บุกทลายเว็บพนันออนไลน์ – แหล่งเพาะปลูกกัญชา

ตำรวจ 191 บุกทลายเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ ขณะที่อีกชุดบุกจับแหล่งเพาะปลูกกัญชา

พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น.สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัย ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช-ลาดกระบัง หลังได้รับร้องเรียนว่าบ้านดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบทำเว็บพนันออนไลน์ เบื้องต้นจับกุมได้ผู้ต้องหาเป็นหญิงไทย 8 ราย ทำหน้าที่เป็นแอดมิน พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์จำนวน 9 ชุด

จากการสอบสวนผู้ต้องหารับว่า ได้รับการว่าจ้างเป็นเงินเดือน เดือนละ 12,000 บาท ให้ทำการแนะนำโปรโมชั่นชักชวน โดยสร้างเฟซบุ๊กและทำการสุ่มยิงโฆษณาไปยังบุคคลอื่นให้ร่วมแชร์หน้าเพจ หากมีการแชร์จะได้ค่าตอบแทนรายละ 100-150 บาทต่อครั้ง จึงได้ทำการเช่าบ้านดังกล่าวในราคา 3 หมื่นบาท เปิดมานานกว่า 5 เดือน

เบื่องต้นได้ทำการตั้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน หรือทําอุบายล่อ ช่วยประกาศ โฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเขาเล่นหรือเขาพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478, และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ที่กระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548”ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนสน. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป”

ในขณะที่กำลังอีกชุดเข้าจับกุม นายวรเดช หรือจั๊ว อายุ 49 ปี และนายสมภพ หรือหนุ่ม อายุ 42 ปี พร้อมของกลางต้นกัญชา 87 ต้น และอุปกรณ์ปลูกกัญชา โดยจับกุมได้ที่ห้องพัก บริเวณ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลถึงจากคำให้การของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ให้การซัดทอดว่าได้ให้คำแนะนำและได้ส่งอุปกรณ์การเพาะปลูกต้นกัญชาและเมล็ดพันธุ์กัญชาไปยังห้องพักดังกล่าว ให้กับนายวรเดช หรือจั๊ว เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปเพื่อขอทำการตรวจค้นห้องดังกล่าว ก่อนพบต้นกัญชา จำนวน 10 ต้น ซึ่งผู้ต้องหายังรับอีกว่ายังมีต้นกัญชาที่ตนปลูกไว้อยู่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งซุกซ่อนปลูกอยู่ที่บ้านพักย่านคลองจั่น-บางกะปิ โดยให้นายสมภพ หรือหนุ่มฯ เป็นผู้ดูแล จึงนำกำลังไปตรวจสอบก็พบนายหนุ่มพร้อมต้นกัญชาอีกจำนวน 77 ต้น และอุปกรณ์การปลูกกัญชา จำนวน 1 ชุด

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่าได้ทำการร่วมกันปลูกต้นกัญชาดังกล่าว และเมื่อต้นกัญชาดังกล่าวโตเต็มวัยตนก็จะนำมาเสพเพื่อรักษาโรค เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา“ร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เริ่มคืนนี้ตรวจเข้ม! ตั้งจุดสกัด 88 จุดทั่วกรุงเทพฯ

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตั้งจุดตรวจเข้มในห่วงเวลาเคอร์ฟิว ห้ามเดินทาง และออกนอกเคหะสถาน ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษ

กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.ขอประกาศประชาสัมพันธ์ว่า ตามที่ได้มีประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 27 ลง 10 กรกฎาคม 2564 นั้น ได้มุ่งเน้นการห้ามออกนอกเคหะสถานโดยไม่จำเป็น ตั้งแต่ 21:00 น. ถึง 04:00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น หรือผู้ที่มีเหตุจำเป็นต้องขออนุญาตกับพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน , หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัด , ห้ามผู้ใดออกมารวมกลุ่มกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และมาตรการอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนดฯ

กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีมาตรการปฏิบัติตามประกาศข้อกำหนด ดังนี้

1.ตั้งจุดตรวจทุก สน.รวม 88 จุดตรวจ ในช่วงเวลา 21:00 น. ถึง 04:00 น.ของวันรุ่งขึ้น กระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยแบ่งเป็น 3 ผลัด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นายต่อ 1 ผลัด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่นั้นๆมีนายตำรวจระดับสารวัตรเป็นหัวหน้าจุดตรวจ ซึ่งจะเริ่มตั้งในวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 21:00 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

