ผบ.ตร. กำชับตำรวจปฎิบัติการเป็นไปตาม ศบค.

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยงสูงอย่างเข้มงวด ให้เป็นไปตามมาตรฐานของ ศบค.

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) เป็นผู้รับผิดชอบงานบริหารสถานการณ์ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย พล.ต.อ. ดำรงค์ศักดิ์ ได้มีหนังสือสั่งการไปยังหน่วยในสังกัด ตร.ประสานงานเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตรงตามนโยบายมาตรการตามข้อกำหนดฯ เรื่องการห้ามออกนอกเคหสถาน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมรับ แจ้งเหตุ เบาะแสอาชญากรรม และเหตุฉุกเฉินกรณีประชาชนขอความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการขอความช่วยเหลือที่เกี่ยวกับการระบาดของโรค ให้รีบประสานบูรณาการกับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง พร้อมเข้าช่วยเหลือทันที ส่วนการบังคับใช้ตามมาตรการฯ ให้ดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดที่ไม่อยู่ ในหลักเกณฑ์ข้อยกเว้น รวมถึงการเดินทางข้ามจังหวัดด้วย และให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดในสังคม การปฏิบัติของหน่วยที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจตรา บังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามข้อกำหนดฯ ของ ศบค.ตั้งแต่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป หลังจากที่มีการตั้งจุดตรวจ ตามประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงมาตรการตามข้อกำหนดฯ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ให้จัดชุดสายตรวจร่วม และชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อตรวจตราและกวดขันสถานประกอบการ กิจการ กิจกรรม ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ รวมถึงภารกิจ ควบคุมพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่ ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค สำหรับพื้นที่ ภ.1-9 พร้อมกำชับ ภ.จว. อื่นๆ นอกเหนือจากจังหวัดที่มีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและ เข้มงวด ให้ประสานหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด จัดตั้งชุดตรวจร่วม และชุดเคลื่อนที่เร็ว รวมถึงพิจารณา จัดตั้งจุดตรวจป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยบูรณาการกับฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และหน่วยทหาร ในพื้นที่

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใย กำลังพลตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ที่มีการระบาดของโรค ให้เตรียมอุปกรณ์จำเป็น เตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อความปลอดภัย และให้ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ฝากมายังพี่น้องประชาชนด้วยว่า หากท่านต้องการแจ้งเบาะแส ต่างๆ หรือแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ตลอด 24 ชม.ที่หมายเลข 191 และ 1599 หรือที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ

วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ เริ่มต้น 8,300 บาท

โรงพยาบาลนวเวช โรงพยาบาลย่านเกษตรนวมินทร์ รัชดา-รามอินทรา ที่มุ่งให้บริการทางการแพทย์ที่ดีและเข้าถึงง่าย ชวนคุณพ่อคุณแม่มาเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกด้วยวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็ก (IPD Vaccine) จากการติดเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงในเด็ก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งมีให้เลือก 2 แพ็กเกจ คือ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็3 เข็ม ราคา 8,300 บาท และ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบในเด็4 เข็ม ราคา 10,900 บาท วันนี้ – 30 กันยายน 2564 ผู้สนใจสอบถามและนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช โทร. 02 483 9999 หรือ www.navavej.com

เอ็ม บี เค มอบน้ำดื่มและหน้ากากอนามัย สู้ภัยโควิด-19

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) นำโดย นายสมพล ตรีภพนารถ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า พร้อมด้วย นางสาวศตกมล วรกุล (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบน้ำดื่ม MBK จำนวน 5,000 ขวด และหน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้น ให้กับกรมกิจการชายแดนทหาร เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนและโรงเรียนตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านมูลนิธิเพื่อการศึกษาบริเวณชายแดน โดยมี พลเอกธิวา เพ็ญเขตกรณ์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการหลักสูตรการบริหารความมั่นคงสำหรับผู้บริหารระดับสูง SML พลตรีกังวาน สุจินต์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการเพื่อความมั่นคง พันเอกบรรลุ เอี่ยมศรี  (ที่ 6 จากซ้าย) รองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการเพื่อความมั่นคง เป็นผู้รับมอบ ณ กรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย

มูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ และทีมกรุ๊ป บริจาคเงินช่วย Covid-19

มูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ และ ทีมกรุ๊ป บริจาคเงินกว่า 1 ล้านบาท เดินหน้าช่วยสังคมในช่วงวิกฤติ Covid-19 อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปพร้อมกัน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา มูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ และ ทีมกรุ๊ป ตระหนักถึงผลกระทบอันเกิดจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้จัดตั้งโครงการ “ทีมกรุ๊ปร่วมใจต้านวิกฤตไวรัส COVID-19” เพื่อช่วยเหลือสังคมและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ดร.ประเสริฐ ภัทรมัยประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ ผู้ก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์ บริษัท ทีม คอนซัลติ้งเอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยบริจาคเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ มูลค่า 480,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 อีกทั้งยังมอบเงินสมทบทุนเพื่อสนับสนุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 50,000 บาท โรงพยาบาลสงฆ์ 40,000 บาท โรงพยาบาลศิริราช 50,000 บาท โรงพยาบาลรามาธิบดี 50,000 บาท นอกจากนี้ได้มอบเงินสนับสนุนให้กับมูลนิธิโอกาส 300,000 บาท เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องในชุมชุมชนที่ต้องกักตัวสู้วิกฤติ COVID-19 จำนวน 10 แห่งในกรุงเทพฯ

นอกจากการบริจาคเงินแล้วทางบริษัทฯและมูลนิธิกลุ่มทีมร่วมสนับสนุนอาหารปรุงสุกจำนวน 160 กล่อง ให้กับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 9 เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตนในพื้นที่ ให้กับสำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่ 9 และมอบอาหารปรุงสุกจำนวน จำนวน 500 กล่อง ให้สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์  เพื่อสนับสนุนโครงการ Food For Fighters โดยสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ และมูลนิธิคุวานันท์ ในภารกิจ “ข้าวแสนกล่อง”  ยอดบริจาคทั้งหมดรวมเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน  

มูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ และ ทีมกรุ๊ป ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมด้วยการแบ่งปันในช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยหวังว่า “ทีมกรุ๊ปร่วมใจ ต้านวิกฤตไวรัส COVID-19”จะช่วยคลายทุกข์ให้กับ “ผู้รับ” ในช่วงวิกฤติครั้งนี้ได้ไม่มากก็น้อย และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันดร.ประเสริฐ กล่าว

Wacoal Virtual Vacation Fashion Show 2021 สุดยอดแฟชั่นโชว์ออนไลน์

กระแสยังดีอยู่แม้จะผ่านไปแล้ว สำหรับวาโก้แฟชั่นโชว์บนออนไลน์ รูปแบบ Live Streaming ครั้งแรกในไท Wacoal Virtual Vacation Fashion Show 2021” คอนเซ็ปต์ Save My Natureอนุรักษ์ธรรมชาติในตัวเอง ต่อยอดแนวคิดจากการวิจัยสรีระหน้าอกผู้หญิง เพื่อผลิตบราให้เข้ากับสรีระที่มีความหลากหลายรวมถึงสไตล์ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นสาวหวาน สาวแซ่บ จะเรียบร้อย ตลกหรือเป็นคนท่าเยอะ เมื่อได้สวมใส่วาโก้ก็เสริมความมั่นใจ ใส่สวยสบายเป็นธรรมชาติ หรือเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์กับธรรมชาติแบบไหนก็เข้ากันได้หมด

