AF ติดโผทำเนียบหุ้นน่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ในปี64

กรุงเทพฯ – บมจ.ไอร่า แฟคตอริ่ง “AF” ปลื้ม สถาบันไทยพัฒน์ คัดเลือก AF ติดโผ1ใน 24 “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ปี 2564 พร้อมระบุ การได้รับคัดเลือกนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการ ภายในองค์กรที่ดี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมถึงการตอบโจทย์ด้านการให้บริการ สะท้อนให้มีผลประกอบการทางการเงินที่ดี ภายใต้สถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจ การลงทุน ในปัจจุบัน

นายอัครวิทย์ สุกใส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกติดในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ที่มีการพิจารณาคัดเลือกหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน โดย สถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100

ล่าสุด AF ติด1 ใน 24 หลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 ด้วยการคัดเลือกจาก 824 บริษัท /กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG Rating สถาบันไทยพัฒน์ จำนวนกว่า 15,260 ชุดข้อมูล ภายใต้หลักเกณฑ์การพิจารณาจะคัดเลือกจากหลักทรัพย์ที่มีการดำเนินงานโดดเด่น หรือกระบวนการทำงานทางธุรกิจให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพิ่มเติมจากเดิมในรอบปีการประเมิน รวมถึงความริเริ่มด้าน ESG หรือที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน ซึ่งสร้างผลกระทบทางตรงต่อการเติบโตของรายได้

นายอัครวิทย์ กล่าวว่า การได้รับคัดเลือกในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำให้เห็นความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดหลักธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการ ภายในองค์กรที่ดี โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมถึงการตอบโจทย์ด้านการให้บริการที่มีคุณภาพต่อคู่ค้า และ ลูกค้า อย่างต่อเนื่อง จนสะท้อนให้มีผลประกอบการทางการเงินที่ดี ภายใต้สถานการณ์โควิด ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจ การลงทุน ในปัจจุบัน ดังนั้นจากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ AF สามารถตอกย้ำถึงความเป็นหุ้นคงทน (Durable Stocks) ที่จะก้าวสู่การสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า และจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทจดทะเบียนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

ทั้งนี้ สถาบันไทยพัฒน์ ได้จัดตั้งหน่วยงาน ESG Rating ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนการพัฒนาระดับการเปิดเผยข้อมูล ESG ของบริษัทจดทะเบียนและองค์กรธุรกิจทั่วไป รวมทั้งจัดทำช่องทางการเผยแพร่ข้อมูล ESG ของบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินการได้ดีให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มโอกาสการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนจากกลุ่มผู้ลงทุนที่ใช้เกณฑ์ ESG เพื่อสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่น่าพอใจในระยะยาว พร้อมๆ กับการสร้างผลกระทบทางสังคมในเชิงบวก

TWPC ส่งซิก Q2/64 แนวโน้มธุรกิจสดใส

บมจ.ไทยวา (TWPC) ประเมินแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/64 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง จากความต้องการแป้งมันสำปะหลังยังเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร  มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นใกล้แตะ 20% จากเดิม 14% ฟากซีอีโอ “โฮ เรน ฮวา” ระบุว่าความต้องการและปริมาณการส่งออกแป้งมันยังเติบโตแข็งแกร่ง  ช่วยผลักดันผลงานปีนี้เข้าเป้ารักษาการเติบโตระดับ Double digit พร้อมการเติบโตของ Margin ได้ มุ่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เผยโรงงานวุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่บางเลน จ.นครปฐม ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย “IPHA”เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำความมั่นใจด้านความปลอดภัยมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 

นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/2564 ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ราคาแป้งข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้ความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังและจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ส่งผลให้ธุรกิจอาหารยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 3 ในประเทศไทยนี้ ไม่ได้กระทบกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าประเภทอาหารและส่วนประกอบในอาหารขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ขณะที่สินค้าแป้งมันสำปะหลังของบริษัทส่วนใหญ่ ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน และไต้หวัน

