เรื่องต้องรู้เมื่อหายจาก COVID-19

รู้เท่าทันลองโควิด (Long Covid) ผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวหลังจากการรักษา COVID-19 หายแล้ว  ในแต่ละบุคคลมีความรุนแรงของโรคขณะติดเชื้อที่แตกต่างกัน จึงทำให้วิธีการฟื้นฟูร่างกายก็ไม่เหมือนกัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือควรรู้ถึงอาการเบื้องต้นเพื่อที่จะสามารถดูแลตัวเองให้ถูกวิธีได้

รศ.พญ.พรรณพิศ สุวรรณกูล อายุรแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ลองโควิด (Long Covid) เป็นภาวะหรืออาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย COVID-19 หลังจากได้รับเชื้อนาน 4 สัปดาห์ไปจนถึง 12 สัปดาห์ขึ้นไป อาการที่พบจะหลากหลายและแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วย COVID-19 ที่เชื้อลงปอดและมีโรคเรื้อรังร่วมด้วยจนทำให้ปอดทำงานหนัก ไม่แข็งแรง จากเดิมที่ปอดมีความยืดหยุ่นก็จะเริ่มแข็งและอาจเกิดแผลหรือพังผืดต่าง ๆ ในเนื้อปอดได้ ส่งผลทำให้แลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ไม่เต็มที่ เหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มปอด และมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและมักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาการของลองโควิดที่พบบ่อย เช่น มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง เหนื่อยง่าย อ่อนแรง หายใจลำบาก หายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม ปวดศีรษะ สมาธิจดจ่อลดลง ความจำผิดปกติ ไอ เจ็บแน่นหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ท้องร่วง ท้องเสีย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ซึมเศร้า เครียด และ วิตกกังวล ในส่วนของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) สมองล้า (Brain Fog) ภาวะพร่องทางระบบประสาทอัตโนมัติ (Dysautonomia) ภาวะ อาการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นประสาท (Guillain – Barre Syndrome) โรคไฟโบรมัยอัลเจีย หรือโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง มีความไวในการรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ (Fibromyalgia) โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)

โดยเมื่อได้รับการรักษาจนหายจาก COVID -19 แล้ว คนไข้ควรหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง เพราะแพทย์จะรักษาลองโควิดตามอาการเป็นหลัก หากพบว่ามีอาการตามที่กล่าวมาแล้วเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการต่างๆจะดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้การตรวจร่างกายอย่างเป็นประจำตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้รู้ทันความผิดปกติที่เกิดขึ้นและสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม และสำหรับคนที่หายจาก COVID -19 แล้วนั้นไม่แนะนำให้ออกกำลังกายมากจนเกินไป ควรเป็นการออกกำลังแบบเบา ๆ เพื่อให้ปอดไม่ทำงานหนักจนเกินไปเพื่อร่างกายจะได้ค่อย ๆ ฟื้นและปรับตัวกลับสู่สภาวะที่แข็งแรง

ภาวะลองโควิดยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่สามารถทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายและจิตใจของผู้ที่หายจาก COVID-19 ได้ แพทย์แนะนำให้สังเกตตัวเองอย่างละเอียด ประเมินร่างกายตนเองอยู่เสมอ และฟื้นฟูร่างกายอย่างถูกต้อง หากมีอาการที่ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตต้องรีบพบแพทย์เพื่อรักษาทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนรุนแรงเพราะจะส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกอายุรกรรม รพ.กรุงเทพ โทร.1719

 

8 ท่าออกกำลังป้องกันหลอดเลือดดำอุดตัน

การ Work From Home ส่งผลให้กิจกรรมในชีวิตประจำวันต้องอยู่กับที่หรือนั่งทำงานเป็นเวลานาน  ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดอาการเส้นเลือดอุดตันจากลิ่มเลือด (Deep Vein Thrombosis – DVT) ได้ รวมถึงการนั่งเครื่องบินหรือเดินทางเป็นเวาลานาน และกิจกรรมที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการขยับร่างกายเรื่อย ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะช่วยให้เลือดไหลเวียน ลดอาการปวดเมื่อยของร่างกาย

