำกัด กล่าวว่า ควิดแล็บเป็นผู้พัฒนา Quidlab FoQus ซึ่งเป็นระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาตรฐานความปลอดภัย โดยได้รับการรับรองจาก ETDA เป็นรายแรกและรายเดียวในขณะนี้ ควิดแล็บเล็งเห็นว่าปัจจุบันมีนิติบุคคลสำหรับที่อยู่อาศัยมากถึง 30,000 แห่ง ซึ่งต้องมีการจัดประชุมใหญ่ทุกปี จึงได้แต่งตั้งบริษัท พอร์ต 80 จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานกับบริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และอาคารชุด เพื่อให้เป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยในการให้บริการจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำหรับนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และอาคารชุด รวมถึงบริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์

“ความร่วมมือระหว่างควิดแล็บกับ Silverman ครั้งนี้จะทำให้ Silverman มีฟีเจอร์ FoQus ที่ทำให้กรรมการและลูกบ้านสามารถร่วมประชุมและลงคะแนนเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ได้จากทุกที่ทั่วโลกผ่านสมาร์ตโฟน ซึ่งกรมที่ดินได้ประกาศและรับรองเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2563 ว่านิติบุคคลที่ต้องการจัดประชุมและลงคะแนนเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถดำเนินการได้และนับเป็นการประชุมที่ถูกต้องตามกฎหมาย การประชุมและลงคะแนนผ่าน FoQus นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเรื่ององค์ประชุมไม่ครบ ลูกบ้านไม่สามารถมาประชุมและลงคะแนนเสียงด้วยตัวเอง และเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ลูกบ้านไม่เสียสิทธิ์ในการออกเสียงอีกต่อไป ซึ่งคะแนนเสียงของลูกบ้านนั้นนับว่ามีความสำคัญในการพัฒนาโครงการให้มีความน่าอยู่ นอกจากนี้ FoQus ยังเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทุกคนควรเว้นระยะห่างทางสังคม” Mr.Kamal Dua กล่าว