แอปพลิเคชัน CaltexGO ชู สมาร์ท จ่ายไว ไร้สัมผัส รับโปรสุดปัง

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันคุณภาพระดับโลกภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” จัดโปรโมชั่นปัง ๆ เพิ่มความคุ้มค่าทุกการจับจ่าย เพียงลูกค้าคาลเท็กซ์ใช้บริการเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้ (ยกเว้น ดีเซล B20) ที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ (เฉพาะในจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี) ตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป (ครบ 5 ครั้ง) และชำระค่าน้ำมันด้วยแอปพลิเคชัน CaltexGO  รับทันทีคูปองอิเล็กทรอนิกส์ (E-Coupon) ส่วนลดต่าง ๆ มูลค่ารวมสูงสุด 180 บาท อาทิ ส่วนลดที่ร้าน MK Restaurants, ร้าน Starbucks หรือรับส่วนลดค่าน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ที่ร่วมรายการ

ลูกค้าคาลเท็กซ์สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน CaltexGO ได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับระบบปฏิบัติการ IOS สามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store และสำหรับระบบปฏิบัติการ Android สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store โดยสามารถรับสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2564 หรือจนกว่าจะครบ 10,000 สิทธิ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.caltex.com/th/motorists/rewards-and-offers/promotions/caltexgopromoaug2021.html หรือ ศูนย์บริการลูกค้าน้ำมันคาลเท็กซ์ โทร 02 081 4123 หรืออีเมล [email protected] (เปิดทำการทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น.) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโปรโมชั่นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นดี ๆ จากคาลเท็กซ์ได้ที่ www.caltex.co.th และ LINE official : @iLoveCaltex

ช้อปอะไรดี? คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน® โปรดีเอส™ ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่

บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น คาลเท็กซ์ ฮาโวลีน® แนะนำผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องใหม่ สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ฮาโวลีน® โปรดีเอส ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่ (Havoline® ProDS Fully Synthetic Eco) SAE 0W-20 / 5W-30 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% ได้มาตรฐาน API SP / ILSAC GF-6A มีวางจำหน่ายในขนาด 4 ลิตร และ 1 ลิตร สูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรถอีโค่ คาร์ เครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่า 1,300 ซีซี เครื่องยนต์ไฮบริด และระบบฉีดตรง (GDI) ช่วยปกป้องการสึกหรอของทุกชิ้นส่วนในเครื่องยนต์อย่างสมบูรณ์แบบ ลดแรงเสียดทาน จึงช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้เครื่องยนต์รวมไปถึงระบบฉีดตรงแบบเทอร์โบชาร์จ สามารถทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ ตอบโจทย์การใช้งานและเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ ภายใต้แนวคิด Smart Product เติมเต็มประสบการณ์แห่งความสุขในการขับรถอย่างลื่นไหลเต็มพลัง

ปกป้องเครื่องยนต์เบนซิน อย่างเหนือชั้น พร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่กับ ฮาโวลีน® โปรดีเอส ฟูลลี่ ซินเธติก อีโค่ SAE 0W-20 / 5W-30 ตั้งแต่วันนี้ ที่สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ และตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องคาลเท็กซ์ทั่วประเทศ พร้อมจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ Lazada และ Shopee สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ได้ที่ โทร.02 081 4492 ติดตามข้อมูลข่าวสารพร้อมกิจกรรมดี ๆ จากคาลเท็กซ์ได้ที่  www.caltex.co.th และ www.facebook.com/CaltexThailand  แอดไลน์ @iLoveCaltex หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้า โทร. 02 081 4123

ทำความรู้จัก Liquid Biopsy นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผย โรคมะเร็งหากตรวจพบเร็ว เท่ากับช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาได้มากขึ้น ชี้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งยังสูง เนื่องจากตรวจเจอในระยะลุกลาม และระยะเวลารอคอยในการตรวจรักษาที่นาน ชูนวัตกรรมการแพทย์ Liquid Biopsy ตรวจหาและวิเคราะห์มะเร็งจากเลือดของผู้ป่วยได้รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดชิ้นเนื้อ ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตจากมะเร็ง สามารถระบุตำแหน่ง พร้อมผลการรักษาที่รวดเร็ว เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที ตามอาการของผู้ป่วยระหว่างการรักษา ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสรักษาหายเมื่อตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น 

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยว่า Liquid Biopsy (ลิควิด ไบออฟซี่) นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด ในขั้นตอนที่สะดวกและรวดเร็วเพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลง การกลายพันธุ์ หรือความผิดปกติของยีนมะเร็ง นำไปสู่การวิเคราะห์ที่ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า 90% ภายในระยะเวลาเพียง 12 วัน และนำผลการตรวจที่บ่งบอกได้ก่อนการรักษา ถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ของผู้ป่วย รวมทั้งช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม ถูกตำแหน่ง ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบพุ่งเป้า ทำลายเฉพาะเชื้อมะเร็ง จึงช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง ในขณะที่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายผู้ป่วยน้อยที่สุด นอกจากนี้ Liquid Biopsy ยังสามารถใช้ในการตรวจซ้ำกับผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็งแล้วกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย

“Liquid Biopsy เป็นอีกทางเลือกใหม่สำหรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งในวงการแพทย์ หลังจากการตรวจพื้นฐานและประเมินระยะของมะเร็งในปัจจุบันผ่านวิธีการซักประวัติและตรวจร่างกาย การ X-Ray หรือการ CT Scan รวมทั้งการผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์ ปัจจุบัน Liquid Biopsy เป็นนวัตกรรมทางเลือก มีขั้นตอนการตรวจที่ง่าย รวดเร็ว แม่นยำกว่า 90% และสามารถช่วยลดความเสี่ยงหลายประการ เพียงเจาะเลือดจากผู้ป่วย และวินิจฉัยจากดีเอ็นเอ (DNA) เป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ตรวจพบแล้วว่าเป็นมะเร็ง และต้องการวางแผนการรักษาที่รวดเร็ว ผู้ป่วยมะเร็งพบชิ้นเนื้อซ้ำทั้งจุดเดิม หรือแพร่กระจายไปยังจุดอื่นในร่างกาย ผู้ป่วยมะเร็งที่มีโรคประจำตัว และผู้ป่วยสูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด ด้วยตำแหน่งของมะเร็งที่อยู่บริเวณอวัยวะสำคัญ ผ่าตัดชิ้นเนื้อได้ยาก เกิดกังวลในการผ่าตัด เพราะหากตัดออกมาแล้วอาจทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บ หรือได้รับอาการข้างเคียงที่รุนแรง” นายแพทย์ธนุตม์ อธิบาย

ข้อดีของการตรวจวินิจฉัยมะเร็งด้วยวิธี Liquid Biopsy คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เพราะพยาบาลหรือแพทย์สามารถเจาะเลือดของผู้ป่วยได้เองจากที่ไหนก็ได้ รวมทั้งเป็นวิธีที่สามารถตรวจผู้ป่วยซ้ำได้ มีผลข้างเคียงน้อย ในด้านของการแปลผลสามารถบอกได้ว่ามะเร็งมีการกลายพันธุ์หรือไม่ และเป็นการวินิจฉัยที่แม่นยำ ช่วยให้สามารถเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะ

“อย่างไรก็ดี Liquid Biopsy นวัตกรรมการแพทย์ทางเลือกที่ช่วยให้การตรวจพบ และการรายงานผลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยจากมะเร็งได้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะหายเป็นปกติได้ และช่วยในการติดตามผลการรักษาว่าเซลล์มะเร็งจะกลายพันธุ์ไปหรือไม่ อย่างไร เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในวงการแพทย์เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ลดอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคมะเร็งได้ในปัจจุบันและอนาคต” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

มัดใจขาช้อปสายห้าง ซิตี้ รวมโปรสุดปัง!

ผ่อนคลายกับบรรยากาศการช้อปปิ้งที่กลับคืนมาให้เพลิดเพลินใจอีกครั้ง! บัตรเครดิตซิตี้ จับมือ ศูนย์การค้าชั้นนำ ได้แก่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, ดิ เอ็มโพเรียม,  ดิ เอ็มควอเทียร์สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่, ไอคอนสยาม และเดอะมอลล์ ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ทุกสาขา ทุ่มโปรจัดหนัก จัดเต็มให้เหล่าช้อปเปอร์ชอบเดินห้างได้ชื่นมื่นกับการจับจ่าย กิน ดื่ม ให้หายคิดถึง พร้อมมอบอภิสิทธิ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่สมาชิกบัตรเครดิตซิตี้ ที่ศูนย์การค้าสุดโปรด ดังนี้

  • Central Embassyช้อปแบบเจิดจรัสกับแคมเปญ Bringing You Back on Stage พร้อมรับสิทธิ์แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้คะแนนซิตี้รีวอร์ดเท่ากับยอดซื้อสินค้า ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตั้งแต่ 6 กันยายน – 31 ตุลาคม 2564 
  • The Emporium & The EmQuartierหวนคืนสู่บรรยากาศแสนสนุกของนักช้อปกับ Shoppers Reunion! สำหรับยอดใช้จ่ายทั้งที่ศูนย์การค้าและช่องทางแชท แอนด์ ช้อป พร้อมรับ 2 สิทธิประโยชน์  1) รับบัตรกำนัลศูนย์การค้าฯ มูลค่าสูงสุด 4,000 บาท เมื่อใช้จ่ายตามเงื่อนไข 2) รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ดเท่ากับยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ที่ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ ตั้งแต่ 1 – 30 กันยายน  2564
  • ONESIAM and ICONSIAMมอบอภิสิทธิ์ให้ช้อปอย่างเพลิดเพลินใจกับ Credit Card Days! รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% สำหรับยอดใช้จ่ายที่ศูนย์การค้า และช่องทางแชท แอนด์ ช้อป เมื่อใช้คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด เท่ากับยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ที่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และ ไอคอนสยาม ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2564
  • The Mall Shopping Centerทุกสาขา ฉลองการกลับมาจับจ่ายแบบสุดคุ้มกับ Shoppers Return พร้อมมอบ 2 สิทธิพิเศษให้เหล่าช้อปเปอร์อย่างจุใจ รับสูงสุด 2,400 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ภายในศูนย์การค้า 1) รับบัตรกำนัลศูนย์ฯ และ E-Coupon ส่วนลดร้านอาหาร สูงสุด 800 บาท ทุกวัน เมื่อใช้จ่าย ที่ร้านค้า, ร้านอาหารในศูนย์การค้า และ Gourmet Eats ที่ร่วมรายการ 2) รับบัตรกำนัลศูนย์ฯ มูลค่าสูงสุด 1,600 บาท เมื่อใช้จ่าย และสะสมยอดช้อป ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เฉพาะเสาร์-อาทิตย์  ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา ตั้งแต่ 8 กันยายน – 28 ตุลาคม 2564