นพ. วสุพงศ์ ศรีเดิมมา ศัลยแพทย์และแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์หลอดเลือด ศูนย์หลอดเลือด โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (Deep Vein Thrombosis หรือ DVT) หรือภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ เป็นภาวะที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ เกิดจากลิ่มเลือดอุดตันภายในหลอดเลือดดำส่วนลึกที่ขา ทำให้มีอาการปวดขามาก ขาบวมแข็งข้างเดียว มักเป็นบริเวณน่อง ร้อนที่ขา กดเจ็บตามแนวหลอดเลือดดำที่อุดตัน ผิวหนังสีแดงหรือสีผิวที่ขาเปลี่ยนแปลง อาจสัมพันธ์กับการนั่งเครื่องบินหรือนั่งรถเป็นเวลานาน นั่งนิ่ง ๆ ไม่ขยับขานานเกิน 4 – 8 ชั่วโมง ที่อันตรายที่สุดคือ ลิ่มเลือดอาจวิ่งขึ้นไปยังหัวใจแล้วอุดตันเส้นเลือดที่ปอด ถ้าลิ่มเลือดใหญ่มากอาจส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่ปอดและเสียชีวิตได้ในที่สุด 

การออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อจึงเป็นสิ่งที่ป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดดำอุดตันได้ดีที่สุด และ 8 ท่าออกกำลังกายห่างไกล DVT เป็นท่าที่สามารถทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง  

ท่าที่ 1 หมุนข้อเท้า ยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นจากพื้นเล็กน้อย หมุนข้อเท้าเป็นวงกลมให้ปลายเท้าหมุนเข้าหากัน ทำอย่างช้า ๆ 10 ครั้ง จากนั้นหมุนข้อเท้าเป็นวงกลมให้ปลายเท้าหมุนออกจากกัน ทำอย่างช้า ๆ 10 ครั้ง 

ท่าที่ 2 เขย่งเท้า วางเท้าทั้งสองข้างไว้กับพื้น กระดกปลายเท้าขึ้นโดยให้ส้นเท้าอยู่กับพื้น ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นกระดกปลายเท้าลงนิ้วเท้าให้แตะพื้น ยกส้นเท้าสูงขึ้น ค้างไว้ 5 วินาที ทำแบบเดียวกัน 10 ครั้ง 

ท่าที่ 3 ยกเข่า วางเท้าทั้งสองข้างไว้กับพื้น ยกเข่าข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นสลับไปยกเข่าอีกข้างหนึ่ง ทำข้างละ 10 ครั้ง

ท่าที่ 4 หมุนคอ เอียงคอไปด้านซ้าย หมุนคอทวนเข็มนาฬิกาช้า ๆ 10 ครั้ง จากนั้นสลับหมุนคอตามเข็มนาฬิกาช้า ๆ อีก 10 ครั้ง

ท่าที่ 5 หมุนไหล่ หมุนไหล่ทั้งสองข้างไปด้านหน้า 10 ครั้ง หมุนไหล่ทั้งสองข้างไปด้านหลัง 10 ครั้ง 

ท่าที่ 6 สะบัดมือ สะบัดมือและนิ้วทั้งสองข้างข้างลละ 10 – 20 วินาที 

ท่าที่ 7 เหยียดแขน ยกมือขึ้นมาประสานนิ้ว เหยียดแขน เปิดฝ่ามือไปด้านหน้า ค้างไว้ 5 วินาที เหยียดแขนเปิดฝ่ามือไปด้านบน ค้างไว้ 5 วินาที ทำแบบนี้ซ้ำ 10 ครั้ง 

ท่าที่ 8 ลุกเดิน ไม่ควรอยู่กับที่นานเกินไป ควรหาลุกขยับตัว ยืดเส้น เดินไปหยิบของ เข้าห้องน้ำ หรือดื่มน้ำเรื่อย ๆ 

ภาวะหลอดเลือดดำอุดตันเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเพราะมีความเสี่ยงและอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่มีการป้องกันรักษาที่ถูกวิธี ดังนั้นควรขยับตัวทำกิจกรรมต่าง ๆ และออกกำลังอย่างเป็นประจำ เพื่อให้ห่างไกลโรคจากหลอดเลือดดำและมีสุขภาพที่แข็งแรง หารสงสัยว่ามีภาวะหลอดเลือดดำอุดตันควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาความเสี่ยงและรักษาทันทีสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์หลอดเลือด รพ.กรุงเทพ โทร.1719  หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital  

