บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Beauty Buffet ออกสินค้าใหม่ BEAUTY BUFFET ACNE CLEAR ประกอบด้วย 3 ผลิตภัณฑ์หลัก เจลล้างหน้า โทนเนอร์ เจลแต้มสิว ออกแบบมาเพื่อรักษาสิวทุกประเภท ด้วยส่วนผสมทั้ง 6 อย่าง ได้แก่ LHA, PHA, HYALURON, VITAMIN B3, TRI X CLEAR และ Nordihydroguaiaretic acid แก้ปัญหาสิวแบบองค์รวม ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง เนียนนุ่ม เพิ่มความชุ่มชื้น ถือเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างผิวที่ได้มากกว่าแค่การรักษาสิว และยังช่วยดูแลให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ราคาคุ้มค่า เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ในช่องทางสินค้าอุปโภค (Consumer Product) ร้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์ความงามรายใหญ่-รายย่อย มากกว่า 16,000 ร้านค้าทั่วประเทศ
ผู้เขียน: Team Korkao
ธ.กรุงเทพ ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม
บ่ายวันนี้ (10 มิ.ย. 64) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และคณะทำงาน ณ “สโมสรธนาคารกรุงเทพ” ถนนศรีนครินทร์ สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง เพื่อร่วมเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง โดยมี นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ นายเวทิศ อัศวมังคละ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพในการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เพื่อเป็นสถานที่บริการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 รวมถึงอำนวยความสะดวกทั้งการดูแลจัดเตรียมสถานที่ รวมทั้งการให้บริการ ดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆ ในพื้นที่ตลอดโครงการ ขณะที่ภาพรวมการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ตลอด 3 วันมานี้ เป็นไปตามเป้าหมาย มีผู้มารับบริการฉีดวัคซีนจากทั้ง 45 จุด รวมแล้วกว่า 130,000 คน โดยเฉพาะเมื่อวาน (9 มิ.ย.) มีผู้ประกันตนมารับบริการฉีดถึง 90% จากจำนวนผู้ประกันตนทั้งหมดที่ได้มีการแจ้งลงทะเบียนไว้
“ในส่วนของปัญหาและอุปสรรคของโครงการยังพบบ้างเล็กน้อย เช่น การบริหารจัดการคิว ซึ่งได้พยายามแก้ไขเพื่อให้สามารถบริการผู้มารับบริการได้โดยสะดวกมากที่สุด โดยในส่วนของกระทรวงแรงงานจะให้บริการฉีดวัคซีนโดยยึดตามพื้นที่ให้บริการเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถกระจายวัคซีนได้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในส่วนของแรงงานคนไทย รวมไปถึงแรงงานต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ อยากฝากให้ผู้ประกันตนที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วมารับบริการตามสิทธิ์ เพื่อช่วยกันสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เป็นวงกว้างโดยเร็ว รวมทั้งเพื่อประสิทธิภาพในการจัดสรรวัคซีนได้อย่างสูงสุด”
นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ที่พร้อมเคียงข้างคนไทยก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดูแลช่วยเหลือลูกค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบทางการเงินแล้ว ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยในโอกาสนี้ธนาคารจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 เร่งกระจายฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนในวงกว้าง ผ่านการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เพื่อเป็น 1 ใน 6 จุดบริการ ในพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง ซึ่งมีผู้ประกันตนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีนกว่า 1.5 แสนคน ทั้งนี้ สโมสรธนาคารกรุงเทพ มีศักยภาพในการรองรับผู้มารับบริการฉีดวัคซีนได้วันละ 1,000 คน โดยธนาคารจะอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมสถานที่ และบริการน้ำดื่มสำหรับผู้มารับการฉีดวัคซีน ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลทำความสะอาดพื้นที่และห้องน้ำทุกจุดภายในสโมสรตามมาตรฐานสุขอนามัยที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด และจะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 7–26 มิ.ย. 2564 เวลา 8.00 – 17.00 น.
ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในเขตพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าวข้างต้นที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

JKN โกยรายได้จากกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์
‘บมจ. เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ ตอกย้ำผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน โชว์ความสำเร็จขยายตลาดต่างประเทศ หลังปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้กับประเทศอียิปต์และประเทศบรูไนเพิ่ม หนุนมูลค่างานในมือเพิ่มต่อเนื่อง มั่นใจครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามแผน
จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากลเปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในช่วงครึ่งปีแรกจะเติบโตได้ตามแผน จากจุดแข็งด้านความหลากหลายของลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มี 8 กลุ่ม ครอบคลุมทุกความบันเทิงและสาระความรู้ ได้แก่ ซีรีส์จีน ซีรีส์อินเดีย ซีรีส์ฟิลิปปินส์ และสารคดีจากแบรนด์ดังระดับโลก จึงทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้าเลือกซื้อลิขสิทธิ์ไปออกอากาศผ่านช่องทีวีดิจิทัล รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตลาดต่างประเทศมีอัตราการเติบโตด้านคอนเทนต์อย่างก้าวกระโดด และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการสร้างรายได้ของกลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ ซึ่งนอกเหนือจากคอนเทนต์ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของสิทธิ์แล้ว บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากช่อง 3 ให้เป็นตัวแทนนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทยระดับคุณภาพออกไปทำตลาดในต่างประเทศ โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศใน CLMV ก่อนขยายตลาดไปยังประเทศอาเซียน และทวีปอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงได้รับความเชื่อมั่นจากช่อง 8 และช่อง PPTV ให้ JKN เป็นตัวแทนทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา JKN ส่งออกลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปมากกว่า 20 ประเทศ เช่น มาเลเซีย บังคลาเทศ ภูฎาณ ศรีลังกา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ แอฟริกาใต้ ดันรายได้สร้างเม็ดเงินรายได้ถึง 665 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในตลาดต่างประเทศของ JKN ยังเติบโตถึง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ ซึ่งล่าสุด JKN ปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศอียิปต์ และประเทศบรูไนได้เพิ่มเติม รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มขึ้น จึงช่วยสนับสนุนมูลค่างานในมือสูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งเกร่งแก่กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ในปีนี้ ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนของ JKN ได้เป็นอย่างดี
“กลุ่มธุรกิจคอนเทนต์ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่างประเทศ แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำตลาดและปิดการขายคอนเทนต์ในประเทศใหม่ๆได้เพิ่มขึ้น รวมถึงฐานลูกค้าเดิมก็ยังไว้วางใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพิ่มเติม ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ JKN ได้เป็นอย่างดี” จักรพงษ์ กล่าว
เปิดตัว Neigene Evolution ชะลอริ้วรอยแห่งวัย
บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดูแลสุขภาพผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผิวอย่างล้ำลึกด้วย Neigene Evolution ทั้ง 8 ผลิตภัณฑ์ ที่ผสมผสานคุณสมบัติสุดพิเศษ ซึ่งจะมอบผลลัพธ์ที่ผิวของคุณต้องการโดยเฉพาะ ผิวสุขภาพดีจะประกอบด้วยความชุ่มชื้นประมาณ 70% โปรตีน 20% และไขมัน 10% โดย PENTA-2S ActivatorTM เป็นส่วนผสมที่ยูนิซิตี้คัดเลือกเฉพาะ เพื่อมอบองค์ประกอบของผิวสุขภาพดี ขั้นสูงสุด 5 ประการ ได้แก่ ความชุ่มชื้น โปรตีน ไขมัน ไมโครไบโอมหรือจุลินทรีย์ธรรมชาติบนผิวที่มีสุขภาพดี พร้อมสารอาหารสำคัญอย่างวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ
โดยผลิตภัณฑ์ Neigene Evolution จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม จำนวน 8 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
กลุ่มชำระล้างคราบเครื่องสำอาง จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์
1. Neigene Evolution Lip & Eye Remover
2. Neigene Evolution Makeup Remover Oil