ติดตามโปรโมชั่นสุดพิเศษกว่าใคร เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิตซิตี้เท่านั้นได้ทางเว็บไซต์www.citibank.co.th

สามย่านมิตรทาวน์ คว้ารางวัล Thailand Energy Awards 2021

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ประกาศความสำเร็จล่าสุดหลังโครงการสามย่านมิตรทาวน์ คว้ารางวัลดีเด่น Thailand Energy Awards 2021 และได้รับเลือกเป็นมิกซ์ยูสตัวแทนประเทศไทย เข้าชิง ASEAN Energy Awards 2021 สานต่อการเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอาคารอนุรักษ์พลังงาน หลังจากอาคารสำนักงานให้เช่า 4 อาคาร ภายใต้การบริหารงาน ได้รับรางวัลและการรับรองมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานระดับเวิร์ลคลาสมาก่อนหน้านี้

นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ผู้บริหารโครงการสามย่านมิตรทาวน์ เปิดเผยว่า เป็นความภาคภูมิใจของคณะทำงานอย่างมากที่สามย่านมิตรทาวน์ได้รับรางวัลดีเด่นจากการประกวด Thailand Energy Awards 2021  ซึ่งจัดขึ้นโดย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยได้รับการคัดเลือกประเภทอาคารสร้างสรรค์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ประเภทอาคารใหม่ (New and Existing Building) พร้อมได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนประเทศไทยไปร่วมแข่งขันในระดับอาเซียน ASEAN Energy Awards 2021 ประเภท New and Existing Building ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์พลังงานอาเซียน หลังผ่านมาตรฐาน ลีด (Leadership in Energy and Environmental Design : LEED) ระดับโกลด์ จากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมา

โครงการสามย่านมิตรทาวน์ พัฒนาในรูปแบบผสมผสาน หรือมิกซ์ยูสแบบครบวงจร เราพัฒนาภายใต้แนวคิด ‘คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้’ (Urban Life Library) ภายในโครงการแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนพลาซ่า ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ (Samyan Mitrtown) โซนอาคารสำนักงาน มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ (Mitrtown Office Tower) และสุดท้ายโซนที่อยู่อาศัยประกอบด้วย ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์ (Triple Y Residence) และ โรงแรม  ทริปเปิ้ลวาย โฮเทล (Triple Y Hotel) เนื่องจากเป็นโครงการที่มีรูปแบบการใช้พื้นที่หลากหลายจากโซนที่แตกต่างกัน เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในการออกแบบและบริหารจัดการพื้นที่ควบคู่กัน โดยสะท้อนผ่านรางวัลด้านพลังงานจากสถาบันชั้นนำที่เป็นที่ยอมรับจากทั้งไทยและต่างประเทศ

โดยคุณสมบัติของสามย่านมิตรทาวน์ที่ทำให้โครงการมีความแตกต่างจากอาคารทั่วไป จนสามารถคว้ารางวัล Thailand Energy Awards 2021 ได้แก่

  1. พื้นที่สีเขียวของโครงการออกแบบภายใต้แนวคิด(Friendly & Space Sharing Landscape) เน้นการเข้าใช้พื้นที่ได้ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน โดยเลือกปลูกพรรณไม้ที่สูงโปร่งและใบมีลักษณะเป็นพุ่มหนาอย่างต้นยางนาเพื่อสร้างร่มเงา เสริมด้วยไม้พุ่มและพืชคลุมดินเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุด นอกจากนี้ ดาดฟ้าบนชั้น 5 ยังทำเป็นพื้นที่สีเขียว ที่เป็นจุดชมวิวและทำกิจกรรมที่หลากหลาย เลือกชนิดของต้นไม้ลำต้นตรงสูงแตกพุ่มด้านบน รวมถึงพืชพรรณที่หลากหลายเพื่อทำหน้าที่กรองแสงและฝุ่นให้กับอาคาร
  1. พื้นที่ส่วนกลางโซน 24 ชั่วโมง ใช้การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ(Outdoor in Indoor Space) ชั้น G ถึงชั้น 2 ใช้รูปแบบพื้นที่แบบเปิด (Open Air) แทนการใช้ระบบปรับอากาศช่วยลดการใช้ไฟฟ้า โดยมีการศึกษาทิศทางลม และการกำหนดช่องเปิดที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสบายและอากาศถ่ายเท เสริมด้วยการใช้พัดลม (Ceiling Fan) ซึ่งการนำเสนอความคิด Outdoor in Indoor Space ที่สมบูรณ์แบบในย่าน CBD ของกรุงเทพมหานคร