พิซซ่า ฮัท เปิดเมนูใหม่ ฟิลลี่ ชีส พิซซ่า – ขอบชีส ทรัฟเฟิล

พิซซ่า ฮัท 1150 แบรนด์พิซซ่าระดับโลกภายใต้การบริหารงานของบริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด ตอกย้ำความเป็นแบรนด์พิซซ่าอันดับหนึ่งในด้านการสร้างสรรค์เมนูคุณภาพพรีเมียมและรสชาติดีเลิศ โดยร่วมกับเชฟอ๊อฟ ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ เชฟชื่อดังระดับประเทศ ครีเอทเมนู “ฟิลลี่ ชีส พิซซ่า – ขอบชีส ทรัฟเฟิล (Philly Cheese Pizza)” เปิดประสบการณ์ “ปั๊วะปัง” โดนใจผู้บริโภคทุก GEN ตั้งเป้าเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้าใหม่ทั่วประเทศ

อุษณา มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า พิซซ่า ฮัท มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าประท้บใจอยู่เสมอ การร่วมมือกับเชฟอ๊อฟ ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ เชฟชั้นนำ ในคิดค้นเมนูใหม่ที่เน้นวัตถุดิบคุณภาพและรสชาติดีเลิศ จะทำให้พิซซ่าฮัทเข้าถึงใจผู้บริโภคทุก GEN มากยิ่งขึ้น

เชฟอ๊อฟเปิดเผยว่า เมนู “ฟิลลี่ ชีส พิซซ่า – ขอบชีสทรัฟเฟิล ได้รับแรงบันดาลใจจากฟิลลี่ ชีส สเต๊ก อาหารประจำเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ที่นำเนื้อชิ้นโตมาวางบนหน้าพิซซ่า และพิเศษสำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบพิซซ่าในประเทศไทย เชฟอ๊อฟได้รังสรรค์ออกมาเป็น 2 สูตร คือ “ฟิลลี่ ชีส บีฟ” พิซซ่าหน้าเนื้อวัวโคขุนพรีเมียมพันธุ์ Charolais ขอบชีสทรัฟเฟิล ถาดกลาง ราคาเพียง 459 บาท และ “ฟิลลี่ ชีส พอร์ค” พิซซ่าหน้าเนื้อหมูสูตรพิเศษสไตล์จีนยูนนาน ขอบชีสทรัฟเฟิล ในราคา 399 บาท หรือเพิ่มเงินอีก 50 บาท รับพิซซ่าหมวดดีลักซ์และเลิฟเวอร์ ขนาดกลาง อีก 1 ถาด แถมยังมีคอมโบเซ็ตให้เลือกอร่อยกับของทานเล่นและเป๊ปซี่ได้อีก เปิดรับออร์เดอร์ลูกค้าทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ถึง 3 พฤศจิกายน 2564 ที่ร้านพิซซ่า ฮัท ทุกสาขา หรือสั่งผ่านบริการเดลิเวอรี โทร. 1150 และ www.pizzahut.co.th

GTG ยกระดับธุรกิจเปิดบริการ OEM สินค้าเครื่องสำอางทุกชนิด

ในปัจจุบัน สินค้าจากกัญชา-กัญชงได้รับความนิยมไปทั่วโลก เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถพิสูจน์ และสกัดสารจากกัญชาได้โดยปราศจากสารที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา นักวิจัยยืนยันว่าสารสกัดกัญชาปลอดภัยและมีประโยชนทางการแพทย์ต่อผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ในปี 2563 ยอดขายของสินค้าด้านกัญชา-กัญชงในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 67% แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้ากัญชาในชีวิตประจำวันเป็นวงกว้าง

จึงกลายเป็นเรื่องน่าจับตาในประเทศไทย เมื่อ GTG หรือ Golden Triangle Group บริษัทผู้ผลิตและพัฒนากัญชา-กัญชงชื่อดังของประเทศไทย เปิดบริการ OEM (Original Equipment Manufacturer) สำหรับสินค้าเครื่องสำอางที่ใช้สารสกัดจากกัญชา ด้วยความรู้และประสบการณ์เชิงลึกที่สะสมมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเครื่องสำอางจากกัญชาและกัญชงไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก

GTG เป็นบริษัทผู้ผลิตและวิจัยกัญชาที่เริ่มต้นจากการซื้อสายพันธุ์ที่ได้รับรางวัล พร้อมทั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมาตั้งแต่ในปี 63 เพื่อค้นคว้าวิจัยหาต้นแม่พันธุ์ที่เหมาะสมกับกฎหมายไทย ซึ่งต้องมี THC ไม่ถึง 1% ในดอกแห้ง จึงออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์กัญชงที่ชื่อว่า “Raksa” ซึ่งมี THC ไม่ถึง 1% และ CBD สูงถึง 16-18% ในดอกแห้งที่เฉลี่ยทั้งต้นตรงตามคุณสมบัติที่ข้อกฎหมายกำหนด โดย Raksa เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์ CBD ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง Cannatonic