3. Neigene Evolution Foaming Cleanser
กลุ่มบำรุงผิวอย่างล้ำลึก จำนวน 5 ผลิตภัณฑ์
1. Neigene Evolution Toning Lotion
2. Neigene Evolution Line Correction Day Care Night Care
3. Neigene Evolution Expert Ampoule
4. Neigene Evolution Intense Care
5. Neigene Evolution Rich Care
Neigene Evolution ปฏิวัติวงการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ประกอบด้วย PENTA-2S ActivatorTM ส่วนผสมล่าสุดที่คัดเลือกโดย Unicity Science มีองค์ประกอบสำคัญอันทรงคุณค่า ซึ่งได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก โปรตีนจากถั่วเหลือง และ นม รวมถึงกรดไขมันไม่อิ่มตัวจากน้ำมันเมล็ดพืช โดยวิทยาการล่าสุดด้านการบำรุงผิวพิสูจน์แล้วว่า ไมโครไบโอมของผิวหรือจุลินทรีย์ธรรมชาติที่พบบนผิวสุขภาพดีเป็นปัจจัยสำคัญต่อผิวที่อ่อนเยาว์ PENTA-2S ActivatorTM จึงประกอบด้วย พรีไบโอติกและโพรไบโอติก (จากแล็คโตบาซิลลัส) ที่สนับสนุนการทำงานของไมโครไบโอมของผิว นอกจากนี้ แร่ธาตุจากเกลือทะเลและสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามินเอ ซีและอี ยังช่วยฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์อย่างที่คุณต้องการ PENTA-2S ActivatorTM จึงเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการดูแลผิว ซึ่งตอบสนองหลากหลายความต้องการของผิวในแบบที่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วไปมักมองข้าม
ไม่เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ทุกสูตรจะผ่านการค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับตามความต้องการเฉพาะของผิว แต่ยังได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าสามารถให้ผลลัพธ์ในการชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ การมีผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ซึ่งหลายผลิตภัณฑ์ใช้แล้วอาจเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว แต่ Neigene Evolution ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ระคายเคืองโดยผ่านการทดสอบทางด้านผิวหนังจากประเทศเกาหลีใต้ จึงทำให้สามารถใช้ Neigene Evolution ได้อย่างมั่นใจเพราะอ่อนโยนต่อผิวและให้ผลลัพธ์เพื่อผิวอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง และมอบความประทับใจมากที่สุด
สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อ บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (สำนักงานใหญ่) ช่องทางออนไลน์ และศูนย์ DSC ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.unicity.com หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-092-6777
TPIPL มอบผลิตภัณฑ์ทีพีไอและชุด PPE ให้ รพ.ตำรวจ
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 3 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบั
เช็คอิน-โพสต์ท่าถ่ายรูปสุดชิค Rainy Season ที่ เดอะ สตรีท รัชดา
ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา ไลฟ์สไตล์มอลล์วิถีคนเมือง ใจกลางถนนรัชดา เชิญชวนสายแชะ-แชร์-โพสต์ มาทำท่าสวย ๆ ถ่ายรูปสุดชิค รับหน้าฝน Rainy Season ใจกลางเมืองกันให้สุดเหวี่ยงไปกับธีม “Smile like a Rainbow” ยิ้มอย่างสดชื่นต้อนรับฤดูฝนนี้ …พบกับบรรยากาศสุดคิ้วท์ และพร็อพถ่ายรูปจัดเต็มหลากหลายสีสัน ที่ใครเห็นแล้วก็ต้องร้องว้าว บริเวณชั้น 3 ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา
งานนี้ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นแก็งค์ก็ได้รูปสุดชิคกันถ้วนหน้า ถ่ายรูปเสร็จก็เติมท้องให้อิ่มไปกับอาหารอร่อยแบรนด์ดังหลากหลายสัญชาติกันต่อ หรือจะช้อปสินค้ากันเพลิน ๆ เรียกได้ว่ามาที่เดียวคุ้ม ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย.64 ลูกค้าที่ช้อปครบ 700 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ และลูกค้าสมาชิกเดอะ สตรีท พอยท์ ที่ช้อปครบ 600 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ รับฟรีแก้วน้ำ “Happy Fruit Glass Collection” 1 ใบ โดยลูกค้าสมาชิกเดอะ สตรีท พอยท์ สามารถนำ 300 คะแนน มาแลกรับ The Street Umbrella ฟรี 1 คัน อีกด้วย
มาเช็คอินกันแบบชิค ๆ ในวิถีนิวนอร์มอล ได้ที่ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมของศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดาเพิ่มเติมได้ทาง www.thestreetratchada.com หรือเฟสบุ๊ก www.facebook.com/TheStreetRatchada หรือ โทร. 02-232-1999

