ภาพเล่าเรื่อง : มาม่า OK แปลงโฉมคู่จิ้น ไบร์ท -วิน

คู่จิ้น ไบร์ท -วิน แปลงโฉมเป็นเชฟ มาไลฟ์สดชวนฟินติดขอบจอจน #SahagroupXBrightWin ฮิตติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งในไทยและหลายประเทศทั่วโลก กับ ลีลาการปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า OK รสชาติใหม่ คาโบนาร่าเบคอน แบบแห้ง เปิดตัวครั้งแรกในงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 25

ลงครัวเสิร์ฟความอร่อยให้เหล่าบรรดาแฟนคลับได้จิ้นกันฟินติดขอบจอ กับ ไบร์ท -วิน ซึ่งงานนี้ทั้งสองคนชวนกันมารังสรรค์เมนู มาม่า รสชาติใหม่ คาโบนาร่าเบคอนแบบแห้ง โดยผลัดกันลวกเส้น พร้อมเผยเคล็ดลับหากจะให้เส้นหนานุ่มต้องใช้เวลา 4 นาที จากนั้นนำเส้นที่ลวกแล้วมาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเครื่องปรุง พร้อมใส่ท็อปปิ้งเบคอนกรุบกรอบ แถมโชว์ความเป็นศิลปินด้วยการจัดมาม่าใส่จานในสไตล์ ไบร์ท-วิน

ปิดท้ายด้วยการเปิดมินิคอนเสิร์ตจากทั้งสองหนุ่ม เป็นของขวัญให้แฟนคลับทางบ้านได้ฟินกับการฟังเพลงซึ้งๆ จุก ๆ แบบใกล้ชิดติดขอบจอ

ไม่ว่าจะเป็นสายไหน จะสายจิ้น หรือสายเส้น มาอร่อยแบบตะวันตกกับ มาม่า OK” รสชาติใหม่  คาโบนาร่าเบคอน แบบแห้ง ที่จะพาให้คุณเข้าถึงรสชาติความอร่อยตามแบบฉบับของคาโบนาร่า ให้อารมณ์เหมือนบินไปทานที่อิตาลี จำหน่ายแล้ววันนี้ที่ www.sahapatdelivery.com  และร้านค้าชั้นนำทั่วไป ราคาซองละ 15 บาท และราคาแพ็คละ 60 บาท

ASIAN ได้ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง-อาหารแช่แข็ง หนุนกำไรโตต่อ

ASIAN แย้มภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อัตรากำไรขั้นต้นสวย เป็นไปตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้ สะท้อนแผนการรุกตลาดประสบความสำเร็จ ชี้ทิศทางครึ่งหลังปี 2564 ยอดขายดีต่อเนื่อง ความต้องการผู้บริโภคกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยง ยังขยายตัว แม้ว่าปัญหาโควิดและตู้คอนเทนเนอร์ยังยืดเยื้อ เล็งอัพกำลังผลิตเสริมแกร่ง มั่นใจรายได้รวมปีนี้โต 10% เข้าเป้า ขณะที่บาทอ่อนหนุนอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าเป้า ด้านโบรกฯ ฟันธงทิศทางการเติบโตครึ่งปีหลังยังสดใส เชียร์ “ซื้อ” โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ขึ้นเป็น 18.7 บาท จาก 17.0 บาท

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2564 บริษัทฯ มองว่ายอดขายยังคงมีทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างดี ทั้งในส่วนของธุรกิจอาหารแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่ขยายตัว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้ายังคงมีการส่งคำซื้อให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในโซนเอเชียและยุโรป อีกด้วย

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระรอกที่ 2 และ 3 แต่บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมความปลอดภัยและปลอดเชื้อภายในโรงงานได้เป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้า ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่มากกว่า 75% ของยอดขายรวม โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่เยือกแข็งโดยเฉพาะประเภทอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทาน ขณะที่ค่าเงินปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นปัจจัยบวก

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้อัตรากำลังการผลิตที่ใกล้เต็มประสิทธิภาพในบางไลน์ผลิต ทำให้บริษัทวางแผนลงทุนปี 2564 ที่ 400 ล้านบาท รองรับการขยายกำลังการผลิตทั้งส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่เยือกแข็ง โดยเฉพาะอาหารพร้อมปรุงพร้อมทานประเภททอด จะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาส 3/2564 ในขณะที่ไลน์การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง คาดว่าจะ COD ได้ต้นปี 2565