ปัจจุบัน GTG เป็นบริษัทเดียวในเอเชียที่เป็นเจ้าของสายพันธุ์ Raksa ที่พร้อมจะผลิต CBD ซึ่งเหมาะกับภูมิอากาศและลักษณะการปลูกในประเทศไทย ล่าสุด บริษัทเดินหน้าสร้างโรงปลูกที่ได้มาตรฐาน GMP ที่เชียงรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีโรงปลูกที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพมหานครอีกแห่ง คาดว่าจะมีผลผลิตออกมาในเดือน ม.ค.65 และในอนาคตยังเตรียมส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศอีกด้วย

ในด้านการให้บริการ OEM ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสารสกัดกัญชง CBD บริษัท GTG ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท ZEN Biotech โรงงานผลิตเครื่องสำอางระดับประเทศ จึงเป็นการนำความรู้ด้านกัญชาและกัญชงผสมผสานเข้ากับความรู้ด้านการผลิตสินค้าเครื่องสำอางที่หลากหลาย

นอกจากนั้น GTG กำลังจะจัดงานสัมมนาออนไลน์ครั้งที่ 2 “GTG Turnkey Solution Services จากไอเดียผลิตภัณฑ์ สู่สินค้า CBD พร้อมจำหน่ายสำเร็จในที่เดียว” ใน 22 ก.ย. 64 (9.45-12.00 น.) GTG จะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการ OEM สินค้าโดยคุณคริส-กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการของและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท GTG

บราเดอร์ รุกขยายฐานกลุ่มธุรกิจ non-print

บราเดอร์ สั่งนำเข้าจักรกึ่งอุตสาหกรรมรุ่น PQ1500SL เติมเต็มความต้องการตลาดกลุ่มสถาบันการศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์และกลุ่มผู้ที่รักการสร้างสรรค์ผลงาน Quilting และ DIY หลังจากไตรมาสแรกปี 64 ได้ส่งจักรปักหัวเดียวขนาด 10 เข็มแบบอัตโนมัติ รุ่น PR-1055X (Entrepreneur ProX)’ ช่วยยกระดับงานปักต่อยอดธุรกิจสู่ตลาดที่ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

นางภัทรนิษฐ์ สวัสดีภิรมย์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์จักรเย็บผ้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมการออกแบบแฟชั่นในไทยได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก มีทั้งกลุ่มโปรเฟสชันแนล กลุ่มนักออกแบบอิสระ และกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่หันมาให้ความสนใจและต่อยอดสู่การสร้างอาชีพในวงกว้างยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากกระแสนิยมในหลายประเทศทั่วโลกที่หันมาให้ความสำคัญกับผลงานแฟชั่นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนพัฒนาสู่การสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ที่แจ้งเกิดในวงการ กระตุ้นให้เกิดการเปิด online marketplace ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่พร้อมจะเป็นพื้นที่ให้แฟชั่นดีไซเนอร์เหล่านี้ได้นำเสนอผลงานสู่กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบและนักสะสมได้เลือกซื้อชิ้นงานอันทรงคุณค่าเก็บไว้ในคอลเลคชั่นของตนเอง