3.ส่งเสริมการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ (Public Transportation Accessibility) โดยมีอุโมงค์คอนกรีตเปลือยโครงสร้างที่ช่วยลดการใช้เคมีภัณฑ์ในการก่อสร้าง อุโมงค์นี้จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สถานีสามย่าน นอกจากนี้ยังจัดให้มีสถานีชาร์จแบตเตอรี่ (EV Charger) สำหรับลูกค้าที่ใช้รถไฟฟ้า เพื่อร่วมสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนน้ำมัน

  1. ออกแบบโดยให้ความสำคัญกับการวางทิศทางของตัวอาคารที่เหมาะสม(Building Orientation Optimization) เพื่อการรับแสงธรรมชาติให้มากที่สุด นอกจากช่วยลดการใช้ไฟฟ้าสำหรับแสงสว่างภายในอาคาร ยังช่วยสร้างความรู้สึกสบายไม่อึดอัดให้กับผู้ใช้งาน และใช้การออกแบบกรอบอาคารที่สามารถลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารได้ดี เช่น การใช้ผนังฉลุช่วยในการบังเงา และกระจก Insulated Low-E ซึ่งช่วยลดความร้อน แต่ยังคงได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ เป็นต้น
  1. ส่วนสำนักงานเลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ(Water Efficiency Toilets) สามารถประหยัดการใช้น้ำประปาลงได้ 45.37% เมื่อเทียบกับสุขภัณฑ์ทั่วไป
  1. ระบบปรับอากาศในส่วนศูนย์การค้าและสำนักงานใช้ระบบปรับอากาศแบบรวมศูนย์ (Central Water-Cooled Chiller System)

ออกแบบเพื่อการประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีล่าสุดและระบบจัดการอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น

– เครื่องชิลเลอร์ และเครื่องสูบน้ำประสิทธิภาพสูง (High Efficiency VFD Chiller) ประหยัดพลังงานมากกว่าอาคารประหยัดพลังงานทั่วไป 15%

– สารทำความเย็นของเครื่องชิลเลอร์ (Chiller) ไม่ทำลายโอโซน และมีค่าศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential) ต่ำ

– ระบบจัดการชิลเลอร์ (Chiller plant management) ควบคุมการทำงานอุปกรณ์อัตโนมัติ ให้เกิดประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานสูงสุด

– เครื่องปรับอากาศ AHU ควบคุมการทำงานทั้งน้ำเย็นและปริมาณลมให้สอดคล้องกับโหลดความร้อน และติดตั้งแผ่นกรอกอากาศ 2 ชั้น สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้

นอกเหนือจากการเลือกใช้วัสดุและการตกแต่งอาคารแล้ว การบริหารจัดการพลังงานภายในอาคาร ยังเป็นสิ่งที่โครงการให้ความสำคัญ อาทิ การตั้งค่าอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการตรวจสอบซ่อมบำรุงอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ต้องปรับตัว เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการ และพื้นที่เปิดให้บริการ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เพื่อลดการใช้พลังงาน และลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมแบบครอบคลุมทั้งวงจร บริษัทฯ ยังส่งเสริมการคัดแยกขยะ โดยจัดสรรถังแยกขยะสำหรับเศษอาหาร ขยะทั่วไป ขวดพลาสติก ขวดแก้ว และกระป๋องอลูมิเนียม เพื่อรองรับการทิ้งขยะอย่างถูกประเภท และนำขยะไปจัดการต่อได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมให้ผู้เช่าและผู้ใช้บริการร่วมคัดแยกขยะส่งเข้ากระบวนการรีไซเคิลได้มากกว่า 4 ตัน ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 จนถึงปัจจุบัน

“สามย่านมิตรทาวน์ จะเป็นต้นแบบอาคารมิกซ์ยูสอนุรักษ์พลังงานที่รักษาสมดุลระหว่างการดูแลธรรมชาติและการรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้บริการ โดยเราให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบอาคาร การควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงการบริหารจัดการ เพื่อการส่งต่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ เราได้มีการดำเนินการด้านการอนุรักษ์พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยอาคารที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ ล้วนผ่านเกณฑ์มาตรฐานการอนุรักษ์พลังงานระดับเวิร์ลคลาส เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) มุ่งมั่นที่จะยกระดับอสังหาริมทรัพย์ของไทยให้เทียบเท่านานาประเทศ โดยมองว่าการให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาต้องร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและโลกใบนี้” นายวิทวัส กล่าวทิ้งท้าย