ธุรกิจอาหารส่งออกของบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่องทางการขายที่สำคัญ เช่น Wholesale และหน่วยรถเงินสด เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คนละครึ่ง-เราชนะ-ม.33 รวมทั้งล่าสุดสัดส่วนการส่งออกในธุรกิจอาหารปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ใกล้เคียง 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 14% ซึ่งน่าจะสนับสนุนให้รายได้รวมในปี 2564 ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตสองหลัก (Double digit) ได้จากปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนเดินหน้าธุรกิจใหม่ โดยผลิตสินค้าประเภท “ไบโอพลาสติก” ซึ่งเป็นผลผลิตต่อยอดจากพืชผลทางการเกษตร และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% สามารถนำไปใช้ในรูปแบบประเภทสินค้าภาชนะ และของใช้ในการเกษตรทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงปลายปีนี้ และทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในปีนี้ และรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญในด้านการผลิตอาหารปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ได้มีการยกระดับความปลอดภัยขั้นสูงสุด เริ่มตั้งแต่การบริหารจัดการสถานที่ กระบวนการผลิต และบุคลากรตามมาตรการร่วม และมาตรฐานด้านสุขอนามัย ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคในการซื้อสินค้าที่มีมาตรฐานปลอดภัยจากโรคโควิด -19 และเมื่อสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันจัดทำ มาตรฐาน IPHA ขึ้นมา TWPC โดยโรงงานวุ้นเส้นและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่บางเลน จังหวัดนครปฐม จึงได้เป็นสถานประกอบการในกลุ่มโรงงานวุ้นเส้นที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย “IPHA” หรือ  Industrial and Production Hygiene Administration ตอกย้ำความมั่นใจด้านความปลอดภัยในมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และเป็นโรงงานวุ้นเส้นภายใต้แบรนด์มังกรคู่ หงษ์ กิเลนคู่ และโรงงานเส้นก๋วยเตี๋ยว ที่ได้รับการรับรองเป็นแห่งแรกในประเทศไทยอีกด้วย

อาคารซันทาวเวอร์ส เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อผู้ประกันตน ม.33

สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยได้รับความร่วมมือจากสิงห์ เอสเตท โรงพยาบาลเปาโล เกษตร เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้

ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เป็นหนึ่งใน 45 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม ในการเร่งการกระจายวัคซีนเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า ภายหลังอาคารซันทาวเวอร์สได้รับเลือกจากสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ให้เป็นหนึ่งในจุดฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ทางสิงห์ เอสเตท ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนภาครัฐในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ โดยได้จัดเตรียมสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนไว้ตามมาตรฐานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลเปาโล เกษตร แบ่งพื้นที่ให้บริการตามมาตรฐานศูนย์ฉีดวัคซีน ทั้งพื้นที่ลงทะเบียน พื้นที่เตรียมวัคซีน จุดให้คำปรึกษาจากแพทย์ พื้นที่ฉีดวัคซีน พื้นที่สำหรับสังเกตอาการ รวมถึงห้องฉุกเฉิน ซึ่งสามารถรองรับผู้ประกันตนที่มาฉีดวัคซีนได้จำนวน 2,000 ต่อวัน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญด้านการเว้นระยะห่าง การบริหารพื้นที่ไม่ให้แออัด และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด สามารถเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุด

โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ยังสนับสนุนด้านบุคลากรด้านการแพทย์ที่มาให้บริการฉีดวัคซีน  รวมถึงในกรณีที่มีผู้ป่วยจากการแพ้วัคซีนที่รุนแรง หรือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์อื่นๆ นอกจากนี้ยังจัดเตรียมห้องพยาบาลที่มีอุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์สำหรับการช่วยกู้ชีวิตขั้นสูง พร้อมทีมบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, นายจำลอง ช่วยรอด คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน, นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน  เลขาธิการสํานักงานประกันสังคม, เรือเอกสาโรจน์ คมคาย ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สํานักงานประกันสังคมรักษาราชการในตำแหน่งที่ปรึกษากระทรวง และคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมการดำเนินการของศูนย์ฉีดวัคซีนที่ซันทาวเวอร์ส และกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ ในการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่แรงงาน ให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็ว

สำหรับผู้ประกันตนที่จะเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ของสำนักงานประกันสังคม จะต้องแจ้งความประสงค์รับวัคซีนไว้กับฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และได้บันทึกลงระบบ e – service ของสำนักงานประกันสังคมไว้แล้ว โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามจุดบริการซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้กำหนดจุดฉีดวัคซีนไว้ทั้งสิ้น 45 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร โดยที่อาคารซันทาวเวอร์ส ให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน –26 มิถุนายน 2564 ซึ่งนับเป็นการผนึกกำลังของภาคเอกชนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของภาครัฐ เพื่อกระจายวัคซีนโควิด 19 ไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยนำพาประเทศชาติให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ไลอ้อน แนะนำ “เปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท” ฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19

บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย ขอแนะนำ ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท ให้พลังซักสะอาด พิสูจน์แล้ว ฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ 99.99% และยับยั้งแบคทีเรีย* ลดกลิ่นอับ ไม่ง้อแดด มั่นใจในทุกสถานการณ์ ให้เสื้อผ้าสะอาดแบบมีอนามัยทุกการสวมใส่ มีให้เลือก 3 สูตร ได้แก่ ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท สูตรเข้มข้น สำหรับซักมือ และ เครื่องฝาบน, ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท ซอฟท์ ผสมสารปรับผ้านุ่ม ให้ผ้านุ่มหอมในขั้นตอนเดียว และ ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท สำหรับซักเครื่องฝาหน้า ให้ปริมาณฟองพอเหมาะ ทุกสูตรมาพร้อมเทคโนโลยีความหอมนานต่อเนื่องทุกครั้งที่สัมผัส *ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้มากกว่า 99.99% จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือน ธันวาคม 2563 และผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย S.aureus และ E.coli ได้ 99.9% ในห้องปฏิบัติการทดสอบในประเทศไทย เมื่อเดือน กันยายน 2563

ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท สูตรเข้มข้น หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Lion Shop Online, LINE Official Account @lionfamily, Lazada, Shopee และ JD Central สามารถติดตามรายละเอียดรวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของไลอ้อนเพิ่มเติมได้ทาง FB : LionFamilyThailand, PaoSilverNanoThailand และ www.lion.co.th

ไทยออยล์ จัดโครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ ฝ่าวิกฤติโควิด-19

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม ประชาชนคนทั่วไป ผู้ประกอบกิจการ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นหน้าด่านสำคัญในการช่วยบรรเทาวิกฤตินี้มาโดยตลอด วัคซีนโควิด-19 จึงเป็นความหวังที่จะช่วยลดความรุนแรงและลดโอกาสการเสียชีวิตได้ และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยสามารถกลับมาใช้ชีวิตและฟื้นคืนเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง

ไทยออยล์ ในฐานะองค์กรที่อยู่คู่คนไทยและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้างความมั่นคงทางพลังงานมาตลอด 60 ปี ได้เล็งเห็นถึงภาระอันยิ่งใหญ่ของหน่วยงานทางการแพทย์และโรงพยาบาล ที่นอกจากจะต้องทุ่มเทในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาโดยตลอดแล้ว ยังต้องระดมสรรพกำลังเพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด รวมถึงการตรวจคัดกรองเชิงรุก และงานสาธารณสุขอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นในวิกฤตการณ์ระลอกใหม่นี้ ซึ่งล้วนแต่ต้องมีการเดินทางของบุคลากร การขนส่งหรือเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่หลายหน่วยงานต้องแบกรับ ไทยออยล์จึงเร่งดำเนินการเข้าช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระเหล่านี้ ภายใต้ โครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ ช่วยคนไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วยการสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงเคมีภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค ที่เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพและได้มาตรฐานจากโรงกลั่นไทยออยล์ เพื่อสนับสนุนภารกิจในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ โครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ โดยไทยออยล์ยังเข้าร่วมสนับสนุนระบบบริหารและจัดการศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบังและศรีราชา ณ ศาลาประชาคมอ่าวอุดม จังหวัดชลบุรี เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ทั้งนี้ มูลค่าการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ ภายใต้ โครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ รวมทั้งสิ้นกว่า 8,500,000 บาท

ยวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในประเทศไทย ส่งผลให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งทำงานเชิงรุก ทั้งการรักษาพยาบาล และเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและทั่วถึง ไทยออยล์ตระหนักถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนให้เกิดการกระจายและเข้าถึงวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของโครงการ “ส่งพลังงาน สร้างพลังใจ” เรามีความตั้งใจที่ช่วยเหลือสังคมในภาวะวิกฤตนี้ ด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไทยออยล์ ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และเคมีภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อโรค และเจลแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงความห่วงใยและความปลอดภัยสู่บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชน และชุมชนรอบโรงกลั่นของไทยออยล์ โดยเราเชื่อมั่นว่าในไม่ช้าคนไทยทุกคนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้อย่างราบรื่นและสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าหนึ่งปี ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก จนถึงปัจจุบัน ไทยออยล์มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการต่างๆ มาโดยตลอด อาทิ ส่งมอบเครื่องออกซิเจน ไฮโฟลว์ ส่งมอบหน้ากากป้องกันใบหน้า (Face Shield) ชุด PPE เจลแอลกอฮอล์ ถุงกำลังใจให้กับโรงพยาบาลและรอบชุมชนโรงกลั่น, และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่จำเป็น โดยยังคงเดินหน้าสานต่อการสนับสนุนด้วยทรัพยากรและศักยภาพที่มีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งรวมมูลค่าการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด มีมูลค่าเกือบ 30,000,000 บาท และเรายังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนต่อไป โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยออยล์จะเป็นหนึ่งพลังใจที่จะส่งต่อไปให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