“การศึกษาด้านแฟชั่นดีไซน์ในประเทศไทยเติบโตขึ้นมาก ทั้งปัจจัยสนับสนุนของภาครัฐและกระแสนิยมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีอาชีพอิสระและพัฒนาสู่การสร้างแบรนด์ของตนเองให้ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ โดยภาครัฐมุ่งส่งเสริมให้นักออกแบบไทยสามารถก้าวสู่ระดับสากลในเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการออกแบบ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยในการขับเคลื่อนธุรกิจและเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์สินค้าไทย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าของประเทศไทยขยายตัวอย่างเข้มแข็ง ส่งผลดีต่อรายได้ของประชาชนจากมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดย บราเดอร์ หนึ่งในแบรนด์จักรเย็บผ้าที่เก่าแก่แบรนด์หนึ่งของโลกที่นำเสนอสินค้าคุณภาพมานานกว่า 100 ปี จึงได้พยายามศึกษาความต้องการของตลาดและเติมเต็มสิ่งที่ขาดอย่างตอบโจทย์ มุ่งเน้นที่จะนำจักรเย็บผ้าที่ครอบคลุมความต้องการและต่อยอดการพัฒนาชิ้นงานให้ได้มาตรฐานสากลนำเสนอสู่นักออกแบบชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอด เพื่อเป็นอีกหนึ่งเฟืองจักรสำคัญที่จะสร้างให้อุตสาหกรรมแฟชั่นดีไซน์ในไทยได้รับการยอมรับในระดับโลกเพิ่มมากขึ้น”  นางภัทรนิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ บราเดอร์ ได้มีการพัฒนานวัตกรรม Brother Innovation เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ และเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานจักรเย็บผ้าบราเดอร์ โดยจักรเย็บผ้ารุ่น PQ1500SL  ได้มีการพัฒนาการส่งผ้าโดยใช้เข็มเพื่อเอื้อต่อการสร้างสรรค์ชิ้นงานผ้าที่มีลักษณะหนาและฟูรวมถึงผ้าขนสัตว์ชนิดต่างๆ นอกจากนี้ การลดระดับของฟันจักรยังได้รับการพัฒนาให้ปรับได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงกดปุ่มเลื่อนตำแหน่งเท่านั้น และด้วยการพัฒนาให้เป็นได้ทั้งจักรกึ่งอุตสาหกรรมและจักรบ้านแบบหูหิ้ว บราเดอร์จึงได้พัฒนาตัวเครื่องมาพร้อมกับโต๊ะเพิ่มพื้นที่ในการเย็บเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงาน และ PQ1500SL ยังสามารถพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้ เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานยิ่งขึ้น โดยจำหน่ายในราคา 24,900 บาทสำหรับลูกค้าทั่วไป และราคาพิเศษสำหรับสถาบันการศึกษาด้านการออกแบบแฟชั่น ซึ่งบราเดอร์ จะมีการจัดอบรมให้แก่ผู้ซื้อหรือสถาบันการศึกษาที่สั่งซื้อจักรเย็บผ้ารุ่น PQ1500SL พร้อมบริการหลังการขายที่ให้บริการโดยทีมบราเดอร์ ที่พร้อมรองรับการให้บริการทั่วประเทศ

ส่วนจักรเย็บผ้ารุ่น PR-1055X (Entrepreneur ProX) ได้รับการตอบรับอย่างมากจากกลุ่มธุรกิจรับบริการปักเสื้อ ปักรองเท้า ปักหมวกในเชิงคอร์ปอเรท ที่ปัจจุบันมีความต้องการของตลาดในการสั่งผลิตรูปแบบนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งบราเดอร์สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว จำหน่ายในราคา 399,000บาท

“ภาพรวมตลาดจักรเย็บผ้าในปัจจุบันพบว่า ยังมีการเติบโตจากการตอบรับของตลาดที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งในแบบผู้ซื้อรายใหม่และผู้ซื้อที่สั่งซื้อเพิ่มเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ ที่สำคัญการซื้อขายชิ้นงานผ่าน online marketplace ก็เติบโตมากขึ้นเช่นกัน ทำให้วันนี้แฟชั่นดีไซเนอร์ของไทยสามารถนำเสนอชิ้นงานสู่ตลาดโลกได้ง่ายยิ่งขึ้นและกระแสตอบรับชิ้นงานของนักออกแบบชาวไทยก็กำลังไปได้ดีมาก บราเดอร์จึงพยายามคัดสรรและพัฒนาสินค้าจักรเย็บผ้าให้เป็นผู้ช่วยที่สมบูรณ์แบบแก่นักออกแบบเหล่านี้ ให้สามารถรังสรรจิตนาการออกมาเป็นชิ้นงานจริงได้ตามต้องการ ช่วยแก้ปัญหาในการตัดเย็บด้วยนวัตกรรม ดังเช่นที่บราเดอร์ทำมากว่า 100 ปีในตลาดจักรเย็บผ้าของโลก” นางภัทรนิษฐ์  กล่าวสรุป

LEO ผนึก Cardinal UK รุกให้บริการโลจิสติกส์ทั่วโลก

บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ร่วมทุนกับ Cardinal UK จัดตั้ง “บริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย)” เน้นการพัฒนาและขยายธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศอังกฤษ ยุโรปเหนือ เอเชีย ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดย LEO ถือหุ้น 51% เตรียมเปิดให้บริการในเดือนต.ค.นี้ พร้อมบุ๊กรายได้เข้าในไตรมาส 4/64 ทันที