“แม้ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออก บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์และบริหารจัดการภายใน เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าตามเป้าหมาย ซึ่งในครึ่งปีแรก อัตรากำไรของเรายังอยู่ในระดับที่ดี มีโอกาสสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 14-15% ปัจจัยผลักดันหลักๆ เป็นผลมาจากคำสั่งซื้อจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารอาหารแช่เยือกแข็ง โดยเฉพาะประเภทอาหารพร้อมปรุงพร้อมทาน ในตอนนี้บริษัทฯ มีออเดอร์ล่วงหน้าถึงไตรมาส 3 ทำให้อัตรากำลังการผลิตเต็มไปจนถึง 1-2 เดือนข้างหน้า” นายเอกกมล กล่าว

บริษัทฯ เตรียมพิจารณาปรับประมาณการรายได้รวมปี 2564 โดยคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 10% หรือมีรายได้รวมแตะ 9,500 ล้านบาท โดยที่ยอดขายและอัตรากำไรกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารพร้อมปรุงแช่เยือกแข็งคาดว่าดีกว่าเป้า ในขณะที่กลุ่มทูน่าและอาหารสัตว์น้ำมีแนวโน้มทรงตัว  ซึ่งอาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าเป้าเดิมที่ประมาณไว้ที่ 14-15%

โดยล่าสุด ASIAN ได้รับคัดเลือกให้เข้าอยู่ในทำเนียบบริษัทจดทะเบียนที่น่าลงทุนตามเกณฑ์ประเมินด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) กลุ่ม ESG Emerging ปี 2564 จากสถาบันไทยพัฒน์  โดยหน่วยงาน ESG rating ได้ทำการคัดเลือก 100 หลักทรัพย์ ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2564 เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการคำนวณดัชนี อีเอสจี ไทยพัฒน์ หรือ Thaipat ESG index สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (benchmark index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ASIAN ว่าทิศทางการเติบโตยังสดใส โดยคาดว่าทิศทางธุรกิจของ ASIAN จะยังเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หนุนจากอุปสงค์อาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารทะเลแช่แข็งแบบ pre-fried ที่แข็งแกร่งและเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา

คาดว่ากำไรสุทธิ Q2/64 จะอยู่ที่ 251 ล้านบาท (-16.5% YoY และ +16.6% QoQ)  และคาดว่า GPM Q2/64 จะขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 18.2% จาก 16.9% ใน Q1/64 ประมาณการกำไรสุทธิช่วงครึ่งแรกของปี 64 อยู่ที่ 465 ล้านบาท (+15% YoY) และคิดเป็นสัดส่วน 50% ของประมาณการกำไรปี 64 แนะนำ “ซื้อ” หลังปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ จึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ขึ้นเป็น 18.7 บาท จาก 17.0 บาท อิงจาก EPS เฉลี่ยปี 2565-66 ที่ 14.7 เท่า หรือ 1.0SD มากกว่า PER ล่วงหน้าเฉลี่ยในอดีต

SCBS CIO แนะเน้นลงทุนตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว

ในวันที่โควิด-19 ทั่วโลก ยังไม่จบ แต่อัตราเงินเฟ้อในอเมริกาเริ่มขยับขึ้น ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายลดลง SCBS Chief Investment Office (CIO)  วิเคราะห์ว่ามี 3 ประเด็นหลักที่มีผลต่อแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก (Global Asset Allocation) ประกอบด้วย 1) ความเร็วในการเปิดเมืองยังมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศทำให้การฟื้นตัวมีความแตกต่างกันตามไปด้วย 2) นโยบายภาครัฐโดยเฉพาะในสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลายน้อยลง และ 3) หุ้นกลุ่ม Growth At Reasonable Price (GARP) มีความน่าสนใจมากขึ้น

นายศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ SCBS CIO กล่าวว่าแนวโน้มสำคัญของเศรษฐกิจโลกประกอบไปด้วย การเปิดเมืองยังมีความแตกต่างกัน เศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯผ่านจุดเติบโตสูงสุดในขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มฟื้นชัด และ นโยบายภาครัฐเริ่มผ่อนคลายลดลง  โดยในรายละเอียดการเปิดเมืองยังมีความแตกต่างกันตามคาดความคืบหน้าการฉีดวัคซีน โดยเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯผ่านจุดเติบโตสูงสุดในขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ Emerging Markets (EMs) ยังแตกต่างกันมาก ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงหลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอลงและท่าทีของ Fed ที่มีแนวโน้มพร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าคาด (Hawkish) โดยตัวเลขตลาดแรงงานและการสื่อสารของ Fed จะมีความสำคัญต่อตลาดมากขึ้น เราคงมุมมอง Fed ส่งสัญญาณแบบค่อยเป็นค่อยไปในการทำ QE taper ในช่วงปลายไตรมาส 3/2021F และขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกปี 2023F นอกจากนั้น แรงกระตุ้นทางการคลังเริ่มแผ่วลงในกลุ่ม Developed Markets (DMs) โดยเฉพาะในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามขนาดของโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เล็กกว่าคาดจะทำให้การขึ้นภาษีเพื่อโครงการเหล่านั้นน้อยกว่าคาดด้วย โดยปัจจัยเสี่ยงหลักในไตรมาสที่ 3/2021 ประกอบด้วย 1) Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด2) ความเสี่ยงด้านนโยบายต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และ 3) การกลับมาของความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน

สำหรับแนวโน้มตลาดการเงินโลก SCBS CIO ประเมินว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้นอย่างช้าๆ  ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว และราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอลงจากอุปทานที่ฟื้นตัว โดยจากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่กำลังจะผ่านจุดเติบโตสูงสุด และสัญญาณการปรับนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปของ Fed น่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นแบบช้าๆ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว ซึ่งจะทำให้ yield curve ของสหรัฐฯ มีลักษณะแบบ flattening ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว อย่างน้อยจนกว่า ECB จะปรับท่าทีแบบผ่อนคลายนโยบายน้อยลง โดยจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวบวกกับอุปทานที่ฟื้นตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะเริ่มชะลอลง ยกเว้นสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการเพิ่มอุปทาน เช่น semiconductors.

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก SCBS CIO

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก (Asset Allocation Portfolio Strategy) SCBS CIO คงมุมมองบวกต่อหุ้น DM; ปรับน้ำหนักหุ้นกลุ่ม value/growth เป็น 40/60 เน้นกลุ่ม GARP; ปรับน้ำมันเป็น Neutral  โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ด้วยอัตราเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนที่ยังปรับขึ้นแม้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เรายังคงชอบหุ้นมากกว่าพันธบัตรและเงินสด
  • เรายังคงเน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม DM โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐฯ และปรับน้ำหนักหุ้นกลุ่ม value/growth เป็น 40/60 โดยเน้นหุ้นกลุ่ม Growth At Reasonable Price (GARP หุ้นกลุ่มเติบโตที่มีมูลค่าสมเหตุสมผล)
  • ความกังวลเรื่อง QE taper อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่ม EMs โดยเฉพาะประเทศที่มีการขาดดุลการคลังและดุลบัญชีเดินสะพัดสูง (large twin deficit)
  • คงมุมมอง slightly positive จากมูลค่าที่น่าสนใจต่อหุ้นจีนและญี่ปุ่น นอกจากนั้นเราเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนได้มีการ priced-in ความเสี่ยงด้านนโยบายไปบ้างแล้ว โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ selective buy ส่วนการฟื้นตัวของหุ้นญี่ปุ่นน่าจะเริ่มชัดเจนขึ้นตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนที่กำลังดีขึ้น
  • คงมุมมองเวียดนามยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุนที่สุดใน ASEAN เราปรับมุมมอง SET เป็น slightly positive จากมูลค่าหุ้นที่กลับมาน่าสนใจโดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ selective buy
  • จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่เริ่มฟื้นตัว และอุปทานที่เริ่มกลับมา เราปรับมุมมองน้ำมันเป็น Neutral
  • คงมุมมองต่อ DM REITs เป็น slightly negative เนื่องมูลค่าที่ตึงตัวและความกังวลการกลับมาขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดของ Fed อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมอง slightly positive กับ Asian REITs จากความคืบหน้าในการเปิดเมืองในช่วงครึ่งหลังปี 2021F มูลค่าที่ยังน่าสนใจ และการขึ้นดอกเบี้ยที่น่าจะช้ากว่าในกรณีของประเทศ DMs

เปิดใจ MENA เจ้าแห่งรถมิกเซอร์รายใหญ่ของประเทศ

MENA ผงาดสู่ SET อย่างเป็นทางการ ตอกย้ำเจ้าแห่งรถมิกเซอร์รายใหญ่ของประเทศประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อขายวันแรกใน SET ด้วยราคาปิดตลาดอยู่ที่ 2.48 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 106.67% จากราคา IPO 1.20 บาท/หุ้น สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้าน บล.เอเซีย พลัส มองเทรดวันแรกประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม เชื่อว่า MENA จะเป็นหุ้นที่ขยายการเติบโต สร้าง New S-Curve ให้ธุรกิจรถขนส่งตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยผู้บริหารแย้มภาพรวมครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้า