ตลท. จับมือ ดีป้า ส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพอาสา

ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน และ นางลดาวัลย์ กันทวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการส่งมอบเงินสนับสนุนแก่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า โดยมี ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ เป็นผู้รับมอบ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบฐานข้อมูลผู้ป่วย COVID-19 ในสถานการณ์ฉุกเฉินของกลุ่มดิจิทัลสตาร์ทอัพอาสา เป็ดไทยสู้ภัย ณ จุดบรรจุยา สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม หัวหน้ากลุ่มสตาร์ทอัพอาสา เป็ดไทยสู้ภัย ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบฐานข้อมูลผู้ป่วย COVID-19 ในสถานการณ์ฉุกเฉินมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการและระบบข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระบบสายด่วน 1668 และ 1422 ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเชื่อมโยงการดำเนินการของดิจิทัลสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศ อีกทั้งช่วยลดอัตราการเข้ารับการรักษาพยาบาล อัตราการป่วยรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย COVID-19 โดยการจำแนกผู้ป่วยและสนับสนุนระบบการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมา กลุ่มดิจิทัลสตาร์ทอัพอาสา เป็ดไทยสู้ภัย ดำเนินการร่วมกับกรมการแพทย์ และกรมควบคุมโรคอย่างใกล้ชิดในการยกระดับขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขไทย เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคมผ่านมา ทีมเป็ดไทยสู้ภัย ช่วยคัดกรองผู้ป่วยไปแล้วมากกว่า 50,000 ราย และช่วยส่งยาให้ผู้ป่วยที่มีอาการไปแล้วมากกว่า 5,000 ราย

เป็ดไทยสู้ภัย เกิดจากการรวมตัวของเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยที่ได้รับการส่งเสริมโดย ดีป้า ซึ่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ระลอกแรกจนถึงปัจจุบัน

GQ เปิดตัวคอนเซปต์สโตร์รูปแบบใหม่ครั้งแรกที่ MBK

เปิดให้บริการแล้ววันนี้กับเสื้อผ้าแฟชั่นคุณภาพจากแบรนด์แห่งนวัตกรรม GQ  พร้อมอวดโฉมคอนเซปต์สโตร์รูปแบบใหม่เป็นครั้งแรกที่ชั้น 3 โซน  B ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ งานนี้สายแฟสายช้อปห้ามพลาดมาสัมผัสประสบการณ์ความตื่นตาตื่นใจในการช้อปปิ้งสุดพิเศษที่ทาง GQ ตั้งใจออกแบบสร้างสรรค์ร้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น อัดแน่นด้วยสินค้าคุณภาพมาให้เลือกช้อปมากมาย รวมถึงนวัตกรรมล่าสุดอย่าง GQ Perfect Pants™ ที่สุดแห่งกางเกงด้วยคุณสมบัติหลักรวม 10 ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาการสวมกางเกงของชายไทยโดยเฉพาะ และเพื่อร่วมฉลองเปิดร้านใหม่ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2564 ทาง GQ ขอมอบของขวัญสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขาเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์เท่านั้นกับ Exclusive Promotion คุ้ม 2 ต่อ ต่อที่ 1 เมื่อซื้อครบทุก 1,990 บาท แถมฟรี GQ Smart Clean ผ้าไมโครไฟเบอร์ เช็ดสะอาดทุกพื้นผิว และยังยับยั้งแบคทีเรียได้ 99% มูลค่า 99 บาท ต่อที่ 2 เมื่อซื้อครบทุก 2,990 บาท แถมฟรี! ชุดกรรไกรตัดเล็บมูลค่า 1,590 บาท พร้อมมอบส่วนลดของแถมสุดคุ้ม อาทิ 1 แถม 1 เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ GQ White™️ Mask และ GQ White™️ Kids Mask (เฉพาะสีที่ร่วมรายการ : สีฟ้า สีชมพูนู้ด สีเทา และสีขาว) GQ Perfect Pants™ ลดสูงสุด 40 และเมื่อซื้อ GQ Perfect Pants™ 1 ตัว แถมฟรี GQ White™️ Mask 1 ชิ้น งานนี้ขาช้อปห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

นำ “เชลล์ดอน” ร่วมพัฒนาสื่อการสอนออนไลน์ด้านสิ่งแวดล้อมผ่าน Chula MOOC

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนด้านสิ่งแวดล้อมแบบออนไลน์ (E-learning) และตอบโจทย์ระบบการศึกษาในยุคนิวนอร์มอล (New Normal) โดยใช้เรื่องราวของ “เชลล์ดอน” การ์ตูนแอนิเมชั่นทีวีซีรีย์รักษ์โลกฝีมือคนไทย ที่ได้ออกอากาศทางช่อง NBC ประเทศสหรัฐอเมริกา และในประเทศต่างๆ ไปแล้วกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และมีการแปลไปแล้วกว่า 30 ภาษา มาพัฒนาเป็นสื่อการเรียนการสอนออนไลน์