2.จัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว เพิ่มความเข้มในการตรวจตรา ห้ามออกนอกเคหะสถาน เวลา 21:00 น. ถึง 04:00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยเน้นการตรวจตราจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนออกมาในเวลาดังกล่าว ส่วนการเปิดให้บริการของห้างร้าน ซุปเปอร์มาเก็ต สวนสาธารณะ หรือสถานที่ต่างๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนด คือ เปิดได้ถึง 20:00 น. ยกเว้นขนส่งสาธารณะที่เปิดได้ถึง 21:00 น.

กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนร่วมมือปฏิบัติตามนโยบายมาตรการควบคุมโรคตามข้อกำหนดฯ อย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ทั้งนี้จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสวัฟเวอรี่ ปรับแผนส่งฟรี! ภายในวัน

จากประกาศคำสั่งของกรุงเทพมหานคร เรื่องแจ้งปิดสถานที่เพิ่มเติมซึ่งมีศูนย์การค้าบางส่วน ทางศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสวัฟเวอรี่ ปิดให้บริการชั่วคราวบางพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 64 เป็นต้นไป

พิเศษ! ยกนะดับการช้อป เบอร์เดียวจบ ครบทุกอย่าง พร้อมให้บริการสำหรับผู้ซื้อสินค้าครบ 500 บาทขึ้นไป ส่งฟรี! ทั่วประเทศ ด้วยบริการ kerry express และ ซื้อครบ 1,000 บาทขึ้นไป ส่งฟรี! ภายในวัน ด้วยแมสเซ็นเจอร์

ขสมก. ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถเมล์

ขสมก. ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค.

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทางจากเวลาปกติ เป็นให้บริการ เวลา 05.00 – 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) ตั้งแต่วันที่ 12 – 25 กรกฎาคม 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค.

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) โดยขอความร่วมมือประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล งดเดินทางออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น. และให้ระบบขนส่งสาธารณะหยุดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น.

ขสมก. จึงจัดแผนการเดินรถโดยสาร ให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค.โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ปรับเปลี่ยนเวลาการให้บริการรถโดยสาร จากเวลาปกติ เป็นให้บริการ เวลา 05.00 – 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) ตั้งแต่วันที่ 12 – 25 กรกฎาคม 2564 โดยเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00 – 08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็นถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00 – 21.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 – 10 นาที หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชน

2. ให้บริการรถโดยสาร วันธรรมดา จำนวน 18,000 – 20,000 เที่ยว วันเสาร์ – วันอาทิตย์ ให้บริการรถโดยสาร จำนวน 16,000 เที่ยว หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา

3. ปล่อยรถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทางประมาณ 20.00 น. เพื่อให้พนักงานสามารถนำรถกลับเข้าอู่จอดรถได้ทันเวลา 21.00 น. โดยปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย ให้มีระยะห่างกัน 5 – 10 นาที ซึ่งรถโดยสาร 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้บริเวณหน้ารถโดยสาร ดังนี้
3.1 เหลือรถ 2 คันสุดท้าย
3.2 เหลือรถ 1 คันสุดท้าย
3.3 รถคันสุดท้าย

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะใช้บริการรถโดยสาร นั่งหรือยืนตามจุดที่กำหนด กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป รวมทั้ง ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เตรียมตัวกลับบ้านก่อนเวลา 18.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถโดยสาร ในช่วงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (20.00 – 21.00 น.) ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมบนรถโดยสาร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

บีทีเอส บีอาร์ที สายสีทอง แจ้งปรับเวลาปิดให้บริการ

บีทีเอสa บีอาร์ที และสายสีทอง แจ้งปรับเวลาปิดให้บริการ ตามประกาศของรัฐบาล

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ครั้งที่ 9/2564 ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ได้ประกาศขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
10 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร, นนทบุรี, นครปฐม, ปัตตานี, นราธิวาส, ยะลา และสงขลา งดเดินทางระหว่างเวลา 21.00 – 04.00 น. เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ดังกล่าว