รพ.บำรุงราษฎร์ เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ผู้ป่วยของโรงพยาบาลฯ รวมถึงประชาชนผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน ที่ได้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเรียบร้อยแล้ว
จากข้อมูลปัจจุบันของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้ารับฉีดวัคซีนโควิด-19 เต็มจำนวนตามที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐแล้วโดยเริ่มฉีดในวันที่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 พร้อมกันกับโรงพยาบาลและจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ เป็นเวลา 54 วันต่อเนื่องโดยไม่มีวันหยุด ซึ่งเป็นไปตามระยะเวลาที่รัฐกำหนดให้ประชาชนกลุ่มแรกเข้ารับบริการ รวมจำนวนกว่า 15,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 100 ปี จำนวน 3 ราย ได้ลงทะเบียนขอเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีและยังช่วยกระตุ้นให้กลุ่มผู้สูงอายุกล้าที่จะตัดสินใจเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและลดการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงหากป่วยเป็นโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน ความมั่นใจในศักยภาพของทีมแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และคุณภาพมาตรฐานของโรงพยาบาลฯ โดยผู้สูงอายุกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ มิติ อาทิ ทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ การให้บริบาลทางการแพทย์ขั้นสูง คุณภาพมาตรการการดูแลผู้สูงวัยและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับวัคซีนเป็นสำคัญ

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า นับตั้งแต่บำรุงราษฎร์ทราบถึงแนวทางการกระจายฉีดวัคซีนตามที่ภาครัฐจัดสรรให้แก่ประชาชนผ่านจุดฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลต่างๆ นั้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์พร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง จึงได้วางแผนถึงกระบวนการในการฉีดวัคซีนอย่างเป็นระบบเพื่อความพร้อมในการเปิดให้บริการแก่ประชาชนในระยะแรก สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยบำรุงราษฎร์ได้คำนึงถึงคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมจัดทีมแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และสหสาขาวิชาชีพเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและดูแลผู้มาใช้บริการอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน ทั้งก่อนการฉีด ระหว่างการฉีด โดยเฉพาะหลังการฉีด 30 นาที จำเป็นต้องมีการสังเกตอาการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และในกรณีที่ผู้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนมีเหตุจำเป็นที่ต้องออกนอกบริเวณ ควรต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ และหลังจากครบ 30 นาทีก่อนกลับบ้านจะมีการวัดสัญญาณชีพเพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับการฉีดมีภาวะปกติ ในกรณีหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ จะมีแพทย์และทีมฉุกเฉินประจำจุดฉีดวัคซีน ห้องปฐมพยาบาล พร้อมด้วยรถเข็นฉุกเฉิน (emergency cart) ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนยาและเวชภัณฑ์ตามมาตรฐานสากลที่สามารถให้การดูแลช่วยเหลือได้ทันท่วงที นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ยังอำนวยความสะดวก โดยจัดลำดับการรับบริการ แบบทางเดียว ให้ผู้มารับวัคซีนอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างและลดการสัมผัสที่ไม่จำเป็น รวมถึงห้องฉีดวัคซีนที่ให้บริการครั้งละหนึ่งคนไม่ปะปนกับใคร มีฉากกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้จัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ชั้น 10 อาคาร A (อาคารคลินิก) ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น. โดยมีการกำหนดขั้นตอนการรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดังนี้
- ผ่านจุดคัดกรองโควิด-19 ตามมาตรการด้านสาธารณสุข
- จุดลงทะเบียน โดยให้แสดงบัตรประชาชน พร้อมหลักฐานการนัดฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลฯ หรือหมอพร้อม
- ตรวจคัดกรอง วัดสัญญาณชีพและลงนามในใบยินยอมรับวัคซีน
- รอรับการฉีดวัคซีน
- ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยพยาบาลวิชาชีพ
- พักสังเกตอาการ 30 นาที ขอความร่วมมือในการอยู่พักสังเกตอาการจนครบตามเวลาที่กำหนด โรงพยาบาลฯ มีการเตรียมพร้อมตามมาตรฐานในกรณีเกิดอาการไม่พึงประสงค์
- จุดตรวจสอบก่อนกลับ วัดสัญญาณชีพ
- ข้อแนะนำหลังฉีดวัคซีน การนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2