ความร่วมมือระหว่างสองพันธมิตรในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะช่วยกันผลักดันและส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านโครงการเพื่อสังคม (CSR) ที่มีชื่อว่า Shelldon 3 E (Environmental Education E-Learning) โดยนำตัวละครจาก “เชลล์ดอน” การ์ตูนแอนิเมชั่นทีวีซีรีย์รักษ์โลกชื่อดังจะมาช่วยสร้างความตระหนักรู้ และสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านการเรียนรู้จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเชลล์แลนด์ ให้คนทุกเพศ ทุกวัย ได้เรียนกันฟรี! ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Chula MOOC (Massive Open Online Course) หรือแพลตฟอร์มด้านการศึกษาออนไลน์อื่นๆ (Online Education Platform) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับทุกคน โดยช่องทางหนึ่งที่ได้พัฒนาขึ้นและนับว่ามีความสำเร็จในการส่งต่อความรู้สู่สังคมคือ แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ Chula MOOC ที่มีเนื้อหาที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเสริมสร้างองค์ความรู้ในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา สุขภาพ สังคม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งหมายรวมถึงการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมในคอร์ส “เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องของเรา” ที่ประกอบไปด้วย 5 วิชาทั้งด้านสิ่งแวดล้อมในภาพรวม น้ำ อากาศ ขยะ และล่าสุดก็คือเรื่องขยะพลาสติก อย่างไรก็ตาม เนื้อหาของวิชาเหล่านี้อาจมีความเหมาะสมกับผู้ที่สนใจในกลุ่มนักเรียนในระดับมัธยม นิสิตนักศึกษา และบุคคลทั่วไป แต่การปลูกฝังการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดควรจะเริ่มตั้งแต่ในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งความร่วมมือกับบริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการเรียนการสอนด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาไปสู่ผู้ที่มีความสนใจทุกกลุ่มผ่านนวัตกรรมด้านการศึกษาที่บูรณาการความเชี่ยวชาญของทางบริษัทฯ กับองค์ความรู้ของสถาบันการศึกษาอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อส่งต่อองค์ความรู้สู่สังคม และร่วมสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อย่างแท้จริง

ดร. ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์  จำกัด และ บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทำโครงการ Shelldon 3E มาจากโครงการ Shelldon School Tour ซึ่งเป็นงาน CSR ของบริษัทฯ ที่มีจุดประสงค์เพื่อปลูกฝัง และสร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  ลดการทำให้เกิดมลพิษทางทะเลกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยกิจกรรมที่จัดในโรงเรียนจะมีการนำเรื่องราวของการ์ตูน “เชลล์ดอน” ในตอนที่แสดงให้เห็นถึงมลภาวะต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อตัวละครในเชลล์แลนด์มาใช้ประกอบกิจกรรม CSR นี้ ซึ่งค่อนข้างได้รับผลตอบรับที่ดี โดยเฉพาะการเรียนรู้ผ่านสถานการณ์ (Event-based learning) ที่เป็นการกระตุ้นให้เด็กๆ เกิดความอยากรู้อยากเห็น อยากค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม รวมถึงพยายามหาวิธีการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง และจากผลตอบรับที่ดีเราจึงมีความคิดที่อยากจะขยายโครงการกิจกรรมนี้ออกไปสู่โรงเรียนทั่วประเทศ โดยจะพัฒนาการ์ตูนแอนิเมชั่น “เชลล์ดอน” ให้เป็นสื่อการเรียนการสอนด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาแล้วส่งมอบให้โรงเรียนได้ใช้ประโยชน์ และเป็นเสมือนผู้ช่วยของครูที่จะทำให้การเรียนด้านนี้เป็นเรื่องที่สนุกและได้ความรู้ไปด้วยแบบ Edu-tainment ซึ่งจะเน้นให้เด็กๆ สนุกและสามารถจดจำเรื่องราวสถานการณ์ต่างๆ ได้ เพื่อที่จะเกิดการตั้งคำถามและพยายามหาคำตอบด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทฯ เจ้าของลิขสิทธิ์การ์ตูนแอนิเมชั่น “เชลล์ดอน” และ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาเครื่องมือ Environmental Education Tool นี้ร่วมกัน โดยใช้เนื้อหาของ “เชลล์ดอน” ในการพัฒนาชุดความรู้ต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม พัฒนาทักษะเพื่อให้สามารถใช้ความรู้ต่างๆ ในการแก้ปัญหา รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Lifestyle) ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เด็กๆ หลายคนต้องนั่งเรียนออนไลน์กัน ทางบริษัทฯ หวังว่าเนื้อหาและเครื่องมือต่างๆ ที่กำลังจะพัฒนาร่วมกันกับทางจุฬาฯ จะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน ครู ผู้ปกครอง รวมถึงบุคคลทั่วไปที่กำลังศึกษาหรือสนใจวิชาด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา

นอกจากนี้ เชลล์ดอน ยังเป็นทูตทางทรัพยากรใต้ท้องทะเลให้กับ United Nations Development Programme (UNDP) ใน Sustainable Development Goals (SDGs) เป้าหมายที่ 14: สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอีกด้วย จึงทำให้เรื่องราวของ  “เชลล์ดอน” เหมาะสมกับคอร์สออนไลน์นี้ และด้วยสถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเริ่มเรียนรู้ผ่าน Chula MOOC ได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งบนระบบ Windows และ MacOS และระบบมือถือทั้งระบบ Android และระบบ iOS