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศไทย  เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมลงทุนกับ Cardinal UK   ได้ดำเนินการเสร็จสิ้น  โดยมีทุนจดทะเบียน  10 ล้านบาท และ LEO ถือหุ้นสัดส่วน 51% ที่เหลือ 49% เป็นของ Cardinal SG ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Cardinal UK   ในประเทศสิงคโปร์  และได้มีการโอนเงินลงทุนเข้ามาเพื่อจัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว    พร้อมให้บริการในเดือนตุลาคม 2564 และทำให้สามารถรับรู้รายได้ของทั้งไตรมาส 4 ทั้งหมดเข้ามาในงบของ LEO ด้วย

โดย บริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) จะเน้นการให้บริการโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ  ด้วยการพัฒนาและขยายตลาดในประเทศอังกฤษและยุโรปเหนือที่เป็นจุดแข็งของกลุ่ม Cardinal   เพื่อเป็นการต่อยอดและขยายธุรกิจในตลาดอังกฤษ และยุโรปเหนือให้เพิ่มมากขึ้น เพราะCardinal UK เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมามากกว่า 20 ปี   มีฐานลูกค้าที่มีการนำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมาก และมีเครือข่ายที่กว้างขวางในทวีปยุโรปและโอเชียเนีย (ออสเตรเลีย) ซึ่งจะเพิ่มปริมาณธุรกิจและลูกค้าให้กับบริษัทฯ มากกว่า 1 เท่าตัว

“การที่ LEO ร่วมมือกับ Cardinal UK จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) ในครั้งนี้  เป็นการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรใน 2 ทวีป มาพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางให้ครบวงจรมากขึ้น   อีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการให้บริการโลจิสติกส์ของ LEO  ให้ครอบคลุมทั่วโลกมากขึ้น   เนื่องจากปัจจุบัน Cardinal Group มีสำนักงานกว่า 22 สาขาในประเทศหลักๆ ทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป  จีน เวียดนาม สิงค์โปร์ และแอฟริกาใต้  และจะสามารถทำให้ LEO เพิ่มจำนวนตู้ในการส่งออกและนำเข้าจากประเทศไทย กับกลุ่ม  Cardinal Group นี้ได้อย่างน้อยอีก 100% หรือเท่ากับมีปริมาณตู้เป็น 4,000 ตู้ต่อปีในปี 2565 ”นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

“เวิลด์เฟล็กซ์” ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 142 ล้านหุ้น

บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 142 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียน SET เผยจะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด-คืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นทุนหมุนเวียน เพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต รองรับดีมานด์ลูกค้าทั่วโลก ชี้ยุคโควิดแพร่ระบาดทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการเยอะมาก เนื่องจากใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายคล้องหน้ากากผ้า ยางยืดขอบชุด PPE และหมวกคลุมผมทางการแพทย์ โชว์งบครึ่งปีแรกกำไรพุ่งกระฉูดแตะ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.47% จากงวดเดียวกันในปีก่อน  

นางสุนิต วิสุทธิโกศล กรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) (WFX) เปิดเผยว่าขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ filling) แบบคำขออนุญาตเสนอหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 142,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งการเสนอขายออกเป็น 1.ผู้ถือหุ้นของบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TRUBB) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นไม่เกิน 11,360,000 หุ้น  คิดเป็น 8% 2.กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯไม่เกิน 14,200,000 หุ้น คิดเป็น 10% 3.ประชาชนทั่วไปประมาณ 116,440,000 หุ้น คิดเป็น 82%

ทั้งนี้ WFX ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งและเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคน โดยจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ทั้งหมด

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ WFX กล่าวว่าวัตถุประสงค์การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ บริษัทฯเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด คืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นทุนหมุนเวียน เพิ่มศักยภาพในการเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในอนาคต

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี (2561-2563) บริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 1,860.92 ล้านบาท 2,045.11 ล้านบาท และ 2,408.66 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 19.22 ล้านบาท 7.72 ล้านบาท และ 57.81 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.03% 0.38% และ 2.40% ตามลำดับ