บริษัทฯ จึงขอปรับเวลาปิดให้บริการ รถไฟฟ้าบีทีเอสในทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท
และสายสีลม รถไฟฟ้าสายสีทอง รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที เป็นเวลา 21.00 น. ซึ่งผู้โดยสารเข้าระบบรถไฟฟ้าก่อน 21.00 น. จะมีรถไฟฟ้าส่งถึงปลายทางทุกสถานี อีกทั้ง บริเวณลานจอดแล้วจร (สถานีหมอชิต) จะปรับเวลาปิดให้บริการเป็นเวลา 22.00 น. โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนเวลาเปิดให้บริการยังคงเดิมตามปกติ

นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อดูแลผู้โดยสารด้วยดีมาตลอดพร้อมให้บริการด้วยความมั่นใจ ตระหนักถึงความปลอดภัยแก่ผู้มาใช้บริการทุกท่าน และขอส่งกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานอย่างหนักมาเป็นเวลายาวนาน รวมถึงประชาชนชาวไทย ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากไปด้วยกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกท่านที่เข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนเวลาในการเดินรถครั้งนี้

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2617 6000 (ตั้งแต่เวลา 06.00 – 20.00 น. ) Line Official : @btsskytrain (ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น.) หรือตรวจสอบสถานะการเดินรถได้ที่ App ‘BTS SkyTrain’

 

 

MRT ปรับเวลาให้บริการ เริ่ม 12 ก.ค. นี้

รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง รวมถึงอาคารและลานจอดแล้วจรทุกแห่ง แจ้งเปิดให้บริการถึงเวลา 21.00 น. ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้มีมติจำกัดเวลาให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะ โดยหยุดให้บริการ ในช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งประชาชนให้รับทราบ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป นั้น

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT พร้อมให้ความร่วมมือดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป รถไฟฟ้า MRT จะปรับเวลาให้บริการดังนี้ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน)เวลา 06.00 – 21.00 น. และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) เวลา 05.30 – 21.00 น. (รถไฟขบวนสุดท้ายถึงสถานีปลายทางเวลา 21.00 น.) จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ผู้โดยสารโปรดตรวจสอบตารางการเดินรถและเวลารถไฟขบวนสุดท้าย ได้จากประกาศภายในสถานีหรือ เฟซบุ๊ก: MRT Bangkok Metro / โมบายแอปพลิเคชัน : Bangkok MRT และเว็บไซต์ www.bemplc.co.th หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลโทร. 0 2624 5200

ในส่วนของอาคารและลานจอดแล้วจรของ รฟม. จะเปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการเป็นตั้งแต่เวลา 05.00 ถึง 21.00 น. เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาให้บริการของรถไฟฟ้า โดยปัจจุบัน รฟม. มีที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน จำนวน 10 สถานี ประกอบด้วย 4 อาคาร และ 10 ลานจอดรถ ได้แก่ อาคารจอดแล้วจรสถานีลาดพร้าว สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สถานีหลักสอง (2 อาคาร) ลานจอดแล้วจรสถานีรัชดาภิเษก สถานีห้วยขวาง สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (2 ลาน) สถานีพระราม 9 สถานีเพชรบุรี สถานีสุขุมวิท สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (2 ลาน) และสถานีสามย่าน ที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง จำนวน 4 สถานี ได้แก่ อาคารจอดแล้วจรสถานีคลองบางไผ่ สถานีสามแยกบางใหญ่ สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ และสถานีแยกนนทบุรี 1 ที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ จำนวน 1 สถานี ได้แก่ ลานจอดแล้วจรสถานีเคหะฯ และที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต จำนวน 2 สถานี ได้แก่ อาคารจอดแล้วจรสถานีแยก คปอ. และสถานีคูคต

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน รฟม. และ BEM ได้ตระหนักและห่วงใยในความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยยังคงดำเนินการมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระบบรถไฟฟ้า MRT ทั้ง 2 สายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสารรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาการใช้บริการ สแกน QR Code ไทยชนะ ที่ติดอยู่ในตู้โดยสาร เพื่อเช็คอิน และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

 

งดการเรียนการสอนทุกโรงเรียนบนเกาะภูเก็ต เริ่ม 12 ก.ค. นี้

นายณรงค์ วุ่นชิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ลงนามคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 3859/2564 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติม คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 3373/2564 เรื่อง ผ่อนคลายการปิดสถานที่ และกำหนดมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ 2)

โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. ให้สถานศึกษาทุกแห่งทุกสังกัดในจังหวัดภูเก็ต ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งอยู่ในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมหาวิทยาลัย และสถาบันกวดวิชาทุกแห่งงดการจัดการเรียนการสอน และงดการจัดกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องมีการรวมกลุ่มของนักเรียน นักศึกษา

​​2. ให้สถานศึกษา มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาทุกสังกัด ให้มีการเรียนการสอนด้วยการไม่ต้องเข้าชั้นเรียนตามรูปแบบที่ต้นสังกัดกำหนดหรือรูปแบบที่เหมาะสมตามที่กำหนด โดยปรับการเรียนการสอนเป็นระบบออนไลน์

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2564 ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2564

แนะจัดพอร์ตกองทุนสไตล์คุณรับเตรียมเกษียณ

หากกำลังวางแผนการเงินโค้งสุดท้าย ปลดหนี้เก่า งดหนี้ใหม่ เตรียมประกัน ลดสินทรัพย์เสี่ยงในพอร์ตลงทุนมาอ่านต่อกันเลย

วัย 40 กลางถึง 50 ต้น ถือเป็นวัยที่มั่นคงและมั่งคั่งที่สุดในหน้าที่การงานเติบโตสู่ระดับผู้บริหาร ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต รายได้สูงขึ้นจากประสบการณ์ที่สูงขึ้น หนี้สินใหญ่ๆ เช่น บ้าน รถ ที่ได้สร้างไว้เริ่มลดลง คนในวัยมั่งคั่งนี้ควรจะปลดหนี้สิ้นระยะยาวที่ได้ก่อไว้ช่วงก่อนหน้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาจลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยด้วยการรีไฟแนนซ์ การผ่อนรายเดือนให้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ก้อนใหม่โดยไม่จำเป็น มิฉะนั้น อาจมีภาระหนี้สินต้องไปผ่อนช่วงเกษียณที่ไม่มีรายได้แล้ว

ลูก ๆ ของคนในวัยนี้อาจจะอยู่ในชั้นมัธยมศึกษา หรือหากมีลูกเร็ว ก็อาจอยู่ในช่วงมหาวิทยาลัยแล้ว เราก็สามารถหมดห่วงได้ในระดับหนึ่ง เพราะลูก ๆ สามารถดูแลตัวเอง และตัดสินใจหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเองได้บ้างแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับลูกก็คงเป็นการเตรียมเงินเพื่อเรียนต่อในอนาคต ส่วนพ่อแม่ของเราก็เริ่มเข้าสู่วัยชราเช่นกัน ซึ่งเราก็จะต้องเข้ามาช่วยดูแลทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเสื่อมลงตามอายุที่มากขึ้น

การเงินของคนในวัยนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับการเตรียมเงินเพื่อเกษียณ ผู้ที่ยังไม่ได้วางแผนอย่างจริงจังก็คงต้องเร่งวางแผน โดยเริ่มจากไล่นับเงินสะสมทั้งหมดที่มี แล้วคำนวณดูว่าเพียงพอไหม หากยังไม่เพียงพอสำหรับการเกษียณคงต้องเร่งวางแผนสะสมให้พอ มิฉะนั้นอาจทำให้แผนเกษียณต้องเลื่อนออกไปอีก นอกจากนี้ ก็ควรเตรียมประกันให้เพียงพอกับความต้องการใช้เงินในเหตุฉุกเฉิน เช่น เตรียมเงินการศึกษาให้ลูก และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ประกันสุขภาพ เพราะร่างกายที่แก่ตัวลง ก็จะเริ่มมีปัญหาเจ็บป่วยมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงทางด้านการเงินจากสุขภาพก็สูงขึ้น หากไม่มีประกันสุขภาพ ก็ควรพิจารณาปิดความเสี่ยงนี้ ก่อนที่อายุจะมากเกินกว่าที่บริษัทประกันไม่รับทำประกันแล้ว

