อวดโฉมนาฬิกาดำน้ำ รุ่นล่าสุด โอเชี่ยน สตาร์ 600 โครโนมิเตอร์ 

แบรนด์นาฬิกามิโด (Mido) จัดงาน Mido x Kim Soo-Hyun Live Stream สุดยิ่งใหญ่ในรูปแบบออนไลน์ เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำรุ่นล่าสุด โอเชี่ยน สตาร์ 600 โครโนมิเตอร์ (Ocean Star 600 Chronometer) โดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์หนุ่ม คิม ซู ฮยอน ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความประทับใจเกี่ยวกับตัวแบรนด์

สัมผัสความงดงามแห่งเรือนเวลาหรูไปกับ มิโด (Mido) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ในงาน Mido x Kim Soo-Hyun Live Stream สุดยิ่งใหญ่ เพื่อเปิดตัวนาฬิกา โอเชี่ยน สตาร์ 600 โครโนมิเตอร์ (Ocean Star 600 Chronometer) นาฬิกาดำน้ำรุ่นล่าสุด ที่มีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับหนุ่มนักกิจกรรม และอยู่ใต้น้ำลึกได้ถึง 600 เมตร โดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์หนุ่มชื่อดัง คิม ซู ฮยอน (Kim Soo-Hyun) ซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเกาหลี มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ความประทับใจเกี่ยวกับตัวแบรนด์ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกผ่านรูปแบบของ YouTube Live

มิโด (Mido) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท Mido G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน รวมถึงความเที่ยงตรงสูงซึ่งได้รับการรับรองจาก Contrôle Official Suisse des Chronomètres (Official Swiss Chronometer Testing Institute) หรือ COSC

โดยงานครั้งนี้แบรนด์แอมบาสเดอร์หนุ่มชื่อดัง คิม ซู ฮยอน (Kim Soo-Hyun) ได้กล่าวถึงความประทับใจเกี่ยวกับแบรนด์ และนาฬิการุ่นใหม่ ว่า แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงนาฬิกาแบรนด์จากสวิตเซอร์แลนด์จะต้องครองใจใครหลายๆ คน และหนึ่งในนั้นก็คือ มิโด (Mido) ผมชื่นชอบในความคลาสสิกของแบรนด์ ที่ในขณะเดียวกันก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ยอดเยี่ยม สามารถสวมใส่ดำน้ำลึกได้ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีม และคนรักนาฬิกาเป็นอย่างมาก สำหรับรุ่นโอเชี่ยน สตาร์ 600 โครโนมิเตอร์ ผมมั่นใจว่าจะต้องครองใจหนุ่มนักกิจกรรมหลายๆ คน เพราะเป็นรุ่นที่ดีไซน์มีความโดดเด่น สามารถผสานความคลาสสิกเข้ากับความแข็งแกร่งได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีความแม่นยำสูงอีกด้วย

โอเชี่ยน สตาร์ 600 โครโนมิเตอร์ (Ocean Star 600 Chronometer) นาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงพิเศษด้านความแม่นยำ และเที่ยงตรง ด้วยกลไก Calibre 80 Si ที่ได้การรับรองจาก Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres (Official Swiss Chronometer Testing Institute) หรือ COSC และด้วยซิลิคอนบาลานซ์สปริง (Silicon Balance Spring) ที่มีดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวเหมาะสำหรับสวมใส่ทำกิจกรรมทางน้ำ เพราะมีความแข็งแกร่งทนทาน ป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังผสานกลไกทรงประสิทธิภาพด้วยพลังงานสำรองยาวนานกว่า 80 ชั่วโมง พร้อมติดตั้งระบบระบายก๊าซฮีเลียมที่อยู่ภายในตัวเรือนออก (Helium Valve) และยังถูกออกแบบมาให้สามารถกันน้ำลึกได้ในระดับ 600 เมตร ซึ่งถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ที่สำคัญคือวงแหวนสำหรับใช้บนขอบตัวเรือนได้ถูกผลิตด้วยเซรามิกสีฟ้าที่เคลือบด้วยสารเรืองแสงแบบซูเปอร์ ลูมิโนวา เกรด เอกซ์ (Super-LumiNova Grade X) ซึ่งช่วยในการมองเห็นใต้น้ำที่มืดสนิทได้ยาวนานยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ที่มีความแข็งแกร่ง เที่ยงตรง และแม่นยำ โอเชี่ยน สตาร์ 600 โครโนมิเตอร์ (Ocean Star 600 Chronometer) จึงเป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อชายที่พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัด

นอกจากนี้ ทาง มิโด (Mido) ยังได้แนะนำเทคนิคการเลือกนาฬิกาสำหรับสวมใส่ทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมว่า ควรให้ความสำคัญทั้งเรื่องดีไซน์และฟังก์ชั่น โดยควรเลือกนาฬิกาที่มีดีไซน์คล่องตัว สปอร์ตโฉบเฉี่ยว และผลิตจากวัสดุที่มีความทนทาน แข็งแกร่ง สามารถทนแรงกระแทกได้ดี ที่อาจสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะทำกิจกรรม ซึ่งหากเป็นกิจกรรมดำน้ำควรเลือกนาฬิกาที่สามารถสวมใส่ดำน้ำลึกได้ มีการเคลือบสารเรืองแสงที่ช่วยในการมองเห็นใต้น้ำได้ดีขึ้น รวมถึงฟังก์ชั่นระบายก๊าซฮีเลียมที่ช่วยให้นาฬิกาไม่เกิดฝ้าในขณะอยู่ใต้น้ำ

พบกับเรือนเวลาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์แบรนด์ มิโด (Mido) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ มิโด (Mido) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

TKN แต่งตั้งตัวแทนขายในจีนเพิ่ม ปั๊มยอดส่งออกครึ่งปีหลัง 

บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKNเปิดเกมรุกหนักตลาดจีน รับเศรษฐกิจจีนที่กำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว ปรับแผนแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติม เสริมความแข็งแกร่งช่องทางขายร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม และผ่าน E-Commerce เตรียมเพิ่มสินค้าเข้าสู่ตลาดจีนอีก 10 รายการ หวังหนุนรายได้จากการส่งออกสินค้าในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วน Orion Corp. ดูแลช่องทางขายโมเดิร์นเทรด  

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้าเถ้าแก่น้อย รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายในประเทศจีน เพื่อเร่งเพิ่มยอดขายรับโอกาสภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคในจีนที่กำลังฟื้นตัว โดยล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย (Distributor) เพิ่มเติมอีก ราย ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อทำหน้าที่การกระจายสินค้าเข้าสู่ช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม Traditional Trade และช่องทาง E-Commerce ซึ่งเป็นช่องทางที่มีศักยภาพและโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

ทั้งนี้ การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเติมในครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนรุกขยายธุรกิจในตลาดจีน โดย TKN วางแผนเพิ่มไลน์สินค้าในช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมและช่องทางออนไลน์ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 10 รายการ จากเดิม รายการ ซึ่งจะนำศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดของตัวแทนจำหน่าย มาช่วยผลักดันสินค้าเข้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย และสนับสนุนการเติบโตของรายได้จากการส่งออกในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น 

ขณะเดียวกัน บริษัท Pan Orion Corp ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอีกรายในประเทศจีน เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของการทำตลาดในประเทศจีนและเป็นผู้ถือหุ้นใน TKN ในสัดส่วน 3.5% นั้น จะรับผิดชอบการจัดจำหน่ายสินค้าเข้าสู่ช่องทางจำหน่ายห้างค้าปลีกสมัยใหม่ หรือ Modern Trade เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดผ่านช่องทางดังกล่าว 

“จีนซึ่งถือเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของเรา และเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวจาก COVID-19 จึงเป็นโอกาสดีในการเร่งผลักดันการเติบโตรองรับกำลังซื้อสินค้าของชาวจีนที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งเราได้ปรับแผนการขยายตลาดในจีน โดยเพิ่มตัวแทนจำหน่าย Distribution อีก 1 ราย เพื่อช่วยขยายช่องทางจำหน่าย Traditional Trade และ E-commerce ให้มากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมา การทำตลาดในช่องทางดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งการเพิ่มเติมตัวแทนจำหน่ายครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุกช่องทางมากยิ่งขึ้น โดยมั่นใจว่าจากแผนดำเนินงานครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมรายได้จากตลาดส่งออกให้ทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว 