- ลงข้อมูลบน ‘หมอพร้อม’ และสมัครแอปพลิเคชัน Bumrungrad เพื่อรับข้อมูลข่าวสารจากทางโรงพยาบาลฯ
- เสร็จสิ้นขั้นตอนการฉีดวัคซีน

นพ. อชิรวินทร์ จิรกมลชัยสิริ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลวัคซีนโควิด-19, หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม, แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้คำแนะนำแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ว่าควรได้รับการฉีดวัคซีน หากไม่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน เนื่องจากผู้ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงถึงชีวิตหากติดเชื้อโควิด- 19 ได้ สำหรับอาการแพ้วัคซีนนั้นแยกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ 1. การแพ้วัคซีนรุนแรง (anaphylaxis) 2. ผลข้างเคียงของวัคซีน (side effects) หรือ 3. อาการเป็นลม (vasovagal syncope) ที่อาจเกิดจากความเครียด เจ็บปวด ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติหยุดทำงานชั่วคราว จนเกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น เป็นลม หมดสติได้ โดยมีวิธีสังเกตอาการ และวิธีปฏิบัติตัว ดังนี้
1. ภาวะแพ้วัคซีน เป็นปฏิกิริยาของร่างกายผ่านระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 มักเกิดขึ้นภายในเวลา 15-30 นาทีหลังรับวัคซีน ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดคือ ผื่นคันคล้ายลมพิษ อาจมีอาการบวม นอกจากนี้อาการที่พบร่วมกันได้แก่ หายใจเหนื่อย แน่นหน้าอก ชีพจรเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ หมดสติ โดยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นหลายระบบพร้อมกัน ซึ่งจำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาลด้วยการให้ยาฉีดที่เป็น Adrenaline หรือ Epinephrine แล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง
2. ผลข้างเคียงของวัคซีน มักจะเกิดขึ้นหลังฉีดไปหลายชั่วโมง จนถึง 3 วัน อาการที่เกิดขึ้น เช่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด อาการมักหายไปเองได้ โดยไม่ต้องให้การรักษา หรือรักษาตามอาการ แต่หากมีอาการปวดมาก อาจประคบด้วยความเย็นบริเวณที่ฉีดวัคซีน แล้วให้ยาแก้ปวดพาราเซตตามอล
3. อาการเป็นลม เป็นอาการหน้ามืดที่สามารถพบได้บ่อยในผู้ที่มีสุขภาพร่างกายหรือจิตใจอ่อนแอ เช่น คนป่วย อดนอน หิว หรืออยู่ในสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ได้รับการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศร้อน แสงแดด ความเครียด ความวิตกกังวล ยืนเป็นเวลานาน เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้าซีด เหงื่อแตก ความดันโลหิตลดต่ำลงและเป็นลมหมดสติได้ โดยภาวะดังกล่าวสามารถหายได้เอง หากได้พักผ่อน อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี และไม่มีความจำเป็นต้องได้ยารักษา
ในกรณีที่ผู้มาฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วมีผลข้างเคียงหรือแพ้เล็กน้อยแบบไม่รุนแรง สามารถรับวัคซีนเข็มที่สองได้ตามกำหนด ไม่มีข้อห้ามในการรับฉีดวัคซีนเข็มต่อไป แต่สำหรับกรณีที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วมีอาการแพ้ชนิดรุนแรง (anaphylaxis) แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีนเข็มที่สอง เพื่อหาสาเหตุว่าอาการแพ้ชนิดรุนแรงเกิดจากอะไร และปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองเป็นอีกยี่ห้อที่มีส่วนผสมที่ต่างจากวัคซีนเข็มแรก ซึ่งสาเหตุที่แพ้วัคซีนชนิดรุนแรงมักเกิดจากส่วนประกอบที่มีอยู่ในวัคซีน ที่พบบ่อยคือ Polyehtylene glycon (PEG) ซึ่งวัคซีน/ยาที่มีส่วนประกอบของ PEG ได้แก่ วัคซีนชนิด mRNA vaccine (Pfizer หรือ Moderna) ยาฉีด methylprednisolone ยาคุมชนิดฉีด (Depo-Provera) ยาระบาย miralax หากมีประวัติแพ้รุนแรงต่อกลุ่มนี้ อาจให้วัคซีนกลุ่มอื่น เช่น Sinovac vaccine เพราะไม่มีส่วนผสมเหล่านี้อยู่ อีกส่วนประกอบอื่นในวัคซีนที่อาจแพ้ คือ polysorbate ซึ่งมีรูปร่างคล้าย PEG ทำให้อาจพบการแพ้ร่วมกันได้ (cross-reactivity) ซึ่งวัคซีนที่มีส่วนประกอบของ polysorbate ได้แก่ ตับอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดบวม วัคซีนโควิด -19 ของ AstraZeneca, Sputnik-V, Johnson & Johnson
หากพบว่ามีอาการรุนแรงหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ข้อมูลวัคซีนโควิด-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โทร. 1378 และสามารถติดตามบทความสุขภาพของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ที่ https://www.bumrungrad.com/th/centers/covid19-vaccine-Information