ข้าวมาบุญครอง จับมือ มูลนิธิปวีณา สนับสนุนข้าวสาร สู้โควิด-19

นางสาวพรพิมล กิริวรรณา (ซ้าย) ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท พี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจในเครือข้าวมาบุญครอง มอบผลิตภัณฑ์ข้าวสารรวงทิพย์ จำนวน 2 ตัน ผ่าน มูลนิธีปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี โดยมี นางปวีณา หงสกุล (ขวา) ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปบรรจุใส่ในกล่องกำลังใจ ส่งมอบให้กับครอบครัวกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด – 19 ทั่วประเทศ ผ่านโครงการ “มูลนิธิปวีณาฯ รวมน้ำใจคนไทย สู้ภัยโควิด” ณ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

นางสาวพรพิมล กิริวรรณา กล่าวว่า ข้าวมาบุญครองได้เล็งเห็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกภาคส่วน จึงได้มีการจัดโครงการ ”ข้าวมาบุญครอง ปันน้ำใจ สร้างความอิ่มอุ่นทุกครอบครัว” โดยเป็นกิจกรรมที่ข้าวมาบุญครอง สนับสนุนผลิตภัณฑ์ยังชีพ อาทิ ข้าวสารมาบุญครอง น้ำดื่มคูลพลัส รวมถึงการนำข้าวมาประกอบอาหารจัดทำเป็นอาหารปรุงสุก มอบให้กับประชาชน ทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนการปฎิบัติงานในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด โดยมอบข้าวสารผ่านหน่วยงานทั้งภาครัฐ และพันธมิตรในภาคส่วนเอกชน ไปแล้วกว่า 50 ตัน

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ข้าวมาบุญครอง ได้จับมือกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ผ่านโครงการของทางมูลนิธิ คือโครงการ“มูลนิธิปวีณาฯ รวมน้ำใจคนไทย สู้ภัยโควิด” โดยมอบข้าวสารจำนวน 2 ตัน กระจายให้กับทุกท่านผ่านกล่องกำลังใจ ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้ดำเนินการบรรจุของประกอบไปด้วยข้าวสาร และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ส่งไปให้กับครอบครัวกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็ก และสตรี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่แจ้งเรื่องเข้ามาผ่านมูลนิธิปวีณาฯ ทั่วประเทศ โดยนอกจากจะสร้างความอิ่มอุ่นแล้ว ยังเป็นการมอบกำลังใจให้กับทุกท่าน ในวันที่เจอวิกฤติหรือเผชิญกับวันที่ย่ำแย่ ยังมีหลายหน่วยงาน หนึ่งในนั้นคือข้าวมาบุญครอง ที่พร้อมจะดูแลทุกท่าน แล้วจับมือกันก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ระบุว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องจนถึงกลางปีนี้ พบข้อมูลปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีเด็กและผู้หญิงถูกทำร้าย ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทุกคนในบ้านต้องอยู่รวมกัน24 ชั่วโมง ท่ามกลางความเครียดจากเศรษฐกิจ ที่ครอบครัวไม่มีรายได้ ถือเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญทำให้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กสตรี จึงรับเป็นสื่อกลาง ประสานความช่วยเหลือไปยังครอบครัวกลุ่มเปราะบาง จึงได้จัดตั้งโครงการ“มูลนิธิปวีณาฯ รวมน้ำใจคนไทย สู้ภัยโควิด” โดยการส่งของยังชีพ อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม นม แพมเพิส และยารักษาโรค โดยปัจจุบันได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือแล้วกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อลดปัญหาขาดแคลนอาหาร ขาดแคลนนมสำหรับเด็ก และขาดแคลนรายได้ เพื่อหยุดความรุนแรงที่อาจขึ้นจากปัญหาดังกล่าว

ขอขอบคุณกลุ่มธุรกิจในเครือข้าวมาบุญครองที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด -19 ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ที่ผ่านมาทางมูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด – 19 รอบที่ 1 และรอบที่ 2 ไปแล้ว รวมจำนวน 6,540 ราย ส่วนในการระบาดรอบ 3 นี้ มูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือตามจำนวนสิ่งของที่มีผู้ใจบุญบริจาค ทั้งนี้ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง นม และแพมเพิส ได้ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หรือติดต่อได้ที่ โทร. 081-814-0244, 098-478-8991, 062-560-1636 และ081-890-1355