ซื้อคูปองส่วนลด ใช้จองทาวน์โฮมพฤกษา บน Shopee ได้แล้ววันนี้

แคมเปญความร่วมมือดี ๆ สำหรับคนอยากมีบ้าน ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้เท่านั้น จัดขึ้นโดย พฤกษา ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกับ ช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ฉลองมหกรรมลดจัดเต็มทุกกลางเดือน ประจำเดือนกรกฎาคมใน แคมเปญทุกวันที่ 15 Mid Month Sale มอบส่วนลดทาวน์โฮมสูงสุด 1 แสนบาทเมื่อซื้อคูปองบน Shopee Mall ในราคาเพียง 77 บาท

นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ นายธีระ ทองวิไล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นางสาวสุชญา ปาลีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด ช้อปปี้ ประเทศไทย และนางสาวอลิสา บัวแก้ว ผู้จัดการฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ ช้อปปี้ ประเทศไทย ฉลอง แคมเปญทุกวันที่ 15 Mid Month Sale ลดแรงกลางเดือน ประจำเดือนกรกฎาคม 2564 พฤกษาและช้อปปี้

ไม่อยากให้ลูกค้าที่กำลังเลือกซื้อบ้านพลาดโอกาสดี ๆ จากแคมเปญนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่กำลังมองหาทาวน์โฮมคุณภาพจากพฤกษา ที่ตั้งอยู่บนหลากหลายทำเลทั่วประเทศ จำนวน 77 โครงการ ภายใต้แบรนด์ บ้านพฤกษา พฤกษาวิลล์ เดอะ คอนเนค และ พาทิโอ 

โดยเมื่อซื้อคูปองจาก Pruksa Real Estate Official Shop บน Shopee Mall ในราคา 77 บาท สามารถใช้คูปองเป็นส่วนลดเพิ่มเติม Extra On Top 0.7% จากราคาสุทธิ หรือส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ สำหรับการจองทาวน์โฮมในเครือพฤกษาที่เข้าร่วมแคมเปญ โดยสามารถซื้อคูปองส่วนลดได้ถึงสิ้นเดือนกรกฏาคม 2564 นี้เท่านั้น และสามารถนำไปใช้จองโครงการทาวน์โฮมที่เข้าร่วมแคมเปญ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564 ลูกค้าที่สนใจสามารถตรวจสอบโครงการที่เข้าร่วม และซื้อคูปองผ่าน Pruksa Real Estate Official บน Shopee Mall หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ https://shopee.co.th/pruksa_realestate_official

สำหรับความร่วมมือในโอกาสการเฉลิมฉลองแคมเปญ ทุกวันที่ 15 Mid Month Sale ลดแรงกลางเดือน ครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จร่วมกันของทั้งสองพันธมิตร และยังเป็นการฉายภาพความมุ่งมั่นที่จะร่วมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มัลให้มากที่สุด ด้วยความใส่ใจกับทุกรายละเอียดตั้งแต่การใช้งานบนแอปพลิเคชันที่ง่าย สะดวกสบาย มีความเป็นมิตรมากที่สุด รวมไปถึงจุดแข็งด้านระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์แบบ ตลอดจนนวัตกรรมทางการตลาดผ่านเครื่องมือและฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย เพื่อขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

ZEN Group อัดแคมเปญดันยอดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ ZEN ยกระดับความปลอดภัย จัดพนักงานเสิร์ฟและพนักงานในครัวทุกแบรนด์ในเครือเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ Covid- 19 พร้อมติดเข็มกลัด ZEN GROUP WE ARE VACCINATED การันตีความปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่บริการลูกค้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการร้านอาหารในเครือ ZEN Group ทั้งบริการเดลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้าน คาดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ขณะที่รูปแบบนั่งทานในร้านจะกลับมาเติบโตหลังคลายล็อคมาตรการห้ามนั่งทานในร้าน พร้อมส่งแคมเปญยอดนิยม ZEN Buffet Take Home&Delivery ตอบโจทย์ช่วงลูกค้า Work From Home