GPI ชูงานรับจ้างพิมพ์และธุรกิจใหม่เติมรายได้ครึ่งปีหลัง
บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI รุกขยายงานในช่วง COVID-19 เร่งสร้างรายได้ต่อเนื่องในช่
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นสร้างรายได้จากธุรกิ

นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มองโอกาสนำประสบการณ์
ขณะเดียวกัน ได้ขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจซื้
“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตั
ยอดขายวันแรก Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale โตกว่า 620%
ลาซาด้า ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เผยสถิติล่าสุด Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale ยอดขายในวันแรกของแคมเปญโตกว่า 620% ผู้ขายหน้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และยังมีผู้ขายเข้าร่วมแคมเปญและสร้างรายได้มากกว่าหลายแสนราย ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและยังสะท้อนพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ยังแรงต่อเนื่องในยุค New Normal
นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ลาซาด้ามีความมุ่งมั่นที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในยุค New Normal เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้น ลาซาด้าจึงออกแคมเปญและโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี เพื่อช่วยให้คู่ค้าและร้านค้ารายย่อยมีรายได้อย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในขณะเดียวกันถือเป็นการตอบแทนนักช้อปที่สนับสนุนเราตลอดมาด้วยดีลที่คุ้มค่าคุ้มราคาในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การมอบคูปองส่วนลดค่าน้ำค่าไฟให้กับนักช้อปทุกท่าน ถือเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญและโครงการใหม่ ๆ ที่เราริเริ่มนั้นจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง สำคัญที่สุดคือการส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัยในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้”
สถิติที่น่าสนใจใน Lazada 6.6 Mega Mid Year Sale ได้แก่
- 6 อันดับสินค้าที่มียอดค้นหามากที่สุด ได้แก่ กระเป๋าสะพายผู้หญิง รองเท้าผู้หญิง เสื้อผ้าผู้หญิง หูฟังบลูทูธ กางเกงผู้หญิง รองเท้าผ้าใบ
- Top spender ของลาซาด้า ประเทศไทย มียอดช้อปเฉียด 500,000 บาท (ยอดคำสั่งซื้อสูงสุดของนักช้อป 1 ราย)
- แบรนด์ LazMall ยอดฮิต 6 อันดับ ได้แก่ MamyPoko, BabyLove, Nivea, L’Oréal Paris, Sabina และ 3M
- สินค้าที่มียอดสั่งซื้อเยอะที่สุด 6 อันดับในช่วงโควิด ได้แก่ ชุดชั้นใน โทรศัพท์มือถือ หน้ากากอนามัย ผ้าอ้อมเด็ก เครื่องประดับแฟชั่นผู้หญิง และ อาหารและขนมแมว
- เทรนด์ฮิตสินค้ามาแรงในช่วงอยู่บ้าน
- สินค้าตกแต่งบ้านมียอดขายกว่า 900,000 ชิ้น
- อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัวมียอดขายกว่า 500,000 ชิ้น
- อุปกรณ์ออกกำลังกายมียอดขายกว่า 400,000 ชิ้น
- นักช้อปเก็บ Lazada Bonus มากถึง 70 ล้านครั้ง
- นักช้อปเก็บคูปองส่วนลดค่าน้ำค่าไฟมากกว่า 85,000 คน

รพ.นพเวช พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน
โรงพยาบาลนวเวช เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน และต้องการให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 จึงให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนจองคิวผ่านระบบหมอพร้อมไว้ก่อนหน้านี้ โดยโรงพยาบาลได้เตรียมการบริการที่มีมาตรฐาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่ จุดคัดกรองก่อนการเข้ารับการบริการฉีดวัคซีน ห้องพักคอยเพื่อสังเกตอาการ และมีทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่เตรียมพร้อมตลอดเวลา หากประชาชนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรือมีอาการภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ โดยได้เริ่มให้บริการฉีดแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
การเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการบริการที่สะดวกมากขึ้น โดยโรงพยาบาลนวเวชหวังว่าศักยภาพที่มี จะช่วยทำให้การฉีดวัคซีนซึ่งเป็นวาระแห่งชาติสำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐวางไว้ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด
สำหรับประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับโรงพยาบาลนวเวช สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2483 9999 หรือ www.navavej.com