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า ต้องขอขอบพระคุณนักลงทุน ที่ให้การต้อนรับ หุ้น MENA เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างน่าประทับใจ สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจโลจิสติกส์น้องใหม่ที่มีแผนขยายการเติบโตอย่างชัดเจน รวมทั้ง จุดเด่นในการบริหารจัดการรถมิกเซอร์ และรถเทรลเลอร์ รวมกันกว่า 600 คัน และมีพนักงานจัดส่งกว่า 500 คน ทำให้แม้ในสถานการณ์วิกฤตในช่วงโควิด แต่ MENA ยังสามารถบริหารจัดการรถ พร้อมรับโอกาสในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมีความต้องการรถขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เนื่องจาก งานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เป็นงานสัญญาระยะยาว และเดินหน้าส่งมอบตามกำหนด  ซึ่งหากเป็นไปตามแผน จะสนับสนุนการเติบโตในปี 2564 ให้ MENA เติบโตทั้งรายได้และกำไร เมื่อเทียบกับปี 2563 MENA มีรายได้รวม 614.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.8 ล้านบาท และประเมินแนวโน้มครึ่งปีแรก เติบโตขึ้นตามเป้าหมาย

ภายหลังจากการระดมทุน จะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีศักยภาพที่แข็งแกร่งขึ้น เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ต่อยอดธุรกิจ โดยบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรอีกราว 3-4 โปรเจกต์ ในการขยายบริการด้านขนส่งไปยังกลุ่มสินค้าเฉพาะทาง และสินค้าอุปโภคบริโภค คาดจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ประกอบกับ ภาพรวมงานก่อสร้าง รวมทั้ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศที่มีทิศทางที่ดี สนับสนุนให้ปี 2565 จะเป็นปีที่ MENA สามารถสร้างการเติบโตอย่างโดดเด่นได้

นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า MENA เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)​ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างน่าประทับใจ สะท้อนการเป็นหุ้นในกลุ่มโลจิสติกส์ที่กำลังมีการเติบโตอย่างชัดเจน ตามแผนการลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานที่มีความต้องการรถขนส่งอย่างต่อเนื่อง และการขยายธุรกิจเตรียมพร้อมรับโอกาสในอนาคต

โดย บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)​ โดยราคาหุ้นเปิดตลาดอยู่ที่ 1.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 33.33% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 1.20 บาท/หุ้น ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 2.82 บาท และปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 2.48 บาท เพิ่มขึ้น 1.28 บาท คิดเป็น 106.67% มูลค่าซื้อขาย 7,434 ล้านบาท

สัมมนา INVEST ASEAN 2021 หัวข้อ Is ASEAN Tourism Dead

กลุ่ม Maybank Kim Eng จัดงานสัมมนา Invest ASEAN 2021 อย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้มาในหัวข้อเด่น Is ASEAN Tourism Dead? โดย Benito C. Bengzon Jr.,Undersecretary for Tourism Development,Department of Tourism,Philppines, Markland Blaiklock, Deputy CEO,Central Plaza Hotel Group และ Tim Hughes, Vice President, Corporate Development, Agoda ดำเนินรายการโดย Ong Seng Yeow, Regional Head, Research Technology & Innovation, Maybank Kim Eng ด้วยการนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์

ทีมวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้สรุปสาระสำคัญของงานสัมมนา Invest ASEAN 2021 ในหัวข้อ Is ASEAN Tourism Dead? ไว้ดังนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอาเซียนจะกลับไปสู่ระดับ Pre-covid ได้อย่างรวดเร็วในปี 2023-2024 ท่ามกลางปัจจัยที่ไม่แน่นอนอีกมาก ทั้งจากโควิดกลายพันธุ์และการกระจายวัคซีนที่ล่าช้า ซึ่งจะเห็นได้ว่าวัคซีนคือหัวใจหลักของการฟื้นตัวจากวิกฤตรอบนี้ แต่อาเซียนทำได้รั้งท้ายเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ทำให้คาดจะเห็นการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจกลับมาช้ากว่า โดยทั่วโลกมีตัวเลขการฉีดวัคซีน (Dose) ต่อจำนวนประชากรอยู่ที่ 25%, สหรัฐฯ 55%, ยุโรป 43%, เอเชีย 25% ขณะที่อาเซียนอยู่ที่เพียง 22% ทั้งนี้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังมีอยู่ จาก Pent-up demand ที่รอการกลับมาเที่ยว โดยข้อมูลจาก SiteMinder’s World Hotel Index จะเห็นยอด Booking activity หรือการมาติดต่อจองห้องพัก ช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกครั้งที่มีสัญญาณการจะเปิดประเทศ ตัวอย่างเช่น ในมัลดีฟส์ที่มียอดติดต่อการจองกลับมาสูงกว่าระดับก่อนเกิด โควิด-19 เรียบร้อยแล้ว หรือ ในสหรัฐและสเปนที่ยอดติดต่อการจองอยู่ที่ระดับ 80% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ภาพดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า Pent-up demand ความต้องการท่องเที่ยวที่อัดอั้นไว้จากสถาการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 นั้นมี และจะกลับมาอย่างรวดเร็วหลังการเปิดประเทศ

ขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยแม้ปัจจุบันมียอด Booking activity เพียง 13% จากปัญหาโควิด-19 ในประเทศ แต่ยังสามารถคาดหวังการกลับมาอย่างแข็งแกร่งในระยะกลาง-ยาวได้ โดยจากข้อมูลของ Skyscanner พบว่ากรุงเทพฯยังติดท็อป 11 อันดับที่ต่างชาติค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2021 และ จากข้อมูลของ Agoda ที่พบปี 2021 ประเทศไทยยังเป็นตัวเลือกแรกๆของนักท่องเที่ยวจีน และ ไต้หวัน สะท้อนให้เห็นถึงประเทศไทยยังมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ หากสถานการณ์การท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น สามารถคาดหวัง Pent-up demand ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับภาพอุตสาหกรรมหลังโควิด-19 มองว่าเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายใหญ่ ประเมินได้จาก 1) ความได้เปรียบด้านสายป่านที่ยาว และ สภาพคล่องที่สูงกว่า สามารถผ่านวิกฤตได้ไม่ยาก ต่างจากคู่แข่งขนาดกลาง-เล็กที่ส่วนใหญ่จะล้มหายตายจาก ทำให้เมื่อการท่องเที่ยวกลับมา ผู้เล่นรายใหญ่จะได้อานิสงส์จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่น้อยลง 2)แนวโน้มนักท่องเที่ยวหลังโควิดจะยอมจ่ายแพงเพื่อความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีกว่า (Hygiene) เป็น New Normal ทำให้โรงแรมระดับบน(4-5ดาว) มีโอกาสเป็นกลุ่มเป้าหมายของนักท่องเที่ยวมากขึ้น

ช้อปอะไรดี? มาม่า OK คาโบนาร่าเบคอน

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า ออเรียนทัลคิตเชน หรือ มาม่า OK โดยบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เผยโฉมสด ๆ ร้อนๆ กับรสชาติใหม่ คาโบนาร่าเบคอน แบบแห้ง มาในซองสีชมพู น่ารัก สดใส อร่อยแบบตะวันตก ด้วยซอสคาโบนาร่า เข้มข้นด้วยชีสเน้นๆ  โรยด้วยเบคอน กรอบ หอมมัน ครีมมี่ เข้ากันดีกับเส้นมาม่า OK ที่หนานุ่ม พร้อมพาให้คุณเข้าถึงรสชาติความอร่อยตามแบบฉบับของคาโบนาร่า จำหน่ายแล้ววันนี้ที่ www.sahapatdelivery.com และร้านค้าชั้นนำทั่วไป ราคาซองละ 15 บาท และราคาแพ็คละ 60 บาท

 

ภูมิคุ้มกันสร้างได้ 3 สารอาหารที่ใช่ อร่อยในแบบที่ชอบ

ท่ามกลางความวิตกกังวลเรื่องสภาวะโรคภัยไข้เจ็บที่แพร่กระจายในหลายพื้นที่ คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีภารกิจมากมายในแต่ละวัน จึงต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ดูแลและป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุด

ที่สำคัญคือการทำร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เนสท์เล่อยากให้คนไทยเสริมสร้างร่างกายให้สุขภาพดี โดยเฉพาะเรื่องของการมีสุขอนามัยที่เหมาะสม และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมร่างกายให้พร้อมโดยกินอาหารที่ครบถ้วน และมีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำ ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่อาจจะช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงจากเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้

จันทิมา เกยานนท์ นักวิชาการด้านอาหารและโภชนาการ บริษัท
เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