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า เซ็น กรุ๊ป ร่วมใจต้านภัยการแพร่ระบาดไวรัสCovid- 19โดยให้พนักงานในเครือทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในสถานประกอบการ โดยบริษัทฯ นำบุคลากรในองค์กรและพนักงานร้านอาหารทุกแบรนด์ในเครือ ได้แก่ เซ็น เรสเตอรองค์, ตำมั่ว, ลาวญวน, เขียง, ออนเดอะเทเบิ้ล, อากะ และ ดินส์ รวมทั้งหมดกว่า 1,500 คน เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ Covid- 19 เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในการให้บริการแก่ลูกค้าที่ใช้บริการทั้งเดลิเวอรี่ ซื้อกลับบ้าน (Take Home) รวมถึงนั่งทานในร้านหลังจากภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวแล้ว

สำหรับพนักงานในร้านทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 แล้วจะได้การติดเข็มกลัด ZEN GROUP WE ARE VACCINATED ขณะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการลูกค้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งพนักงานที่ให้บริการหน้าร้านและพนักงานในครัว ได้รับการฉีดวัคซีนครบในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้เซ็น กรุ๊ป ยังคงดำเนินมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในร้านอาหารอย่างเข้มงวด ภายใต้มาตรการ 6S ประกอบด้วย  1.Supply Chain กระบวนการผลิตอาหารตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำมีความสะอาดและปลอดภัย  2.System มั่นใจทุกขั้นตอนการปรุงอาหารสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย

ขณะที่ 3.Safe Delivery  บริการซื้ออาหารและนำกลับบ้าน (Take Away)  และบริการจัดส่งอาหาร (Delivery) ลูกค้าสามารถตรวจสอบทุกขั้นตอน  4.Staff  พนักงานผ่านการคัดกรองก่อนการเข้างานและใส่อุปกรณ์ป้องกันระหว่างการทำงาน 5.Social Distancing มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ได้จัดผังที่นั่งของลูกค้าให้มีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ 6.Separate Equipment อุปกรณ์การรับประทานการใช้แยกกันและได้รับการฆ่าเชื้อตามมาตรฐาน เพราะความปลอดภัยของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทุกรูปแบบเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

ล่าสุด บริษัทฯ ได้นำเสนอแคมเปญยอดนิยม ZEN Buffet Take Home & Delivery กลับมาให้บริการในราคาเพียง 699 บาท เพื่อสร้างความสุข ในช่วงที่ทุกคน ทุกครอบครัวต้องอยู่บ้านหรือ Work From Home โดยสามารถเลือกเมนูที่ชอบได้ตามใจ ทั้งหมด 8 เมนู (หมวดละ 1 เมนูและเสิร์ฟตามขนาดเมนูปกติ)  ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม 2564 ในขณะเดียวกันก็ได้ตอบรับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่รัฐจะมอบ E-Voucher มูลค่าสูงสุด 7,000บาท เพื่อชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไปกับผู้ประกอบการ คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในธุรกิจร้านอาหารและเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น   

สำหรับภาพรวมธุรกิจร้านอาหารคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มทยอยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากประเทศไทยเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน –  27 กรกฎาคม 2564 จะมีมาตรการยกระดับควบคุมพื้นที่เสี่ยงการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล รวมทั้ง 4 จังหวัดภาคใต้  โดยห้ามทานอาหารในร้านและห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการ 21.00 น. ซึ่งเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น และหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการ ประกอบกับพนักงานหน้าร้านทุกแบรนด์ของ ZEN GROUP เข้ารับการฉีดวัคซีนครบ จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าเข้ามาใช้บริการนั่งทานภายในร้านเพิ่มขึ้นหรือใกล้เคียงกับช่วงปกติ

BEAUTY ลุยแต่งตั้งตัวแทนขายค้าปลีกรายใหญ่

อัญชลี เกิดจั่น ผู้จัดการอาวุโสฯ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้  (BEAUTY) ตัวแทนลงนามในสัญญาร่วมกับ อนันต์ อัศวราชันย์ กรรมการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด อัศวราชันย์ ตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภครายใหญ่ในเขตภาคกลางตอนบน เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยผ่านช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีกรายย่อย ครอบคลุมพื้นที่เขตภาคกลางตอนบน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี, สระบุรี และลพบุรี ซึ่งมีจุดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 1,200 จุดจำหน่าย ณ สำนักงาน ห้างหุ้นส่วนจำกัด อัศวราชันย์  จ.พระนครศรีอยุธยา