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,622.08 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 95.34 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.88% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 48.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 104.47%   ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก บริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดได้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ของเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้ง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายคล้องหน้ากากผ้า ยางยืดขอบชุด PPE และหมวกคลุมผมทางการแพทย์ เป็นต้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตสินค้ามีส่วนช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยของบริษัทฯ ลดต่ำลง และการผลิตสินค้าได้มากขึ้นทำให้เกิดการประหยัดทางขนาด (Economy of Scale)

PSTC มั่นใจโปรเจคท่อส่งน้ำมันเริ่มให้บริการต้นปี 65

บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) โชว์ผลงานครึ่งปีแรก สุดสตรอง! กำไรสุทธิ 60 ล้านบาท อานิสงส์รับรู้รายได้งานก่อสร้างกว่า 873 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 676 ล้านบาท บิ๊กบอส “กัมพล ตติยกวี” มั่นใจโปรเจคท่อส่งน้ำมันเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มให้บริการในต้นปี 65 ตามแผน หนุนผลงานโตก้าวกระโดด 

นายกัมพล ตติยกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในงวด 6 เดือนแรก (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564) มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท มาจากรายได้รวมทุกสายธุรกิจ 1,416 ล้านบาท โดยรายได้ของบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจากรายได้จากการก่อสร้าง 676 ล้านบาท มาจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการ ซึ่งมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตามแผนและโครงการขนาดใหญ่ที่เหลือคาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งปีหลังนี้

ในขณะที่ส่วนงานจำหน่าย และขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลงจากผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา เนื่องจากปริมาณความต้องการการใช้พลังงานทั้งภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือนลดลง

ส่วนรายได้ของโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากการปรับปรุงโรงไฟฟ้าประจำปีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกระแสไฟฟ้า ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ลดลงมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้า, การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในการบริหารสภาพคล่องจากการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSTC กล่าวอีกว่า บริษัทฯมุ่งมั่นเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคระบบท่อส่งน้ำมันเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 9.8 พันล้านบาทอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในสิ้นปี 2564 และจะเริ่มให้บริการได้ในต้นปี 2565

สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 9,086 ล้านบาท สูงขึ้นกว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากงานโครงการก่อสร้างและการลงทุนทั้งในส่วนที่ดินและอาคารสำนักงาน รวมถึงการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาหลายโครงการซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังนี้

WGE คว้างานก่อสร้างมูลค่า 646 ล้าน

WGE คว้างานใหม่ 5 โปรเจค มูลค่ารวมกว่า 646 ล้านบาท ดัน Backlog เพิ่มเป็น 3.4 พันล้านบาท ฟากผู้บริหาร “เกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม” มั่นใจรายได้รวมปี 64 ทะลุเป้า 1.5 พันล้านบาท ก่อนทะยานแตะ 5 พันล้านบาท ในปี 66 หลังลุยประมูลงานภาครัฐ-บุกงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม

นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ WGE เปิดเผยว่า บริษัทและกิจการร่วมค้าได้รับงานใหม่รวม 5 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมด 646.58 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้ลงนามสัญญาจ้างโครงการก่อสร้าง 2 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมด 175,819,750 บาท ได้แก่

  1. โครงการก่อสร้าง อาคาร 2-GA01,2-GB01 โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (งานโครงสร้าง และงานสถาปัตย์) ของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัดเป็นงานก่อสร้างอาคารโรงงาน ระยะเวลาก่อสร้าง 8 เดือน
  2. โครงการงานจัดหาและติดตั้งงานระบบภายใน อาคาร 2-GA01,2-GB01 โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร ระยะเวลาก่อสร้าง 8 เดือน

ส่วนกิจการร่วมค้า CC-WGE ซึ่งประกอบด้วย WGE ถือหุ้น 49% และห้างหุ้นส่วนจำกัด ชินวรยะลาก่อสร้าง 51% ลงนามสัญญาจ้างโครงการก่อสร้าง 1 โครงการ เป็นโครงการก่อสร้างสะพานข้ามจุดตัดทางรถไฟสายห้วยทราย – ปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ของกรมทางหลวง มูลค่าโครงการ 179.60 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 750 วัน และกิจการร่วมค้า UEC-WGE ซึ่งประกอบด้วย WGE ถือหุ้น 49% และ บริษัท เอกชัยอุบล (2523) จำกัด 51% ลงนามสัญญาจ้างโครงการก่อสร้าง 2 โครงการ ได้แก่