ถอดรหัส Mobile Wallet จาก ShopeePay

จากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจออนไลน์และอีคอมเมิร์ซในปี 2021 ส่งผลให้มีผู้บริโภคมากมาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระเงินและหันมาใช้ Mobile Wallet เพิ่มขึ้น ShopeePay (ช้อปปี้เพย์) ถือเป็นหนึ่งใน Mobile Wallet ชั้นนำของไทยที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในตัวการเร่งการเติบโตของ ShopeePay คือการเข้ามาเป็นส่วนช่วยส่งเสริมอีโคซิสเต็มแบบบูรณาการเข้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง ‘ช้อปปี้’ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักของการชำระเงินดิจิทัล พร้อมยกระดับประสบการณ์การใช้จ่ายของผู้ใช้งานช้อปปี้ให้คุ้มค่า ปลอดภัย และสะดวกสบายกว่าที่เคย

ด้วยความมุ่งมั่นของ ShopeePay ที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อส่งมอบนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์รับเทรนด์อีคอมเมิร์ซปี 2021 หัวใจหลักของการบริการจาก ShopeePay จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกในการชำระเงินด้านการช้อปปิ้งออนไลน์และชำระค่าใช้จ่ายออนไลน์ต่าง ๆ โดยยึดมั่นตามหลัก 4 ประการดังนี้

1. ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน: เพราะผู้ใช้งานต้องการประสบการณ์การช้อปปิ้งและการใช้จ่ายที่ดีที่สุด ซึ่งนอกจากจะหมายถึงความรู้สึกสะดวกสบายไร้สะดุดแล้ว ยังรวมถึงการนำเสนอบริการอื่น ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนผู้ใช้งานให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ShopeePay จึงมุ่งมอบประสบการณ์การใช้จ่ายรูปแบบใหม่ เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านเทคโนโลยีการชำระเงินจากการนำเสนอการบริการ และสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทุกมิติของไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นจ่ายบิล, จองตั๋วหนัง, เติมเกม, เติมเงินเติมเน็ตมือถือ หรือ จ่ายค่าอินเตอร์เน็ต

2. ความปลอดภัยในการชำระเงิน: ความปลอดภัย ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการชำระเงินที่ต้องตระหนัก ShopeePay ให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว ของผู้ใช้งานเป็นอย่างยิ่ง โดยใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานระดับสากล อย่างการยืนยันตัวตนผู้ใช้งานผ่านระบบ Biometrics นอกจากนี้ ShopeePay ยังมีอัลกอริทึมที่มีการวางระบบการตั้งค่า และการแจ้งเตือนเพื่อคัดกรองธุรกรรมที่น่าสงสัย หรือเข้าข่ายการทุจริตแบบเรียลไทม์อีกด้วย

3. สิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า: จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มหันมาซื้อสินค้าออนไลน์และเริ่มค้นหาวิธีการชำระเงินที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ShopeePay จึงต้องการคืนกำไรให้แก่นักช้อป ผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และส่วนลดให้แก่นักช้อป เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพภายในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็น โค้ดส่งฟรีบน Shopee, ฟรีค่าธรรมเนียมในการชำระบิลค่าน้ำค่าไฟ ตลอดเดือนกันยายนนี้ รวมถึงส่วนลดสุดคุ้มอีกมากมายในแคมเปญ ‘ShopeePay Day’ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 25 ของเดือน ให้นักช้อปสามารถช้อปความคุ้มค่าได้อย่างไม่มีสะดุด

4. เชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Omnichannel): แม้ธุรกิจออนไลน์จะเป็นที่นิยมในบรรดาเหล่าผู้ขายและผู้บริโภค ShopeePay เชื่อว่าการทำธุรกิจที่ดีและเข้าถึงผู้บริโภคอย่างครอบคลุมมากที่สุด คือ การสร้างเครือข่ายธุรกิจผสมผสานทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสประสบการณ์ที่ครอบคลุมในทุกการใช้จ่าย โดยหนึ่งในเครื่องมือการดำเนินธุรกิจของ ShopeePay ที่สอดคล้องกับการเชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์ คือ ‘ShopeePay Vouchers’ คูปองส่วนลดบน Shopee ที่ผู้ใช้งานสามารถซื้อคูปอง แล้วนำมาสแกนจ่ายแบบไร้สัมผัส เพื่อเป็นส่วนลดค่าสินค้าในร้านค้าพันธมิตร ที่ร่วมรายการจากหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร, ร้านค้าปลีก และปั๊มน้ำมัน เป็นต้น

นายศุภวิทย์ หงส์อมรสิน ผู้อำนวยการ ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ShopeePay เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุคดิจิทัล เทรนด์ของอีคอมเมิร์ซและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อยู่เสมอตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในฐานะที่ ShopeePay เป็น Mobile Wallet ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานชาวไทย และยังเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยให้เติบโต เราพร้อมเปิดใจเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงและนำมาพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อให้การบริการ Mobile Wallet สอดรับไปกับกระแสธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และขอเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการสร้างโอกาสให้ทุกธุรกิจและร้านค้าต่าง ๆ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้จ่ายที่ดีที่สุดผ่าน Mobile Wallet ในมิติของผู้ใช้งานที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดนิ่ง”