มอส เบอร์เกอร์ มอบสิทธิพิเศษผู้รับวัคซีน-บุคลากรแพทย์

มอส เบอร์เกอร์ (MOS BURGER) ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 และเชิญชวนให้คนไทยฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว โดยได้จัดแคมเปญมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน เพียงแสดงบัตรรับรองการฉีดวัคซี หรือ แสดงบัตรบุคลากรทางการแพทย์ รับฟรี Spicy Karaage Ball มูลค่า 49 บาท เมื่อซื้อเบอร์เกอร์เมนูใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ที่ร้านมอส เบอร์เกอร์ ทุกสาขาทั่วประเทศ (โปรโมชันนี้ใช้ได้เฉพาะที่ซื้อกลับบ้านเท่านั้น ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชันอื่นๆ ได้) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: MOS BURGER Thailand หรือ Line Official : @mosthai และ Instagram : mosburgerthailand

ช้อปอะไรดี? SMOOTHSKIN Pure ที่สุดบิวตี้ไอเท็มแห่งปี 2021

SMOOTHSKIN IPL รุ่น Pure เครื่องกำจัดขนถาวร จากประเทศอังกฤษ ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในยุค New Normal ล่าสุด ได้รับคัดเลือกให้เป็นที่สุดของบิวตี้ไอเท็มแห่งปีในหมวด Best Beauty Gadget อุปกรณ์บิวตี้ที่ช่วยเสริมความสวยและเพิ่มความมั่นใจ จาก แคมเปญบิวตี้แห่งปี Vogue Beauty Readers’ Choice Awards ประจำปี 2021 ซึ่งเป็นแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้อ่านโว้กและสาวกบิวตี้ได้เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม แชร์บิวตี้ไอเท็มที่เป็นที่สุดในดวงใจตามแต่ละหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ความงาม ตั้งแต่สกินแคร์ เมกอัพ แฮร์แคร์ บอดี้แคร์ จวบจนถึงเหล่าคนดังที่ครองใจสาวกบิวตี้ทั่วประเทศ

สำหรับ SMOOTHSKIN IPL รุ่น Pure เป็นเครื่องกำจัดขนถาวร ที่สามารถทำเองได้ง่ายๆที่บ้าน โดยไม่ต้องไปเลเซอร์ที่คลินิก ช่วยกำจัดได้ลึกถึงรากขน ลดอัตราการขึ้นของเส้นขนใหม่ ลดปัญหาขนคุด แก้ปัญหาขนขนคุดและรอยดำ ทำให้ผิวดูใสและเนียนขึ้น ด้วยเทคโนโลยีระบบเซ็นเซอร์ผิวอัตโนมัติของ SmoothSkin Pure ปรับสีผิวของคุณได้อัตโนมัติ มีให้เลือกใช้ถึง 3 โหมด ทั้ง Power Mode : โหมดพลังงาน มีพลังงานกำจัดขนสูงสุดถึง 6 จูน ช่วยกำจัดขนเห็นผลได้รวดเร็ว, Speed Mode : โหมดยิงเร็ว ช่วยให้การกำจัดขนต่อครั้งใช้เวลาไม่นาน  และGentle Mode: โหมดอ่อนโยน ช่วยถนอมผิวและไม่เจ็บ มีจำนวนชอตแบบ Unlimited แม้จะยิงครบ 400,000 ชอต ก็ยังใช้ต่อได้ยาวๆ โดยไม่ต้องเปลี่ยนหัวใหม่ พร้อมปรับพลังงานอัตโนมัติได้ถึง 10 ระดับ

ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจสินค้า สามารถหาซื้อได้ที่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ อย่าง  ช้อปปี้ (Shopee) เเละ ลาซาด้า (LAZADA) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-7360303