  1. โครงการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 1 บริเวณ บ.ชะแมบ (ขาเข้า) 1 ระหว่าง กม.69+700.000 – กม.71+825.000 รวมระยะทาง 2.125 กิโลเมตร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของกรมทางหลวง มูลค่าโครงการ 145.88 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 720 วัน
  2. โครงการ ก่อสร้างสะพานลอยกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 1 บริเวณ บ.ชะแมบ (ขาออก) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่าง กม.71+800.000 – กม.72+500.000 รวมระยะทาง 0.700 กิโลเมตร ของกรมทางหลวง มูลค่าโครงการ 145.28 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 720 วัน

หลังจากได้รับงานใหม่ในครั้งนี้ 5 โปรเจค ส่งผลให้งานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มเป็น 3,441.40 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2566 โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่มูลค่าประมาณ 2-3 พันล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้รวมของบริษัทฯในปีนี้แตะที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท กลับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนแตะระดับ 5 พันล้านบาท ในปี 2566 หลังเข้าประมูลงานภาครัฐมากขึ้น

ประธานกรรมการบริหาร WGE กล่าวอีกว่า แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ในส่วนของงานภาครัฐยังคงมีออกมาเรื่อย ๆ ยังไม่มีโครงการหรือหน่วยงานใดที่ถูกตัดงบประมาณมากจนต้องยกเลิกโครงการ เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นต้องขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ไม่ว่าจะเป็น งานถนน งานสะพาน หรืองานเขื่อน เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ  โดยบริษัทฯวางเป้าสัดส่วนงานภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 23% รวมถึงการขยายธุรกิจเข้าสู่งานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

LEO อัพเป้ารายได้ปี 64 โต 80-85%

LEO ผู้นำธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ปรับเป้าหมายรายได้ปี 64 โตเท่าตัว จากเดิมขยายตัว 40-45% ปรับเพิ่มเป็น 80-85% รับอานิสงส์ธุรกิจ “ขาขึ้น” ค่าระวางเรือพุ่ง-ออเดอร์ทะลัก        บิ๊กบอส “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” เผยเริ่มรับรายได้ขนส่งพัสดุและไปรษณีย์ภัณฑ์ ให้กับ China Post Group ใน Q3/64 ล่าสุดจับมือบริษัทย่อย “ไปรษณีย์ไทย” ขนส่งวัคซีน ขนส่งสินค้า E-commerce หนุนรายได้-กำไร ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า All Time High ต่อเนื่อง  

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก  เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับประมาณการรายได้ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากเดิมคาดรายได้เติบโต 40-45% เพิ่มเป็น 80-85% สอดคล้องแนวโน้มธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือและอากาศที่อยู่ในระดับสูง และปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศของลูกค้ามีจำนวนมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย อีกทั้งในช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วง  High season ของการขนส่งสินค้า

นอกจากนี้ บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้จากความร่วมมือกับ China post ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย-จีน ตั้งแต่ไตรมาส 3/64

ทั้งนี้ ล่าสุด LEO ได้ประกาศความร่วมมือกับ บริษัทไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น (THPD) โดยอยู่ระหว่างจัดโครงสร้างการทำธุรกิจร่วมกัน เช่น การขนส่งวัคซีน การขนส่งสินค้า E-commerce

“ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง LEO กับ China post รวมไปถึงกับ บริษัทไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น จะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ผลักดันรายได้และกำไร All Time High อย่างต่อเนื่อง” นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/64 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ) มีรายได้รวม 559.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 310.0 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 42.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.7 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19.0 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรก มีรายได้รวม 1,033.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 538.1 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 69.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 28.3 ล้านบาท  และยังทำให้กำไรสุทธิของผลประกอบการครึ่งปี 2564 ที่ 69.8 ล้านบาทนี้ มากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2563 ที่ทำได้ 57.8 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 และครึ่งปีแรกที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังทำ New High อีกทั้งปริมาณความต้องการขนส่งทางเรือและอากาศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณตู้สินค้าที่ขนส่งระหว่างประเทศทางเรือของบริษัทฯ ในระยะเวลา 6 เดือนของปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563 และมีรายได้เพิ่มขึ้น 144% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มโตต่อเนื่องถึงครึ่งหลังของปีนี้

นอกจากนี้ ด้วยการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์และการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ สามารถจัดหาพื้นที่และตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งสินค้าได้ตามความต้องการของผู้ส่งออก  จึงทำให้มีลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2563 ถึง 40% และปริมาณตู้เพิ่มขึ้นถึง 52% (YoY)