นางสาวจันทิมา เกยานนท์ นักวิชาการด้านอาหารและโภชนาการ บริษัท
เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด แนะนำว่า โดยปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรานั้น
จะทำงานในการช่วยต่อต้านเชื้อโรคและไวรัสต่าง ๆ และกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย หากเราขาดการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารที่ได้สารอาหารไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย มีความเครียด พักผ่อนน้อย ก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ลดต่ำลง เราสามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นได้ด้วยการทานอาหารให้ครบถ้วนเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ คือได้รับพลังงานจากสารอาหารหลักทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และสารอาหารรอง เช่น วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ รวมทั้งดื่มน้ำสะอาดที่เพียงพอควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงได้อีกทางหนึ่ง

3 สารอาหารสำคัญ ที่มีส่วนในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ที่สามารถรับประทานได้จากแหล่งอาหารทั่วไป ได้แก่

1. วิตามินดี วิตามินที่ดีแต่ถูกมองข้าม ซึ่ง วิตามินดี นอกจากช่วยในการดูดซึมแคลเซียมแล้ว ยังพบว่ามีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน โดยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันหลาย ๆ กลไกนั้น จะได้รับการกระตุ้นจากวิตามินดีทำให้ระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันเป็นไปได้อย่างปกติ และหากมีวิตามินดีในร่างกายเพียงพอ จะทำให้โอกาสการติดเชื้อลดลงได้อีกด้วย รวมทั้งยังลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาภูมิคุ้มกันต้านทานเนื้อเยื่อตนเอง (Autoimmune) ได้อีกด้วย โดยวัยทำงานต้องการวิตามินดีประมาณ 600 IU ต่อวัน ร่างกายของเราสามารถรับวิตามินดีจากธรรมชาติได้ทางแสงแดด แนะนำให้โดนแสงแดดในช่วงเวลา 9.00 – 15.00 น. ประมาณ 5 – 30 นาที โดยไม่ต้องทาครีมกันแดด

อาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินดี ได้แก่ เห็ดชนิดต่าง ๆ ตับ เนื้อปลาที่มีไขมัน ธัญพืชโฮลเกรน นมหรือผลิตภัณฑ์นมที่มีการเสริมวิตามินดี เป็นต้น

2. วิตามินซี วิตามินยอดฮิตสำหรับคนที่อยากแข็งแรง วิตามินซีมีบทบาทในด้านระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเสริมความแข็งแรงของเยื่อบุผิว ซึ่งมีหน้าที่ในการป้องกัน
การรุกรานของสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ รวมทั้งกระตุ้นให้ระบบต้านอนุมูลอิสระทำงานได้อย่างปกติ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคสามารถทำงานได้อย่างปกติ โดยทั่วไปแล้ว คนในวัยทำงานต้องการวิตามินซีประมาณ 85 – 100 mg ต่อวัน

อาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินซี คือ ผักหรือผลไม้สด เช่น ส้ม ฝรั่ง กีวี่ มะละกอ บรอคโคลี่ โดยปกติการบริโภคผลไม้ครั้งละประมาณ 1 กำปั้น วันละ 2-4 ครั้ง ก็จะได้รับวิตามินซีเพียงพอ เช่น ส้มเขียวหวาน 2 ลูก จะให้วิตามินซีประมาณ 130 มิลลิกรัม หรือเลมอน 1 ลูก จะให้วิตามินซีประมาณ 83.2 มิลลิกรัม วิตามินซีจะสลายตัวได้ค่อนข้างง่ายจากการสัมผัสกับแสงแดดหรือโดนความร้อนในการปรุงอาหาร ดังนั้น ผักที่ผ่านการปรุงสุกด้วยความร้อนจะมีวิตามินซีลดลง นอกจากนี้ วิตามินซีอาจได้รับจากการบริโภคอาหารที่มีการเสริมวิตามิน เช่น เครื่องดื่มหรือธัญญาหารเสริมวิตามินซี

3. ธาตุเหล็ก เสริมภูมิต้านทาน ทำงานร่วมกับวิตามินซี ธาตุเหล็กเป็นสารอาหารที่มีบทบาทในกระบวนการต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย ทำให้ผิวหนัง และชั้นเนื้อเยื่อต่าง ๆ มีความแข็งแรง รวมทั้งทำให้การสร้างเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันเป็นไปอย่างปกติ ธาตุเหล็กจึงเป็นสารอาหารที่มีบทบาทต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างมาก รวมทั้งช่วยให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรค
ที่บุกรุกได้เป็นอย่างดี

แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง ส่วนเนื้อขาว เช่น ปลา ไก่ จะมีเหล็กในปริมาณที่น้อยกว่าเนื้อแดงที่มีน้ำหนักเท่ากัน ผู้หญิงวัยทำงานต้องการธาตุเหล็กประมาณ 20 มิลลิกรัมต่อวัน ขณะที่ผู้ชายต้องการประมาณ 11.5 มิลลิกรัมต่อวัน ธาตุเหล็กจะได้รับการดูดซึมได้ดียิ่งขึ้นในอาหารมื้อนั้น ๆ เมื่อมีวิตามินซีจากอาหารร่วมด้วย เพราะวิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก โดยผู้บริโภคสามารถเลือกทานผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มที่เสริมธาตุเหล็กได้

นอกจากเลือก 3 สารอาหารที่ใช่แล้ว การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วย 3อ. คือ อ.อาหาร อ.ออกกำลังกาย และ อ.อารมณ์ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงและทำอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับการรักษาสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน ทั้งหมั่นล้างมือ เลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ปรุงค้างไว้ รวมทั้งการใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกัน จะช่วยลดโอกาสเสี่ยง ในการติดเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีสุขภาพดีในระยะยาว

IMH สถานพยาบาลฉีดวัคซีน ซิโนฟาร์ม รอบประชาชนทั่วไป

บมจ. โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ (IMH) ได้รับเลือกเป็นสถานพยาบาลฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม รอบประชาชนทั่วไป ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อีกครั้ง    ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในการตรวจโควิด-19 และเป็นสถานพยาบาลฉีดวัคซีนทางเลือกแบบครบวงจร เตรียมดีเดย์เปิดจองสัปดาห์หน้า ผ่านระบบราชวิทยาลัยฯ พร้อมฉีดปลายเดือนก.ค.นี้  

ดร.สิทธิวัตน์ กำกัดวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลอินเตอร์เมดิคัล แคร์ แอนด์ แล็บ จำกัด (มหาชน) หรือ IMH และประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลประชาพัฒน์ เปิดเผยว่า ล่าสุด IMH ได้รับเลือกเป็นสถานพยาบาลฉีดวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” สำหรับรอบประชาชนทั่วไป จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางราชวิทยาลัยฯ จะทยอยเปิดให้กลุ่มประชาชนทั่วไปลงทะเบียนแจ้งความประสงค์จะฉีดวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” ตั้งแต่ในสัปดาห์หน้า โดยทางราชวิทยาลัยฯจะเปิดรับลงทะเบียนเป็นช่วงๆ และจะเน้นทำการจัดสรรวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่สีแดงเป็นลำดับต้นๆก่อน โดยเบื้องต้นจะสามารถเริ่มทยอยฉีดวัดซีนดังกล่าวได้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้

สำหรับ IMH มีความพร้อมในการเปิดให้บริการฉีดวัคซีนดังกล่าวอยู่แล้ว เนื่องจากเป็น สถานพยาบาลในการฉีดวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” โดยที่ผ่านมามา IMH ได้รับความไว้วางใจ ในการฉีดวัคซีนฯ ให้กับกลุ่มลูกค้าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงองค์กรทั่วไป อาทิ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บมจ.ซีพี ออลล์ จํากัด (CPALL), บมจ.สยาม แม็คโคร (MAKRO), บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ( AIS) , บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI), บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO), บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE), บมจ.วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ (VL), บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR), บมจ.ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (UKEM), บมจ.บิวเดอสมาร์ท (BSM), บมจ.สกาย ไอซีที (SKY), บมจ.แอ็พพลาย ดีบี (ADB), บมจ.พรีบิลท์ (PREB), บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ.(K), บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER), บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท อีซูซุ โลจิสติกส์เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตโยต้า ชัยรัชการ จํากัด, บริษัท โตโยต้าเมืองนนท์ จำกัด เป็นต้น ซึ่งลูกค้าองค์กรในกลุ่มดังกล่าวได้ลงทะเบียนเลือกขอรับบริการฉีดวัคซีน ซิโนฟาร์ม กับทาง IMH เข้ามากว่า 100,000 คน ซึ่งเกินเป้าเดิมที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 50,000 คน

อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์และการได้รับความไว้วางใจดังกล่าว ส่งผลให้ IMH ได้รับเลือกให้เป็น 1 ในสถานพยาบาลฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” รอบประชาชนทั่วไปของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อีกครั้ง ทั้งนี้ ทาง IMH ได้ตั้งเป้าที่จะรองรับการให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือกแก่ประชาชนทั่วไป ที่จองสิทธิผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และแจ้งความประสงค์ให้ IMH เป็นสถานพยาบาลฉีดวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” ได้สูงถึง 150,000 คน ภายในไตรมาส 3/2564 นี้  ซึ่งจากศักยภาพของ IMH ผนวกกับการการันตีความน่าเชื่อถือผ่านหน่วยงานระดับต้นๆของประเทศที่เข้ามาใช้บริการ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในการตรวจโควิด-19 และเป็นสถานพยาบาลฉีดวัคซีนทางเลือกแบบครบวงจร อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถาม หรือ ติดตามข่าวสารของทาง โรงพยาบาล อินเตอร์เมดฯ (IMH) ได้ทาง IMH Line Official: https://line.me/R/ti/p/%40epf0430e

WHART เปิดคลังสินค้าตั้ง รพ.สนาม ช่วยโควิด-19

จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19  WHA ขอเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งเพื่อพลิกฟื้นวิกฤตของประเทศ งานนี้บอสใหญ่ WHA Group จรีพร จารุกรสกุล ในฐานะผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยมโกรท (WHART) ประกาศให้พื้นที่ของ WHA Mega Logistics Center ประมาณ 10,000 ตารางเมตร  จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ขนาด 1,300 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยประเภทที่ไม่มีอาการ และมีอาการน้อย พร้อมอำนวยความสะดวกทั้งสาธารณูปโภค ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ จำนวน 40 ห้อง ภายใต้ระบบความปลอดภัยที่ได้รับการดูแลจากฝ่ายปกครอง และกอ รมน อย่างใกล้ชิด และด้วยสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง งานนี้เลยไม่รอช้าเตรียมเปิดให้บริการในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค.นี้  ….งานนี้บอสคนเก่ง ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า..ไม่ว่าประเทศไทยจะเกิดวิกฤตอะไรขึ้นก็ตาม ถ้าคนไทยจับมือกันให้แน่น เชื่อว่าพวกเราจะฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปด้วยกัน

ภาพเล่าเรื่อง : บรรยากาศงาน ชิม ช้อป ไกด์ ปีที่ 2

เก็บมาฝากสำหรับภาพบรรยากาศงาน ชิม ช้อป ไกด์ ปีที่ 2 จัดโดยศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เป็นปีที่ และ ครั้งที่ 3 เพื่อช่วยเหลือมัคคุเทศก์และผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  โดยจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้  31 กรกฎาคม 2564 ณ ชั้น 4 โซน D ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด -19 อย่างเคร่งครัด

ภายในงาน เหล่ามัคคุเทศก์และผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาร่วมออกบูธที่มีการจัดระยะห่าง ยกขบวนของกินเล่นเอาใจสายคลีนสายสุขภาพ อาทิ ถั่วต้ม มันต้ม แห้วต้ม ข้าวโพดต้ม สลัดโรลเพื่อสุขภาพ น้ำผึ้งแท้จากผึ้งเลี้ยงและดอกไม้นานาพันธุ์จากจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงราย สายกินชวนชิมหมี่กะทิทรงเครื่อง สปาเก็ตตี้เมดิเตอร์เรเนียน ข้าวเหนียวนึ่งน้ำดอกอัญชัน ไส้อั่วสมุนไพร ยำแซ่บแสบทรวง ยำขนมจีน ยำแหนมสด ข้าวทอด ยำหมูยอ ลาบขนมจีนแซ่บแซ่บนัวนัว ข้าวโพดคลุกเนย เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบเกลือ คุกกี้สิงคโปร์ คอร์นเฟลกส์​ธัญพืช ข้าวเกรียบปลา แยมโรลครีมเน้นๆ น้ำกัญชาธรรมชาติ กาแฟม่อนเงาะ กาแฟหญ้าหวาน กาแฟน้ำส้ม  นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าแฟชั่น ผ้าห่มคุณภาพราคาโรงงาน สกินแคร์บำรุงผิวสำหรับสปา

หน้ากัวซาหยก เครื่องประดับจากพลอยแท้ พร้อมคัดสรรของดีจากเมืองระนองมาให้จับจ่ายซื้อหากันถึงใจกลางกรุง อาทิ กุ้งแห้ง กุ้งฝอย กะปิ ไข่เค็ม ​บ๊​ะ​จ่า​ง​ไส้​ปู​หมูสับ​ไข่เค็ม ผ้าปาเต๊ะ และอีกมากมาย ทั้งยังสามารถใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง เพิ่มความคุ้มค่ายิ่งขึ้น