BDMS x ไทยประกันชีวิต เสริมสร้างสังคมไทยให้มีสุขภาพดี

BDMS มุ่งส่งเสริมสังคมไทยก้าวสู่สังคมสุขภาพดี ครอบคลุมทั้งการป้องกัน รักษา และฟื้นฟู ด้วยศักยภาพของเครือข่ายการแพทย์มาตรฐานสากลทั่วประเทศไทย ล่าสุดผสานความร่วมมือกับ บมจ. ไทยประกันชีวิต ผ่าน บัตรไทยประกันชีวิตชีววัฒนะ รูปแบบใหม่ของบริการแบบ Eco-Health System ผ่านการนำเสนอสิทธิพิเศษ ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพด้วยแอปพิเคชันในโทรศัพท์มือถือ

แพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 1 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง BDMS ในฐานะผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานคุณภาพในระดับสากล และ บมจ.ไทยประกันชีวิต ผู้นำด้านการประกันชีวิตในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ของการให้บริการด้านสุขภาพในแบบ Eco-Health System แก่ผู้ประกันตนกลุ่มไทยประกันชีวิต INFINITE โดยการส่งมอบสุขภาพที่ดีให้เกิดขึ้นอย่างสะดวกและทันสมัย ด้วยการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิตเพื่อรับบัตรไทยประกันชีวิตชีววัฒนะแบบ Virtual Card สำหรับใช้บริการในโรงพยาบาลในเครือ BDMS 38 แห่งในประเทศไทย ประกอบด้วย โรงพยาบาลเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอช เครือโรงพยาบาลพญาไทและเครือโรงพยาบาลเปาโล ที่พร้อมมอบสิทธิประโยชน์เพื่อการดูแลสุขภาพด้วย เทคโนโลยีและการบริการทางการแพทย์ที่ได้รับความไว้วางใจ ครอบคลุมครบถ้วนทุกด้านของการดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อความมั่นใจสูงสุดของผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิด

BDMS กำหนดเป้าหมายการให้บริการทางการแพทย์เพื่อสุขภาพที่ดีในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยและต่างชาติเข้าถึงบริการทางการแพทย์ทั้งด้านการดูแลป้องกัน รักษาและฟื้นฟูตามความต้องการที่หลากหลายของคนไข้” แพทย์หญิงปรมาภรณ์ กล่าวถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายหลักของ BDMS

“บัตรไทยประกันชีวิตชีววัฒนะได้รวมสิทธิประโยชน์ของบริการทางการแพทย์แก่ผู้เอาประกันภัยของไทยประกันชีวิต เช่น การรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในราคาพิเศษ ส่วนลดค่ารักษาพยาบาลและค่าห้องพัก ส่วนลดแพคเกจตรวจสุขภาพ ตรวจคัดกรองมะเร็งและตรวจสุขภาพฟัน ตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในตับ โดยสิทธิประโยชน์ต่างๆ มีความหลากหลายตามกลุ่มลูกค้าของไทยประกันชีวิต

โดยที่ผ่านมา BDMS มีมาตรฐานในการให้บริการ ส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรให้มีทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ให้บริการครอบคลุมการรักษาในหลายมิติ เราพยายามยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ให้มีความแข็งแกร่งในระดับสูง ทั้งยังมีศูนย์การแพทย์แห่งความเป็นเลิศ (Center of Excellence Network: COE) กว่า 11 แห่ง ให้ครอบคลุมการรักษาด้วยการรับรองคุณภาพเฉพาะทางด้านต่างๆ ในระดับมาตรฐานสากล และมีการร่วมมือทางด้านการแพทย์กับสถาบันชั้นนำของโลก โดยความร่วมมือในการส่งมอบบริการทางการแพทย์ผ่านบัตรไทยประกันชีวิตชีววัฒนะนั้น BDMS พร้อมมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพ จากโรงพยาบาลในเครือ BDMS 38 แห่งให้แก่ผู้ประกันตนกลุ่มไทยประกันชีวิต INFINITE โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการให้บริการทางการแพทย์แบบครบวงจรจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ”

BDMS ยังมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็น Smart Healthcare เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านการแพทย์ ทั้งยังพัฒนา Health Design Center ศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจร พร้อมให้บริการครบจบในที่เดียว ตั้งแต่ตรวจวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นเพื่อป้องกันโรค ตลอดจนแนะนำแผนการรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางพร้อมให้การดูแลแบบองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง สมอง ฯลฯ ครบครันด้วยเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยมาตรฐานระดับสากล เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจสูงสุดของผู้รับบริการ” แพทย์หญิงปรมาภรณ์ กล่าวถึงก้าวต่อไปของการพัฒนานวัตกรรมด้านงานบริการของ BDMS เพื่อสานต่อการเป็นผู้นำด้านความเป็นเลิศทางการแพทย์ของไทย

ไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

ด้าน นายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้นำการให้บริการด้านสุขภาพ (Health Provider) บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำและมีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบครบวงจร หรือ Eco-Health System สำหรับผู้เอาประกันภัย ทั้งในเชิงการป้องกัน (Preventive) และเชิงการดูแลรักษา (Curative) ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่ตระหนักและใส่ใจกับสุขภาพเพิ่มมากขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยเริ่มจากสมาชิกไทยประกันชีวิต Privilege ระดับ INFINITE ผ่านบัตรไทยประกันชีวิตชีววัฒนะที่เปิดโอกาสให้สมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้ทางแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต นอกเหนือจากการมอบสิทธิพิเศษที่มากกว่าด้านสุขภาพแก่ผู้เอาประกันแล้ว บริษัทฯ ยังได้พัฒนานวัตกรรมด้านแบบประกันต่อเนื่อง ในลักษณะ Life Solutions Product ทั้งยังได้พัฒนาบริการพิเศษ Health Care Solutions หลากหลายบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลชีวิตและสุขภาพเพื่อมอบประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เอาประกันอีกด้วย

“สมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE ทุกระดับ จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายด้านการให้บริการทางการแพทย์แบบครบวงจรจากโรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศ ซึ่งสิทธิพิเศษจะครอบคลุมการส่งมอบสุขภาพที่ดีทั้ง 2 ด้าน ด้านการสร้างสุขภาพเชิงป้องกัน สมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE ทุกระดับ จะได้รับสิทธิ์บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี พิเศษยิ่งขึ้นสำหรับไทยประกันชีวิต INFINITE ระดับ Platinum / Gold รับสิทธิ์บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีสำหรับสมาชิกในครอบครัวเพิ่มอีก 1 สิทธิ์ พร้อมรับสิทธิ์ตรวจสุขภาพโปรแกรม Health Check Up ฟรี โดยรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชันไทยประกันชีวิต ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 โดยสมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE ที่ลงทะเบียนรับ “บัตรไทยประกันชีวิต ชีววัฒนะ” ซึ่งจะเป็น Virtual Card บนแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน สามารถใช้สิทธิ์ซื้อบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในราคาพิเศษ 700 บาท (จำนวน 3 สิทธิ์/ 1 สมาชิก) หรือรับส่วนลดแพ็กเกจตรวจสุขภาพ 2,000 บาท สำหรับการซื้อแพ็กเกจตรวจสุขภาพตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป (จำนวน 3 สิทธิ์/ 1 สมาชิก) รวมถึงยังได้รับสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้านการดูแลรักษา อาทิ ส่วนลดค่าห้องพัก เมื่อเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน 50%, ส่วนลดค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 15% สามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขการใช้สิทธิ์เพิ่มเติมได้ที่ https://infinite.thailife.com/ หรือแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต” นายไชย ไชยวรรณ กล่าว

แกะรอย.. หนังโฆษณา สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์

Island

ชื่อเรื่อง                           : Island

ความยาว                         : 30 วินาที

เจ้าของผลิตภัณฑ์               : บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทตัวแทนโฆษณา          : บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์         : บริษัท เดอะ ฟิล์ม แฟคตอรี่ จำกัด

ผู้กำกับภาพยนตร์               : ศิริ อำนวยพุทธเมธ

วัตถุประสงค์ในการโฆษณา

สื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ว่า สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ คือเครื่องดื่มรังนกแท้ สูตรที่ดีที่สุดจาก สก๊อต รังนกแท้

แนวความคิด

สื่อสารจุดเด่นของ สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ ผ่านจุดขายที่เป็น Uniqueness นั่นคือมีเพียง สก๊อต เท่านั้นที่มีเกาะรังนกในท้องทะเลทางภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งของรังนกแท้สีเหลืองทองวัตถุดิบของ    สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ เพื่อย้ำให้เห็นว่าทำไม สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ จึงเป็นสูตรที่ดีที่สุดของ สก๊อต รังนกแท้ และสื่อสารถึงจุดขายหลักดังกล่าวของ สก๊อต รังนกแท้ สุพรีมโกลด์ อย่างง่ายๆตรงไปตรงมาผ่านการนำเสนอของพรีเซนต์เตอร์ ติ๊ก เจษฏาภรณ์ ผลดี