ความพิเศษของแฟชั่นโชว์ชุดชั้นในครั้งนี้ คือการนำเทคโนโลยี Virtual Production มาสร้างสรรค์งานโชว์ตอบโจทย์การจัดงานในยุคโควิด-19 ที่ย้ายจากออนกราวด์มาสู่ออนไลน์ โดย Wacoal Virtual Vacation Fashion Show 2021 มาในธีมเที่ยวทิพย์วาร์ปไปแหล่งท่องเที่ยวให้หายเหงาในช่วง Stay Safe ทั้งยังได้นักร้องสาวสุดแซ่บ “ซานิ นิภาภรณ์” มาสร้างความบันเทิงในรูปแบบมินิคอนเสิร์ต ควบคู่ไปกับแฟชั่นโชว์ชุดชั้นในคอลเลกชันปี 2021 สินค้าขายดีที่นำมาลดคุ้มๆ ในงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ครั้งที่ 25 ถ่ายทอดผ่านเหล่านางแบบรุ่นใหม่ใน 4 คอลเลกชัน 4 สถานที่ท่องเที่ยว

สัมผัสธรรมชาติและความสวยงามของป่าเขาไปกับ Wacoal Natural Fit ชิดแบบธรรมชาติโดยร่วมกับ         วาโก้ญี่ปุ่นในการวิจัยสรีระหน้าอกผู้หญิงกว่า 1,000 คน เพื่อเนรมิตบราในฝันของผู้หญิง ที่ให้หน้าอก         อิ่มชิด สวยเป็นธรรมชาติ
เที่ยวทะเลและหาดทรายขาวกับ Wacoal Mood Travel Bra X Jay The Rabbit เจ๊ต่าย Confirm               ชุดชั้นในลาย Jay The Rabbit น่ารักเว่อร์ ใส่สบาย คลายร้อน พกพาสะดวก จัดเก็บง่ายทุกการเดินทาง
เที่ยวสวนสนุกที่มากด้วยสีสันกับ Wacoal X Mc Jeans บรายีนส์ทำงานหรือเที่ยวก็เปรี้ยวเป๊ะ กระชับ มั่นใจ ใส่เป็น Outer ก็สวยครบจบในตัวเดียว
และข้ามไปสัมผัสวัฒนธรรมคาวาอี้ที่ฮาราจูกุ เติมความคิ้วท์กับ Wacoal X STICKWITHME4EV ชุดชั้นในลายสติ๊กเกอร์ชื่อดังที่วัยทีนชื่นชอบ ใส่เบาสบาย ระบายอากาศ

รับชม Wacoal Virtual Vacation Fashion Show 2021 แฟชั่นโชว์บนออนไลน์จากวาโก้ ได้ที่www.facebook.com/wacoal.th, https://www.youtube.com/user/WacoalThailandหรือช้อปออนไลน์ ปลอดภัย สั่งได้ทุกที่ 24 ชั่วโมง คลิก shopfb.wacoal.co.th, Shopee, Lazada และ JD central

THG ร่วมบริหาร รพ.เฉพาะกิจ 2 แห่ง ลดวิกฤตโควิดเตียงเต็ม

บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ขยายความร่วมมือ กทม. รับมือ COVID-19 ร่วมสนับสนุนภาพรัฐ เข้าบริหารจัดการโรงพยาบาเฉพาะกิจ ในสังกัด กทม. 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ 2 และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการสีเหลือและสีแดง พร้อมสนับสนุนงบ 75 ล้านบาท ช่วยการก่อสร้าง จัดหาอุปกรณ์การแพทย์และทีมแพทย์ พยาบาล แก้ไขปัญหาขาดแคลนเตียงเพื่อช่วยคนไข้เข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต พร้อมใช้ประสบการณ์ด้านการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพกว่า 40 ปีเพื่อช่วยเหลือประชาชน