หุ้นเทคฯ จีนแนวโน้มยังเติบโตสูง แนะ “ถือ” รอความชัดเจน

บลจ.บีแคป เผยหุ้นเทคโนโลยีในจีนปรับตัวลงแรง จากผลกระทบทางการจีนคุมเข้ม เข้าตรวจสอบการทำธุรกรรมของบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อป้องกันการผูกขาด ประเมินกระทบแค่ช่วงสั้น เชื่อระยะยาวเติบโตได้ดี ส่วนนักลงทุน

บีแคป ไชน่า เทคโนโลยี หรือ BCAP-CTECH แนะนำให้ “ ถือ” รอความชัดเจนว่ารัฐบาลจีนจะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่เพื่อประเมินผลกระทบ

ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร  รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยถึงกรณีที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีของประเทศจีน ปรับตัวลงแรงซึ่งมีสาเหตุมาจาก สำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) สั่งถอด Application Didi ภายหลังข้อหาการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

นอกจากนี้ ยังเข้าสอบสวนเพิ่มเติมกับหุ้นจีนที่ขายหุ้น IPO ในตลาดสหรัฐอเมริกา อีก 2 แห่งคือ Kanzhun ซึ่งทำธุรกิจคล้าย Linkedin) และ Full Truck Alliance ทำธุรกิจคล้าย Uber แต่จำกัดแค่รถบรรทุก รวมทั้งทางการจีนสั่งขัดขวางไม่ให้ Tencent ควบรวมบริษัทลูก Huya กับ DouYu ซึ่งเป็นบริษัทวีดิโอ เกมส์ สตรีมมิ่ง ใหญ่ที่สุดของจีน โดยประเด็นนี้มองว่าเป็นประเด็นเดิมที่รัฐบาลจีนต้องการป้องกันการผูกขาด

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้จัดการ Tech Giants ที่มีลักษณะการทำธุรกิจแบบผูกขาดไม่ว่าจะเป็น Alibaba Tencent หรือ Meituan อย่างไรก็ตาม ข้อหาที่ใช้ในการจัดการเริ่มกว้างขึ้น โดยจะเห็นว่าทางการจีนเริ่มขอเข้าตรวจสอบบริษัทที่มีการเก็บและใช้ข้อมูลของ user จำนวนมาก ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดออกมาว่าทางการจีนเข้าไปตรวจสอบบริษัทเหล่านี้เพื่อจุดประสงค์อะไร บริษัทละเมิดการใช้ข้อมูลในเรื่องใด หรือแนวทางในการจัดการบริษัทเหล่านี้เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ทางผู้จัดการกองทุน ยังไม่ทราบอีกว่าทางการจีนจะเพิ่มประเด็นอื่น ๆ ในการจัดการบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีอีกหรือไม่ และจะกระทบผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ขนาดไหน

ดร.ธนาวุฒิ กล่าวต่อว่า นักลงทุนควรรอความชัดเจนให้มากกว่านี้ก่อน เพื่อประเมินผลกระทบต่อบริษัท โดยคาดว่า ในระยะสั้น หุ้นบางตัวอาจได้รับผลกระทบด้านกำไรจากการโดนค่าปรับหรือแนวทางจัดการของทางการจีนอื่น ๆ แต่ในระยะยาวนั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังมีการเติบโตในระดับสูง

ทั้งนี้ในส่วนของนักลงทุนที่ลงทุนใน กองทุนเปิดบีแคป ไชน่า เทคโนโลยี (BCAP-CTECH) หากถือหน่วยลงทุนอยู่แล้ว แนะนำถือเพื่อรอดูสถานการณ์ แต่ยังไม่แนะนำให้ขายออกหรือซื้อเพิ่ม แต่หากนักลงทุนที่ยังไม่มี BCAP-CTECH ไม่แนะนำให้เข้าซื้อ

สำหรับกองทุนเปิด BCAP-CTECH มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ โดยกองทุนปลายทางมีการกระจายการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของบริษัทที่ดำเนินการและ/หรือมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน โดยเน้นทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

SONIC ติดอันดับหุ้นยั่งยืนกลุ่ม ESG Emerging ปี 64

บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC ได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เข้าอยู่ในทำเนียบกลุ่มบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน หรือ ESG Emerging List ปี 2564

ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ โซนิค อินเตอร์เฟรท เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่เข้าอยู่ใน “ทำเนียบกลุ่มบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ “ESG Emerging List” ด้วยการคัดเลือกจาก 824 หลักทรัพย์จดทะเบียน ในรอบการประเมินปี 2564

ด้วยการกำหนดแนวทางกลยุทธ์สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) มีความยินดีที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน กลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 และบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

ดร.สันติสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตระหนักถึงการใส่ใจดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การเคารพสิทธิมนุษยชน การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการพัฒนาสังคม ภายใต้หลักจริยธรรม การกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ พร้อมทั้งสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ

ทั้งนี้ การจัดอันดับพิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่กันในกระบวนการประเมิน

สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG Emerging เป็นครั้งแรกในปี 2563

ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป

TQR ร่วมพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยกัญชง-กัญชา ดันรายได้เพิ่ม

บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เดินหน้าร่วมมือ กรุงเทพประกันภัย-ทิพยประกันภัย บริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของประเทศ พัฒนา กรมธรรม์ประกันภัยกัญชง-กัญชา พร้อมบริหารความเสี่ยง หลังคปภ.อนุมัติกรมธรรม์ประกันภัยพืชเศรษฐกิจ กัญชงและกัญชา ฟากซีอีโอระบุการเข้าไปมีส่วนร่วมบริหารจัดการประกันภัยต่อ จะช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ประเมินความสนใจกรมธรรม์ฯ คึกคัก สนับสนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR เปิดเผยว่า การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อนุมัติกรมธรรม์ประกันภัยพืชเศรษฐกิจ กัญชงและกัญชา จะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในการเข้าไปมีส่วนร่วมให้บริการจัดหาประกันภัยต่อให้กับบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของประเทศ ที่ได้รับการอนุมัติกรมธรรม์ ประกันภัยพืชเศรษฐกิจฯ โดยเบื้องต้นได้ร่วมพัฒนากรมธรรม์ กับ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ TQR ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจประกันภัยกัญชาฯ ตั้งแต่การวิจัยและค้นคว้าหาความต้องการของผู้ปลูก ตลอดจนกฎระเบียบและข้อกำหนดของรัฐบาลในการเพาะปลูกกัญชาฯ การพัฒนารูปแบบแผนประกันภัยที่มีความคุ้มครอง และราคาที่เหมาะสมเป็นที่ต้องการของเกษตรกรและสอดรับกับแนวทางการรับประกันภัยที่มีมาตรฐาน การจัดหาแนวทางการถ่ายโอนความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพให้กับบริษัทประกันวินาศภัย รวมทั้งการให้ข้อมูลกับสำนักงาน คปภ. เพื่อให้แผนประกันภัยกัญชาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

“บริษัทฯ ประเมินว่า ปัจจุบันความต้องการของการปลูกกัญชา กัญชง ในประเทศไทยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยภาครัฐสนับสนุนให้กัญชาฯ เป็นพืชเศรษฐกิจ ในกลุ่มพืชสมุนไพรที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าร่วมพัฒนาประกันภัยกัญชาฯ กับทางสำนักงาน คปภ.และบริษัทประกันวินาศภัย เป็นการลดความเสี่ยงให้กับการปลูกกัญชาฯ และมั่นใจว่า ธุรกิจประกันภัยกัญชาฯ จะช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ” นายชนะพันธุ์ กล่าว

นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR

นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันกัญชาฯ คาดว่า จะเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของตลาดกัญชาในอนาคต เนื่องจากมีความต้องการปลูกกัญชาฯ เพิ่มมากขึ้น ด้วยมูลค่าที่สูงและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะในการรักษาโรคมะเร็ง  และธุรกิจการปลูกกัญชาจึงจำเป็นจะต้องมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประกันภัยกัญชาฯ มีแนวโน้มเติบโตตามไปด้วย

สำหรับแผนการดำเนินงานที่เหลือของปี 2564 บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทประกันภัยและบริษัทรับประกันภัยต่อ อีกทั้งยังมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ (service) เพื่อช่วยหนุนผลงานของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต

ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ประกอบด้วย ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) 50% และธุรกิจนายหน้าธุรกิจประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) 50%