สำหรับเรื่องของการลงทุนของคนในวัยนี้ แน่นอนว่ายิ่งเข้าใกล้วันเกษียณ พอร์ตลงทุนควรลดระดับความเสี่ยงลงมา เพื่อเตรียมพร้อมกับวันที่เราจะต้องพักผ่อน โดยวิธีลดสัดส่วนลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นให้เหมาะสมกับวัย ใช้วิธีง่าย ๆ คือ นำเลข 100 ลบด้วยอายุ เช่น ปัจจุบันอายุ 55 ปี สัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงสุด คือ 100 – 55 = 45%

แต่ถ้านักลงทุนคิดว่าตัวเองยอมรับความเสี่ยงการลงทุนได้น้อยกว่านั้น ก็สามารถลดสัดส่วนการลงทุนให้น้อยกว่า 45% ก็ได้เช่นกัน ส่วนหุ้นที่เลือกลงทุนก็ควรเน้นหุ้นหรือกองทุนหุ้นที่มีความมั่นคงมากขึ้น มีความผันผวนน้อยลง และกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสม โดยเริ่มต้นจากการซื้อกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษีให้เต็มที่ก่อนเพราะช่วงวัยนี้มีรายได้มาก และภาษีก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

ย้ำอีกครั้งว่าวัยนี้คือเป็นโค้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ สำหรับการเตรียมเงินเกษียณ การวางแผนการเงินและการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

พอร์ตลงทุนแนะนำระดับความเสี่ยงความปานกลางต่ำ-ปานกลางสูง เนื่องจากจะต้องเริ่มลดระดับความเสี่ยงการลงทุนให้พร้อมกับการเกษียณ
– หุ้น 45%-60%
แนะนำกองทุนรวมหุ้น UGQG, KKP GNP-H
– ตราสารหนี้ 35%-50%
แนะนำกองทุนรวมตราสารหนี้ TMBGINCOME, KFSMART
– สินทรัพย์ทางเลือก 5%-10%
แนะนำกองทุนทองคำ SCBGOLDH

สำหรับผู้สนใจลงทุนในกองทุนรวม ลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านแอป EASY INVEST เปิดบัญชีครั้งเดียว ก็ลงทุนในกองทุนรวมทั้งไทยและต่างประเทศ จาก 21 บลจ. ชั้นนำ กว่า 1,500 กองทุน ได้เลย ไม่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมในการซื้อกองทุนรวมใหม่ๆ ใครที่ใช้แอป SCB EASY อยู่แล้ว สามารถกดปุ่มเริ่มต้นใช้งานเพื่อเปิดบัญชีลงทุนได้เลย ระบบจะเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน EASY INVEST ให้อัตโนมัติ ส่วนใครที่ไม่เคยใช้แอป SCB EASY สามารถติดต่อธนาคารไทยพาณิชย์ได้ทุกสาขาเพื่อเปิดบัญชีลงทุน

ขอบคุณข้อมูล : http://www.scbs.com/easyinvest
หรือดาวน์โหลดแอป EASY INVEST: https://scbseasyinvest.page.link/SCB_2103

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

เปิดลงทะเบียนพรุ่งนี้! สินเชื่ออิ่มใจ ช่วยธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม

ธนาคารออมสิน ออกมาตรการช่วยธุรกิจร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ปล่อยสินเชื่อผ่อนปรนเกณฑ์อนุมัติ สินเชื่ออิ่มใจ ให้กู้ได้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน ปลอดชำระเงินงวด 6 เดือน คิดอัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการให้บริการสินเชื่อ

➡ ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าจะครบจำนวนวงเงินโครงการ

– แนบรูปถ่ายสถานประกอบการของตนเอง
– แนบรูปถ่ายใบเสร็จ/สัญญาเช่า/ใบทะเบียนการค้า หรือเอกสารอื่นใดเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการประกอบกิจการและการเป็นเจ้าของ

➡ ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นได้ที่ เว็ปไซด์ ธนาคารออมสินได้หลังจากลงทะเบียนแล้วภายใน 5 วันทำการ

➡ คุณสมบัติผ่านเกณฑ์เบื้องต้น ยื่นขอกู้ได้ที่แอป MyMo

อ่านรายละเอียดคลิก >

 

ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ รับ Walk in ผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ รับ Walk in เฉพาะผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไปเท่านั้น สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 75 ปี ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ลงทะเบียนผ่านคอลเซ็นเตอร์ หมอพร้อม 0 2792 2333 เท่านั้น