บล็อคฟินท์ จับมือ Convergence.Tech สร้าง Digital Credential ครั้งแรกในไทย

บล็อคฟินท์ (Blockfint) จับมือกับ Convergence.Tech ยักษ์ใหญ่แห่งวงการประกาศนียบัตรดิจิทัลชื่อดังของโลก สร้างแพลตฟอร์ม Digital Credential หรือ ประกาศนียบัตรดิจิทัล เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นายสุทธิพงศ์ กนกากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บล็อคฟินท์ จำกัด กล่าวว่า เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่าง Convergence.Tech ในการทำแพลตฟอร์ม Digital Credential ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อรับรองข้อมูลในด้านการศึกษาตามมาตรฐานระดับโลก เพราะจะช่วยในเรื่องความสะดวกรวดเร็ว ความปลอดภัยของข้อมูลที่ไม่สามารถปลอมแปลงเอกสารได้ ใช้งานง่าย สามารถแชร์ข้อมูลประกาศนียบัตรดิจิทัลนี้ไปใช้ตามแพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn ได้เลย อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการยื่นคำร้องเพื่อออกเอกสารและรับรองสำเนา เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติด้านการออกเอกสารของแวดวงการศึกษาไทย

Digital Credential หรือ ประกาศนียบัตรดิจิทัล คือประกาศนียบัตรที่มีการใช้ตราสัญลักษณ์และหนังสือรับรองที่ตรวจสอบได้ (Verifiable Credential) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดในโลกดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าการรับรองเอกสารแบบดิจิทัลที่ไม่เคยมีมาก่อน และป้องกันการใช้เอกสารโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ออกเอกสาร โดยปัจจุบันมีการใช้งาน Digital Credential อย่างแพร่หลายในแวดวงการศึกษาชื่อดังหลายแห่งทั้งระดับมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียน และหน่วยงานด้านการศึกษาอื่น ๆ ใน 12 ประเทศ รวมถึงออสเตรเลีย แคนาดา อังกฤษ อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา

Chami Akmeemana ประธานกรรมการบริษัท Convergence.Tech ผู้นำเทคโนโลยีด้านประกาศนียบัตรดิจิทัล กล่าวว่า การเข้ามาเปิดตลาด Digital Credential ในประเทศไทยร่วมกับบล็อคฟินท์ในครั้งนี้ ทาง คอนเวอร์เจนซ์ เทค รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะบล็อคฟินท์เป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์มการยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล หรือ National Digital ID (NDID) ในโครงการใหญ่ ๆ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินและหน่วยงานภาครัฐชั้นนำของประเทศไทยมาก่อน และจะเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโต และสร้างการยอมรับ Digital Credential ในวงกว้างยิ่งขึ้น

ในการออก Digital Credential ของสถานศึกษาสามารถออกประกาศนียบัตรได้ทันที ตรวจสอบได้ทั้งแบบ real time และ offline โดยตัวประกาศนียบัตรจะแนบข้อมูลรายละเอียดครบถ้วน ทั้งวิชาและผลการเรียน และเชื่อมต่อกับระบบที่ให้ความปลอดภัยของข้อมูลด้วยการเข้ารหัส ด้วยเทคโนโลยี blockchain ทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงข้อมูลได้ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสถาบันด้วยตราสถาบันที่อยู่ในประกาศนียบัตรดิจิทัล

ส่วนผู้เรียน หรือนักศึกษาจะได้สิทธิ์ในการควบคุมข้อมูล โดยสามารถใช้งานคู่กับกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัว ไม่ต้องดาวน์โหลดแอป หรือลงทะเบียนใช้งานให้ยุ่งยาก แต่สามารถแชร์ไปยังแพลตฟอร์มที่ยื่นสมัครงานได้เลย เช่น LinkedIn ของนายจ้างหรือสมัครเรียนต่อต่างประเทศได้ทันที ทำให้ประหยัดเวลาในการขอคำร้องออกเอกสารและรับรองสำเนา และยังเปิดกว้างให้สามารถเพิ่มตราและประกาศนียบัตรอื่น ๆ ลงในกระเป๋าเงินดิจิทัลใบเดียวกันได้

ปัจจุบัน Digital Credential ของ Convergence.Tech ได้มาตรฐานที่รับรองโดย The Digital Credentials Consortium (DCC) ซึ่งมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Harvard, Berkeley, MIT และอื่น ๆ อีกจำนวนมากเป็นสมาชิก อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนมาตรฐานจากกลุ่มเครือข่าย T3 Innovation ที่สนับสนุนโดยบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึง Google, Walmart และ Microsoft ทำให้ประกาศนียบัตรดิจิทัลนี้เป็นที่ยอมรับไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกด้วย