เนื้อเรื่องย่อโฆษณา

บนเกาะรังนกแห่งหนึ่งในท้องทะเลทางภาคใต้ ติ๊ก เจษฏาภรณ์ ถามคำถามกับผู้ชมว่า “อะไรทำให้สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์ เป็นสูตรที่ดีที่สุด จากสก๊อต รังนกแท้” และเรื่องราวทั้งหมดหลังจากนั้นคือคำตอบของคำถามดังกล่าวโดยเราจะพบกับคำตอบแรกด้วยภาพของเกาะรังนกหลายๆเกาะที่เป็นของสก๊อตซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในท้องทะเลที่ใสสะอาดและลงไปถึงใต้น้ำเห็นฝูงปลาฝูงใหญ่สื่อให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์จากนั้นกล้องจะพาเราเข้าไปภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับไปทั่วทั้งถ้ำ เราจะพบกับ ติ๊ก เจษฏาภรณ์ อีกครั้ง เขาโหนตัวอยู่กับเถาวัลย์ชี้ให้เราเห็นรังนกแท้สีเหลืองทองที่เกาะอยู่ทั่วทั้งถ้ำรอบตัวเขาก่อนที่รังนกแท้สีเหลืองทองทุกๆรังจะกลายเป็นขวด สก๊อต รังนกแท้ สุพรีม โกลด์

รับชม ภาพยนตร์โฆษณา คลิก https://youtu.be/C1pAolI2FO4

พาราไดซ์ พาร์ค อัดแคมเปญ THAI SAVE THAI ร่วมใจฉีดวัคซีน

ฉีดวัคซีนโควิค-19 แล้ว มารับสิทธิพิเศษดี ๆ กัน !! พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค จัดแคมเปญ THAI SAVE THAI ร่วมใจฉีดวัคซีน พบโปรพิเศษจากร้าค้าชั้นนำมากมากมาย เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิค-19 และบัตรประชาชน ตั้งแต่วันนี้– 31 ก.ค. 64

สำหรับร้านที่เข้าร่วม ได้แก่ ร้าน Au Bon Pain ลด 50% ชามะนาวสดเย็น ขนาดไซส์ M ร้าน SQUEEZE by Tipco ซื้อแก้วที่ 2 ลด 50% เมื่อซื้อเครื่องดื่มสมูทตี้เมนู Super Fruit 16 oz. ร้านโอเรียนทอล พริ้นเซส รับส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าราคาปกติครบ 500 บาท พร้อมรับสิทธิ์สมาชิกฟรีตลอดชีพ และรับสินค้าเจลแอลกอฮอล์ ฟรี 1 ชิ้น ร้านคอฟฟี่บีนส์ บายดาว ฟรี! ชาเย็น, ชาดำเย็น, น้ำกระเจี๊ยบ 1 แก้ว เมื่อซื้อสินค้าที่ร้านครบ 600 บาท ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด ฟรี! ซุปถ้วยแกงจืดรวมมิตรทะเล มูลค่า 85 บาท เมื่อซื้อเนื้อปลาผัดพริกเหลือง + ทอดมันปลา + ไข่ดาว + ข้าวสวย ราคา 199 บาท หรือ ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม + ทอดมันปลา + ไข่ดาว ราคา 199 บาท ร้านโอโตยะ ฟรี! สลัดหมูชาบูราดซอสต้นหอมญี่ปุ่น มูลค่า 155 บาท เมื่อสั่งเซตปลาอากาอุโอะหมักซอสชิโอะโคจิมิรินย่างถ่าน ราคา 409 บาท ร้านแม่ศรีเรือน พบเมนูราคาพิเศษมากมาย ร้านซานตาเฟ่ ลด 10% เฉพาะรายการอาหารในเมนูปกติ ร้าน Kipling ลดเพิ่ม 5% เฉพาะผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกเท่านั้น และ ร้าน Fuku Matcha มาพร้อมโปร 1 แถม 1 เพียงซื้อมัทชะนมสดไข่มุก 1 แก้วขนาด 22 ออนซ์ ราคา 100 บาท ฟรี มัทชะนมสดไข่มุก 1 แก้วขนาด 22 ออนซ์ ราคา 100 บาท ร้านโนบิ ชา ฟรี Topping ไข่มุก/ เยลลี่ เมื่อซื้อเครื่องดื่ม 2 แก้วขึ้นไป ร้าน Goma ลด 10 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 80 บาท ร้าน My bake Bakery ฟรี 1 ชิ้น เมื่อซื้อขนม 3 ชิ้น ร้านคินซูชิ ฟรี 1 ชิ้น เมื่อซื้อซูชิ 10 ชิ้น และฟรี ปากกา 1 ด้าม เมื่อซื้อครบ 200 บาท ร้าน Asia Book ลด 100 บาท เมื่อซื้อหนังสือภาษาอังกฤษ ราคาปกติ 800 บาทชึ้นไป (ไม่รวมสินค้ากลุ่ม Tarot) ร้าน Gelate ไอศกรีมโฮมเมดสไตล์อิตาเลี่ยน เพียง 49 บาท/ Scoop กับ 3 รสชาติอร่อย อย่าง Pancake, Aftereight และ Lychee ตลอดเดือน มิ.ย. ส่วนในเดือน ก.ค. พบกับรสชาติ Pancake, Bubble gum และ Raspberry ร้านวังแว่น ลดเพิ่ม 5% ร้าน Skechers Thailand รับคูปอง 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,500 บาท คออาหารเกาหลีพลาดไม่ได้ ร้าน Dookki รับคูปองส่วนลด10% เฉพาะจันทร์ – ศุกร์