นายแพทย์วสันต์  อภิวัฒนกุล ผู้อำนวยการ Hospitel และโรงพยาบาลสนาม ของเครือบริษัท ธนบุรี
เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ
 THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจรและบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด ‘ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต’ (Lifetime Health Guardian for All) เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัทฯ จึงได้ให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์โรคระบาดนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทั้งตรวจหาเชื้อ COVID-19 รับรักษาผู้ป่วย COVID-19ไปจนถึงช่วยภาครัฐกระจายฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัยให้ประชาชน อีกทั้งยังให้การสนับสนุนภาครัฐ จัดตั้ง Hospitel และโรงพยาบาลเฉพาะกิจรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 และบรรเทาปัญหาขาดแคลนเตียงโรงพยาบาล ในสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วล่าสุดได้ขยายความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับ กทม. เข้าบริหารโรงพยาบาลเฉพาะกิในสังกัด กทม. 2 แห่ง ดำเนินการโดยโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองให้การรักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19 ได้แก่ รงพยาบาลราชพิพัฒน์ 2 ในย่านพุทธมณฑลสาย 3 และโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนทียน ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการก่คนไข้ในเดือนกรกฎาคมนี้

สำหรับความร่วมมือกับ กทม.ครั้งนี้ บริษัทฯ ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 75 ล้านบาท เพื่อให้การสนับสนุนด้านต่างๆ แก่โรงพยาบาลเฉพาะกิจทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ การสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างบางส่วน ให้ความช่วยเหลือด้านการวางระบบสาธารณูปโภคของโรงพยาบาล จัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น จัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ตลอดจนจัดเตรียมอาหารและให้บริการห้องพักแก่คนไข

ทั้งนี้ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์มีจำนวนรวม 190 เตียง สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีอาการ
ปานกลาง (สีเหลือง) 150 เตียง และอาการรุนแรง (สีแดง) 40 เตียง ส่วนโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน  มีเตียงรวม 117 เตียง รองรับผู้ป่วยที่มีอาการสีเหลือง 100 เตียง และผู้ป่วยที่มีอาการสีแดง 17 เตียง ซึ่งจะช่วยรองรับการรักษาผู้ป่วยและลดโอกาสการติดเชื้อที่มีอาการหนักหรือเสียชีวิต

“เราเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเพิ่มจำนวนเตียง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถเข้าถึงการรักษาและได้รับยาอย่างทันท่วงที โดยพร้อมใช้ประสบการณ์ด้านการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพกว่า 40 ปีจากทีมแพทยของเครือ THG ผนึกความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้บริการแก่ประชาชนและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในครั้งนี้” นายแพทย์วสันต์ กล่าว

 

ป.กุ้งเผา ซื้อกลับบ้าน เริ่มต้น 350 บาท

ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 เอาใจคนรัอาหารทะเล ต้อนรับตำนานร้านอาหารซีฟู้ดอย่าง Por Kungphao” (ป.กุ้งเผา) ในรูปแบบใหม่ ปรับโฉมสวนอาหารที่คุ้นเคยสู่ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นภายในศูนย์การค้าเป็นที่แรก พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และเหล่านักกินมากขึ้น โดยในช่วงรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัส โควิด 19 นี้  ทางร้านพร้อมเปิดให้บริการเฉพาะซื้อกลับบ้าน (Take Home) เท่านั้น เซตเมนูพิเศษให้เลือกสรรมากมาย อาทิ เซตกุ้งเผาคัดพิเศษ ราคาเริ่มต้น 350บาท ที่เลือกได้ตั้งแต่ 3-4 ตัว ไปจนถึงเซตครอบครัว 1 กิโลกรัม  10 -12 ตัว เซตกังนัมมันกุ้ง กุ้งดองน้ำปลาสดๆ  พร้อมข้าวห่อสาหร่าย มันกุ้งเยิ้ม และน้ำจิ้มสูตรพิเศษ อาหารจานเดียวกับเมนูข้าวกุ้งระเบิดหลายหลายรสชาติ  หรือจะสั่งเป็นกับข้าวอย่าง ปลาหมึกย่าง ปลากะพงเผาเกลือ ต้มยำกุ้ง ฯลฯ มาเนรมิตโต๊ะกับข้าวที่บ้านเป็น ร้านอาหารสุดพิเศษได้ในทุกวัน    

Por Kungphao” (ป.กุ้งเผา) สาขาศูนย์การค้า เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ตั้งอยู่บริเวณ ชั้น 2 โซน อีสท์ วิลเลเปิดให้บริการในรูปแบบซื้อกลับบ้าน (Take Home) ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-21.00 น. (รับออเดอร์สุดท้าย 20.00 น.) สอบถามรายละเอียดเมนูและสั่งอาหารล่วงหน้าได้ที่  LINE: @pordelivery และ Facebook : porkungphaodelivery

ติดตามกิจกรรมและโปรโมชั่นดีๆของศูนย์การค้าเดอะไนน์เซ็นเตอร์พระราม9ได้ที่ www.thenine.co.thหรือเฟซบุ๊กเพจ  The Nine Center Rama9และ อินสตาแกรมthenine_rama9

TPIPP มอบทุนช่วยผู้ป่วยด้านจิตเวช

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบัญชีและการเงิน และ ดร.ปรกฤษฏ์ เลี่ยวไพรัตน์ (ขวาสุด) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือTPIPP เป็นตัวแทนบริษัทฯ มอบเงินบริจาคให้มูลนิธิโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท โดยมีนายแพทย์ศิริศักดิ์ ธิติดิลรัตน์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นผู้รับมอบ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้านจิตเวชที่มาเข้ารับบริการซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจน พร้อมร่วมสนับสนุนเครือข่ายชุมชนที่ให้บริการดูแลผู้ป่วยตลอดจนกิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพสำหรับผู้ป่วยเพื่อดำรงชีพอย่างอิสระ ให้มีคุณภาพชีวิตตามศักยภาพ ณ โรงพยาบาลศรีธัญญา

SISB ร่วมสนับสนุนฉีดวัคซีนโควิด-19

นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เข้าร่วมกิจกรรม ภายใต้โครงการ SISB CARES! โดยให้การสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับบุคลากรของโรงเรียนทั้งครู และพนักงานทั่วไปของบริษัท และมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากร ก่อนเริ่มปีการศึกษาใหม่ในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ ซึ่ง SISB มุ่งมั่นที่จะดูแลสุขภาพ และความปลอดภัยของพนักงานทุกคน ขณะเดียวกันต้องการสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน และผู้ปกครองที่จะส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียน

 

ซีอีโอ BGRIM คว้า Entrepreneur of the Year of APEA 2021

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้รับการยกย่องจากองค์กรสากล Enterprise Asia  มอบรางวัลทรงเกียรติ Entrepreneur of the Year of APEA 2021”สาขา Energy Industry จากงานประกาศรางวัลAsia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2021 Regional Edition ครั้งที่ 15 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30มิถุนายน 2564

รางวัลอันทรงเกียรตินี้ มอบให้เพื่อยกย่องความเป็นผู้นำองค์กรของ ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ที่มีความมุ่งมั่นและสามารถสร้างความเติบโตทางธุรกิจให้กับ บี.กริม เพาเวอร์ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาและบริหารงานอย่างยั่งยืนตามหลักการสากล สะท้อนถึงผลสำเร็จในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูง และบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยงานมอบรางวัลในปี 2564 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Great Reset: Towards a Sustainable Recovery” คัดเลือกผู้นำทางธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ จากกว่า 14 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่แสดงผลงานโดดเด่นและมีความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจจนประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมเพื่อสร้างการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนอีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน

แต่ละปีมีผู้นำองค์กรต่าง ๆ จากภาคเอกชนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลจาก Enterprise Asia ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากผู้นำในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มากกว่า 800 รายชื่อ และมีเพียงแค่ 7% ของรายชื่อที่ได้รับการพิจารณาในรอบสุดท้าย  สำหรับปี 2564 มีผู้นำองค์กรที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการพิจารณาเข้ารอบสุดท้าย130 รายชื่อจาก 15 ประเทศ และ มีเพียง 59 รายชื่อได้รับการยกย่องสูงสุด