สาวกชาบูหม้อร้อนต้องมา ร้าน EVAIME Shabu Shabu รับสไปร์ยูซุ 1 ถังเพียง 99 บาท ร้าน ooppa ลด 500 บาท เมื่อซื้อครบ 1,990 บาท ร้าน Discount outlet ลดเพิม 5% ร้าน U Chic ลด 10% Paradise Cineplex รับฟรีบัตรชมภาพยนตร์ สำหรับ 100 ท่านแรก และรับส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ มูลค่า 50 บาทและส่วนลดป๊อปคอร์น มูลค่า 25 บาท สำหรับ 100 ท่านถัดมา ร้าน BEAR MILK STICK ลด 5 บาท สำหรับเครื่องดื่มเมนูเย็น ร้าน MNG รับฟรี สินค้าประเภทจิวเวอรี่ ที่ร่วมรายการมูลค่าไม่เกิน 790 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท ร้าน Charles & Keith ลด 100 เมื่อซื้อครบ 1,000 บาท ขึ้นไป โอทู (O2) ศูนย์สุขภาพ&ไลฟ์สไตล์ รับฟรีทันที E-Coupon สิทธิ์รับประทานอาหารเมนูราคาพิเศษ 35 บาท เพียงสแกน QR Code เพิ่มเพื่นใน LINE กับ โอทู และแสดงให้กับร้านค้าที่มีป้ายสัญลักษณ์เข้าร่วมโครงการ ศูนย์อาหาร Food Arcade พบกับเมนูราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 35 บาท รับฟรี น้ำดื่ม 1 ขวด หรือรับคูปองส่วนลด 5 บาทเมื่อซื้อเมนูใดก็ได้ และร้าน Sizzler ฟรี! น้ำแตงโมปั่น มูลค่า 79 บาท เมื่อสั่งเมนูจานหลัก 1 จาน

พิเศษ! สำหรับลูกค้าทุกท่านเพียงช้อปภายในศูนย์ฯ พาราไดซ์ พาร์ค ขอส่งต่อความคุ้ม รับฟรี ชุดแปรงฟันพร้อม ยาสีฟัน Salz Fresh to go มูลค่า 69 บาท เมื่อช้อปครบ 350 บาทขึ้นไป (สามารถรวมใบเสร็จได้สูงสุด 3 ใบเสร็จ)

JR ติดโผ FTSE Micro Cap มีผล 18 มิ.ย.นี้

JR ปลื้ม! ขึ้นทำเนียบ FTSE All World Index กลุ่ม Micro Cap ดีเดย์ 18 มิ.ย. 64 นี้ ส่งผลอยู่ในโฟกัสนักลงทุนสถาบัน-กองทุนไทย-เทศ จ่อเพิ่มน้ำหนักลงทุน บิ๊กบอส “จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ”ประกาศพร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจโปรเจคยักษ์ “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2” มาตามนัด หนุน Backlog ปีนี้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ดันผลงานโตก้าวกระโดด

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทฯได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี FTSE All World Index ซึ่ง JR จัดอยู่ในกลุ่ม FTSE Micro Cap จะมีผลบังคับใช้หลังราคาปิดของวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป จะทำให้หุ้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น

“การที่หุ้น JR ถูกดึงเข้าคำนวณใน FTSE Micro Cap ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงหุ้นที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายและมั่นใจว่าหลังการเข้าคำนวณดัชนีดังกล่าว จะทำให้หุ้น JR อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนสถาบันและกองทุนชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินมีความมั่นคง และมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาว”

นายจรัญ กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง และในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสได้งานโครงการใหญ่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้งานในมือพุ่งแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง